สองสามวันต่อมาลูซีหยูพาอะเฮนาเท็นไปยังเมืองเล็กๆเมืองอื่นที่พวกออร์คสร้างขึ้นมา เค้าโชว์ให้อะเฮนาเท็นเมืองของตระกูลเสือและตระกูลเสือดาวที่ออกแบบเหมือนฐานทัพทหาร เค้ายังโชว์เมืองของตระกูลจิ้งจอกซึ่งเป็นเมืองของออร์คที่ใหญ่ที่สุดในทางเหนือ จากนั้นลูซีหยูจึงพาอะเฮนาเท็นไปดูเผ่าของตระกูลหมาและแมวซึ่งยังคงเป็นชนพื้นเมืองและยังไม่เป็นเมือง
หลังจากนั้นเค้ายังพาไปดูฟาร์มและไร่ของพวกออร์คและบอกอะเฮนาเท็นว่าเค้าก็สามารถเลี้ยงสัตว์และปลูกพืชได้ มนุษย์ทำสิ่งเหล่านี้เช่นกันแต่เพราะทางใต้เต็มไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติ พวกเค้าจึงไม่ได้ทำสิ่งเหล่านี้อย่างเต็มที่และไม่เข้าใจว่าทำไมพวกเค้าถึงต้องทำอะไรแบบนี้
ในไม่กี่วันที่ผ่านมาอะเฮนาเท็นก็เข้าใจแล้วว่าพวกออร์คมีพลังมากแค่ไหนและมนุษย์อ่อนแอเพียงใด ออร์คนั้นเป็นกองทัพพร้อมอาวุธและอารยธรรมในขณะที่มนุษย์เป็นเพียงกลุ่มของลิงป่าที่อยู่ในป่า
ผ่านไปสองสามวันในที่สุดลูซีหยูก็พาอะเอนาเท็นกลับไปที่ราบที่เค้าเคยอาศัยอยู่ มันเป็นจุดสิ้นสุดของวันและดวงอาทิตย์ก็กำลังตกอย่างช้าๆ “ตอนนี้คุณเข้าใจแล้วหรือยัง?” ลูซีหยูถาม
อะเฮนาเท็นพยักหน้า “ฉันเข้าใจ ในนามของพระเจ้ามาเรียฉันจะนำแสงสว่างมาสู่มนุษยชาติให้ได้!”
ลูซีหยูพยักหน้า “ก่อนฉันจะไป ฉันมีบางอย่างจะให้คุณ”
อะเฮนาเท็นมองไปที่ลูซีหยูอย่างประหลาดใจ ลูซีหยูยื่นมือออกมา ในมือซ้ายของเค้ามีถุงเมล็ดอยู่ในขณะที่มือขวาของเค้ามีดาบยาว ดาบทำมาจากเหล็กอัลลอยด์ มันแข็งแรง ทนทาน และทนทานต่อแรงเสียดทานและการกัดกร่อน รูปร่างของมันดูน่าอัศจรรย์ยิ่งขึ้นด้วยลวดลายพิเศษและร่องที่มีเลือดอยู่
สำหรับคนอย่างอะเฮนาเท็นที่ยังไม่เคยเห็นยุคสำริด ดาบเช่นนี้ถือเป็นสิ่งประดิษฐ์อันศักดิ์สิทธิ์ เค้าหยิบดาบด้วยความตื่นเต้นและถามว่า “สิ่งประดิษฐ์อันศักดิ์สิทธิ์นี่เป็นของฉันหรอ?”
เค้าจ้องมองที่พื้นผิวของดาบที่เปล่งประกาย ดาบนั้นคมและแข็งแรง มีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่สร้างมันขึ้นมาได้ เค้าคุกเข่าลงกับพื้น “สรรเสริญพระเจ้ามาเรีย!”
“อีกอย่าง” ลูซีหยูพูด จากนั้นลูซีหยูก็เคาะนิ้วมือของอะเฮนาเท็นด้วยนิ้วของเค้า ในสองสามวันนี้เค้าโกหกอะเฮนาเท็นและให้กินยาแล้วบอกเค้าว่าเป็นยาศักดิ์สิทธิ์แต่จริงๆแล้วเป็นขนมธรรมดา ด้วยวิธีนี้เค้าสามารถเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับร่างของอะเฮนาเท็นด้วยพลังจิตของเค้าดังนั้นเค้าจึงสามารถปลดล็อคความสามารถในยีนของอะเฮนาเท็นก่อนที่เค้าจะจากไป
ลูซีหยูปลดล็อคข้อกำจัดของสมองของอะเฮนาเท็นที่มีอยู่ในร่างกายของเค้า กระตุ้นพลังทั้ง2อย่างในยีนของอะเฮนาเท็น นั่นคือความชำนาญในการใช้ดาบและดวงตาสีทอง มันถูกเรียกว่าโกลเด้นอายมีความสามารถที่เกิดขึ้นจากการผสมผสานของความสามารถที่เกี่ยวข้องกับตา คือ การมองเห็นภาพ3มิติ การมองเห็นแบบเหยี่ยว และการมองเห็นตอนกลางคืน
ลูซีหยูเชื่อว่าด้วยดาบ ทักษะการใช้ดาบ และดวงตาของเค้าที่สามารถตรวจจับการโจมตีใดๆที่โจมตีเข้ามา อะเฮนาเท็นจะสามารถเอาชนะมนุษย์ปกติได้ร้อยคนอย่างง่ายดาย ด้วยพลังเหล่านี้และความรู้ที่อะเฮนาเท็นได้รับจากการเดินทางกับลูซีหยู เค้าจะสามารถสร้างเมืองขึ้นมาได้
ถึงฉันจะพลาดครั้งนี้ ฉันยังสามารถเลือกคนอื่นได้อีก
ลูซีหยูดูอะเฮนาเท็นทรุดตัวลงบนพื้นพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนมากมายที่เกิดขึ้นในร่างกายของเค้า ลูซีหยูอุ้มอะเฮนาเท็นขึ้นและวางเค้าไว้บนกองหญ้าหลังจากนั้นลูซีหยูก็หันหลังและหายไปภายใต้พระอาทิตย์ตก
เมื่ออะเฮนาเท็นตื่นขึ้น เค้ารู้สึกหิวและกระหายน้ำมาก ในตอนนี้มันเริ่มมืดแล้วแต่เค้ารู้สึกว่าโลกนี้ยังสว่างสำหรับเค้าอยู่เลย แม้ว่ามันจะไม่ชัดเจนเหมือนตอนกลางวันแต่เค้าก็ยังเห็นทุกอย่างได้ดี
เค้าหยิบดาบที่ลูซีหยูให้เค้าขึ้นและใส่ถุงเมล็ดไว้ในเสื้อผ้าเค้า จากนั้นเค้าก็เดินเข้าไปในป่าและพบลำธารเล็กๆ ทันทีที่เค้าก้มหัวลงไปดื่มน้ำก็มีเงาบางอย่างปรากฏขึ้นข้างเค้า
อะเฮนาเท็นสามารถตอบสนองได้ทันที เค้าดึงดาบของเค้าออกมาอย่างรวดเร็วโดยตระหนักว่าผู้โจมตีคือเสือดาวดำ ม่านตาของเค้าหดตัวและม่านตาสีทองของเค้าดูเหมือนจะเปล่งประกายในตอนกลางคืน การโจมตีสายฟ้าที่รวดเร็วของเสือดาวนั้นดูช้ามากในสายตาของอะเฮนาเท็น
อะเฮนาเท็นก้มลงอย่างรวดเร็ว หันไปรอบๆและแทงไปที่คอของเสือดาวราวกับเค้าได้ฝึกฝนวิธีใช้ดาบมาเป็นพันๆครั้งแล้ว การเคลื่อนไหวของเค้านั้นราบรื่นมากราวกับว่าเค้าเป็นนักดาบแนวหน้า!
เค้าจ้องไปที่เสือดาวด้วยความงุนงง แม้แต่พ่อของเค้ายังต่อสู้อย่างหนักหน่วงกับพวกสัตว์ร้ายในป่าแต่ทำไมเค้าถึงฆ่ามันได้อย่างง่ายดาย? อะเฮนาเท็นจับดาบของเค้าอย่างแน่นหนา ดาบเหมือนเป็นเพื่อนสนิทของเค้าราวกับว่าเค้าได้ฝึกฝนทักษะดาบมาเป็นสิบปีแล้ว การใช้ดาบกลายเป็นหนึ่งในสัญชาตญาณของเขา
หลังจากมองเสือดาวที่ตายแล้ว เค้าก้มศีรษะลงมองที่แม่น้ำ แสงจันทร์สะท้อนที่น้ำและทำให้เค้าเห็นตัวเองบนพื้นผิว : ผมสีแดง ใบหน้าที่แข็งแกร่ง และรูม่านตาสีทอง
“ตาของฉัน?”
ทันที่ลูซีหยูกลับไปที่ปราสาทเค้าก็ถอดหน้ากากออก มันไม่ได้รู้สึกดีที่ลงไปทำงานด้วยตัวเองแม้ว่าเค้าจะสามารถอ่านใจและมีพลังอย่างยิ่งในโลกของมาเรียแต่เค้าก็ยังเป็นมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง
ยิ่งกว่านั้นแผนการแก้ไขยีนอมะของเค้ากำลังเข้าสู่ช่วงวิกฤต การพัฒนาของโลกมาเรียจะส่งผลต่อการเจริญของอารยธรรมภายใน แผนการปฏิรูปโลกของเค้า และพลังงานที่เค้าจะได้
ในทางกลับกันแผนการแก้ไขยีนอมตะจะกำหนดว่าลูซีหยูจะอยู่ได้นานแค่ไหน หากเค้าสามารถแก้ปัญหาอายุขัยได้เค้าก็สามารถอยู่ในปราสาทได้นานเท่าที่เค้าต้องการเพื่อเร่งการวิจัยและแผนต่างๆของเค้า กล่าวอีกนัยหนึ่งเค้าไม่ต้องกังวลที่จะอยู่ในปราสาทนานเกินไป ถ้านั่นเกิดขึ้น เมื่อเค้ากลับสู่โลกภายนอกเค้าจะแก่แล้ว!
จากพวกแมลงเค้าได้เรียนรู้ความลับบางอย่างของยีนอมตะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการบำรุงรักษาและฟื้นฟูอย่างต่อเนื่องเป็นปัจจัยสำคัญ ในขณะนี้เค้ามีแนวคิดและผลลัพธ์เบื้องต้นแล้ว อย่างไรก็ตามการทดลองที่เค้าได้ทำไปมันผิดพลาด พิสูจน์ได้ว่าไอเดียของเค้ามันผิดนั่นทำให้เค้ารู้สึกท้อแท้
ฉันควรเริ่มที่ไหน? พลังการซ่อมแซมที่แข็งแกร่งไม่จำเป็นต้องใช้พลังงานมากมายและสามารถรักษากระบวนการในร่างกายได้…
ลูซีหยูนั่งอยู่ในห้องแล็บและรู้สึกเหนื่อยล้า เค้าลุกจากเก้าอี้ของเค้าเดินไปที่ประตูข้างห้องและเปิดมัน มันเป็นห้องแช่แข็งที่เค้าสร้างขึ้นเป็นพิเศษ ห้องนั้นเต็มไปด้วยสัตว์ต่างๆที่มีหมายเลขกำกับและ ต้นแบบพันธุกรรมพืช อุณหภูมิในห้องเกือบเทียบเท่าข้างนอกและห้องถูกแยกออกจากบริเวณรอบๆ
เมื่อเค้าผนึกแม่แบบที่ล้มเหลวสองสามอัน ทันใดเค้าก็สังเกตเห็นพืชเล็กๆในขวด “หืม? ถ้าฉันลองใส่ส่วนของยีนพืชลงในยีนของสัตว์ล่ะ?”