ดาบพิโรธสวรรค์ – ตอนที่ 137

ตอนที่ 137

ตอนที่ 137 ประตูโลหิต

” ดาบวายุหลอมละลาย!”

ทันใดนั้นดาบได้ละลายหายไปกลางอากาศโดยไร้สุ่มเสียง

ขณะเผชิญหน้ากับเปลวไฟรอบด้าน หลิงเฟิงสัมผัสได้ถึงรังสีอันตรายมาจากด้านหลัง เขาเย็นสันหลังวาบก่อนจะหันกลับไป

ฟัง!

เงาดาบอันเจิดจรัสได้สัมผัสกับตัวหลิงเฟิง จากนั้นเจตนารมณ์แห่งก็ได้เข้าปกคลุมตัวและเริ่มทําลายเขาทันที

ฟลิงเฟิงรีบเดินพลังในตัวต้านทาน

“เจ้ากล้าโจมตีข้างั้นเรอะ!” หลิงเฟิงกัดฟันแน่น

“เจ้าอยากจะฆ่าข้า คิดหรือว่าข้าจะปล่อยเจ้าไป?” หลินเซวียนกล่าวขึ้น เขาไม่มีทางปล่อยโอกาสให้หลิงเพิ่งมีชีวิตรอดไปได้

แต่เดิมหลิงเฟิงคิดจะถ่วงเวลาจนออกไปได้ แต่ไม่คาดคิดว่าหลินเซวียนจะจู่โจมอย่างเด็ดขาดเช่นนี้

ดาบในมือของหลินเซวียนกลายเป็นร่างมังกรพุ่งผ่านอากาศออกไป

ตู้ม! ตู้ม!

หลิงเฟิงใช้ฝ่ามือภูผาเขาต้านอย่างยากลําบาก

ทั้งสองปะทะกันจนเกิดเสียงดังไปทั่ว

“โฮก!”

หลินเซวียนแค่โจมตีหลอก ๆ เท่านั้นก่อนจะใช้ราชสีห์คํารามโจมตีจริงๆ

“เจิ้งจวิ๋น หลินเซวียนอยู่ที่นี่!” หลิงเฟิงแพ้หลินเซวียนก่อนหน้านี้ เมื่อต้องสู้ด้วยอีกครั้ง ความกลัวจึงยังฝังอยู่ในใจเขา

ความกลัวนี้ไม่สามารถหายได้ในเวลาอันสั้น หลิงเฟิงนั้นมีขั้นพลังที่เหนือกว่าหลินเซวียนเล็กน้อย หากสู้กันด้วยกําลังตรงๆ ผลย่อมไม่มีใครคาดเดาได้

แต่เมื่อเห็นหลินเซวียนทําลายยอดเขาทมิฬของตระกูลหลิงได้ มันจึงทําให้ความกลัวฝังรากลึกในใจหลิงเฟิง

และความกลัวนี้ก็กลายเป็นจุดอ่อนของเขา

คลื่นเสียงราชสีห์คํารามสั่นสะเทือนและกระจายออกไปราวกับระลอกคลื่นไปทางหลิงเฟิง

หลิงเฟิงเห็นได้ว่าเจิ้งจวิ๋นไม่ตอบสิ่งใดกลับมา ดังนั้นเขาจึงต้องสู้ด้วยกําลังตัวเอง

“โฮก!”

หลิงเฟิงใช้ราชสีห์คํารามเพื่อตอบโต้คลื่นเสียงของหลินเซวียน

คลื่นเสียงทั้งสองไปปะทะกันกลางอากาศ เป็นผลให้เปลวไฟรอบด้านดับลง

“ไอ้หนู ข้าจะให้เจ้าได้รู้ถึงพลังของข้า!” หลิงเฟิงป้องกันราชสีห์คํารามของหลินเซวียนได้จึงรู้สึกดีใจเล็กน้อย

“ฮี!” หลินเซวียนอยู่แล้วว่าหลิงเฟิงยังมีความกลัวอยู่ในใจ เขาจึงกล่าวเย้ยหยัน “เจ้าทําไม่ได้หรอก ถึงแม้จะใช้วิชาเหมือนกัน เจ้าก็ทําได้ไม่เท่าข้า!”

” ราชสีห์คําราม!”

หลินเซวียนคํารามออกไปเป็นครั้งที่สอง คลื่นเสียงรอบนี้แฝงพลังจิตเข้าไปด้วยเพื่อทําลายวิญญาณโดยตรง

“ฮ่าฮ่า! กล้าดียังไงมาเทียบชั้นกับข้า!” หลิงเฟิงหัวเราะเย่อหยิ่งอีกครั้ง “พลังวิญญาณข้าแข็งแกร่งกว่า เจ้าทําได้แค่รอความตายเท่านั้น!”

หลิงเฟิงตะโกนอย่างบ้าคลั่ง

ฮึ่ม! ฮึ่ม!

มิติรอบด้านสั่นสะเทือนราวกับน้ําในทะเลสาบ

คลื่นเสียงสองอันปะทะกันและละลายเข้าสู่คลื่นเสียงเดียว

ใบหน้าหลิงเฟิงเปลี่ยนเป็นไม่สู้ดีทันที เขาพบว่าคลื่นเสียงของตนหายไปเมื่อปะทะกับของหลินเซวียน

“เป็นไปไม่ได้!” เขาตะโกนอย่างเสียสติ “มันทําได้ยังไง?”

คําตอบนั้นอยู่ในคลื่นเสียง

ฮิม!

หลิงเฟิงถูกคลื่นเสียงปกคลุมรอบตัว เขาเองก็พยามต้านทานสุดกําลัง

หากมันเป็นคลื่นเสียงของคนธรรมดา หลิงเฟิงคงจะหนี้ได้แล้ว

แต่คลื่นเสียงนี้ของหลินเซวียนแฝงด้วยพลังจิตและร่องรอยของเจตนารมณ์แห่งดาบ

“อ๊าก!!”

พลังงานแปลกประหลาดของหลินเซวียนส่งผลต่อวิญญาณของเขาโดยตรง

ศีรษะของเขาบิดไปมา เลือดออกจากทวารทั้งเจ็ด เส้นผมกระจัดกระจาย และดวงตาเต็มไปด้วยความกลัว

จากนั้นเสียงของหลินเซวียนได้ดังขึ้น ” ตระกูลหลิงของเจ้าชอบรังแกผู้อื่นดีนัก อีกทั้งยังส่งคนมาลอบสังหารข้า ตอนนี้ถึงที่ข้าบ้างล่ะ!”

“เจ้า… เจ้าต้องการอะไร?” เสียงของหลิงเฟิงสั่นเทาราวกับยอมแพ้อย่างชัดเจน “ไว้ชีวิตข้า แล้วข้าสัญญาว่าจะไม่ไปทําอะไรเจ้าอีก!”

หลินเซวียนไม่กล่าวสิ่งใดนอกจากยกมือขวาขึ้น

หลิงเฟิงร้องขอความเมตตาก็จริง แต่เขาก็แอบโคจรพลังไปยังยอดเขาทมิฬที่แตกไปแล้วเพื่อจะโต้กลับ

แต่ทุกกระบวนท่าถูกหลินเซวียนมองเห็นหมดแล้วด้วยนัยน์ตาสีม่วง

” ตายซะ…”

” ดาบสามภูผา!”

หลิงเฟิงคิดจะใช้ยอดเขาทมิฬ แต่คมดาบของหลินเซวีนนรวดเร็วและรุนแรงกว่า เงาภูเขาสาม ลูกได้กดทับมิติลงมาทันที

“ไม่เป็นไปไม่ได้ มันคือวิชาขั้นสูงของตระกูลหลิง เจ้าเอามาจากไหน?” หลิงเฟิงแทบจะเป็น

ภูเขาทั้งสามลูกซ้อนทับกัน น้ําหนักของมันมากกว่าหมื่นจิน จากนั้นมันได้กดทับลงไปยังหลิงเฟิง

หลิงเฟิงไม่มีเรี่ยวแรงจะต่อต้านอีก เขาร้องโหยหวนก่อนจะกลายเป็นกองเลือด

หลินเซวียนหยิบยอดเขาทมิฬมาเก็บไว้ในแหวนของตน เขาหันไปมองแหวนเก็บของบนนิ้วของหลิงเฟิง แต่มันถูกบดทับจนพังหมดแล้ว

หลังจากถอนหายใจ เขาก็หายตัวไปทันที

ไม่ไกลจากนี้ ใบหน้าเจิ้งจวิ๋นกําลังเผยความมืดดํา เพราะเมื่อครู่เขาได้ยินเสียงกรีดร้องของหลิงเฟิง

แต่เนื่องจากเขตอาคมรอบด้านยุ่งเหยิงและอันตรายเกินไป เขาจึงไม่กล้ารู่วาม

ท้ายที่สุดเสียงของหลิงเฟิงก็เงียบไป จากนั้นความคิดหนึ่งก็วูบเข้ามาในหัวของเขา ความจริง แล้วเขาไม่คาดคิดว่าหลินเซวียนจะเอาชนะหลิงเฟิงได้ เพราะขั้นพลังของทั้งสองห่างกัน

แต่ดูเหมือนความเป็นจริงกลับไม่ใช่เช่นนั้น เมื่อนึกได้เช่นนั้นเขาจึงระวังตัวมากขึ้น

ฟูม! ฟูม! ฟูม!

เงาดดาบสีฟ้าสามอันได้พุ่งออกมาจากทะเลเพลิง พวกมันโจมตีไปทางเจิ้งจวิ๋น

” ฝ่ามือเมฆา!”

ฝ่ามือของเจิ้งจวิ๋นทําให้เงาดาบทั้งสามแตกกระจาย

แต่สัมผัสอันตรายในใจยังไม่หายไป อีกทั้งมันยังก่อตัวสูงขึ้นเรื่อยๆ

ปิ้ว!

เขาหันหลังไปมองพร้อมนําดาบออกมาป้องกัน

ปลายดาบของเขาสั่นไหวอย่างรุนแรง

จากนั้นเงาคนคนหนึ่งก็ปรากฏขึ้นก่อนจะหายไป

“หลินเซวียน!” ใบหน้าเจิ้งจวิ๋นมืดดําอย่างมาก เขาไม่คาดคิดว่ามดปลวกอย่างหลินเซวียนจะกล้าโจมตี

ฟูม!

เขาพุ่งตัวออกไปพร้อมฟันดาบไปด้วย

ประกายดาบปรากฏขึ้นตัดผ่านทะเลเพลิงและโจมตีไปทางหลินเซวียน

ตุ้ม!

หลินเซวียนใช้ดาบผสานลมและสายฟ้าเข้าป้องกัน ความแรงของเจิ้งจวิ๋นทําให้เขาถอยหลังไปหลายก้าว

“ร้ายกาจนัก!”

หลินเซวียนรู้สึกตกตะลึงเล็กน้อย เขาเดินพลังเพื่อมุ่งหนีออกไปอีกทาง

การปะทะเมื่อครู่เขารู้สึกเหมือนถูกหินขนาดใหญ่กดทับ มันทําให้เขารู้สึกไร้พลังทันที

“นี่คือความแข็งแกร่งของขั้นสมุทรวิญญาณระดับสามงั้นหรือ?” ดวงตาหลินเซวียนกะพริบ เขาทราบว่าช่องว่างระหว่างพลังของตนและศัตรูห่างกันมากเกินไป มันเป็นไปไม่ได้ที่จะสังหารเจิ้งจวิ๋นตอนนี้

ไปดูประตูตรงหน้าก่อนละกัน!” หลินเซวียนตัดสินใจ

ขณะเดียวกัน ได้มีอีกร่างที่กําลังต่อสู้อย่างรวดเร็วในเขตอาคม ร่างนั้นคือสตรีชุดขาว

ตอนนี้นางแยกตัวจากกลุ่มสํานักเมฆาม่วงแล้ว แต่ก็เห็นได้ชัดว่าสิ่งที่นางตามคือประตูดังกล่าว

ขณะที่นางและหลินเซวียนเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว หมอกสีดําที่น่าสะพรึงได้ไหลเข้าไปในบ่อเลือด

จากนั้นไม่นานได้มีเสียงทุ่มดังขึ้น

ค่ายกลทั้งหมดหยุดชะงัก ทะเลเพลิงก็ได้หายไป

เวลานี้หลินเซวียนและสตรีชุดขาวได้มาอยู่ตรงหน้าประตูสีเลือดพร้อมกัน

ดวงตาของพวกเขาเปล่งประกายขณะมองไปที่มัน

เจิ้งจวิ๋นตะโกนออกมาอย่างบ้าคลั่ง ” พวกมดปลวกกล้าดียังไง!”

หลินเซวียนไม่สนใจสิ่งใดอีก เขามองไปยังสตรีชุดขาวอย่างระมัดระวังก่อนจะผลักประตูตรงหน้า

เวลานี้ได้มีดาบสีเลือดอมดําลอยออกมาจากบ่อเลือด มันกลายเป็นแสงสีแดงพุ่งไปทางสตรีชุดขาว

ตุ้ม!

เกราะสีม่วงปรากฏขึ้นป้องกันการโจมตี แต่นางก็ยังกระอักเลือดออกมา

ด้านหลังของนางมีชายชุดดําปรากฏตัวขึ้นอย่างลึกลับพร้อมหมอกทมิฬที่กระจัดกระจาย

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นอย่างกะทันหันจนพวกเขาไม่สามารถโต้ตอบอะไรได้ทัน

ขณะเดียวกัน ประตูสีเลือดตรงหน้าค่อยๆเปิดออก และดูดหลินเซวียน สตรีชุดขาว และชายชุดดําเข้าไป

ดาบพิโรธสวรรค์

ดาบพิโรธสวรรค์

Status: Ongoing

ลินเซวียนถูกผนึกจุดชีพจรจากพลังลึกลับ ทำให้เขาไม่สามารถเปิดพลังวิญญาณเข้าสู่การบ่มเพาะพลังได้

ชีวิตที่ต้องทนลำบากจากการถูกดูหมิ่น เย้ยหยัน เหยียดหยาม

ด้วยความมุ่งมั่นพยายาม มันทำให้ชีวิตของเขาได้พบจุดเปลี่ยน!

หนึ่งดาบทะลวงดารา!

หนึ่งดาบสะเทือนฟ้าดิน!

หนึ่งดาบพิโรธสวรรค์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน