ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 – ตอนที่ 494 หลินเซี่ยคิดค้นเครื่องจักรใหม่

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ตอนที่ 494 หลินเซี่ยคิดค้นเครื่องจักรใหม่

ตอนที่ 494 หลินเซี่ยคิดค้นเครื่องจักรใหม่

หลินเซี่ยหยิบเงินหนึ่งร้อยหยวนออกมาจากกระเป๋า แล้วมอบให้หลินจินซาน

“พี่ชาย เอาเงินนี้ไปให้ย่านายนะ บอกว่าหลานสาวฝากมาให้ก็พอ”

เนื่องจากอยากซ่อนประสบการณ์ชีวิตของตัวเอง เธอจึงต้องลงทุนจ่ายค่าปิดปากสักหน่อย

หลินจินซานปฏิเสธ “ช่างเรื่องเงินเถอะ ฉันมีอยู่ เดี๋ยวจ่ายให้เธอเอง”

“รับไว้เถอะ ถือเป็นสินน้ำใจเล็กน้อยจากฉัน ฉันอยากตอบแทนพ่อหลินด้วย”

ทุกสิ่งที่เธอทำลงไปก็เพื่อตอบแทนพระคุณของหลินต้าฝูทั้งสิ้น

เขาคือผู้ช่วยชีวิตพวกเธอสองแม่ลูกให้อยู่รอดปลอดภัย

หลินจินซานรับเงินแล้วพูดว่า “ก็ได้ งั้นฉันจะรับไว้”

เมื่อหลินจินซานกำลังจะออกไป เซี่ยเหลยก็ไล่ตามเขาไปและเรียกเขาไว้

เซี่ยเหลยพูดว่า “เอาไปซื้ออาหารเสริมให้ย่าของเธอหน่อย”

สิ่งที่แม่เฒ่าหลินพูดเมื่อวานนี้ทำให้เขาโมโหมาก

แต่ถึงอย่างไร นางก็ได้ให้กำเนิดลูกชายแสนวิเศษ

เขาเป็นหนี้ชีวิตหลินต้าฝู เพื่อตอบแทนน้ำใจอันยิ่งใหญ่ เขาควรปฏิบัติต่อแม่แก่ชราของเขาด้วยความปรานี

หลินจินซานไม่กล้ารับเงินจำนวนนี้

ท้ายที่สุดแล้ว เมื่อวานนี้ย่าของเขาเกือบจะหาสามีใหม่ให้กับหลิวกุ้ยอิงต่อหน้าเขา ดังนั้นเป็นเรื่องที่เข้าใจได้หากเซี่ยเหลยจะเกลียดชิงชังนาง

“รับไว้เถอะ เงินจำนวนนี้เป็นค่าตอบแทนบุญคุณของพ่อเธอ”

เมื่อได้ยินคำพูดของเซี่ยเหลย หลินจินซานก็ไม่หลบเลี่ยงอีกต่อไป ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องรับไว้

เขาพูดอย่างจริงใจว่า “ขอบคุณนะครับลุงเซี่ย”

เฮ้อ ต้องขอบคุณย่าที่มีลูกชายแสนดีอย่างพ่อเขา ถ้าทุกคนไม่เห็นแก่ความดีของพ่อ หญิงชราพูดจาสิ้นคิดอย่างเห็นแก่ตัวแบบนั้นคงไม่พ้นถูกทุบตีจนตาย

เซี่ยเหลยตอบกลับว่า “ไม่เป็นไร รีบกลับไปหาย่าเธอเร็วเถอะ ถ้าเงินเหลือก็ซื้ออาหารมาติดบ้านไว้ให้หล่อนด้วยแล้วกัน”

“ครับ”

หลังกินอาหารเช้าเสร็จ ทุกคนก็เตรียมตัวเดินทางกลับเข้าตัวอำเภอ

โจวเจี้ยนกั๋วใช้โอกาสนี้ขอให้พ่อแม่ของเขาตามไปเปิดหูเปิดตาที่เมือง และพาหลินเซี่ยไปเที่ยวรอบ ๆ

ทันทีที่หลินเซี่ยกลับมา การเจรจาโน้มน้าวคนชราหัวแข็งก็ง่ายขึ้น กระทั่งพวกเขายินยอมเข้าเมืองไปด้วย

ฤดูเกษตรกรรมอันวุ่นวายในชนบทเพิ่งสิ้นสุดได้ไม่นาน ชาวบ้านกำลังตากข้าวสาลีที่เพิ่งเก็บเกี่ยวหมาด ๆ อยู่กลางทุ่ง

ผู้หญิงคนหนึ่งสวมผ้าคลุมศีรษะ กำลังสะบัดกระด้งฝัดเอาสิ่งสกปรกออกจากเมล็ดข้าวสาลี

ชายคนนั้นคิดว่าการเคลื่อนไหวของหล่อนเชื่องช้างุ่มง่ามเกินไป จึงตะโกนสั่งอย่างเจ้ากี้เจ้าการอยู่ข้าง ๆ

“รีบเร่งมือหน่อย จวนจะสายแล้ว ข้าวสาลียังไม่ได้แม้แต่ถุงเดียว ใช้เวลานานเกินไปแล้ว ช่วงบ่ายพายุฝนฟ้าคะนองพัดมาเดี๋ยวก็เสียหายหมด”

ผู้หญิงคนนั้นโต้กลับ “ฉันฝัดกระด้งซ้ำแล้วซ้ำเล่าก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ ถ้าฉันทำไม่สะอาด เดี๋ยวคุณก็ดุฉันอีก”

ทั้งคู่เริ่มทะเลาะกัน ผู้เฒ่าโจวผ่านไปและได้ยินเข้าจึงพูดว่า “จงหมิง อย่าเอาแต่ดุภรรยาตัวเองตลอดเวลา อยากให้งานเสร็จไวก็ช่วยหล่อนไม่ดีกว่าเหรอ”

“ลุง ฉันก็ยุ่งอยู่กับการขนย้ายกระสอบ จะเอาเวลาที่ไหนไปช่วยหล่อนล่ะ?”

เมื่อเห็นครอบครัวของโจวเจี้ยนกั๋วเดินผ่านมา ชายคนนั้นก็ทักทายพวกเขาด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า “ลุงโจว วันนี้ญาติ ๆ มาเยี่ยมเหรอ?”

ผู้เฒ่าโจวอารมณ์ดี แนะนำว่า “ภรรยาของหลานชายฉันมาที่นี่พร้อมกับญาติของหล่อนจากในเมืองน่ะ”

“พวกเรากำลังจะเข้าตัวอำเภอไปเปิดหูเปิดตาหน่อย”

ชายคนนั้นมองด้วยความอิจฉา พูดว่า “ลุงโจวนี่โชคดีจริง ๆ เทียบกับชายชราคนอื่นในหมู่บ้าน คุณน่าจะมีชีวิตที่ดีที่สุดแล้ว”

ลูกชายเป็นหัวหน้าแผนกประจำโรงงานในเทศมณฑล ลูกสาวแต่งงานกับชาวเมืองใหญ่ แถมชายชรายังเป็นครูเกษียณอายุ ทุกคนต่างก็เคารพพวกเขา

ชายที่ชื่อจงหมิงเห็นโจวเจี้ยนกั๋ว จึงยกนิ้วโป้งให้เขาด้วย “เจี้ยนกั๋ว เครื่องหยอดเมล็ดข้าวโพดที่โรงงานนายประดิษฐ์ขึ้นใช้งานง่ายมาก ปีนี้ฉันปลูกข้าวโพดบนที่ดินสองหมู่* พอมีเครื่องทุ่นแรงก็เก็บเกี่ยวได้เร็วมาก จากนี้คงหยอดเมล็ดข้าวโพดได้โดยไม่ต้องโก้งโค้งให้ปวดเอวแล้ว ได้ข่าวว่ามีเครื่องนวดขายด้วยนี่ ราคาเท่าไหร่ล่ะ? ฉันตั้งใจจะเก็บเงินซื้อถ้าปีนี้ข้าวโพดขายได้ราคาดี”

(*หมู่ = เป็นหน่วยวัดพื้นที่ของจีน โดย 1 หมู่ เท่ากับ 0.417 ไร่ 2 หมู่เท่ากับ 0.83 ไร่)

โจวเจี้ยนกั๋วตอบว่า “ไม่แพงมาก ซื้อแค่เครื่องเดียวก็พอ”

“โรงงานนายทำประโยชน์ให้กับชาวนาอย่างพวกเรามากจริง ๆ เครื่องจักรแต่ละอย่างช่วยประหยัดแรงงานไปได้เยอะ”

โจวเจี้ยนกั๋วมองไปที่หลินเซี่ย จากนั้นก็พูดยิ้ม ๆ ว่า “เครื่องจักรทั้งสองเครื่องต่างก็เป็นผลงานการคิดค้นของเซี่ยเซี่ยหลานสะใภ้ฉันเอง พวกเขาประดิษฐ์ขึ้นตามภาพพิมพ์เขียวที่หล่อนกับเฉินเจียเหอช่วยกันวาด”

โจวจงหมิงชื่นชมหลินเซี่ยที่ยืนอยู่เคียงข้างพวกเขา “จริงเหรอ? เด็กรุ่นใหม่ที่เติบโตขึ้นในเมืองเก่งจนสามารถออกแบบเครื่องจักรกลการเกษตรให้กับพวกเราชาวชนบทได้แล้ว น่าทึ่งมาก เธอมีพรสวรรค์จริง ๆ”

ขณะที่โจวจงหมิงพูดเรื่องนี้ ความสงสัยของโจวเจี้ยนกั๋วก็ผุดขึ้นในใจในเวลาเดียวกัน

เขาสงสัยมาโดยตลอดว่าถึงแม้พ่อบุญธรรมของหลินเซี่ยจะทำงานในโรงงานเครื่องจักร แต่เธอและครอบครัวก็ชำนาญการผลิตชิ้นส่วนที่มีความแม่นยำให้กรมการรถไฟ ซึ่งแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับโรงงานเครื่องจักรย่อม ๆ ในท้องถิ่น หลินเซี่ยเติบโตขึ้นในเมือง ทำไมเธอจึงนึกถึงเครื่องหยอดเมล็ดข้าวโพด เครื่องนวดข้าวโพด รวมถึงเครื่องรีดแป้งบะหมี่ได้กันนะ?

หลินเซี่ยเห็นผู้หญิงที่กำลังเขย่ากระด้งเพื่อฟัดเอาสิ่งสกปรกออกจากเมล็ดข้าว หล่อนดูเหนื่อยล้ามาก เหงื่อออกโซมกาย ทั้งยังเกร็งเป็นพิเศษ

เครื่องสีข้าวไฟฟ้ายุคนี้ยังไม่ล้ำสมัยเหมือนกับผลิตภัณฑ์ในยุคหลัง ๆ อาจมีสิ่งสกปรกชิ้นเล็ก ๆ ปะปนมา ก่อนจะสีต้องทำความสะอาดเมล็ดข้าวให้สะอาดในเบื้องต้นไม่ให้เจือปนด้วยก้อนดินหรือแกลบข้าวสาลีก่อน ไม่อย่างนั้นแป้งจะมีกลิ่นดิน บดเป็นผงแล้วมีรสชาติไม่อร่อย

หลังจากเก็บเกี่ยวเสร็จ ต้องนำไปเป่าพัดลมบนรถแทรกเตอร์ บ้างก็ตากพาดไว้ด้วยภูมิปัญญาชาวบ้าน อาศัยทิศทางลมในการแยกสิ่งเจือปนจากเมล็ดข้าว

แต่พวกเขาก็แยกได้แค่เศษผงทั่วไปเท่านั้น ไม่สามารถกำจัดได้ทั้งหมด

เมื่อตากเมล็ดข้าวจนแห้งดี ก็ต้องใช้กระด้งฝัดเมล็ดข้าวอย่างช้า ๆ หยิบสิ่งสกปรกออกด้วยมือ

วิธีการดั้งเดิมนี้เปลืองแรงเป็นพิเศษ แถมยังใช้ความอดทนสูงมาก โดยทั่วไปจึงเป็นงานของฝ่ายหญิง

ดูเหมือนว่า ในยุคนี้จะยังไม่มีเครื่องสีข้าวไฟฟ้าหรือเครื่องคัดแยกเมล็ดพันธุ์พืชในพื้นที่ชนบท

อย่างน้อยก็ไม่ใช่ในเทศมณฑลจินซาน

ขณะนั่งอยู่บนรถบัสระหว่างทางกลับไปยังตัวอำเภอ หลินเซี่ยก็ถามโจวเจี้ยนกั๋วว่า “น้าคะ คุณเคยเห็นเครื่องสีประเภทที่สามารถใช้แยกสิ่งสกปรกออกจากเมล็ดข้าวหรือเปล่า?”

เมื่อได้ยินหลินเซี่ยพูดถึงเครื่องจักรกลการเกษตร โจวเจี้ยนกั๋วก็สนใจทันที ดวงตาของเขาเป็นประกายและถามอย่างรวดเร็ว “เซี่ยเซี่ย มีความคิดเกี่ยวกับเครื่องจักรประเภทไหนเหรอ? รีบบอกฉันเร็วเข้า”

หลินเซี่ยบอกว่า “เครื่องสีข้าวค่ะ หรือไม่ก็เครื่องคัดแยกที่ใช้พัดลมภายในเครื่องเป่าสิ่งสกปรกต่าง ๆ อย่างแกลบข้าวสาลีออก จะช่วยทุ่นแรงคนและคัดแยกสิ่งเจือปนได้อย่างมีประสิทธิภาพขึ้น”

เครื่องนี้ไม่เพียงแต่ใช้คัดแยกเมล็ดพืชต่าง ๆ เท่านั้น ยังถูกนำไปใช้กับอุตสาหกรรมใบชาอีกด้วย นี่คือสิ่งที่เธอเคยเห็นในชาติที่แล้วตอนเธอติดตามกองถ่ายไปเก็บใบชาจากชาวไร่ชาทางใต้

เนื่องจากเสิ่นอวี้อิ๋งต้องเรียนรู้มากมายเกี่ยวกับเครื่องจักรกลการเกษตรเพื่อถ่ายทำละครย้อนยุค หล่อนจึงให้ความสนใจกับมัน เมื่อเห็นเครื่องจักรกลการเกษตร ก็พูดคุยกับชาวไร่ชาเป็นเวลานาน จนเข้าใจหลักการทำงานของเครื่องจักรเหล่านี้

ความทรงจำเหล่านั้นค่อนข้างเลือนรางในตอนแรกจนเธอไม่เคยคิดถึงมันมาก่อน กระทั่งเห็นผู้หญิงชาวชนบทคนนั้นฝัดกระด้งด้วยความเหนื่อยอ่อน จู่ ๆ เครื่องจักรที่ว่าก็ผุดขึ้นมาในใจ

โจวเจียนกั๋วรู้สึกตื่นเต้นและกระตือรือร้นมาก “เซี่ยเซี่ย ถ้าเธอกลับถึงบ้านแล้วอย่าลืมวาดภาพร่างไว้ให้พวกเรานะ เราจะนำไปศึกษารายละเอียดต่อจากนั้นเอง”

หลินเซี่ยดูเขินอาย “น้าคะ แต่เฉินเจียเหอไม่อยู่ที่นี่ ฉันทำได้เพียงวาดโครงร่างคร่าว ๆ เท่านั้น แต่จะอธิบายหลักการทำงานให้คุณกับนักออกแบบมืออาชีพในโรงงานเป็นคนวาดภาพ พวกคุณเป็นมืออาชีพด้านเครื่องจักรมากกว่า ถ้าฉันค่อย ๆ บอกไปทีละอย่างคุณน่าจะเข้าใจ”

“ได้ ได้”

เมื่อพวกเขามาถึงตัวอำเภอ เซี่ยไห่ก็บอกว่าเขาต้องการไปเที่ยวชมรอบ ๆ เมืองเพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมและวัฒนธรรมของที่นี่ ส่วนหลิวกุ้ยอิงและเซี่ยเหลยตั้งใจจะซื้อของฝากกลับไปให้ทุกคน

โจวเจี้ยนกั๋วพูดกับหวังอวี้เสียว่า “อวี้เสีย ฝากพาพ่อแม่ไปช้อปปิ้งเป็นเพื่อนพี่เซี่ยกับพี่อิงจื่อทีนะ ฉันขอพาเซี่ยเซี่ยเข้าไปที่โรงงานก่อน”

“พ่อ แม่ พวกคุณกับอวี้เสียไปเดินเล่นกันก่อน ถ้าเหนื่อยพอแล้วค่อยกลับบ้านไปพักผ่อนสักหน่อย เซี่ยเซี่ยกับผมมีเรื่องเครื่องจักรที่ต้องหารือ”

ผู้เฒ่าโจวและคนอื่น ๆ ตื่นเต้นยินดีกันมากเมื่อได้ยินว่าหลินเซี่ยกำลังจะคิดค้นสิ่งประดิษฐ์ใหม่ ๆ “พวกเธอรีบไปเถอะ เรื่องงานสำคัญกว่า”

โจวเจี้ยนกั๋วไม่ให้โอกาสหลินเซี่ยได้แวะซื้อของเลย เขาพาเธอไปที่โรงงานเครื่องจักรทันที

หวังอวี้เสียตะโกนไล่หลังพวกเขา “ทั้งสองคนอย่าลืมกลับมาเร็วหน่อยนะ วันนี้เราจะไปกินข้าวด้วยกันที่ร้านอาหาร”

“รู้แล้ว”

โจวเจี้ยนกั๋วพาหลินเซี่ยเข้าไปในโรงงานเครื่องจักรประจำเทศมณฑล ตรงไปที่ห้องทำงานของผู้อำนวยการโรงงาน

ผู้อำนวยการโรงงานรู้สึกตื่นเต้นมากเมื่อได้ยินว่าหลินเซี่ยมีแนวความคิดการออกแบบเครื่องจักรอื่น

เขาเชิญเธอนั่งลงด้วยความกระตือรือร้น รีบยกน้ำชาและน้ำเปล่ามาให้เธอ

โจวเจี้ยนกั๋วก็ไปเรียกหัวหน้าฝ่ายออกแบบและพัฒนามาประชุม

“สองคนนี้คือเหล่าหวงกับเสี่ยวจางจากแผนกออกแบบ”

โจวเจี้ยนกั๋วสังเกตเห็นว่าสีหน้าของพวกเขาดูตกใจเล็กน้อย จึงแนะนำว่า “นี่หลานสาวผมเอง ผมเคยเล่าให้พวกคุณฟังมาแล้วครั้งหนึ่งว่าหล่อนมาจากไห่เฉิง สนใจองค์ความรู้เกี่ยวกับเครื่องจักรมาตั้งแต่เด็ก เครื่องจักรกลการเกษตรที่ผลิตในโรงงานของเราคือผลผลิตจากความคิดสร้างสรรค์ของหล่อน วันนี้หล่อนไปเห็นผู้หญิงชนบทใช้กระด้งฝัดข้าวแบบบ้าน ๆ เข้าก็เลยได้รับแรงบันดาลใจใหม่ คิดค้นเครื่องจักรที่สามารถแยกเมล็ดพืชออกจากสิ่งสกปรกได้”

“จริงเหรอ?” ผู้อำนวยการโรงงานมองดูหลินเซี่ยราวกับว่าเขากำลังมองดูผู้เชี่ยวชาญ

“เสี่ยวหลิน รีบบอกให้พวกเราฟังเร็วเข้า”

นักออกแบบเสี่ยวจางถึงกับหยิบปากกาและกระดาษมารอไว้

“เครื่องจักรที่ฉันกำลังจะพูดถึงนี้ ขอเรียกว่าเป็นเครื่องสีข้าวหรือเครื่องคัดแยกเมล็ดพันธุ์ สามารถผลิตเป็นระบบไฟฟ้าหรือจะใช้เป็นระบบแรงกลก็ได้ค่ะ”

“จริง ๆ แล้วหลักการออกแบบเครื่องจักรชิ้นนี้เรียบง่ายมาก” หลินเซี่ยหยิบปากกา เริ่มวาดภาพลงบนกระดาษ “เราจะทำช่องป้อนวัตถุดิบไว้ด้านบน ทำช่องระบายอากาศไว้ด้านข้าง สิ่งสกปรกทั้งหลายจะถูกลมเป่าออกมาทางนี้ ด้านหนึ่งมีกระจกบังลม ส่วนช่องระบายอยู่อีกฝั่ง แต่ฉันวาดชิ้นส่วนใบพัดที่ทำงานอยู่ภายในตัวเครื่องไม่ได้ อาจต้องขอให้นักออกแบบทั้งสองท่านช่วยวาด และถ้าจะออกแบบให้กลายเป็นเครื่องจักรไฟฟ้า ต้องติดตั้งมอเตอร์ตรงนี้”

แม้ภาพวาดของหลินเซี่ยจะดูบิดเบี้ยว แต่นักออกแบบมืออาชีพสองคนฟังเธออธิบายเกี่ยวกับลักษณะภายนอกและหลักการทำงานของเครื่องสีแล้วก็พอจะเข้าใจและจับต้นชนปลายถึงผลลัพธ์ได้

ผู้อำนวยการโรงงานฟังคำอธิบายของหลินเซี่ย และสงสัยว่า “แต่ เราจะแน่ใจได้ยังไงว่าสิ่งสกปรกที่ถูกเป่าออกมาช่องระบายอากาศนี้จะเป็นเศษผงจริง ๆ ไม่ใช่เมล็ดพืช ก้อนกรวดและก้อนดินขนาดเล็กพวกนั้นเทียบเท่ากับขนาดเมล็ดพืชเลยนะ เครื่องจะเป่าออกมาแม่นยำเหรอ?”

นักออกแบบหวงบอกว่า “ผมเข้าใจแล้ว การแยกเมล็ดพืช เมล็ดที่แตกหัก หินกรวด แกลบ และเศษหญ้า ต้องอาศัยหลักการของความหนาแน่นที่แตกต่างกันของวัสดุแต่ละอย่าง”

เหล่าหวงค่อย ๆ อธิบายเป็นภาษาที่พวกเขาเข้าใจได้ง่ายขึ้น “อนุภาคแต่ละอนุภาคที่มีขนาดใกล้เคียงกัน จะได้รับแรงเป่าขนาดเท่ากันจากช่องใบพัดภายในเครื่อง แต่ด้วยแรงที่เท่ากันนี้ก็จะแยกแยะวัสดุที่มีความหนาแน่นและมวลต่างกันไปในตัว เพราะฉะนั้น ภายใต้แรงลมขนาดเดียวกัน อนุภาคที่ถูกเป่าทิ้งไปจึงเป็นสิ่งที่มีมวลไม่เท่ากับเมล็ดพืช นี่คือหลักการแยกเมล็ดพืชออกจากสิ่งสกปรก อย่างไรก็ตามเรายังต้องศึกษาและออกแบบช่องระบายอากาศนี้อย่างระมัดระวังหลังจากที่เครื่องจักรถูกผลิต ทดสอบการใช้งาน และปรับปรุงแก้ไข เราถึงจะบรรลุผลลัพธ์ในอุดมคติตามที่ต้องการได้อย่างไม่ยากเย็น”

หลินเซี่ยมองไปที่นักออกแบบหวงด้วยความชื่นชมอย่างมาก เธอปรบมือให้เขา “สิ่งที่คุณพูดมีหลักการมากเลยค่ะ”

แน่นอนว่าสิ่งที่ต้องอาศัยทักษะเฉพาะจะต้องทำโดยมืออาชีพ

เธอเพียงให้แนวคิดแก่พวกเขาตามสิ่งที่เธอเคยพบเห็นและได้ยินมาในความทรงจำ ในขณะที่นักออกแบบมืออาชีพฟังแล้วสามารถอธิบายหลักการผลิตของเครื่องจักรได้ทันที

เช่นเดียวกับที่เฉินเจียเหอสามารถวาดภาพเครื่องจักรระดับมืออาชีพออกมาเป็นชิ้นเป็นอันได้ เพียงแค่ดูจากภาพวาดโย้เย้ของเธอ

โจวเจี้ยนกั๋วถามว่า “แล้วเครื่องจักรที่เสี่ยวหลินพูดถึงนี่ออกแบบง่ายหรือเปล่า?”

เสี่ยวจางยิ้มและพูดว่า “หัวหน้าโจว ไม่มีปัญหาเลยครับ ดูจากรูปวาดของเสี่ยวหลินก็พอนึกออกแล้ว”

เสี่ยวจางหยิบ ‘ยันต์ไก่เขี่ย’ ของหลินเซี่ยขึ้นมาโชว์ หลินเซี่ยถึงกับบิดเท้าไปมาด้วยความอาย

เธอยิ้มอย่างเชื่องช้าพลางถามว่า “ฉันวาดออกมาน่าเกลียดแบบนี้ คุณเข้าใจด้วยเหรอคะ?”

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

ได้แนวคิดใหม่แล้วสินะ การกลับมาเกิดใหม่ของเธอไม่เสียของแล้วเซี่ยเซี่ย

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

Status: Ongoing
เมื่อสวรรค์ได้ให้โอกาสเธอย้อนกลับมาแก้ขในสิ่งที่ผิดพลาด เธอจะใช้โอกาสนี้เป็นช่างเสริมสวยยอดฝีมือให้ได้ตามฝันอย่างไรกันนะ?เรื่องย่อ : ในชาติก่อน หลินเ เป็นสไตสต์คนโง่ผู้ร้ความคิดป็นของตัวเอง จึงถูกดาราดาวรุ่งผู้เป็นเพื่อนสนิทวางแผนทำลายชีวิตจนพังพินาศ ไร้ซึ่งเครดิต ไร้ซึ่งอำนาจ และหน้ามืดตามัวทิ้งสามีพ่อม่ายลูกติดที่คอยสนับสนุนมาตลอดได้ลงค แต่เหมือนสวรรค์ยังคงเห็นใจต่ชะตาชีวิตอันรันทดของเธอ จึงทำให้เธอได้ย้อนกลับมาเกิดใหม่ในปี 1988 อันเป็นปีที่ทุกอย่างยังไม่สายเกินกว่าแก้ หลินเชี่ยจะใช้โอกาสที่ได้มีชีวิตครั้งที่สองเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของตัวเองอย่างไรบ้าง?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท