ตอนที่ 381 มาโดนโบยถึงที่
“เฮ้อ…”
เสียงถอนหายใจยาว!
หลิงฉางจื้อเศร้าโศกยิ่งนัก
ช่างทำให้คนไม่พอใจเอาเสียจริง!
สุดท้ายคนชั่วอย่างเซียวอี้ก็สมดังปรารถนา ทูลขอพระราชโองการพระราชทานงานอภิเษกมาได้!
อารมณ์ของเขาหดหู่เป็นพิเศษเมื่อทราบข่าว
เขาแทบอยากจะเก็บตัวอยู่คนเดียว!
“ผักกาดขาวต้นงามกลับ เฮ้อ…”
“หรือว่าสวรรค์ไม่มีตา สมองของท่านอ๋องผิงชินเลอะเลือนหรือที่ไปช่วยเซียวอี้ ทั้งที่เขาเกลียดเซียวอี้ปานนั้น”
“ย่อมต้องเป็นเพราะเซียวอี้ให้คำมั่นสัญญาที่ทำให้ไม่อาจปฏิเสธได้! ไม่คิดว่าท่านอ๋องผิงชินที่ไร้ความปรารถนาก็มีวันที่หวั่นไหว”
ช่าง…
สวรรค์ไม่มีตา!
คุณหนูที่ดีอย่างเยียนอวิ๋นเกอ เหตุใดจึงตกไปอยู่ในมือของเซียวอี้ได้
หลิงฉางจื้อตัดสินใจใช้สุราบรรเทาความกลุ้มใจ ผ่อนคลายอารมณ์ที่เศร้าหมอง
แต่ไม่คิดว่า เขาเพิ่งยกเหยือกสุราขึ้นมาก็ถูกเซี่ยฮูหยินแย่งไป
“กลางวันแสกๆ เหตุใดจึงดื่มสุรา!”
“ข้าหงุดหงิดยิ่งนัก!”
“อายุมากเพียงนี้แล้ว ยังทำตัวเหมือนคนหนุ่ม เผชิญปัญหาเล็กน้อยก็ใช้สุราบรรเทาความกลุ้มใจ ไม่เข้าท่า!”
เซี่ยฮูหยินตำหนิ
หลิงฉางจื้อบีบจมูก “ข้าแก่มากหรือ”
เซี่ยฮูหยินหัวเราะ “ลูกโตเพียงใดแล้ว ท่านยังคิดว่าตัวเองเหมือนคนหนุ่มอายุยี่สิบกว่าอยู่อีกหรือ ข้าเพียงแค่ไม่ให้ท่านดื่มสุราตอนกลางวัน ท่านพลาดใจความสำคัญไปทั้งหมด”
หลิงฉางจื้อหัวเราะด้วยความอับอายเล็กน้อย
“ข้าแค่ไม่พอใจเซียวอี้ เขามีวาสนาใดที่ได้แต่งงานกับเยียนอวิ๋นเกอ”
เซี่ยฮูหยินยกเหยือกชาขึ้นมา รินน้ำชาให้เขาถ้วยหนึ่ง
จากนั้นนางจึงพูด “ในเมื่อเขาสามารถทูลขอพระราชโองการมาได้ ย่อมแสดงให้เห็นถึงความสามารถของเขา พระราชโองการพระราชทานงานอภิเษกไม่ใช่ผู้ใดก็ทูลขอได้! บนโลกจะมีกี่คนที่เหมือนเขา สามารถแต่งงานกับหญิงงามสมดังปรารถนา สามารถเห็นได้ว่าเขาไม่เพียงมีความสามารถ โชคก็ดีไม่น้อย อีกอย่าง เขาเป็นลูกพี่ลูกน้องของท่าน เหตุใดท่านจึงอคติต่อเขานัก”
“ฮูหยินเข้าใจผิดแล้ว! ไม่ใช่ข้าอคติต่อเขา แต่คนอย่างเขามักทำเรื่องที่ทำให้คนรังเกียจ”
เมื่อพูดถึงเซียวอี้ หลิงฉางจื้อก็รู้สึกคันมือ
เซี่ยฮูหยินเม้มปากยิ้ม “รู้ว่าท่านไม่ถูกกับเขาตั้งแต่เด็ก! ตั้งแต่เล็กจนโต ข้างกายท่านมีแต่คนเชื่อฟังท่าน ไม่ว่าท่านจะไปที่ใด ทุกคนต่างยึดท่านเป็นใหญ่ แต่ไม่ว่าอย่างไร เซียวอี้ก็จะเป็นปรปักษ์กับท่าน ไม่ยอมท่าน พวกท่านพี่น้อง ไม่มีผู้ใดยอม เมื่อพบหน้าก็เกิดการโต้เถียง หากโต้เถียงไม่ชนะก็ลงมือ ตอนเด็กท่านคงตีกับเขาไม่น้อย!”
“ฮ่าๆๆ…”
หลิงฉางจื้อเปล่งเสียงหัวเราะ เมื่อเอ่ยถึงเรื่องในอดีต แม้จะคิดถึง แต่ก็รู้สึกเขินอายเล็กน้อย
ไม่คิดว่าตอนที่ยังเด็กนั้น เขาก็เป็นคนเหลวแหลกเหมือนกัน
หากพบเซียวอี้ ย่อมต้องตีเขาสักครั้งจึงจะรู้สึกสบายใจ!
เวลานี้ มีบ่าวรับใช้มารายงาน “รายงานใต้เท้า นายน้อยอี้ส่งของขวัญมาให้ บอกว่าเป็นของขวัญขอบคุณที่ความต้องการของเขาสมดังปรารถนา!”
ความรู้สึกอยากตีคนที่เพิ่งกดลงไปของหลิงฉางจื้อปะทุขึ้นมาอีกครั้ง
“เขาวิ่งมาโอ้อวดต่อหน้าข้า! ช่าง…”
น่าตีเหลือเกิน
“ฮูหยินดูการกระทำของเขา ขาดการสั่งสอน!”
หลิงฉางจื้อถามบ่าวรับใช้ “เขาอยู่ที่ใด เขาส่งของขวัญมาด้วยตนเอง หรือว่าให้คนส่งมา”
“รายงานใต้เท้า นายน้อยอี้นำของขวัญมาด้วยตัวเอง หลังจากวางของขวัญลงก็ทำท่าจะจากไป พ่อบ้านใหญ่หลิงกุ้ยกำลังหาทางยื้อเขาเอาไว้ ใต้เท้ารีบไปเถิด หากไปช้า นายน้อยอี้ก็คงจากไปแล้ว!”
หลิงฉางจื้อไม่พูดพล่าม เขาลุกขึ้นเดินไปยังเรือนด้านหน้า
เซี่ยฮูหยินสั่งบ่าวรับใช้ “กำชับพ่อบ้านใหญ่หลิงกุ้ย ให้เขาระวังเอาไว้ อย่าให้ใต้เท้าลงมือกับนายน้อยอี้!”
“ขอรับ!”
…
ในที่สุดหลิงฉางจื้อก็มาทัน
“น้องชายนานทีจะมาเยือน เหตุใดจึงรีบร้อนจากไป ดื่มชาร้อนสักถ้วยก่อนเถิด พวกเราสองพี่น้องไม่ได้พบกันเป็นเวลานาน อาศัยโอกาสนี้พูดคุยกัน จริงด้วย ข้ายังต้องยินดีที่เจ้าสมความปรารถนา!”
“ฮ่าๆๆ…พี่ใหญ่เกรงใจเกินไปแล้ว! ท่านไม่ต้องอิจฉาข้ามาก อย่างไรอิจฉาไปก็ไร้ประโยชน์”
ดูสิ่งที่เขาพูดออกมาเถิด
หลิงฉางจื้อเปล่งเสียงหัวเราะ รั้งเขาไว้ด้วยความจริงใจ
เซียวอี้ยากที่จะปฏิเสธน้ำใจ จึงเดินตามหลิงฉางจื้อมุ่งหน้าไปดื่มชาในห้องโถง พลันพูดคุยสัพเพเหระ แบ่งปัน (โอ้อวด) ความสุขภายในใจ
พี่น้องสองคนต่างนั่งลงบนเก้าอี้
สีหน้าของเซียวอี้เบิกบาน ทั้งตัวล้วนแสดงออกถึงความสุข ราวกับกลัวผู้อื่นไม่รู้ว่าเขาดีใจเพียงใด
เขาพูดอย่างอารมณ์ดี “พี่ใหญ่ย่อมคิดไม่ถึงว่าข้าจะทูลขอพระราชโองการมาได้”
คิ้วของหลิงฉางจื้อกระตุก พลันหัวเราะ “ข้าคิดไม่ถึงเสียจริง น้องชายช่างมีความสามารถ โน้มน้าวให้ท่านอ๋องผิงชินออกหน้าแทนเจ้าได้ เจ้าบอกข้ามา เจ้าเสนอเงื่อนไขใดจึงโน้มน้าวท่านอ๋องผิงชินเซียวเฉิงเหวินได้”
ปฏิเสธตรงไปตรงมาเช่นนี้เลยหรือ
หลิงฉางจื้อถามต่อ “อ่อ! ฟังจากที่เจ้าพูด ระหว่างพวกเจ้ามีการแลกเปลี่ยนที่ไม่อาจเปิดเผยได้?”
เซียวอี้ยิ้ม “ไม่อาจเปิดเผยได้จริง! พี่ใหญ่อย่าได้ซักไซ้ถามต่อไปอีกเลย”
หลิงฉางจื้อ “…”
เขาสามารถตีเซียวอี้สักทีได้หรือไม่
น่าตีตั้งแต่เด็ก
เติบใหญ่ขึ้นยิ่งร้ายแรง น่าตีกว่าเดิมเสียอีก!
เขาหัวเราะ “แม้แต่ถามยังไม่ได้ ยิ่งทำให้ข้าอยากรู้ เยียนอวิ๋นเกอนางรู้หรือไม่ว่าเจ้ามีข้อแลกเปลี่ยนอย่างไม่อาจเปิดเผยได้กับเซียวเฉิงเหวิน เพียงเพื่อพระราชโองการพระราชทานงานอภิเษก”
เซียวอี้ได้ใจอย่างมาก “อวิ๋นเกอของข้าฉลาดเพียงนั้น นางย่อมเดาได้”
หลิงฉางจื้อหัวเราะเสียงเย็น
‘อวิ๋นเกอของข้า’ อันใดกัน
เยียนอวิ๋นเกอยังไม่แต่งงานกับเขา ยังไม่ได้กลายเป็นคนของจวนท่านอ๋องตงผิง เซียวอี้ก็กล้าพูดว่า ‘อวิ๋นเกอของข้า’
แน่จริง เขาลองพูดต่อหน้าเยียนอวิ๋นเกอเสียสิ!
เยียนอวิ๋นเกอต้องทุบเขาอย่างแน่นอน
หลิงฉางจื้อไม่อยากเห็นใบหน้าได้ใจของเซียวอี้อย่างมาก เขาอยากจะกระแทกหมัดเข้าไป เพื่อทำให้ใบหน้าของอีกฝ่ายแสดงสีหน้ามึนงงออกมา
เขากระแอมไอเสียงเบา “วันนี้มาเยือน นอกจากให้ของขวัญแล้ว ก็เพื่อโอ้อวดหรือ”
ไร้สาระหรือไม่
“ไม่ใช่!”
เซียวอี้ย่อมไม่มีทางมาเยือนเพราะเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้
“มีเรื่องหนึ่ง ต้องให้พี่ใหญ่ช่วย”
“เรื่องใด หรือว่าเจ้าอยากให้พี่สะใภ้ของเจ้าจัดการเรื่องงานแต่งให้”
“เรื่องนั้นไม่ต้อง! ถึงแม้จวนท่านอ๋องตงผิงจะตกต่ำ แต่เรือผุอย่างน้อยก็ยังมีตะปูอยู่ เรื่องงานแต่งย่อมมีคนจัดการ วันนี้มาเยือนเพราะมีเรื่องอื่น ตามที่ข้ารู้ พี่ใหญ่มีจวนอีกแห่งในเมืองหลวง อีกทั้งยังอยู่ในตำแหน่งพื้นที่ที่ดีมาก”
หลิงฉางจื้อเลิกคิ้ว หัวเราะออกมา “ใช่! หลายปีก่อนข้าซื้อจวนอีกหลังในเมืองหลวง”
เซียวอี้พูดต่อทันที “พี่ใหญ่ขายจวนนั้นให้ข้าได้หรือไม่ ราคาต่อรองได้”
หลิงฉางจื้อยิ้ม “เจ้าซื้อจวนไปทำอันใด เจ้าคงจะไม่ขาดแคลนจวนใช่หรือไม่”
“ไม่เหมือนกัน! ข้าไม่ขาดแคลนจวนก็จริง แต่จวนที่ข้าซื้อ ไม่ว่าจะที่ตั้งหรือพื้นที่ภายใน ล้วนไม่อาจเทียบจวนที่ท่านพี่ซื้อได้ อวิ๋นเกอของข้ามีเงื่อนไขสูง นางแต่งงานกับข้า ข้าย่อมไม่อาจทำให้นางลำบากได้ ย่อมต้องให้สิ่งที่ดีที่สุดกับนาง ขอท่านพี่โปรดเติมเต็มความปรารถนาของข้า!”
เซียวอี้ยกมือ พูดเชิงขอร้อง
จากความสามารถของตระกูลหลิง จวนที่หลิงฉางจื้อซื้อนั้นไม่ว่าด้านใดย่อมได้รับการคัดเลือกอย่างประณีตแน่นอน
ตำแหน่งที่ตั้ง พื้นที่ใช้สอยล้วนแสดงให้เห็นถึงความร่ำรวย
ในทางกลับกัน จวนที่เซียวอี้ซื้อนั้น เนื่องจากตอนนั้นยังเด็กจึงคำนึงได้ไม่รอบคอบนัก
เมื่อเปรียบเทียบโดยละเอียดในเวลานี้ เซียวอี้ก็รู้สึกไม่ถูกชะตากับจวนของตนเอง
การปักหลักในเมืองหลวงเป็นเรื่องที่ยากมาก!
เมืองหลวงมีคนจนมาก คนรวยก็มาก
หากต้องการซื้อจวนที่พึงพอใจภายในระยะเวลาอันสั้นย่อมไม่ใช่เรื่องง่าย
จวนดีล้วนอยู่ภายใต้การครอบครองของตระกูลขุนนาง
ตระกูลขุนนางขาดแคลนเงินเพียงเล็กน้อยนั้นหรือ
ตระกูลขุนนางยากจนจนต้องขายจวนหรือ
ล้อเล่นหรืออย่างไร
ถึงแม้ตระกูลขุนนางจะตกต่ำ แต่เพื่อรักษาเกียรติยศ พวกเขาก็เต็มใจที่จะขายที่นาออกไปมากกว่าการขายจวนในเมืองหลวง
จวนในเมืองหลวงคือศักดิ์ศรีของพวกเขา ไม่ว่าอย่างไรก็ขายไม่ได้
ดังนั้นเซียวอี้จึงเพ่งเล็งมาที่หลิงฉางจื้อ
คิดจะใช้เหตุผลและความรู้สึกในการ ‘โน้มน้าว’ อีกฝ่ายให้ยอมขายจวนในเมืองหลวง
หลิงฉางจื้อยิ้ม “เจ้าคิดจะแต่งงาน สามารถจัดในจวนท่านอ๋องตงผิง! จวนท่านอ๋องตงผิงก็ไม่เลว”
คำพูดนี้เข้าท่าหรือ
ตาของเซียวอี้กระตุก “ขอท่านพี่โปรดเติมเต็มความปรารถนาของข้า”
หลิงฉางจื้อพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “การหาซื้อจวนที่พึงพอใจไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะในเมืองหลวง อีกอย่างข้าไม่ได้ร้อนเงิน ไม่ได้ตกต่ำจนถึงกับต้องขายจวน หากเรื่องนี้แพร่กระจายออกไป ข้าจะถูกผู้อื่นหัวเราะเยาะเอา”
เซียวอี้เลิกคิ้ว “ขอท่านพี่โปรดเติมเต็มความปรารถนาของข้า!”
หลิงฉางจื้อยกถ้วยชาขึ้นมาจิบ “ข้าไม่มีเหตุผลต้องช่วยเจ้า ใช่หรือไม่!”
“อย่างไรพวกเราก็เป็นญาติกัน!”
เฮอะๆ !
หลิงฉางจื้อเกือบกลอกตา
เวลาที่มีประโยชน์เขาก็เป็นญาติ เวลาที่ไม่มีประโยชน์เขาก็เป็นคนชั่วที่แซ่หลิง
เขายิ้มอย่างรู้ทัน “ถึงแม้จะเป็นญาติ แต่เจ้าก็ไม่ควรบังคับผู้อื่น! ตระกูลหลิงมีแต่ซื้อจวน ไม่ขายจวน เจ้าทำให้ข้าลำบากใจยิ่งนัก!”
เขาเตรียมที่จะยกชาส่งแขกแล้ว
เซียวอี้กัดฟัน “พูดมา ท่านต้องการสิ่งใดจึงจะยอมขายจวนในเมืองหลวงให้ข้า”
หลิงฉางจื้อวางถ้วยชาลงอีกครั้ง “อยากจะซื้อจวนในเมืองหลวงของข้าจริงหรือ”
เซียวอี้พยักหน้า “เสนอสิ่งที่ท่านต้องการมาได้ตามใจ”
หลิงฉางจื้อหัวเราะ “เจ้าให้ข้าโบยสักครั้ง ข้าจะขายจวนให้เจ้า! นอกจากนี้ยังสามารถให้ส่วนลดเจ้าได้เล็กน้อย พร้อมกับของใช้ภายในจวนที่มาจากราชวงศ์ก่อนอีกหลายชิ้นให้เจ้า”
มุมปากของเซียวอี้กระตุก “ท่านจะโบยข้า”
หลิงฉางจื้อเลิกคิ้วยิ้ม “เจ้าไม่เต็มใจ?”
“เหตุใดท่านจึงโบยข้า หรือว่าตอนข้ายังเด็ก ท่านยังโบยไม่พอ”
ไม่ทำเกินไปหรือ!
เหตุใดบนโลกนี้จึงมีพี่ใหญ่ที่ไร้ยางอายเพียงนี้
คนแซ่หลิงไม่มีคนดีเอาเสียเลย ล้วนมีแต่คนชั่วช้า
หลิงฉางจื้อนวดนิ้วมือ “ฉางเฟิงไม่อยู่ในเมืองหลวง ข้ามักรู้สึกโดดเดี่ยวอยู่เป็นประจำ มักจะคันมือ น้องชายของข้า เจ้าสามารถเติมเต็มความปรารถนาเล็กๆ นี้ของข้า ให้ข้าโบยสักครั้งได้หรือไม่”
เซียวอี้กลอกตาขึ้นฟ้า
หลิงฉางจื้อป่วยไม่เบาเสียจริง
“ท่านอยากโบยคน ท่านก็เรียกหลิงฉางเฟิงมาโบยที่เมืองหลวงก็ได้ไม่ใช่หรือ! เหตุใดจึงเพ่งเล็งข้า”
หลิงฉางจื้อหัวเราะ “เจ้าแค่บอกว่าได้หรือไม่! หากไม่อยากซื้อจวนในเมือง เจ้าก็ออกไปได้แล้ว หากต้องการซื้อด้วยใจจริงก็อย่าต่อรอง”
เซียวอี้หัวเราะ พูดอย่างเขินอาย “ข้ากลัวควบคุมสองมือของตนเองไม่ได้ จะสู้กลับ! ท่านในเวลานี้ย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า”
หลิงฉางจื้อหัวเราะ “หากเจ้ากล้าสู้กลับ จวนย่อมไม่ขายให้เจ้า”
ทำเกินไปแล้ว หลิงฉางจื้อ!
เซียวอี้กัดฟัน “เพียงแค่โบยหนึ่งครั้ง?”
หลิงฉางจื้อสัญญา “ไม่มีทางเกินกว่านั้น!”
“ได้ ข้าจะให้ท่านโบยสักครั้ง!”