ตอนที่ 325 เพื่อนสนิท
ลั่วเซิงจิบชาเบาๆ คำหนึ่งอย่างสงบก่อนจะยิ้มพูดกับหญิงสาวที่กำลังก้มศีรษะอย่างไม่แยแส “เช่นนั้นต่อไปท่านหญิงอย่าใจร้อนอีกเล่า”
เว่ยเหวินอดรู้สึกโมโหไม่ได้
นังสารเลวนี่ ได้ทีเอาใหญ่จริงๆ!
ดวงตาลั่วเซิงมีเพียงความเยือกเย็นไม่แยแส
สาวน้อยที่เคยน้ำลายไหลขอลูกกวาดกิน เพียงพริบตาเดียวก็กลายเป็นเด็กสาวโอหังอวดดีและเสแสร้ง เวลาเปลี่ยน คนก็เปลี่ยนจริงๆ
“เว่ยเหวิน?” เห็นเว่ยเหวินเงียบ เว่ยเชียงก็เรียกเบาๆ
เว่ยเหวินรู้สึกน้อยใจอย่างยิ่ง แต่สุดท้ายความน้อยใจเหล่านี้ทำได้เพียงเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มเก้อเขิน “เป็นเพราะข้าห่วงสุขภาพของท่านพี่จึงผลีผลามไป ข้าขอโทษคุณหนูลั่วด้วย”
ลั่วเซิงพยักหน้า ถือว่าให้อภัย
เว่ยเชียงน้ำเสียงอ่อนโยนลง “กลับไปเถอะ”
เว่ยเหวินย่อเข่าเล็กน้อย รีบเดินออกจากหอสุรา
นอกหอสุรา องครักษ์จวนอ๋องหน้าตามอมแมมไปด้วยฝุ่น ร้องโอดครวญไม่หยุด
เว่ยเหวินถลึงตามองคนเหล่านี้แล้วเดินผ่านไป
เจ้าคนไร้ประโยชน์เหล่านี้ ใช้ไม่ได้สักคนเลย!
เหล่าองครักษ์มองหน้ากันไปมาก่อนจะกัดฟันรีบตามไป
“อย่ามาตามข้า!” เว่ยเหวินตวาดใส่องครักษ์ที่ตามมาและเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น
ยังไม่ถึงเวลาเปิดโคมไฟ แสงอัสดงลอยอยู่บนท้องฟ้าราวกับผ้าโปร่งบางๆ
บนถนนชิงซิ่ง ผู้คนไปมาขวักไขว่
เว่ยเหวินกลับเดินเร็วขึ้นเรื่อยๆ นางแทบอยากจะหายตัวไปจากสถานที่บ้าบอที่ทำให้นางอึดอัดแห่งนี้ทันที
จู่ๆ มือข้างหนึ่งก็จับแขนเสื้อนางไว้
“ใคร!” เว่ยเหวินตกใจ ร่างกายของนางตึงเครียดขึ้นมา
เสียงเบาๆ ดังขึ้น “ท่านหญิง ข้าเอง”
เว่ยเหวินตกใจ มองไปที่คนที่ขวางนางไว้
คนๆ นั้นใบหน้ามอมแมม เสื้อผ้าขาดวิ่น แยกไม่ออกว่าเป็นชายหรือหญิง
แต่เสียงๆ นั้นคือเสียงที่เว่ยเหวินคุ้นเคย
“หานซวง?”
น้ำตาเปื้อนฝุ่นไหลลงมา นางพูดเสียงสะอื้นว่า “ข้าเอง”
เว่ยเหวินตะลึง “หานซวง เหตุใดเจ้าจึงกลายเป็นเช่นนี้”
จูหานซวงมองซ้ายมองขวา พูดเสียงเบาว่า “ท่านหญิง ที่นี่ไม่สะดวกพูดคุย…”
เว่ยเหวินครุ่นคิดครู่หนึ่ง พูดเสียงเบาว่า “ตามข้ามา”
ในห้องน้ำชา จูหานซวงดื่มชาร้อนอึกใหญ่
เว่ยเหวินมองนางด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ
ในที่สุดจูหานซวงก็หยุดดื่มน้ำชา นางถือจอกชาเริ่มร้องไห้สะอึกสะอื้น
“หานซวง นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ เจ้าไว้ทุกข์อยู่มิใช่หรือ”
อันกั๋วกงฮูหยินเพิ่งถูกฝังไม่นาน ระหว่างนี้ผู้เป็นลูกจะต้องอยู่ในจวน ห้ามออกไปพบปะสหายหรือเข้าร่วมงานเลี้ยง
มือที่จับจอกชาของจูหานซวงสั่นไม่หยุด พูดเสียงสั่นว่า “เรื่องมันยาว…”
“ไม่รีบ เจ้าค่อยๆ พูด” เห็นสภาพอนาถเช่นนี้ของเพื่อน ความคับข้องใจของเว่ยเหวินก็สลายไปไม่น้อย
สำหรับคนบางคนแล้ว การพบเจอความโชคร้ายหรือความเสียใจสามารถได้รับการปลอบประโลมได้ดีกว่าจากคนที่โชคร้ายและเสียใจยิ่งกว่า
โดยเฉพาะคนข้างกาย
…
น้ำชาเย็นแล้ว ในที่สุดเว่ยเหวินก็ฟังจูหานซวงเล่าจนจบ
“ดังนั้นแล้วเจ้าหนีออกจากที่ที่พี่รองเจ้าเตรียมไว้ให้เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกจับกลับไป แต่ก็ไม่วายไปเจอคนร้ายเกือบโดนลักพาตัว สุดท้ายปลอมตัวเป็นคนขอทาน ซ่อนตัวจนถึงตอนนี้”
จูหานซวงพยักหน้าอย่างแรง นัยน์ตาเจือประกายวิงวอน “ท่านหญิง เห็นแก่เราที่สนิทกันตั้งแต่เล็ก ท่านช่วยข้าทีเถอะ ข้าหมดหวังจริงๆ”
หลังจากออกมา นางเพิ่งรู้ว่าหญิงสาวบอบบางคนหนึ่งที่อยากจะมีชีวิตอยู่ต่อไปนั้นยากเพียงใด
สิ่งที่นางประสบมาย่อมน่ากลัวและอันตรายกว่าที่นางเล่าให้ท่านหญิงน้อยฟัง เพียงแต่ว่าเรื่องเหล่านี้ไม่มีความจำเป็นต้องกล่าวถึงแล้ว
พูดไปก็ไม่มีประโยชน์ต่อตนเองแม้แต่น้อย
เว่ยเหวินหลุบตาลงเล็กน้อย ถามเสียงเบาว่า “เจ้าไม่คิดจะกลับจวนกั๋วกงและกลับไปมีสถานะเดิมแล้วหรือ”
“ใช่ ที่แห่งนั้น ข้าไม่อยากกลับไปอีกแล้ว!”
“เช่นนั้นเจ้าก็จะเป็นสตรีสูงศักดิ์ไม่ได้อีก แม้ข้าช่วยเจ้าได้ อย่างมากที่สุดก็เป็นได้เพียงสามัญชนที่ไร้ชื่อสกุล หานซวง เจ้าวางแผนอนาคตไว้อย่างไร”
เท่าที่นางรู้จักเพื่อนสนิทคนนี้ จูหานซวงไม่ยอมกลายเป็นคนแบบนั้นแน่นอน
“ข้าจะแก้แค้น!” จู่ๆ ดวงตาจูหานซวงก็เป็นประกาย
“แก้แค้น?” เว่ยเหวินขมวดคิ้ว “เจ้ายังคิดจะหาเรื่องเดือดร้อนให้ท่านพ่อและท่านพี่เจ้าหรือ”
หากเป็นเช่นนี้ นางขอไม่ยุ่งเกี่ยวด้วยดีกว่า
จูหานซวงเป็นเพื่อนของนางจริงๆ แต่นี่คือเรื่องภายในครอบครัวนาง หากนางแทรกแซง สุดท้ายจะกลายเป็นเรื่องยุ่งยากลำบาก มิอาจจัดการให้ฝ่ายใดพอใจได้
“จะเป็นไปได้อย่างไร” จูหานซวงพูดกึ่งร้องไห้กึ่งยิ้ม ราวกับซ่อนความคับข้องใจและหมดความอดทนที่ไม่สามารถพูดออกมาได้ “ข้าทะเลาะกับท่านพ่อและท่านพี่ถึงขั้นนี้ พูดได้เพียงว่าเป็นประสงค์ของสวรรค์”
“แล้วเจ้าจะแก้แค้นใคร”
จูหานซวงสีหน้ามืดมน กัดฟันพูดว่า “ย่อมคือลั่วเซิง นังสารเลวนั่น!”
หากไม่มีลั่วเซิง นางจะลงมือจัดการแม่ครัวคนหนึ่งได้อย่างไร
หากไม่ใช่เพราะความล้มเหลวในการจัดการแม่ครัว ท่านพ่อจะโมโหนางหนักขนาดถึงขั้นพลั้งมือสังหารท่านแม่ได้อย่างไร
หากท่านแม่ยังอยู่ นางยังคงเป็นสตรีสูงศักดิ์ที่มีเกียรติและมั่งคั่ง คงไม่ตกอยู่ในสภาพเหมือนขอทานเช่นนี้
ทั้งหมดนี้เป็นเพราะลั่วเซิง นางแทบอยากจะกินเนื้อและดื่มเลือดนาง
“แก้แค้นลั่วเซิงหรือ” เว่ยเหวินเลิกคิ้ว ดวงตาปรากฏรอยยิ้ม
หากเป็นเช่นนี้ นางลองพิจารณาดูได้
“ที่ข้าตกอยู่ในสภาพเช่นทุกวันนี้ล้วนเป็นเพราะลั่วเซิง แค้นนี้ต้องชำระ!”
“แต่ถึงแม้ตอนนี้ท่านพ่อนางจะติดคุก จวนแม่ทัพใหญ่ลั่วก็ยังไม่พังทลาย พวกนางเข้าออกมีคนคอยปกป้อง ข้างในยังมีองครักษ์ฝีมือดีของเสด็จอาอยู่” เว่ยเหวินเตือนด้วยเจตนาดี
อยากจะแก้แค้นย่อมเป็นเรื่องดี แต่จะแย่เอาหากทำตัวหุนหันพลันแล่นทำให้นางเดือดร้อน
ความอัปยศวันนี้ นางไม่อยากทนอีกเป็นครั้งที่สอง
จูหานซวงกัดปากเบาๆ สีหน้ามุ่งมั่น “ข้ารู้! ข้าก็เลยไม่รีบ ข้าจะจับตามองนางเพื่อรอโอกาส หนึ่งวันไม่ได้ก็สองวัน หนึ่งปีไม่ได้ก็สองปี ข้าไม่เชื่อหรอกว่าจะไม่มีโอกาสนั้น!”
เว่ยเหวินดื่มชาเงียบๆ มีความคิดมากมายผุดขึ้นในใจ
“ท่านหญิง ท่านช่วยข้าหน่อยเถอะ ข้าไม่ต้องการชีวิตสุขสบาย ขอแค่มีที่อยู่อาศัยและตัวตนที่สามารถพบเจอผู้คนได้ก็พอ” จูหานซวงเห็นเว่ยเหวินเงียบก็ร้อนรน
“หานซวง อนาคตเจ้าคิดจะใช้ชีวิตเพื่อล้างแค้นอย่างเดียวหรือ” เว่ยเหวินเผยสีหน้าไม่ค่อยเห็นด้วย
จูหานซวงกัดริมฝีปากแน่น “ใช่ จุดประสงค์ที่ข้าอยู่ต่อไปก็คือการล้างแค้น!”
หลังจากการตายของท่านแม่ ข้างนอกคือนรกที่น่ากลัวกว่าในจวนกั๋วกง หลังจากผ่านเรื่องเหล่านี้มา นางไม่มีความคิดอย่างอื่นแล้ว ชีวิตนี้ขอแค่ลั่วเซิงตกอยู่ในความทุกข์ยากก็คือกำไรชีวิตแล้ว!
เว่ยเหวินจิบชา ในที่สุดก็วางจอกชาลง นางจับมือจูหานซวง “ได้ ข้าจะช่วยเจ้า ใครให้เราเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดเล่า”
“ท่านหญิง ขอบคุณ ขอบคุณ…” จูหานซวงมองเว่ยเหวิน น้ำตาค่อยๆ ไหลลงมา
ในห้อง หญิงสาวสองคนกุมมือยิ้มให้กัน
ถึงเวลาเปิดหอสุราแล้ว เว่ยเชียงยังไม่จากไป
“ฝ่าบาทจะเสวยอาหารที่นี่หรือเพคะ” ลั่วเซิงข่มความสงสัยไว้ ถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
เดิมเว่ยเชียงเตรียมจะอำลา แต่เขากลับเปลี่ยนคำพูดด้วยเหตุผลบางอย่าง “อืม ไม่ได้มานานแล้ว คิดถึงหม้อไฟลูกชิ้นปลา”
ลั่วเซิงเลิกคิ้วเล็กน้อย ยืนยันความสงสัยที่เกิดขึ้นในใจ
เว่ยเชียงมีแผนการ!