สืบแค้นคุณหนูสวมรอย – ตอนที่ 122 ขนมซูหวงตู๋

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

ตอนที่ 122 ขนมซูหวงตู๋

ซินโย่วตื่นเต้น แต่ยังคงรักษาท่าทางนิ่งสงบ

ตื่นเต้นที่นางอาจได้พบกับพี่สาวของน้าซย่า แต่จะตื่นเต้นเช่นไรก็จำเป็นต้องเก็บซ่อนเอาไว้ในใจ

นางไม่รู้ว่าพี่สาวน้าซย่าเป็นคนเช่นไร ผ่านประสบการณ์มาอย่างไร ยังจำน้าซย่าผู้เป็นน้องสาวได้หรือไม่

แม้ว่าทั้งหมดนี้เป็นคำตอบที่ดีทั้งหมด นางก็ยังไม่อาจเผยสถานะแท้จริงของนางตอนนี้ได้

อารมณ์ที่พลุ่งพล่านดังคลื่นใหญ่พลิกผืนทะเลราวกับลาวาแผดเผาใจซินโย่ว เสียงนางกลับนิ่งสงบราวกับสายน้ำในฤดูใบไม้ร่วง ล้วนฟังไม่ออกว่ากำลังรุ่มร้อนใจ “น้ากุ้ย”

น้ากุ้ยได้ยินเสียงอ่อนหวานของสาวน้อย ก็รู้สึกอยากจะร้องไห้ขึ้นมาอย่างน่าประหลาด รีบรับคำ

“ไม่รู้ทำไม พอเห็นน้ากุ้ยข้าก็รู้สึกถูกชะตา” ซินโย่วยิ้มละไม

แม้ไม่อาจเผยสถานะ แต่นางก็ต้องพิสูจน์ให้แน่ใจว่าหญิงผู้นี้ใช่พี่สาวของน้าซย่าหรือไม่

“ข้าเองก็เห็นคุณหนูโค่วแล้วรู้สึกถูกชะตาเช่นกัน” น้ากุ้ยมองซินโย่วด้วยแววตาส่องประกาย

อาจเพราะอีกฝ่ายอาจจะเป็นภรรยาท่านโหวในวันหน้ากระมัง ทว่าพูดออกไปก็กลัวคนจะหัวเราะว่านางไม่รู้มารยาท นางไม่เคยแต่งงาน ในใจนางก็เห็นท่านโหวเป็นดังบุตรชายของตนเอง

“หากน้ากุ้ยไม่รีบ พักดื่มน้ำชาที่นี่สักแก้วไหมเจ้าคะ” ซินโย่วลองถาม

น้ากุ้ยแทบอยากจะทำความเข้าใจคุณหนูโค่วผู้นี้อยู่แล้ว ย่อมตอบรับ

ซินโย่วเหมือนคิดขึ้นมาได้ นางกระตือรือร้นออกปากเองเช่นนี้เพราะคิดสืบสถานะหญิงตรงหน้า อีกฝ่ายก็กระตือรือร้นรับปากเช่นกัน เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้…

แม้ว่าถูกชะตาจริง แต่ก็มิใช่เด็กน้อยแล้ว ไม่น่าถึงกับพบกันครั้งแรกก็สนิทชิดเชื้อเช่นนี้

ซินโย่วเชิญน้ากุ้ยเข้าไปในห้องรับรอง รินน้ำชาร้อนให้แก้วหนึ่ง

ตอนนี้เข้าสู่เดือนสิบแล้ว อากาศเย็นฤดูใบไม้ร่วงกลายเป็นอากาศหนาวในต้นฤดูหนาวแล้ว พอได้จิบน้ำชาร้อนลงท้องไปก็ขจัดความเย็นในร่างกายไปหมดสิ้น

“น้ากุ้ยมาร้านหนังสือเราครั้งแรกหรือเจ้าคะ” ซินโย่วถามอย่างเป็นธรรมชาติมาก

“ใช่” น้ากุ้ยประเมินมองห้องรับรองที่ไม่ใหญ่นัก ริมหน้าต่างมีกล้วยไม้มงคลราวกับผีเสื้อสีทองกระถางหนึ่ง ทำให้ห้องที่ดูธรรมดาดูมีระดับขึ้นมาไม่น้อย

“มิน่าข้าไม่เคยเห็นน้ากุ้ยมาก่อน”

ซินโย่วส่งกล่องของว่างไปตรงหน้าน้ากุ้ย “น้ากุ้ยชอบกินพวกถั่วหรือว่าผลไม้เชื่อมไหมเจ้าคะ”

“ข้าชอบผลไม้เชื่อมมากกว่า กินแล้วรู้สึกในใจหวานล้ำ”

ซินโย่วยิ้มกล่าวว่า “ผลไม้เชื่อมนี้แม่นมข้าทำเอง น้ากุ้ยลองชิมดูสิเจ้าคะ”

น้ากุ้ยไม่เกรงใจ หยิบผลไม้เชื่อมขึ้นกินชิ้นหนึ่ง เอ่ยชมว่า “พุทรานี่เชื่อมได้ดี หวานแต่ไม่เลี่ยน”

“เช่นนั้นน้ากุ้ยก็กินเยอะหน่อย”

“คุณหนูโค่วชอบกินอันใดหรือ” น้ากุ้ยเอ่ยถามตามน้ำ

ซินโย่วกวาดตามองกล่องของว่าง ยิ้มเอ่ยขึ้นว่า “พวกถั่วและผลไม้เชื่อม ข้าเฉยๆ ข้าชอบกินขนมมากกว่า”

น้ากุ้ยได้ยินก็แววตาส่องประกายวาบ “แล้วคุณหนูโค่วชอบกินขนมอะไร”

ในตอนนั้น เพราะนางถนัดทำอาหาร ฮองเฮาจึงส่งนางมารับใช้ใกล้ชิดท่านโหวและนางถนัดทำขนมที่สุด

ซินโย่วมองน้ากุ้ยเอ่ยว่า “ขนมซูหวงตู๋ ขนมที่ข้าชอบที่สุดก็คือขนมซูหวงตู๋”

กวีวรรคหนึ่งว่า คืนหิมะโปรยปรายผันแปรหยกงาม วสันตฤดูผันแปรเหมันต์งาม[1]

เผือกนึ่งสุกฝานเป็นแว่น คลุกเมล็ดสนและซิ่งเหรินบด[2]พร้อมกับผงเกลือเครื่องปรุงรส ลงทอดน้ำมันจนสีเหลืองทองกรอบนอกนุ่มใน พอกัดลงไปก็จะรับรู้ถึงรสชาติสุดยอดบนโลกมนุษย์นี้

แววตาน้ากุ้ยยิ่งส่องประกายยิ่ง น้ำเสียงไม่อาจระงับความตื่นเต้น “กล่าวกับคุณหนูโค่วตามตรง ข้าถนัดทำขนมซูหวงตู๋ที่สุด”

คุณหนูโค่วชอบกินที่สุด นางก็ถนัดทำที่สุด ช่างมีวาสนาต้องกันจริง!

ซินโย่วตัดสินใจแล้วว่า หน้าตาคล้ายน้าซย่า ถนัดทำขนมซูหวงตู๋ ชื่อก็มีคำว่า ‘กุ้ย’ หากไม่ใช่พี่สาวน้าซย่า ก็นับว่าเป็นเรื่องประหลาดแท้จริง

อย่างไรก็เป็นการพบหน้ากันครั้งแรก ซินโย่วรู้ว่าควรหยุดในจังหวะที่พอเหมาะ ไม่คิดสอบถามข้อมูลอันใดอีก

นางมองออกว่าน้ากุ้ยมาเข้าใกล้นางด้วยเป้าหมายบางอย่าง ดังนั้นวันหน้าย่อมมีโอกาสได้พบกันอีก

ดังคาดได้ยินน้ากุ้ยเอ่ยว่า “พรุ่งนี้คุณหนูโค่วมีเวลาว่างหรือไม่ ข้าจะทำขนมซูหวงตู๋มาให้ท่านลองชิม”

“นี่จะลำบากหรือไม่…” ซินโย่วดีใจอย่างมากที่จะได้ลองชิม อยากรู้ว่ารสชาติเหมือนในความทรงจำหรือไม่ แต่วาจาตามมารยาทอย่างไรก็ต้องเอ่ย

น้ากุ้ยยิ้มเอ่ยว่า “ไม่หรอก วันๆ ข้าก็ไม่ได้มีงานอันใดต้องทำ มีแต่กินๆ นอนๆ ฆ่าเวลา คุณหนูโค่วยินดีชิมขนมของข้า ข้าก็ดีใจแทบแย่แล้ว”

“เช่นนั้นก็ต้องขอบคุณน้ากุ้ยแล้วเจ้าค่ะ”

นัดแนะวันพรุ่งนี้กันเรียบร้อย ซินโย่วไปส่งน้ากุ้ยที่ประตู ก่อนหันกลับไปกำชับสือโถว “หากพรุ่งนี้น้ากุ้ยมาแล้ว เจ้ารีบมาแจ้งข้าด้วย”

หลิวโจวถามขึ้นอย่างอยากรู้ว่า “ท่านเจ้าของร้าน น้ากุ้ยเป็นใครหรือขอรับ”

“ข้าไม่รู้ แต่น้ากุ้ยบอกว่าพรุ่งนี้จะทำขนมมาให้ข้าชิม พวกเจ้าอย่าได้เสียมารยาทกับนาง” กำชับเรียบร้อย ซินโย่วก็กลับไปเขียนหนังสือที่เรือนตะวันออกต่อ

หลิวโจวรอซินโย่วไปแล้วก็อดเข้าไปถอนหายใจเอ่ยกับผู้ดูแลร้านหูไม่ได้ “ท่านเจ้าของร้านสนทนากับผู้อื่นเก่งจริง”

พบกันเพียงครั้งแรกก็จะนำขนมมาให้นางกินแล้ว

ผู้ดูแลร้านหูเป็นคนฉลาด รู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ธรรมดา แววตาที่หญิงผู้นี้มองเจ้าของร้านมีความนัย! นี่คงไม่ใช่นายหญิงตระกูลใดมาดูตัวสะใภ้ให้บุตรหลานตนเองกระมัง

ผู้ดูแลร้านหูถอนหายใจยาว เมื่อก่อนเขาสนับสนุนความคิดชายเติบใหญ่ หญิงเต็มวัย ควรออกเรือน โดยเฉพาะอดีตเจ้าของร้านหนุ่มน้อย เขาเฝ้าฝันถึงนายหญิงน้อยทุกวันคืนให้มาควบคุมเจ้าของร้านบ้าง หากไม่มีคนมาควบคุมอีก ร้านหนังสือพวกเขาคงเจ๊งแน่แล้ว ไหนเลยจะคิดว่าจะมีวันที่ตนคิดต่างไปจากนั้นได้

น้ากุ้ยกลับถึงจวนฉางเล่อโหวอย่างอารมณ์ดีมาก

ได้พบคนที่ต้องการพบ คุณหนูผู้นั้นท่าทางเปิดเผยมีน้ำใจและกระทำการรอบคอบ นับว่าวางใจได้แล้ว อีกทั้งขนมที่ชอบก็เป็นขนมซูหวงตู๋ที่นางถนัด

ความบังเอิญน่าประหลาดเช่นนี้ ย่อมสร้างความเบิกบานใจให้อย่างไม่ต้องสงสัย

ขนมทอดน้ำมันเช่นขนมซูหวงตู๋นี้ ต้องทำแล้วกินเลยจึงจะอร่อย ตอนน้ากุ้ยทำอาหารเย็นก็ทอดขึ้นมาจานหนึ่ง เฮ่อชิงเซียวกลับมาพอดี จึงยกขึ้นโต๊ะ

“ขนมซูหวงตู๋?” เฮ่อชิงเซียวคีบชิ้นหนึ่งมากิน ยังคงกลิ่นหอมติดอยู่ในปาก “น้ากุ้ยไม่ได้ทำขนมนี้นานแล้ว”

เขาชอบกินขนมซูหวงตู๋มาก แต่น้ากุ้ยบอกว่ากินของทอดให้น้อยหน่อย ขนมนี้พบได้บนโต๊ะอาหารบางครั้งเท่านั้น

“ท่านโหวว่าอร่อยหรือไม่”

“น้ากุ้ยทำอร่อยอยู่แล้วขอรับ”

น้ากุ้ยขึงวางใจ “เช่นนั้นก็ดี”

นานแล้วที่ไม่ได้ทำขนมนี้ วันนี้ฝึกมือดู ดูท่าฝีมือไม่ถดถอย

วันต่อมาน้ากุ้ยก็นำขนมซูหวงตู๋ทำเสร็จใหม่พร้อมกับสุราหมักลิ้นจี่ดอกกุ้ยกาหนึ่ง ตรงไปร้านหนังสือชิงซง

ซินโย่วชิมไปคำหนึ่งก็หลับตาพริ้ม

รสชาติในความทรงจำ

“ถูกปากคุณหนูโค่วหรือไม่” น้ากุ้ยถามอย่างรอคอย

ซินโย่วพยักหน้า “เป็นขนมซูหวงตู๋อร่อยที่สุดที่ข้าเคยกินมาเลยเจ้าค่ะ”

การถ่อมตัวน่าจะเป็นนิสัยทั่วไปของทุกคน น้ากุ้ยได้ยินก็ยิ้มเอ่ยขึ้นว่า “คุณหนูโค่วชมเกินไปแล้ว คนทำอร่อยกว่าข้ายังมีอีก”

“จะมีที่ไหนกัน ข้าคิดไม่ออกว่าจะมีคนทำขนมซูหวงตู๋อร่อยกว่าน้ากุ้ยทำได้”

แววตาน้ากุ้ยรำลึกความหลัง “น้องสาวข้าทำขนมซูหวงตู๋อร่อยกว่าข้า”

“อยากมีโอกาสได้ชิมสักครั้งจังเจ้าค่ะ” ซินโย่วเผยแววตาวาดหวัง

น้ากุ้ยยิ้ม รอยยิ้มขื่นขมอยู่บ้าง “น่าเสียดาย น่างออกเรือนไปไกลมาก ไม่อาจกลับมาเมืองหลวงแล้ว”

ยามนี้ซินโย่วแทบจะแน่ใจแล้วว่าสตรีตรงหน้าก็คือพี่สาวน้าซย่า

น้าซย่าไม่มีทางกลับมาเมืองหลวงได้แล้วจริงๆ นางกับท่านแม่จะอยู่ในสถานที่ภูเขางามสายน้ำสวยตลอดไป

[1] วรรคหนึ่งในบทกวีของหลินหงแห่งราชวงศ์ซ่ง

[2] เมล็ดแอปริคอท

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

Status: Ongoing
เมื่อมารดาถูกสังหาร ซินโย่วจึงมายังเมืองหลวงเพื่อสืบหาตัวฆาตกร แต่เมื่อสืบลึกลงไปก็กลับต้องพบกับความจริงอันน่าตกใจภายในนั้น…รายละเอียด นิยายรัก-สืบสวน ครบรสจากนักเขียนมากฝีมือ ‘ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ย’ขณะที่ ซินโย่ว กำลังเดินทางเข้าสู่เมืองหลวงเพื่อสืบหาเบาะแสสำคัญของฆาตกรสังหารมารดาก็ได้บังเอิญจับพลัดจับผลูตกหน้าผาแล้วเข้าสวมรอยฐานะของ โค่วชิงชิง คุณหนูหลานนอกของจวนรองเจ้ากรมพระราชยานหลวงเข้าเพราะทรัพย์สินมากมายโค่วชิงชิงจึงถูกญาติที่มาหวังพึ่งพิงผลักตกหน้าผาจนถึงแก่ความตาย นั่นทำให้นางได้เข้ามาสวมฐานะของอีกฝ่ายซินโย่วนั้นมีดวงตาที่พิเศษกว่าคนทั่วๆ ไป นางสามารถมองเห็น ‘เรื่องร้าย’ ที่จะเกิดขึ้นกับคนผู้หนึ่งได้โดยไม่เลือกว่าจะเป็นผู้ใด เวลาไหนประกอบกับไหวพริบอันชาญฉลาดทำให้นางสามารถอยู่ในสถานะนี้ได้อย่างไม่ยากเย็นนักเพื่อสืบเรื่องฆาตกรสังหารมารดาซินโย่วจำต้องใช้ฐานะใหม่ที่มีสืบหาเบาะแสจาก ‘บันทึกโบตั๋น’ เปื้อนเลือดที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุยิ่งสืบลงลึกเรื่องราวก็เหมือนจะซับซ้อนยิ่งกว่านั้นเรื่องราวในอดีตเบาะแสที่โยงใยสืบเนื่องกันมา ได้เวลาเผยโฉมแล้ว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท