ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 – ตอนที่ 514 ปรากฏว่าเป็นคนดัง

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ตอนที่ 514 ปรากฏว่าเป็นคนดัง

ตอนที่ 514 ปรากฏว่าเป็นคนดัง

หลินเซี่ยมองไปที่จางซ่วน น้ำเสียงของเธอฟังดูจริงใจ

“คุณจาง เรามาคุยเรื่องเงินเดือนของคุณกันดีกว่า คุณคาดหวังว่าจะได้เงินเดือนจากที่นี่เท่าไหร่คะ?”

“แล้วแต่ดุลยพินิจของคุณเลย ยังไงผมก็ไม่ได้ทำงานตลอดอยู่แล้ว” แม้ว่าจางซ่วนตกลงที่จะร่วมงานกับหลินเซี่ย แต่นั่นก็ชัดเจนว่าเขาไม่ได้ยอมทำเพราะหวังเงินในอัตราสูง ๆ

“เงินเดือนขั้นต่ำหนึ่งร้อยหยวน บวกกับค่าคอมมิชชั่น คุณคิดเห็นยังไง?”

“ค่าคอมมิชชั่น?” จางซ่วนเงยหน้าขึ้นมองเธอ

หลินเซี่ยพยักหน้า “ใช่ สำหรับภาพถ่ายแต่งงานทุกชุด คุณจะได้รับรายได้พิเศษสิบเปอร์เซ็นต์”

เขาพยักหน้า “ได้สิ เอาตามนั้นก็ได้”

ดูเหมือนจางซ่วนจะไม่มีเพดานกำหนดเรื่องเงินเดือนที่เข้มงวดมากนัก

“งั้นเรามาเซ็นสัญญากันเถอะ”

หลินเซี่ยเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี ปฏิบัติตามกระบวนการสรรหาบุคลากรของหน่วยงานขนาดใหญ่

เธอเริ่มร่างเอกสารสัญญาจ้าง จากนั้นออกไปข้างนอกเพื่อหาร้านถ่ายเอกสาร พิมพ์ให้เป็นชิ้นเป็นอันแล้วส่งต่อให้เขา

จางซ่วนอ่านทวน คิดตามอยู่นาน ก่อนจะเซ็นชื่อ

“คุณจาง ยินดีต้อนรับสู่ทีมถ่ายภาพแต่งงานร้านเจ้าสาวแสนสวยของเราค่ะ”

“ต่อไปนี้เรียกผมว่าซานเหยี่ยแล้วกัน”

“ซานเหยี่ย?”

“ใช่ นั่นชื่อในวงการของผมเอง เพื่อน ๆ ชอบเรียกผมว่าอย่างนั้น”

นั่นก็เพราะเขามาจากหมู่บ้านบนภูเขา

หลินเซี่ยตกตะลึงเมื่อได้ยินชื่อในวงการของอีกฝ่าย

ไม่ใช่เพราะชื่อนั้นฟังดูแปลกหู

แต่เพราะ…

ว่าแล้วเชียวว่าทำไมเธอถึงรู้สึกว่าจางซ่วนดูคุ้นเคยเมื่อเห็นเขาในครั้งแรก

ซานเหยี่ย

ช่างภาพชื่อดังซานเหยี่ย

เขาเป็นช่างภาพผู้มีชื่อเสียงโด่งดังอันดับต้น ๆ ถ่ายภาพให้กับนิตยสารชื่อดังของประเทศ ว่ากันว่าเขาศึกษาศิลปะการวาดพู่กันจีน ดังนั้นจึงนำเทคนิคการแสดงอารมณ์ผ่านปลายพู่กันออกมาผสมผสานกับผลงานชิ้นอื่น จนเป็นที่รู้จักในนาม ‘กวีภาพถ่าย’ ของแวดวงนี้

อย่างไรก็ตาม เขาไม่ประสบความสำเร็จในช่วงแรก ๆ กระทั่งเมื่อถึงจุดต่ำสุดของชีวิต ได้ยินมาว่าเขาสร้างชื่อจากการถ่ายรูปเป็นครั้งแรกขณะเดินไปตามถนนหนทางในชนบท

หลินเซี่ยไม่คาดคิดว่าคนที่เย่เชี่ยนพามาแนะนำให้รู้จักกับเธอจะกลายเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมการถ่ายภาพเมื่อชาติก่อนจริง ๆ สายตาของเธอเมื่อมองเขาดูเหมือนจะเปล่งประกายยิ่งกว่าเดิม

จางซ่วนตะลึงมากกับการจ้องมองของเธอ เขาจึงมองไปทางอื่นแล้วพูดว่า “ชื่อฟังดูแปลกใช่ไหมล่ะ?”

“ไม่แปลกค่ะ ไม่แปลกเลย ฉันว่าฟังดูดีและมีความเป็นเอกลักษณ์ส่วนตัวสูงมาก”

ในอนาคตชื่อในวงการของพี่ใหญ่คนนี้จะโด่งดังก้องไปทั่ววงการของประเทศ มันจะแปลกได้อย่างไร?

จางซ่วนเดินสำรวจร้านเช่าชุดเจ้าสาว เห็นว่าในร้านมีเพียงชุดแต่งงานและเครื่องสำอางเท่านั้น

เขามองไปที่หลินเซี่ยแล้วถามว่า “ไม่มีอุปกรณ์ถ่ายภาพหรืออุปกรณ์สำหรับล้างรูปเลย แล้วผมจะทำงานได้ยังไง?”

หลินเซี่ยพูดอย่างเร่งรีบ “ฉันว่าจะออกไปซื้อมันตอนบ่ายค่ะ”

จางซ่วนพูดว่า “ช่างเถอะ ผมมีของตัวเองอยู่ชุดหนึ่ง ไว้ค่อยย้ายมันมาที่นี่ในวันพรุ่งนี้”

หลินเซี่ยได้ยินคำพูดของจางซ่วนก็พูดด้วยรอยยิ้ม “ค่ะ ถ้าอย่างนั้นฉันจะจ่ายชดเชยให้คุณในส่วนนี้”

คงดีกว่าถ้าจางซ่วนสามารถย้ายอุปกรณ์ถ่ายภาพและล้างรูปของตัวเองมาที่นี่ได้ หลินเซี่ยไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เหล่านี้มากนัก ถ้าต้องการซื้อพวกมันจริง ๆ ไม่ว่ายังไงก็ต้องเชิญจางซ่วนไปกับเธอด้วย

“ไม่เป็นไร ผมสะดวกใจจะใช้ของของตัวเองอยู่แล้ว ต่อให้ไม่ทำงานผมก็พร้อมหอบพวกมันไปด้วยทุกที่ ไม่ต้องจ่ายชดเชยอะไรนั่นเลย”

“ยินดีที่ได้ร่วมงานกันครับ”

เมื่อเฉินเจียเหอเดินเข้ามาในร้านพร้อมกับกล่องอาหารกลางวัน ภาพที่เขาเห็นคือภรรยาของเขากำลังจับมือกับหนุ่มหล่ออีกคนพร้อมเผยยิ้มกว้าง

หรือนี่คือหนุ่มหล่อที่เธอพูดถึงเมื่อคืน?

ดูการแต่งตัวของเขาสิ ดูมีบุคลิกเป็นตัวเองจริงด้วย

เมื่อหลินเยี่ยนเห็นเฉินเจียเหอเข้ามา หล่อนก็รีบตะโกนเรียกอีกฝ่ายว่าพี่เขยทันที

เมื่อกี้นี้พี่สาวของหล่อนออกปากชมเชยช่างภาพคนใหม่ต่าง ๆ นานา จนหลินเยี่ยนฟังแล้วถึงกับเหงื่อตก

ถึงอย่างนั้นหล่อนก็ไม่อยากพี่เขยเข้าใจภรรยาตัวเองผิดไป

เมื่อหลินเซี่ยเห็นเฉินเจียเหอ เธอก็ปล่อยมือจากจางซ่วนโดยธรรมชาติ แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า

“ฉันขอแนะนำอย่างเป็นทางการค่ะ นี่สามีของฉันเอง เฉินเจียเหอ”

“นี่คือคุณจางซ่วน ช่างภาพที่ฉันเพิ่งเล่าให้คุณฟังเมื่อวานนี้ ไม่สิ ตอนนี้เราควรจะเปลี่ยนมาเรียกเขาว่าคุณซานเหยี่ย”

เฉินเจียเหอวางกล่องข้าวในมือลง แล้วหันไปทักทายจางซ่วน “สวัสดีครับ”

“สวัสดีครับ” จางซ่วนตอบกลับด้วยท่าทางสงบเช่นกัน

“ดูสิคะ ฉันได้รูปแต่งงานของพ่อแม่มาเรียบร้อยแล้ว คุณจางทำงานได้ดีเลยใช่ไหมล่ะ?”

เฉินเจียเหอดูรูปถ่ายบนโต๊ะแล้วพยักหน้า “ฝีมือไม่เลว”

จางซ่วนรู้สึกว่ารัศมีของเฉินเจียเหอแข็งแกร่งมาก ทำให้เขารู้สึกกดดันอย่างอธิบายไม่ถูก สังเกตจากสายตาอีกฝ่าย เหมือนกำลังระแวงเขาอยู่งั้นเหรอ?

เขารับเอกสารสัญญาจ้าง และกล่าวคำอำลาพวกเขา

“ถ้าอย่างนั้นผมขอกลับไปเตรียมตัวก่อน และจะย้ายอุปกรณ์ของผมมาภายในพรุ่งนี้”

“ได้ค่ะ คุณซานเหยี่ย พรุ่งนี้เจอกันนะคะ”

หลินเซี่ยส่งคนไปที่ประตูอย่างกระตือรือร้น มองดูเขาเดินออกไป จากนั้นจึงหันหลังกลับและเข้ามาตามเดิม

“ไม่ได้แย่” เฉินเจียเหอดูรูปถ่ายงานแต่งงานของพ่อตาและแม่ยายทีละรูป “ทักษะการถ่ายภาพจัดว่าดี ทำไมเขาถึงยอมมาสมัครงานที่ร้านของเรากัน? คุณเสนอเงินเดือนให้เขาไปเท่าไหร่?”

หลินเยี่ยนที่อยู่ด้านข้างบอกว่า “พี่เขย ที่จริงเขาออกปากว่าไม่อยากทำงานกับเราในตอนแรก ต้องขอบคุณพี่สาวที่มีวาทศิลป์พอจะโน้มน้าวเขาได้”

แม้ในขณะที่พูดหล่อนก็ยังอดตื่นเต้นไม่ได้

“เขาเก่งขนาดนั้นเชียว?” เฉินเจียเหอมองไปที่หลินเซี่ยอย่างสงสัย ขณะหยิบอาหารจากกล่องอาหารออกมาวางเรียงให้พวกเธอ

เขาไม่อยากทำงานที่นี่แท้ ๆ แต่ภรรยากลับชักชวนให้เขาอยู่ต่อ

โน้มน้าวใจด้วยวิธีไหน?

ไม่มีใครที่ว่างงานและสมควรจ้างงานอีกแล้วเหรอ?

จำเป็นแค่ไหนถึงต้องเก็บเขาไว้?

หรือเพราะเขาหน้าตาดี?

หลินเซี่ยสามารถโน้มน้าวให้จางซ่วนอยู่ต่อได้ สิ่งนี้ทำให้เธอรู้สึกว่าตัวเองประสบความสำเร็จ

ความคิดของเธอล่องลอยไป จนไม่ทันจับสังเกตความขุ่นเคืองจากน้ำเสียงของเฉินเจียเหอที่ตอบกลับด้วยเสียงกระด้าง

“แน่อยู่แล้วค่ะ ฉันสร้างความประทับใจให้เขาด้วยความมั่นคงและเหตุผล แต่ที่สำคัญกว่าคือคำสัญญาเกี่ยวกับอนาคต”

“สัญญา? อนาคต?” ดวงตาของเฉินเจียเหอเปลี่ยนไปทันที เริ่มเค้นถามลอดไรฟัน

“อย่าเข้าใจผิดสิคะ ฉันกำลังพูดถึงความก้าวหน้าทางสายอาชีพและงานในอนาคตที่เขาจะได้ทำ เขาเคยทำงานในสำนักหนังสือพิมพ์มาก่อน ฉันเลยบอกว่าในอนาคตเราจะตั้งทีมงานที่สามารถร่วมมือกับห้องส่งของสถานีโทรทัศน์ได้ เขาเลยยอมตกลงทำงานที่นี่ และถ้าเขาไม่ได้ถ่ายรูปลูกค้าก็ไม่จำเป็นต้องจับเจ่าอยู่ในร้านตลอดเวลา”

“งั้นทำไมไม่รับสมัครเพิ่มอีกสักสองสามคนเผื่อเป็นตัวเลือกล่ะ?” เฉินเจียเหอถามอย่างสบาย ๆ

“เพราะจางซ่วนมีดีกรีอดีตช่างภาพของสำนักหนังสือพิมพ์ เขามีประสบการณ์ เหตุผลสำคัญกว่าคือเขาเป็นเพื่อนของเย่เชี่ยน”

โชคดีแค่ไหนที่พวกเขารู้จักกัน

ไม่อย่างนั้นเธอคงพลาดโอกาสที่จะได้ร่วมงานกับว่าที่ช่างภาพใหญ่

ถ้าจางซ่วนไม่พูดถึงชื่อในวงการของเขา เธออาจจะจำเขาไม่ได้เลย เพราะลืมชื่อซานเหยี่ยไปสักระยะหนึ่งแล้ว

ถึงอย่างไรในชาติก่อนเธอก็ไม่เคยได้เจอและร่วมงานกับซานเหยี่ยโดยตรง เธออายุน้อยกว่าเขา ส่วนเขาเป็นรุ่นพี่ เธอเป็นสไตล์ลิสต์ให้กับดาราดัง ในขณะที่ซานเหยี่ยถ่ายภาพให้นิตยสาร

เฉินเจียเหอจำประโยคสุดท้ายของเธอได้อย่างชัดเจน จึงพูดว่า “โอ้ ที่แท้ก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกล”

กลายเป็นเพื่อนของเย่เชี่ยนนี่เอง

“ทำไมคุณมาส่งข้าวให้ฉันไกลขนาดนี้ล่ะ?” หลินเซี่ยหรี่ตาลง มองเขาอย่างคาดคั้นพร้อมถามว่า “คุณคงไม่ได้มาที่นี่เพื่อสอดแนมฉันโดยเจตนาหรอกใช่ไหมคะ?”

เฉินเจียเหอตอบกลับอย่างใจเย็น “เปล่าเลย ผมมีธุระที่โรงงานแห่งใหม่ เลยต้องผ่านมาทางนี้พอดี แม่ยายฝากให้ผมเอากับข้าวติดมาส่งคุณด้วย เสร็จแล้วว่าจะพาคุณไปดูบ้านใหม่ของเราหน่อย”

“ตอนนี้เลยเหรอ?”

“พวกคุณกินข้าวกันก่อนเถอะ ค่อยออกไปดูหลังกินเสร็จก็ได้”

หลินเซี่ยจึงรีบกินอย่างรวดเร็ว “เสี่ยวเยี่ยน กินด้วยกันสิ”

หลังจากกินข้าวเสร็จ หลินเซี่ยก็เดินตามเฉินเจียเหอไปที่อาคารพักอาศัยในเขตโรงงานแห่งใหม่ของพวกเขา

อาคารพักอาศัยที่นี่เพิ่งสร้างเสร็จเมื่อไม่นานมานี้ ทั้งหมดเป็นอาคารเจ็ดชั้น ฉาบทาสีผนังภายนอกด้วยสีแดง ดูหรูหรามาก

“เป็นยังไงบ้าง?” เฉินเจียเหอมองดูเธอแล้วถามด้วยรอยยิ้ม

“ว้าว สวยจังเลยค่ะ ดูเหมือนจะจัดสวนหย่อมเสร็จแล้วด้วย อีกหน่อยเราจะได้ย้ายมาอยู่ที่นี่กันใช่ไหม?”

หลังจากอาคารหลังใหม่สร้างเสร็จ สภาพแวดล้อมโดยรอบเรียกได้ว่าดูดีกว่าอาคารหลังเก่ามาก

“มา เราขึ้นไปดูกันเถอะ”

ในฐานะเจ้าพนักงานหลักประจำฝ่ายเทคนิค เฉินเจียเหอเป็นหนึ่งในคนกลุ่มแรกที่ได้รับการจัดสรรบ้านหลังใหม่ อะพาร์ตเมนต์ดังกล่าวมีพื้นที่ประมาณแปดสิบตารางเมตร มีสองห้องนอน หนึ่งห้องอเนกประสงค์ ห้องนั่งเล่นกว้างขวาง แสงสว่างส่องทั่วถึงกว่าบ้านหลังเก่า

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

เซี่ยเซี่ยเคยรู้จักกับคุณช่างภาพเมื่อชาติที่แล้วนี่เอง เลยตกลงจ้างแบบกระตือรือร้นขนาดนี้

พี่เหอทำขวดน้ำส้มแตกอีกแล้วนะคะ

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

Status: Ongoing
เมื่อสวรรค์ได้ให้โอกาสเธอย้อนกลับมาแก้ขในสิ่งที่ผิดพลาด เธอจะใช้โอกาสนี้เป็นช่างเสริมสวยยอดฝีมือให้ได้ตามฝันอย่างไรกันนะ?เรื่องย่อ : ในชาติก่อน หลินเ เป็นสไตสต์คนโง่ผู้ร้ความคิดป็นของตัวเอง จึงถูกดาราดาวรุ่งผู้เป็นเพื่อนสนิทวางแผนทำลายชีวิตจนพังพินาศ ไร้ซึ่งเครดิต ไร้ซึ่งอำนาจ และหน้ามืดตามัวทิ้งสามีพ่อม่ายลูกติดที่คอยสนับสนุนมาตลอดได้ลงค แต่เหมือนสวรรค์ยังคงเห็นใจต่ชะตาชีวิตอันรันทดของเธอ จึงทำให้เธอได้ย้อนกลับมาเกิดใหม่ในปี 1988 อันเป็นปีที่ทุกอย่างยังไม่สายเกินกว่าแก้ หลินเชี่ยจะใช้โอกาสที่ได้มีชีวิตครั้งที่สองเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของตัวเองอย่างไรบ้าง?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท