ดาบพิโรธสวรรค์ – ตอนที่ 122

ตอนที่ 122

ตอนที่ 122 เส้นทางทดสอบ

สําหรับประตูทางทิศตะวันตกนั้น หลินเซวียนรู้สึกสงสัยอย่างมาก

“ไปดูก่อนก็แล้วกัน เราคงไม่นั่งรอจนถึงสิบวันหรอก!” เมื่อนึกได้เช่นนี้เขาจึงตัดสินใจ

“นี่ เจ้ากําลังจะทําอะไร? ไม่ใช่ว่าจะไปประตูทางทิศตะวันตกหรอกนะ?” ศิษย์บางค นตะโกนขึ้น

หลินเซวียนไม่หันมามอง เขาสะบัดมือบอกลากลุ่มคนเหล่านั้นก่อนจะเดินจากไป

“บ้าไปแล้ว! เขาต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ !”

“รนหาที่ตายชัด ๆ !”

“เอาน่า บางทีเขาอาจจะทําเท่ต่อหน้าพวกเรา พอไปถึงก็คงจะกลัวจนเข่าอ่อน!”

ศิษย์บางคนเย้ยหยัน บางคนประหลาดใจในการกระทําของหลินเซวียน

หลินเซวียนไม่สนใจเสียงเหล่านั้น เขาได้มาถึงทางเข้าทิศตะวันตกในไม่ช้า และเริ่มสังเกตพื้นที่พร้อมกับเชียนสุรา

ตรงหน้าของเขา มันมีทางเข้าสี่เหลี่ยมอยู่และไม่มีผนึกอะไรปิดกั้น หลินเซวียนใช้นัยน์ตาสีม่วงส่องเข้าไปในความมืดแต่กลับไม่เห็นอะไรเลย

“มันไม่ได้ดูธรรมดาอย่างที่เห็น เพราะมีเขตอาคมรักษาอยู่” เซียนสุรากล่าวเสียงต่ํา “นี่น่าจะเป็นเส้นทางสําหรับทดสอบ”

“เส้นทางสําหรับทดสอบ?” หลินเซวียนสงสัยขึ้นมาอีกครั้ง หากเป็นแบบนั้นแล้วทําไมคนถึงหายไปในนั้นล่ะ?”

“นี่เป็นเส้นทางสําหรับทดสอบของจริง ผู้ที่ทดสอบไม่ผ่านก็คือตาย!” เซียนสุรากล่าวอย่างเคร่งขรึม “จะเข้าไปหรือไม่ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเจ้าเอง”

หลินเซวียนไม่ลังเลแม้แต่น้อย ดวงตาของเขาเผยถึงความหนักแน่น “ขอข้าดูหน่อยว่ามันยากเพียงใด!”

หลังจากสูดหายใจลึก หลินเซวียนได้เดินเข้าไปยังประตูทิศตะวันตก

ฟู! !

ปาโลหิต ถ้ําค้างคาว

ในถ้ําใหญ่ ร่างของราชันค้างคาวถูกผ่าออกเป็นสองซีกอยู่บนพื้น เลือดได้สาดกระจายและเต็มไปด้วยกลิ่นเหม็นคาว

ศิษย์สํานักเมฆาม่วงได้ค้นหาสมบัติภายในถ้ํา

แต่พวกนางก็ไม่พบสิ่งใดล้ําค่า เทพธิดาจอเซียนและคนอื่น ๆ มองไปยังสตรีลึกลับตรงหน้าอย่างประหลาดใจ

“ไม่มีอะไรเลย คงไม่ได้ทํานายผิดพลาดนะ?” สายตาของสตรีลึกลับตรงหน้ากวาดไปมาอีกครั้งก่อนจะถอนหายใจ

“มีสถานที่แบบนี้อีกไหม?” สตรีลึกลับถาม

“มีหุบเขาเร้นลับอยู่อีกแห่งที่ผู้คนไม่เข้าไป” เทพธิดาจ๋อเชียนกล่าว “ดูเหมือนมันยังมีสถานที่เร้นลับในราชวังโลหิตอีก”

“ข้ายังใช้วิชาลับได้อีกครั้ง” สตรีลึกลับนํากระดองเต่าออกมาก่อนจะโคจรพลังเข้าไป

เพียงไม่นาน เงาเสมือนจริงก็ได้ปรากฏขึ้นในกระดองเต่า เงาเสมือนจริงที่ออกมามีสี แดงและลอยอยู่กลางอากาศ

“นี่น่าจะเป็นราชวังโลหิต” สตรีลึกลับเก็บกระดองเต่าก่อนจะกล่าว “ไปยังราชวังโลหิตกัน”

ศิษย์สํานักเมฆาม่วงตื่นเต้นเล็กน้อยเมื่อได้ยินและเตรียมตัวจะไป

แต่ทันใดนั้นเสียงหัวเราะอันน่าขนลุกได้ดังขึ้น

“ห์นี้ อยากจะออกไปงั้นหรือ คงไม่ง่ายหรอกมั้ง!” เงาดําหลายคนได้เข้ามาขวางทางออกไว้จากนั้นหมอกทมิฬค่อย ๆ ลอยออกมา

“เจ้าเป็นใคร? หลีกไปนะ!” เทพธิดาจ๋อเซียกล่าว

ร่างทมิฬทั้งห้ายังไม่ขยับ หนึ่งในพวกเขาได้ใช้หมอกทมิฬสร้างร่างงูหลายตัว และส่ง ไปออกค้นหาบางสิ่ง

จากนั้นชายที่ใช้พลังได้เปิดตาขึ้นพร้อมกล่าว “ข้าไม่เจอสิ่งที่พวกเราต้องการ”

ชายชุดดําตรงหน้ามองไปยังศิษย์สํานักเมฆาม่วง “ส่งสิ่งที่พวกเจ้าได้มา หรือจะตายโดยไร้ร่างฝังที่นี่!”

“พวกเจ้าก็ค้นหาสิ่งนั้นอยู่เหมือนกันงั้นหรือ?” สตรีลึกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย “ข่าวรั่วไหลได้ยังไง?”

“ดูเหมือนเจ้าจะรู้แล้ว” หัวหน้ากลุ่มคนชุดดํากล่าวเสียงแหบแห้ง “ส่งมาแล้วออกไปซะ!”

หลังจากนั้นหมอกทมิฬได้ไหลออกมาจากตัวเขาและเผยหัวอสุรกายน่ากลัว

“ภูตมรณะ?” สตรีลึกลับผงะก่อนจะกล่าวพร้อมแสยะยิ้ม “ไม่คาดคิดเลยว่าพวกเจ้าจะฟื้นชีพกลับมา! ข้าไม่รู้ว่ามีอีกกี่คนกัน?”

คําของสตรีลึกลับทําให้คนชุดดําทั้งห้าประหลาดใจ ขณะที่ศิษย์สํานักเมฆาม่วงเองก็ตกตะลึง

“ฆ่าพวกมันให้หมด!” หัวหน้ากลุ่มคนชุดดํากล่าว

ทันใดนั้นหมอกทมิฬได้ลอยไปทั่วภายในถ้ํา

“แสงไร้มลทิน!”

ร่างของสตรีลึกลับได้ร่ายรําอย่างรวดเร็ว จากนั้นประกายแสงได้แทงทะลุผ่านหมอกดํา

“นางไม่ได้มาจากจักรวรรดิเซีย รีบจัดการ!” หัวหน้าของกลุ่มคนชุดดําประหลาดใจอย่างมากและรีบออกคําสั่ง

พลังปราณทมิฬจากคนทั้งห้าได้ไหลออกมารอบล้อมกลุ่สศิษย์สํานักเมฆาม่วง

“ค่ายกลห้าภูตผีจงเปิด!”

อากาศสีดําพลุ่งพล่านก่อนจะกลายเป็นกรงเล็บขนาดใหญ่ ความชั่วร้ายที่ไม่มีที่สิ้นสุดได้กระจายออกเต็มพื้นที่

สตรีลึกลับขมวดคิ้วพร้อมกล่าว “หากไม่ใช่เพราะพื้นที่จํากัด พวกเจ้าจะทําอะไรได้?”

หลังจากนั้นตัวนางได้เปล่งแสงขึ้นสลัดเงาดําออกไป

ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!

เสียงฝีเท้าก้องไปรอบ ๆ ทําให้เกิดเสียงก้อง แสงในตัวของหลินเซวียนทําได้แค่ส่องสว่างบนเส้นทางในระยะสั้นเท่านั้น

หลังจากก้าวเข้าไป ความมืดก็เข้ามารุมล้อมทุกวินาที หลินเซวียนไม่ทราบว่าตนเข้ามาได้ไกลเพียงใด แต่ดูเหมือนเส้นทางจะไม่มีสิ้นสุด

มันไม่มีเสียง ไม่มีคน มันมีเพียงเสียงเต้นของหัวใจและเสียงก้าวเท้าเท่านั้น

“เขตอาคม?” เขาหยุดก่อนจะใช้นัยนต์ตาสีม่วงส่องออกไปในความมืด

ตรงด้านซ้ายของเขามีแสงอยู่ราวกับประตู แต่ก็มองเห็นไม่ค่อยชัด

หลินเซวียนยกเท้าเพื่อจะตรงไปยังประตู แต่ทันใดนั้นประตูได้หายไปจากทิศตรงหน้าและไปปรากฏอยู่ด้านซ้ายอีกครั้ง

เมื่อคิดจะก้าวเข้าไป ประตูก็ย้ายไปทางด้านซ้ายอีก

หลินเซวียนหัวเราะ เขาทราบว่าตอนนี้ตนอยู่ในกับดักอาคม แต่แล้วยังไง?”

“ถึงแม้หนทางจะมืดมน ข้าก็จะใช้ดาบตัดผ่านจนเกิดแสงสว่าง!”

เมล็ดพันธุ์แห่งดาบได้สั่นในตัวของเขาทันที และเงาเสมือนของดาบสีทองได้ปรากฏขึ้นด้านหลัง มันตั้งตระหง่านระหว่างสวรรค์และโลก

ประตูลึกลับได้หายไป จากนั้นเงาดาบในตัวเขาได้ตัดผ่ามิติตรงหน้า

มันราวกับกระจกที่ค่อย ๆ แตกออก เพียงไม่นานความมืดมิดรอบตัวเขาก็ได้หายไป

ฉากรอบตัวของเขาได้เปลี่ยนไปอีกครั้ง ภายใต้ม่านสีชมพู มีกลิ่นหอมอันรุนแรงของดอกไม้ในอากาศ เช่นเดียวกับกลิ่นหอมอ่อน ๆ บนร่างกายดรุนี

เรือนร่างอันงดงามได้ปรากฏขึ้น ใบหน้าอันไร้ที่ติ และความงามที่ดึงดูด

หากเป็นคนอื่น ร่างกายของพวกเขาคงอยู่ไม่สุขไปแล้ว แต่ใบหน้าหลินเซวียนกลับไร้ซึ่งอารมณ์แสงสีส้มในตาของเขากะพริบตลอดเวลา

ด้วยสายตาที่แน่วแน่และท่าทางสงบ เขาได้เดินตรงไปอย่างหนักแน่น

เมื่อผ่านพ้นสตรีเมื่อครู ร่างของนางได้กลายเป็นโครงกระดูกก่อนจะหายไป

“เจ้าอยู่ที่นี่แล้ว เจ้าอยู่ที่นี่แล้ว!” ฉากตรงหน้าได้เปลี่ยนไปอีกครั้ง จากนั้นชายคนหนึ่งได้ปรากฏตัวขึ้น

แต่ร่างที่อยู่ข้างหน้าเขาคลุมเครือราวกับถูกหมอกปกคลุม

หลินเซวียนได้เดินไปข้างหน้าก่อนจะเห็นรูปลักษณ์

มันคือชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา ผมสีดําที่พริ้วไหว และดวงตาที่เต็มไปด้วยความ มั่นใจกําลังยืนอยู่

แต่ชายหนุ่มตรงหน้ารูปลักษณ์เหมือนกับเขาอย่างมาก

ดาบพิโรธสวรรค์

ดาบพิโรธสวรรค์

Status: Ongoing

ลินเซวียนถูกผนึกจุดชีพจรจากพลังลึกลับ ทำให้เขาไม่สามารถเปิดพลังวิญญาณเข้าสู่การบ่มเพาะพลังได้

ชีวิตที่ต้องทนลำบากจากการถูกดูหมิ่น เย้ยหยัน เหยียดหยาม

ด้วยความมุ่งมั่นพยายาม มันทำให้ชีวิตของเขาได้พบจุดเปลี่ยน!

หนึ่งดาบทะลวงดารา!

หนึ่งดาบสะเทือนฟ้าดิน!

หนึ่งดาบพิโรธสวรรค์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท