เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช – บทที่ 483 เรามาหารือเรื่องการแย่งชิงตำแหน่งหัวหน้าเผ่ากันดีกว่า

เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช

บทที่ 483 เรามาหารือเรื่องการแย่งชิงตำแหน่งหัวหน้าเผ่ากันดีกว่า

บทที่ 483 เรามาหารือเรื่องการแย่งชิงตำแหน่งหัวหน้าเผ่ากันดีกว่า

เสี่ยวเป่าถามอย่างระมัดระวัง “แท้จริงแล้วพวกเขาคือใครกันหรือ”

อานั่วซือตอบอย่างไม่ยี่หระ “ชายผู้นั้นเป็นบุตรของอดีตหัวหน้าเผ่า”

เสี่ยวเป่าสูดหายใจเข้าเล็กน้อย “เอาละ เข้าใจแล้ว แล้วความสัมพันธ์ระหว่างอดีตหัวหน้ากับหัวหน้าคนใหม่เป็นอย่างไร”

อานั่วซือมองนางด้วยสายตาจริงจัง “ความสัมพันธ์จะดีขึ้นในอนาคต”

“หืม”

สิ่งเหล่านี้สามารถทำนายได้ด้วยอย่างนั้นหรือ

“ช่วยขยายความให้ข้าที”

“เพราะข้านี่แหละที่เป็นผู้นำคนใหม่”

ดวงตาสีม่วงของเขาส่องประกายไปด้วยความทะเยอทะยาน

เสี่ยวเป่า “…”

นางถามต่อ “ถ้าอย่างนั้น ผู้นำที่อยู่ในตำแหน่งตอนนี้ก็คือ…”

ตอนนี้อานั่วซือเต็มใจจะเอ่ยกับนางมากขึ้น

“นั่นก็คือลุงของข้า”

เสี่ยวเป่า : ฮึ่ย ไม่คุยแล้วดีกว่า หากพูดไปมากกว่านี้จะต้องทนไม่ไหวแน่

รอยยิ้มบนใบหน้าของนางจางหายไปหมดสิ้น อารมณ์ดี ๆ ในตอนแรกก็หายไป

อานั่วซือสับสนเล็กน้อยว่าเหตุใดนางจึงเงียบไปเช่นนั้น

เมื่อทั้งสองมาถึงป่า อานั่วซือก็ปล่อยให้สัตว์ร้ายยักษ์ออกหากิน ขณะที่เขารวบรวมฟืนเพื่อนำมาก่อไฟ

เขาเรียงฟืนเข้าด้วยกัน เอาหินสองก้อนมาเริ่มจุดไฟอย่างชำนาญ

เมื่อเปลวไฟลุกโชติช่วง เขาก็หันมาจ้องเสี่ยวเป่าตาแป๋ว

ชายหนุ่มโน้มตัวไปด้านหน้าอย่างไม่พอใจ “ไฟติดแล้ว”

เสี่ยวเป่าขึ้นเสียง “เจ้าต้องการอะไร”

เสียงตอบนั้นแสนอ่อนแรงมาก

อานั่วซือ “น้ำหวานนั่น”

เสี่ยวเป่ากลอกตามองด้วยความโกรธ ตอนนี้นางจะทำอะไรได้อีกนอกจากยอมตามน้ำ

อย่างไรตอนนี้นางก็ปฏิเสธไม่ได้แล้ว

โชคดีที่ยังเหลืออยู่อีกครึ่งหนึ่ง

ระหว่างที่น้ำเดือด เสี่ยวเป่าและอานั่วซือก็คุยกันว่าจะไปยังสถานที่ที่นางและเพื่อนแยกจากกันเมื่อวาน เพื่อดูว่าจะพบพวกเขาหรือไม่

อานั่วซือจ้องนางและพยักหน้ารับอย่างเฉยเมย

หลังจากนมผงละลาย เขาก็วางหม้อลงในหิมะ เพื่อให้มันเย็นลงจนได้อุณหภูมิที่พอเหมาะ สำหรับนำเข้าปาก จากนั้นก็ดื่มมันจนหมดในคราวเดียว

เสี่ยวเป่าที่ยกมือขึ้นเพื่อขอบางส่วนให้ตนเอง : …

เสี่ยวเป่าอยากจะต่อยเขาจริง ๆ เมื่อเห็นชายหนุ่มมองหน้าอย่างสงสัย

แต่นางก็ไม่สามารถเอาชนะชายผู้นี้ได้อยู่ดี

เสี่ยวเป่าโกรธมากจนแก้มพองเป็นปลาทอง “เจ้าดื่มหมดได้อย่างไร ข้ายังไม่ได้ดื่มเลยด้วยซ้ำ”

อานั่วซือเอาหม้อที่วางอยู่ในหิมะขึ้นมาตั้งไฟอีกครั้ง

“ก็แค่ต้มมันอีกครั้งเท่านั้นเอง”

เสี่ยวเป่าโกรธมากจนอยากต่อยเขา

ต่อให้มีอาหารเหลือเฟือก็รู้สึกว่าสิ่งที่เขาทำมันเกินไปมาก!

อานั่วซือ : นางจ้องข้าแบบนั้นเพื่ออะไร ประหลาดจริง ๆ

เสี่ยวเป่าปฏิเสธจะมอบนมผงให้อีก ดังนั้นเขาจึงดื่มไปเล็กน้อยและเก็บส่วนที่เหลือเอาไว้

อานั่วซือหรี่ตามอง เด็กน้อยคนนี้กล้าหาญมาก เพราะทาสคนอื่น ๆ ต่างหวาดกลัวและเชื่อฟังทุกอย่าง

เอาละ เขาอาจจะต้องเอาใจนางเสียหน่อย

หากเสี่ยวเป่ารู้ถึงความคิดเขาในตอนนี้ นางคงหาไม้มาฟาดหัวเขาเดี๋ยวนั้นเลย

เมื่อพวกสัตว์กลับมาจากหาอาหารทั้งสองก็เดินทางต่อ เสี่ยวเป่าถือโอกาสนี้ในการสอบถามเกี่ยวกับเรื่องในชนเผ่าเพิ่มเติม

อานั่วซือที่กำลังเบื่อกับการเดินทางก็ตอบทุกอย่างออกมา เพียงแต่เป็นการตอบที่สั้นกระชับอย่างยิ่ง

เสี่ยวเป่าสามารถสรุปออกมาเป็นข้อ ๆ ได้ในใจ

หนึ่ง อานั่วซือเป็นหลานตาของหัวหน้าคนก่อน และเป็นหลานลุงของหัวหน้าคนปัจจุบันด้วย

สอง ลุงของอานั่วซือไม่ชอบเขาเอามาก ๆ เพราะเชื่อว่ามารดาสิ้นใจเพราะเขา

สาม ความสัมพันธ์ระหว่างอานั่วซือกับผู้นำเผ่าก็ค่อนข้างแย่มาก แทบไม่ต่างจากศัตรูหรือคนแปลกหน้าเลย

สี่ อานั่วซือต้องการแย่งชิงตำแหน่งหัวหน้ามาด้วยตัวเอง!

เขามันตัวอันตรายชัด ๆ

ชายผู้นี้เต็มไปด้วยความเกลียดชังในใจตลอดเวลาได้อย่างไรกัน!

การแย่งชิงตำแหน่งผู้นำเผ่าอาจส่งเขาไปอยู่ปรโลกได้เลยมิใช่หรือ!

เขาเป็นคนมีความทะเยอทะยานมาก กระหายในความเป็นผู้นำ แต่กลับไม่เตรียมการใด ๆ ไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่าคนในเผ่ามีกี่คน แต่ก็ยังอยากจะได้ตำแหน่งหัวหน้า บ้าหรือไงเนี่ย!

เสี่ยวเป่าอยากจะแยกจากเขาเสียเดี๋ยวนี้เลย

“เจ้ามีความคิดที่ดีใช้ได้”

ในสายตาของอานั่วซือ เสี่ยวเป่าเป็นคนที่กล้าหาญในการแสดงความคิดเห็นมาก

“เจ้าไม่คิดว่าตนเองมีพรรคพวกน้อยเกินไป ส่วนอีกฝ่ายมีกำลังมากกว่ามากเลยหรือ”

อานั่วซือชี้ไปทางเสี่ยวเป่าและตัวเขาเอง “เราสองคนก็เพียงพอแล้ว”

นางโบกมือไปมาอย่างหวาดกลัว “ข้าไม่รู้อะไรทั้งสิ้น”

อานั่วซือจ้องมองนาง

เสี่ยวเป่ากระแอมแล้วพยายามเปลี่ยนเรื่อง “ข้ามาที่ฉางเซิงเทียนก็เพื่อหาสมุนไพร เจ้ารู้เรื่องเกี่ยวกับไหมเหมันต์และโสมเหมันต์บ้างหรือไม่ เป็นของเก่าแก่มากน่ะ”

อานั่วซือพยักหน้า

เสี่ยวเป่ายืนขึ้นด้วยความตื่นเต้น “จริงหรือ เจ้ารู้หรือไม่ว่ามันอยู่ที่ไหน!”

“เผ่าของเรามีโสมเหมันต์พันปีเป็นวัตถุศักดิ์สิทธิ์ของเรา”

เสี่ยวเป่าน้ำตาแทบไหล ส่วนเขาก็เอาแต่นั่งนิ่งไม่แสดงอาการอื่นใด

ดังนั้น… นางคงต้องไปที่ชนเผ่ากับอานั่วซือจริง ๆ

หลังจากลังเลอยู่เสี้ยวลมหายใจ เสี่ยวเป่าก็ตัดสินใจพยายามจะเกลี้ยกล่อมไม่ให้อานั่วซือแย่งชิงอำนาจด้วยแผนการที่ไม่มีทางชนะและปราศจากการเตรียมการเช่นนี้

อานั่วซือ “มันเป็นของศักดิ์สิทธิ์ หัวหน้าเผ่าไม่มีทางให้เจ้าแตะต้องมันหรอก”

“และหากถูกจับได้ เจ้าก็เป็นเพียงทาสซึ่งยากที่จะคิดหนี สิ่งของทั้งหมดจะถูกยึดไป เช่นนั้นบอกลาทั้งอาหารและเสื้อผ้าอุ่น ๆ ได้เลย”

เสี่ยวเป่าพูดอย่างจริงจัง “มาช่วยกันวางแผนชิงอำนาจดีกว่า”

คงจะดีมากหากนางสามารถส่งข้อความถึงท่านพ่อได้ในเวลานี้ ฐานะฮ่องเต้ต้าเซี่ย ท่านพ่อคงมีคำแนะนำดี ๆ ให้นาง เพราะอย่างไรเสียท่านพ่อก็เป็นฮ่องเต้ที่เคยแย่งชิงบัลลังก์มาก่อน น่าจะมีวิธีดี ๆ บ้าง

อานั่วซือมองเสี่ยวเป่าพึมพำกับตนเอง เขามองอย่างไม่คลาดสายตาเพราะกลัวว่าทาสตัวน้อยจะคิดหนี ทาสดี ๆ เช่นนี้จะไปหาได้จากที่ใดอีก

เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช

เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช

Status: Ongoing
จากลูกเป็ดขี้เหร่สู่การเป็นองค์หญิงคนสุดท้องแห่งราชวงศ์ ความน่ารักของซูเสี่ยวเป่าพร้อมจะพิชิตใจทุกคนแล้ว!หลังจากภูตพฤกษาตัวน้อยตายลง นางก็มาเกิดในยุคสมัยโบราณ และหลงคิดไปว่าตนเองเป็นเพียงเด็กลูกชาวบ้านแถบชนบทธรรมดา ๆ แต่คาดไม่ถึงเลยว่าท่านพ่อที่นางไม่เคยพบหน้ามาก่อนจะมีภูมิหลังยิ่งใหญ่ปานนี้เขา…ถึงกับเป็นราชาของแผ่นดิน!เสี่ยวเป่าที่อายุเพียงสามขวบถูกพาตัวไปยังพระราชวังทันทีหลังจากที่แม่ของนางสิ้นชีพลง แล้วนางก็กลายเป็นองค์หญิงน้อย สตรีเพียงหนึ่งเดียวท่ามกลางพี่ชายแปดคน!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท