ศึกยุทธ์ใต้ขุนเขาเงาจันทรา – บทที่ 249 ฟังเสียงนับหมื่นคุ้มค่าชั่วชีวิต-1

ศึกยุทธ์ใต้ขุนเขาเงาจันทรา

บทที่ 249 ฟังเสียงนับหมื่นคุ้มค่าชั่วชีวิต-1

ขณะที่เสิ่นชิงชิวจับกระบี่ของจิ่วซานปั้นนั้น

จิ่วซานปั้นราวกับรู้แจ้งก็ไม่ปาน

ไม่อาจกล่าวว่าตรัสรู้

และไม่อาจกล่าวว่าจะสลบไสล

เหมือนจะดื่มจนเมาแล้ว

แต่เขากลับรู้ดีว่าตนไม่ได้ดื่มสุรา

เพราะการต่อสู้ระหว่างตี๋เหว่ยไท่และเสิ่นชิงชิวเมื่อครู่น่าตื่นตาตื่นใจมากพอ

น่าตื่นตาตื่นใจเสียจนเขาลืมกระดกสุรา

จากมุมมองนี้ เขาไม่นับว่าเป็นผู้ติดสุราจริงๆ

เพราะผู้ติดสุราจะไม่มีทางลืมดื่มสุราไม่ว่าจะเวลาใด หรือสถานการณ์ใดก็ตาม

ยิ่งกว่านั้นไม่เพียงไม่ลืมสิ้น ทั้งยังจะดื่มมากขึ้นอีกต่างหาก

เพราะผู้ติดสุรามีเพียงเป้าหมายเดียวในการดื่มสุรา

ความเมา

ไม่ว่าจะสุราชนิดใด ตราบใดที่สามารถเมาได้ก็คือสุราดี

แต่จิ่วซานปั้นหาได้เป็นเช่นนี้ไม่

เขาดื่มสุราแต่กลับตรงกันข้าม

ครั้งหนึ่งหลิวรุ่ยอิ่งเคยถามเขาโดยบังเอิญ

เหตุใดในวันปกติจึงดื่มเป็นประจำ ราวกับเสพติดสุราหนัก ไม่อาจหยุดได้แม้เพียงชั่วครู่

ที่จริงแล้วหลิวรุ่ยอิ่งบอกเขาว่าเขาติดสุราจริงๆ

สามารถควบคุมได้ยังนับว่าเสพติดอยู่หรือไม่

หลิวรุ่ยอิ่งแยกไม่ออกและไม่รู้

ดังนั้นเขาจึงเอ่ยปากถามจิ่วซานปั้น

“สุราหาใช่สิ่งที่ใจข้าโปรดปรานไม่ สุราเป็นเพียงเครื่องวัดของข้า”

จิ่วซานปั้นกล่าว

“เครื่องวัดรึ เจ้าจะใช้มันวัดสิ่งใด หรือจะดูว่าสามารถดื่มได้มากเท่าใด”

หลิวรุ่ยอิ่งหัวเราะพลางกล่าว

“ข้าใช้สุราวัดผู้คนและสิ่งของในโลกนี้ว่าน่าสนใจเพียงพอหรือไม่ หากน่าสนใจยิ่งกว่าสุรา ข้าย่อมไม่ดื่มสุรา แต่หากไม่น่าสนใจไปกว่าสุรา เช่นนั้นข้าก็จะดื่มสุราไม่หยุดหย่อน ไม่ว่าอย่างไร หลังจากลืมตาข้าก็ไม่อยากรู้สึกเบื่อสักช่วงเวลา”

จิ่วซานปั้นกล่าว

“ดูท่าแล้วข้าในสายตาเจ้าต้องไม่น่าสนใจเท่าสุราเป็นแน่…”

หลิวรุ่ยอิ่งกล่าวอย่างโดดเดี่ยวยิ่งนัก

อย่างไรเสียผู้ใดที่ปล่อยให้สหายเปรียบเทียบเช่นนี้ มักจะเสียใจอยู่พักหนึ่ง

เพียงแต่บางคนก็ปล่อยวางไป

จิ่วซานปั้นพูดจบก็กระดกสุราเข้าปาก

คราวนี้ยังไม่ทันกลืนลงไป

ทำได้เพียงโบกมือปัดให้หลิวรุ่ยอิ่ง

“หรือว่าข้ายังเป็นคนที่น่าสนใจอย่างยิ่งเล่า”

หลิวรุ่ยอิ่งย้อนถาม

ช่วงเวลาการสนทนานี้เกิดขึ้นหลังจากพบกับเจ้าหมิงหมิงที่หอทรงปัญญา

แม้ว่าเจ้าหมิงหมิงจะบอกว่าหลิวรุ่ยอิ่งเป็นคนที่น่าสนใจอย่างยิ่งก็ตาม

แต่หลิวรุ่ยอิ่งกลับไม่รู้สึกเช่นนั้น

ยิ่งกว่านั้น ความคิดที่ชายหญิงมองผู้คนและกระทำนั้นแต่เดิมก็แตกต่างกันอย่างยิ่ง

เขาใส่ใจจิ่วซานปั้นสหายผู้นี้ยิ่งนัก

ดังนั้นจึงอยากได้ยินจิ่วซานปั้นประเมินในจุดนี้ของตนจากใจจริง

“เจ้าอยู่ระหว่างความน่าสนใจและความไม่น่าสนใจ”

จิ่วซานปั้นกล่าว

หลิวรุ่ยอิ่งพยักหน้า

แม้ว่าเขาจะฟังไม่เข้าใจก็ตาม

ประโยคนี้ช่างกล่าวได้กำกวมเสียจริง

แต่หลิวรุ่ยอิ่งได้ยินสิ่งที่ตรงประเด็นมาก

จริงอยู่ที่จิ่วซานปั้นคิดเช่นนี้

ทว่าเขาก็กล่าวโดยอย่างไม่ปิดบังใดๆ

“เจ้าไม่ต้องไปกังวลว่ายามใดที่ตนจะน่าสนใจหรือไม่น่าสนใจ ตราบใดที่เห็นว่าข้าไม่ดื่มยามอยู่กับเจ้า นั่นก็คือคำตอบที่ชัดเจนแล้วไม่ใช่หรือ”

จิ่วซานปั้นกล่าว

“แต่ยามที่ข้าอยู่กับเจ้า เจ้าใช้ช่วงเวลาส่วนใหญ่การดื่มสุรา”

หลิวรุ่ยอิ่งกล่าวพลางยิ้มขมขื่น

“นั่นก็บ่งบอกว่าช่วงนี้เจ้าน่าสนใจน้อยลง ทว่าเป็นเรื่องปกติ เจ้ามีงานอยู่กับตัว แต่ข้าว่างไร้การงาน ความน่าสนใจของคนว่างๆ เดิมทีก็ต่างจากเจ้า แต่แม้จะเป็นเช่นนี้ ข้าก็มียามที่ไม่ดื่มสุราไม่ใช่หรือ”

จิ่วซานปั้นกล่าว

“ยามใดหรือ”

หลิวรุ่ยอิ่งย้อนถามอย่างแปลกใจยิ่งนัก

“ยามที่อธิบายเรื่องเหล่านี้แก่เจ้า”

จิ่วซานปั้นกล่าว

พูดจบก็จากไปอย่างสง่าผ่าเผย

หลิวรุ่ยอิ่งมองแผ่นหลังของเขากลับกระดกสุราลงท้องอีกหลายอึก

………………………

จิ่วซานปั้นก็ไม่รู้ว่าเหตุใดตนจึงนึกถึงการสนทนานี้กับหลิวรุ่ยอิ่งในยามนี้

แต่ครั้นนึกถึงการสนทนานี้ กลับทำให้เขาอยากดื่มสุราอีกหลายอึก

มือของเสิ่นชิงชิวคลายจากด้ามกระบี่ของเขาแล้ว

ความรู้สึกพิศวงก่อนหน้านี้ค่อยๆ หายไปจากใจอย่างไร้ร่องรอย

เสิ่นชิงชิวเห็นจิ่วซานปั้นยอมรับการสืบทอด ‘กระบี่สามพัน’ อย่างง่ายดายเช่นนี้จึงโล่งใจอย่างยิ่ง

แม้ว่ามือขวาของตนจะพิการสิ้น แต่ก็หาได้ใส่ใจไม่

เขาเบนสายไปทางตี๋เหว่ยไท่

ในดวงตาสื่อความโอ้อวดเย่อหยิ่งชัดเจนยิ่งนัก

ตี๋เหว่ยไท่สบประสานสายตากับเขาครู่หนึ่ง

ทันใดนั้นพลันก้มศีรษะ

เดิมทีเอนกายพิงเสาต้นหนึ่งทว่าเอาแต่ไถลลื่นลงอย่างต่อเนื่อง

จนในที่สุดก็นั่งลงไปกับพื้น

เพียงแต่นั่งตัวตรงยิ่งกว่าเสิ่นชิงชิวมากโข

ก่อนนั่งก็ยังไม่ลืมจับชุดคลุมสีขาวท่อนล่าง

ให้มันราบเรียบกับพื้นอย่างเป็นระเบียบไร้รอยยับ

ระหว่างทั้งสองยังคงไร้วาจาเอื้อนเอ่ย

จิ่วซานปั้นลังเลอยู่พักหนึ่ง จากนั้นหยิบน้ำเต้าสุราจากเอวเตรียมจะดื่ม

“ดื่มสุราให้น้อยลงจะดีกว่า!”

เสิ่นชิงชิวกล่าวเสียงเบา

จิ่วซานปั้นไม่เปล่งเสียง

เพียงกะพริบตาปริบๆ มองใบหน้าซีดเซียวทว่าเปื้อนเลือดของเขา

“หนึ่งกระบี่ก็เพียงพอ ไม่จำเป็นต้องสองกระบี่”

จนแล้วจนรอดจิ่วซานปั้นก็กระดกสุราลงไปอยู่ดี

แต่กลับกล่าวสิ่งนี้กับเสิ่นชิงชิว

เสิ่นชิงชิวหัวเราะ

เขามองตี๋เหว่ยไท่แล้วหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง

แฝงความโอ้อวดรุนแรงยิ่งขึ้น

จิ่วซานปั้นโค้งคำนับให้เสิ่นชิงชิวและตี๋เหว่ยไท่

จากนั้นไพล่กระบี่ไว้ด้านหลังเดินไปยังทางออกถนนสายยาวอย่างเชื่องช้า

พวกเขาทั้งสองรู้อยู่แก่ใจ

การคำนับของจิ่วซานปั้นไม่ใช่สิ่งอื่นใด

เพียงเพราะทั้งสองคนทำให้เขาได้ชมฉากต่อสู้เป็นตายที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้

ทว่าคำพูดก่อนหน้านี้ของจิ่วซานปั้นก็เป็นเพราะเขามองทะลุความคิดของเสิ่นชิงชิวได้

นับตั้งแต่เสิ่นชิงชิวจับกระบี่ของเขา

เขาพลันรู้สึกว่าตนและเสิ่นชิงชิวใจตรงกันเล็กน้อย

สุราดื่มมากไป มือก็จะสั่นเทิ้ม

มือของมือกระบี่ จะสั่นไม่ได้เด็ดขาด

ดังนั้นจึงทำได้เพียงดื่มไม่หยุด

ดื่มสุราจนไม่อาจหยุดมือที่สั่นเทิ้มได้

อีกทั้งยังจับกระบี่ไม่ได้อีกต่อไป

มือกระบี่ยกกระบี่ไม่ขึ้นย่อมสูญเสียความหมายในการมีชีวิตอยู่

จากการดำรงอยู่ของเขาก็นับว่าได้ตายไปแล้ว

แต่จิ่วซานปั้นดื่มสุราเป็นเพราะถึงแม้มือของเขาจะเริ่มสั่นแล้วก็ตาม

แต่กระบี่แรกของเขาไม่มีทางสั่นเด็ดขาด

ส่วนกระบี่ที่สองจะเป็นอย่างไรนั้น

รอจนกว่าจะมีผู้ที่สามารถรับกระบี่ที่สองของเขาได้ค่อยว่ากัน

แม้เขาจะเอ่ยคำพูดนี้ออกมาตอนนี้ เห็นได้ชัดว่าหยิ่งผยองอย่างยิ่ง

แต่ชายหนุ่มที่คิดเข้าข้างตนเอง ไฉนจึงไม่เหลาะแหละเล่า

นี่คือสิ่งที่สวรรค์ประทานให้

ต้องการหลบเลี่ยงก็ไม่อาจหลบเลี่ยงได้

สายตาของทั้งคู่มองตามแผ่นหลังของจิ่วซานปั้นที่หายลับไปตรงสุดถนนสายยาว

“ข้าแพ้แล้ว”

ตี๋เหว่ยไท่กล่าว

เขากล่าวสามคำนี้ได้คล่องปากนัก

เอ่ยด้วยจังหวะที่มั่นคง

ความรู้สึกสงบ

แต่มีเพียงเสิ่นชิงชิวเท่านั้นที่สามารถรู้ได้

ภายใต้ความมั่นคงและความสงบนี้ยากลำบากและปั่นป่วนมากเพียงใด

หากในยุคสมัยที่เก้าตระกูลเป็นใหญ่ ตี๋เหว่ยไท่ยอมลำบากเพียงเพื่อพยายามอดกลั้นเท่านั้น

เช่นนั้นคราวนี้ นับเป็นครั้งแรกที่ก้มศีรษะ ครั้งที่แรกยอมจำนน ครั้งแรกที่ยอมรับความพ่ายแพ้ในชีวิตเขาจริงๆ

เสิ่นชิงชิวเคยได้ยินเสียงตะโกนของตี๋เหว่ยไท่เมื่อตอนที่ทำงานในโรงเตี๊ยม

เคยได้ยินเสียงอ่านตำราของเขาในหอทรงปัญญาครั้งสมัยเก้าตระกูล

และยังเคยได้ยินเสียงเขาบรรยายและสั่งสอนเหล่าบัณฑิตหอทรงปัญญาอย่างฮึกเหิมหลายครั้ง

มีเพียงเสียงยอมรับความพ่ายแพ้นี้เท่านั้น

เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินมันจริงๆ

หากเป็นเมื่อก่อน เสิ่นชิงชิวจะต้องหัวเราะลั่นนานเสียจนใช้ธูปมากกว่าหนึ่งก้าน

หลังจากหัวเราะแล้วก็จะโอบไหล่ตี๋เหว่ยไท่ หาร้านรวงเล็กๆ สั่งสุราสักหลายๆ จิน ดื่มให้เมามายเสียหน่อย

แต่ตอนนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว

ผู้ที่หยิ่งยโสที่สุดกลับยอมจำนน

ผู้ที่ไม่สนใจสิ่งอื่นใดเรียนรู้ความโศกเศร้าแล้ว

แม้เสิ่นชิงชิวยังโอบไหล่ตี๋เหว่ยไท่ด้วยมือซ้ายได้

แต่เขากลับสูญเสียมือขวาที่สามารถยกจอกสุราไปแล้ว

เขาสามารถใช้ปากงับเพื่อชักกระบี่ออกมาได้

ทว่าไม่อยากฝังศีรษะลงในจอกแล้วดื่มสุราจริงๆ

หนึ่งเป็นเพราะไม่สง่างามมากพอ

ทั้งยังเป็นเพราะจังหวะการดื่มสุราเช่นนี้ทำให้เขาอึดอัดยิ่งนัก

แทนที่จะดื่มสุราอย่างอึดอัด สู้ไม่ดื่มเสียเลยจะดีกว่า

แม้ว่าไม่ดื่มจะอึดอัดเช่นกันก็ตามที

แต่หากเรื่องที่เคยสะดวกสบายยิ่ง จู่ๆ ก็กลายเป็นความอึดอัด

เช่นนั้นความอึดอัดก็จะไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง

ทั้งสองคนเคยเดินทางไปอาณาจักรอันตงอ๋องที่มีเสน่ห์และน่าหลงใหลที่สุดด้วยกันมาก่อน

และเคยไปอาณาจักรติ้งซีอ๋องที่กว้างใหญ่งดงามที่สุดมาก่อนเช่นกัน

อันตงถึงติ้งซี

สายลมสารทฤดูยังพัดไม่ถึงแปดพันลี้

แต่สองคนนี้เดินย่างไปทีละก้าว

ผู้คนเดินเฉียดผ่านไปมาไม่น้อย

ผู้ที่พบกันโดยบังเอิญต่างคนต่างเมามายหลังจากดื่มสุราทั้งคืนมีถมเถไป

แต่เมื่อถึงช่วงเวลาเช่นในตอนนี้

ข้างกายทั้งสองเหลือเพียงกันและกันเท่านั้น

นี่เป็นความโชคดีหรือไร้ทางเลี่ยง?

หรือเป็นความกลัดกลุ้มใจ

ตี๋เหว่ยไท่รู้สึกว่าตนในตอนนี้เหมือนคนโง่เขลา

แต่เขามองเสิ่นชิงชิวราวกับมองดอกบัวหนึ่งดอก

ถนนแปดพันลี้ สายลมสารทฤดูแปดพันลี้

พัดเอาหัวใจของเขาเกลื่อนกลาดและเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม

แต่เสิ่นชิงชิวยังคงเหมือนเดิม

ไม่เพียงแต่กลิ่นหอมอ่อนๆ ดังเดิม ความสดใสก็ยังเหมือนเคย

คิดแล้วก็น่าขันยิ่งนัก

ในตอนแรกทั้งสองถือกระบี่ท่องยุทธภพ

สาบานว่าจะบรรลุวิถีแห่งโลกมนุษย์นี้

จะต้องกระจ่างแจ้งในความสัมพันธ์และเหตุผลทั้งหมดให้จงได้

………………………………………………..

ศึกยุทธ์ใต้ขุนเขาเงาจันทรา

ศึกยุทธ์ใต้ขุนเขาเงาจันทรา

Status: Ongoing
ด้วยภารกิจสำคัญที่ได้รับมา เขาจึงมุ่งหน้าสู่แดนพายัพ โดยไม่รู้เลยว่านั่นคือจุดเริ่มต้นของการก้าวเข้าสู่วิถีแห่งเซียนและการต่อสู้!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน