หวงเสี่ยวหลงได้ใช้เวลาผ่านไปเหมือนๆกันทุกวันจนเป็นกิจวัตรนั่นคือการกินโอสถทิพย์จักวาลและใช้งานข่ายอาคมพุทธะ 10องค์เพื่อทำการฝึกเคล็ดวิชาซูมี่เทวะ
วินาทีกลายเป็นนาทีและนาทีกลายเป็นวัน การพัฒนาปราณฉีและพลังจิตของเขานั้นพัฒนาด้วยความเร็วอย่างน่าตกใจ ในเพียงไม่กี่วัน หวงเสี่ยวหลงที่อยู่ในระดับเซียนเทียนขั้นที่ 3 ชั้นกลางได้พัฒนาสู่เซียนเทียนขั้นที่ 3 ชั้นสูงสุด!
20 วันต่อมา หวงเสี่ยวหลงก็ทะลวงเข้าสู่ระดับเซียนเทียนขั้นที่ 3 ชั้นปลาย และในเวลากับที่หวงเสี่ยวหลงได้ทะลวงเข้าสู่ระดับนี้ จำนวนแขนที่เขาสามารถสร้างได้ก็เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าเป็น120 ข้าง อย่างไรก็ตามทุกครั้งหลังจากที่แขนเพิ่มขึ้น การสร้างแขนขึ้นมันก็ยากจะยากขึ้นตาม ก่อนหน้านี้เขาสามารถสร้างแขนได้วันละ 3-4แขนแต่หลังจากจำนวนแขนลวงตาเพิ่มขึ้นถึง120 ข้าง เขาก็สามารถสร้างได้มากสุดแค่วันละ 1 ข้างเท่านั้น
ด้วยโอสถทิพย์จักวาลและการบ่มเพาะจากพลังงานพุทธะที่กลางค่ายอาคม ร่างกายของหงเสี่ยวหลงก็แข่งแกร่งขึ้นทุกๆวัน เมื่อสัมผัสวิญญาณของหวงเสี่ยวหลงตรวจสอบภายในร่างของเขา เขาก็พบว่ามีชั้นรัศมีพุทธะปกคลุม รูขุมขน เส้นลมปราณ กระดูกและไขกระดูก
เวลาก็ได้ไหลผ่านไปเรื่อยๆ
หวงเสี่ยวหลงได้ใช้เวลาบ่มเพาะในหุบเขาเทวะซูมี่มามากกว่า 1 เดือน ทำให้การบ่มเพาะของเขาได้มาถึงระดับเซียนเทียนขั้นที่ 3 ปลาย-สูงสุดและพระคัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็นของเขานั้นได้ก้าวเข้าสู่ขั้นที่ 10 : พยัคฆ์หมอบ
ในการฝึกวันนี้ หวงเสี่ยวได้กินโอสถทิพย์จักวาล 1 หยุดแล้วเริ่มฝึกเคล็ดวิชาซูมี่เทวะในข่ายอาคมพระพุทธ 10 องค์เหมือนกับวันอื่นๆที่ผ่านมา บนร่างของหวงเสี่ยวหลงได้ปรากฏแขนอันไร้ตัวตนเกิดขึ้นมากมาย ในขณะที่มังกรดำและมังกรฟ้าบินฉวัดเฉวียนเหนือตัวเขาและดูดกลืนปราณฉีมังกรที่แท้จริงที่ไหลออกมาจากช่องว่างมิติอย่างหิวโหย บางทีมันอาจจะเป็นความสามรถของพลังพุทธะแห่งโลกพุทธะแต่ตอนนี้ได้มีชั้นแสงรัศมีสีทองขึ้นบนเกล็ดภายนอกของมังกรทั้งสอง
ทันที หวงเสี่ยวหลงก็ส่ายหัวจากนั้นได้มีเสียงก้องกังวานดังขึ้นมาจากร่างตามมาด้วยแสงสีทองอันสดใส และมังกรดำและมังกรฟ้าที่บินอยู่เหนือหวงเสี่ยวหลงนั้นได้คำรามออกมาอย่างไม่รู้จบ
แรงกดดันที่แข็งแกร่งกว่าเมื่อก่อนก้ได้พุ่งออกมาจากหวงเสี่ยวหลง
เซียนเทียนขั้นที่ 4!
หลังจากการบ่มเพาะในสองเดือน ในที่สุดหวงเสี่ยหวลงก้ได้ทะลวงเข้าสู้ระดับเซียนเทียนขั้นที่ 4!
ปราณโลกใต้พิภพอันเข้มข้น ปราณมังกรที่แท้จริง และปราณพุทธะได้ไหลเวียนไปตามร่างกายของหวงเสี่ยวหลง ก่อนหน้านี้ ในทะเลปราณฉีของหวงเสี่ยวหลงนั้นมีปราณฉีอยู่เพียงแค่ 2 อันที่สร้างรูปร่างขึ้น หนึ่งคือปราณโลกใต้พิภพที่สร้างเป็นร่างอัครทูตนรกและอีกอันก็คือร่างมังกรเทวะบรรพกาล แต่ตอนนี้ได้มีปราณฉีอันใหม่ที่สร้างรูปร่างขึ้นในร่างพระพุทธทองคำ!
แก่นแท้ทั้ง 3 ได่ก่อร้างขึ้นแล้ว!
สำหรับความเร็วในการทะลวงสู่ระดับเซียนเทียนขั้นที่ 4 ของหวงเสี่ยวหลงนั้น นอกจากโอสถทิพย์จักวาล ก็คือแก่นแท้ทั้ง 3 ที่เป็นสิ่งหลักในการเพิ่มความเร็วนในการดูดซับปราณของหวงเสี่ยวหลง
‘ในที่สุด ข้าก็ทะลวงเข้าสู่ขั้นที่ 4 แล้ว!’ หวงเสี่ยวหลงก็หยุดบ่มเพาะในขณะที่ดวงตาของหวงเสี่ยวเปล่งประกายไปด้วยความสุข พอทะลวงเข้าสู่ขั้นที่ 4 ความแข็งแกร่งของเขาก็มากกว่าเดิม 2 เท่าเมื่อที่เทียบกับตอนที่อยู่จักรวรรดิต้วนเริ่น
เมื่อหวงเสี่ยวหลงออกมาจากจักรวรรดิต้วนเริ่นเพื่อเดินไปทางไปอาณาจักรพระพุทธเจ้าอันศักดิ์สิทธิ์เพื่อตามหาหุบเขาเทวะซูมี่ ตอนนั้นเขาอยู่เพียงขั้นที่ 2 เท่านั้น ตอนนี้เขาก็อยู่ในระดับที่สูงขึ้นกว่าเดิม 2 ขั้น! ย้อนกลับไป ตั้งแต่หวงเสี่ยวหลงก้าวเข้าสู่ระดับเซียนเทียนและได้ไปข้าวร่วมการประลองเมืองจักรพรรดิแห่งจักรวรรดิต้วนเริ่นนั้นเขายังใช้เวลาได้ไม่ถึง 3 ปีเลยด้วยซ้ำ
‘ข้าสงสัยจังเลยว่าตอนนี้ความแข็งแกร่งของเซี่ยพถีนั้นอยู่ถึงระดับใหนแล้ว’ หวงเสี่ยวหลงก็ครุ่นคิด
เมื่อตอนที่พวกเขาประลองกันในการประลองรอบชิงชนะเลิศนั้น เซี่ยพูถีนั้นอยู่ในระดับเซียนเทียนขั้นที่ 2 ชั้นต้น และมีระดับสูงกว่าหวงเสี่ยวหลง แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเซีย่พูถึงจะยังคงไม่ก้าวเข้าใกล้เซียนเทียนระดับ 3 เลยด้วยละมั้ง
ตอนนี้เป็นเวลาที่เขาจะต้องกลับไปที่จักรวรรดิต้วนเริ่น บางทีเขาอาจะกลับไปทันเข้าร่วมงานแต่งของน้องสาวของเขา หวงหมินและกั่วไท้ก็ได้
หวงเสี่ยวหลงก็แวบออกไปจากวิหารซูมี่
ข่ายอาคมศักดิ์สิทธิ์โบราณพระพุทธ 10 องค์ของหุบเขาเทวะซูมี่นั้นตั้งอยู่ที่หลังเขา พอมองย้อนกลับไป หวงเสี่ยวหลงได้ซ่อนตัวจากโลกภายนอกอย่างสมบูรณ์ในช่วง 2 เดือนแห่งการฝึก
พอออกจากหุบเขาเทวะซูมี่ หุบเขาเทวะซูมี่ที่มาขนาดเท่าเม็ดทรายก็ได้ลอยออกมาจากพื้นดินสู่ฝ่ามือของหวงเสี่ยวหลง เพียงโบกมือมันก็ได้ขยายใหญ่เท่ากับขนาดฝ่ามือ
หวงเสี่ยวหลงก็ได้ดูซับภูเขาทองคำเข้าสู่ร่าง ซึ่งมันได้บินลอยขึ้นไปเหนือทะเลปราณของเขาเหมือนอย่างสมบัติสวรรค์อีก 3 ชิ้น อย่างไรก็ตาม ในขณะนั้น หุบเขาเทวะซูมี่ เจดีย์หลิงหลง แหวนผนึกพระเจ้า และไข่มุกวิญญาณที่เงียบอยู่ก็ได้ระเบิดแสงรูปทรงปริซึมอันแข็งแกร่ง พลังงานพุทะจากหุบเขาเทวะซูมี่ก็ได้หลั่งไหลแผ่ขยายออกไปทุกพื้นที่ในทะเลปราณของหวงเสี่ยวหลง
ราวกับว่าสมบัติสวรรค์ทั้ง 3 ส่งเสียงสะท้อนให้กับพลังพุทธะที่ไหลออกมาจากหุบเขาเทวะซูมี่ สมบัติสวรรค์ทั้ง 3 ––เจดีย์หลิงหลง แหวนผนึกพระเจ้าและไข่มุกวิญญาณก็เปร่งแสงออกมามากขึ้นและส่งเสียงสั่นไหวอันยากจะหยั่งถึงอย่างยาวนาน พอสัมผัสได้ถึงปฏิกิริยาอันแปลกประหลาดจากสมบัติสวรรค์ทั้ง 4 หวงเสี่ยวหลงก็ตกตะลึง
เมื่อเขาเข้ามาในถ้ำพุทธะ แม้กระทั่งในขณะที่เขาอยู่ในทะเลแห่งความทุกข์ตรม เจดีย์หลิงหลง แหวนผนึกพระเจ้าและไข่มุกวิญญาณกลับไม่แสดงปฏิกิริยาเลยสักนิดแต่ตอนนี้ปฏิกิริยาตอบสนองของพวกมันกลับรุนแรงมากถึงขีดสุด
จากมุงมองของหวงเสี่ยวหลง ดูเหมือนว่าสมบัติสวรรค์ทั้ง 3จะหวาดกลัวหุบเขาเทวะซูมี่ พวกมันจึงรวมกันต่อต้านพลังพุทธะที่ออกมาจากหุบเขาเทวะซูมี่ แต่มันกลับไม่ได้ผล พลังปราณอันมหาศาลที่ระเบิดออกมาจากพวกมันก็อ่อนแอลงและแทบจะถูกลบหายไปในแสงสีเหลืองทอง
หวงเสี่ยวหลกง็เฝ้าดูต่อไปและคิดว่ามันใกล้จะจบลงแล้วแต่จู่ๆสมบัติสวรรค์ทั้ง 4 กลับพุ่งออกมาจากร่างเขาและบินขึ้นไปในอากาศซึ่งพวกมันเคลื่อนไหวกันเป็นวงกลม
หุบเขาเทวะซูมี่ก็ได้ปลดปล่อยแรงดูดมาหาศาล ดูดเจดีย์หลิงหลง แหวนผนึกพระเจ้า ไข่มุกวิญญาณเข้ามาใกล้ตัวมัน แม้ว่าพวกมันพยายามจะต่อต้านแต่พวกมันก็ไม่สามารถบินออกห่างจากหุบเขาเทวะซูมี่ได้สำเร็จ
เมื่อเวลาผ่านไป ระยะห่างระหว่างสมบัติสวรรค์ทั้ง 4 ก็สั้นลง แม้ว่าแสงที่ถูกปล่อยออกมาจากเจย์ดีหลิงหลง แหวนผนึกพระเจ้า ไข่มุกวิญญาณจะเข้มข้นขึ้น แต่การต่อต้านของพวกมันกลับไม่เป็นผล
สุดท้าย สมบัติสวรรค์ทั้ง 3ก็ได้เข้าไปในระยะ 10 เมตรภายในรัศมีสีทองของหุบเขาเทวะซูมี่ และในตอนนั้นก็ได้มีเสาแสงพุ่งออกมาจากจุดสูงสุดของหุบเขาเทวะซูมี่ ทำให้เกิดภาพพระพุทธรูปขึ้นในอากาศ ในเวลาเดียวกันใจกลางข่ายอาคมศักดิ์สิทธิ์โบราณก็ได้มีพระพุทธรูป 10 องค์ปรากฏขึ้น
การปรากฏขึ้นของพระพุทธรูปทั้ง 10 องค์ได้เพิ่มพลังอำนาจให้หุบเขาเทวะซูมี่ ส่งผลให้ปราณพุทธะพุ่งออกมาราวกับคลื่นน้ำอันอันไร้ที่สิ้นสุดเข้าซัดบริเวณรอบข้าง ทันทีทันทีพวกมันก็เข้าห่อหุ้มเจดีย์หลิงหลง แหวนผนึกพระเจ้า และไข่มุกวิญญาณและดูดพวกมันทั้งหมดเข้าไปในภูเขาสีทอง
เจดีย์หลิงหลงได้พุ่งตรงไปตรงกลางทำให้มันกลายเป็นวิหารเจดีย์ที่อยู่ตรงกลาง และแหวนผนึกพระเจ้าได้ถูกดูดซับเข้าไปอยู่ในหนึ่งในเขาที่สูงสุดของหุบเขาเทวะซูมี่ แต่ทว่าไข่มุกวิญญาณกลับไปอยู่ด้านบนภูเขาในระดับความสูงที่แตกต่างกัน
พอเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด หวงเสี่ยวหลงก็ตกใจ สมบัติสวรรค์ทั้งหมดถูกหุบเขาเทวะซูมี่ดูดซับทำให้มันกลายเป็นตัวตนเดียวกัน
ณ ตอนนั้น บนหุบเขาเทวะซูมี่ ก็ได้มีปราณมังกรเพลิง ปราณเผ่าเทวะโบราณจากสนามรบโบราณของแหวนผนึกพระเจ้าและปราณวิญญาณของไข่มุกวิญญาณที่ได้รวมตัวอยู่ในที่เดียวกันแล้วผสานรวมกับพลังพุทธะที่ถูกปล่อยออกมาจากหุบเขาเทวะซูมี่ ทำให้ภายในที่แหง่นี้มีพลังปราณ 4 ชนิดที่แตกต่างกันออกไป
ด้วยโบกมือขวา หุบเขาเทวะซูมี่ก็ได้ลอยเข้ามาสู่มือของหวงเสี่ยวหลง พอตรวจสอบสมบัติสวรรค์ที่รวมกันเป็นหนึ่ง หวงเสี่ยวหลงก็ยิ้มออกมาอย่างบิดเบี้ยว เจ้าสิ่งนี้ยังคงเรียกหุบเขาเทวะซูมี่ได้อีกงั้นหรอ?
เขาควรจะเรียกหุบเขาไข่มุกวิญาณผนึกพระเจ้าหลิงหลงซูมี่!
แต่สมบัติสวรรค์ทั้ง 4 ที่รวมเป็นหนึ่งนี่ก็ไม่ได้แย่อะไร เพราะหวงเสี่ยวหลงรู้สึกว่าหลังจากพวกมันถูกหุบเขาเทวะซูมี่ดูดซับ พลังของ เจดีย์หลิงหลง แหวนผนึกพระเจ้าและไข่มุกวิญญาณก็ไม่ได้ลดลงเลย ที่จริงแล้วดูเหมือนว่ามันจะไปเพิ่มความแข็งแกร่งให้หุบเขาเทวะซูมี่ซะมากกว่า