พอมองหุบเขาเทวะซูมี่ที่พัฒนาขึ้น หวงเสี่ยวหลงก็อดจินตนาการไม่ได้ว่า หากสมบัติสวรรค์ทั้งหมดได้รวมเป็นหนึ่งกับหุบเขาเทวะซูมี่หล่ะก็ พลังของเจ้าหุบเขาสีทองนี่จะไปถึงขั้นใหนกัน?!
จากนั้นหวงเสี่ยวหลงก็ส่ายหัว มันเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้เลยสักนิดแม้แต่เขาก็ตาม
สมบัติสวรรค์ทั้ง 32 ชิ้นได้กระจัดกระจายกันไปคนละทิศทาง โอกาสในการรวบรวมพวกมันทั้งหมดนั้นเรียกได้ว่าแทบจะไม่มีเลย สมบัติสวรรค์บางชิ้นอาจจะไม่อยู่ในโลกจิตวิญญาณต่อสู้นี้ก็ได้ นอกจากนี้ก็มีโอกาสที่สมบัติสวรรค์บางชิ้นอาจจะมีเจ้าของแล้วก็ได้ ถ้าหากเขาสามารถหาพวกมันเจอ คนอื่นก็ทำได้เหมือน
พอมัวแต่ครุ่นคิดอยู่นั้น หวงเสี่ยวหลงก็ได้ดูดหุบเขาเทวะใหม่เข้าสู่ร่างกายและออกไปจากพื้นที่ป่าแห่งนี้ด้วยความเร็วแสง
หลังจากที่หวงเสี่ยวหลงได้หายตัวไปแล้ว ก็มีเงาสองร่างพุ่งมาถึงที่นี่ด้วยความเร็วอันน่าตื่นตระหนกราวกับสายลม
“แปลกแหะ ข้ามั่นใจว่าข้าสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของสมบัติจากที่นี่!”
“หรือว่าจะมีคนอื่นได้มันไปก่อนพวกเรา?”
“ รีบติดตามไปเถอะ!”
หลังจากออกจากพื้นที่ป่าอันหนาแน่น หวงเสี่ยวหลงก็ได้เหาะไปทางใต้ 1 ชั่วโมงต่อมา เขาก็ได้หยุดเดินทาง เขาได้มาถึงเมืองการค้าอุดร เขาก็เลยนึกถึงเหตุการณ์หนึ่ง เมื่อตอนที่เขาเข้าพิธีชำระล้างจากแท่นพระพุทธด้วยพลังพุทธะนั้น เฉินติงหยวนได้ใช้เข็มพิษซุ่มโจมตีเขา ทำให้ดวงตาของหวงเสี่ยวหลงเปล่งประกายออกมาอย่างเย็นชาในขณะที่เขาก้าวเข้าเมืองการค้าอุดรและไปสอบถามถึงตำแหน่งคฤหาสน์ตระกูลเฉิน
…..
ในสวนหย่อมเล็กๆที่อยู่ทางทิศเหนือของคฤหาสน์ตระกูลเฉิน
เฉินติงหยวนกำลังพักผ่อนอย่างสบายใจในห้องโถงหลักของสวนหย่อมในขณะที่ฟังรายงานเรื่องการประชุมประจำปีของตระกูลจากข้ารับใช้ของเขา ฮานเฟย
ทุกๆปี ลูกหลานตระกูลเฉินจะต้องเข้าประลองชิงจัดอันดับเพื่อพยายามชิงตำแหน่งผู้แข็งแกร่งที่สุดในตระกูลมาไว้ในมือ
“นายน้อย ด้วยพรสวรรค์และความสามารถของท่าน ตำแหน่งผู้แข็งแกร่งที่สุดในปีนี้ก็คงเป็นของท่านคนเดียวเท่านั้น”ฮานเฟยก็เลียแข้งเลียขา
เฉินติงหยวนก็หัวเราะอย่างมั่นใจ “แน่นอนสิ ข้าจะต้องชนะเลิศในการประลองประจำปีของตระกูลในปีนี้ จากนั้นข้าก็จะชนะในการประลองระหว่าง 4 ตระกูล!”
ฮานเฟยก็หัวเราะ”อย่างที่นายน้อยที่พูด ลั่วหวูยี่นั่นต้องแพ้ให้กับนายน้อยอย่างแน่นอน!”
เฉินติงหยวนก็พยักหน้าให้กับคำพูดของฮานเฟย และราวกับเขานึกบางสิ่งได้ขึ้นมา “เจ้าเด็กนั่นยังอยู่ในภายในถ้ำพุทธะงั้นหรือ?”
“ใช่ขอรับ นายน้อย ผ่านไป 5 เดือนแล้วแต่มันกลับยังไม่ออกมา!”ฮานเฟยได้ตอบออกมา “ข้าได้ส่งคนไปเฝ้าดูที่ทางเข้า ตราบใดที่เจ้าเด็กนั่นออกมา ข้าก็จะมารายงานในน้อยทันที!”
เฉินติงหยวนก็พยักหน้าอย่างพึงพอใจ “เมื่อเจ้าเด็กนั่นออกมา ข้าก็จะส่ง ‘ของขวัญ’ที่ไม่มีทางลืมเลือนให้แก่มัน!”
“อ่อ~ จริงหรือ?”ก็มีเสียงหนาวเหน็บพูดใส่เฉินติงหยวน
“ใครกัน?”ทันทีที่เสียงอันหนาวเหน็บดังขึ้น ทั้งเฉินติงหยวนและฮานเฟยก็ประหลาดใจอย่างไม่ทันตั้งตัว
ก่อนที่ทั้งสองจะแสดงใบหน้าประหลาดใจ ก็มีร่างเงาปรากฏขึ้นเหนือหัวเขา
“เจ้า!”ใบหน้าของแขกที่ไม่รับเชิญของพวกเขาก็ทำให้เฉินติงหยวนและฮานเฟยถึงกับอุทานออกมาพร้อมเพรียง
และแขกที่ไม่ได้รับเชิญนั้นจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากหวงเสี่ยวหลง
ดวงตาของหวงเสี่ยวหลงนั้นหนาวเหน็บนั้นก็มองลงบนเฉินติงหยวน “ใช่แล้ว ข้าเอง”
หลังจาตกใจชั่วครู่ เฉินติงหยวนก็หัวเราะออกมาอย่างแหบพร่า “ไอ้สารเลว เจ้ากล้ามากที่บุกรุกเข้ามาในสวนหย่อมของคฤหาสน์เฉินของข้า! ครั้งที่แล้วก็มีผู้ฝึกตนเซียนเทียนขั้นที่ 10 ชั้นปลายพยายามจะทำแบบนี้ แล้วเจ้ารู้ใหมว่าจุดจบของมันเป็นแบบใหน? มันตายไงหล่ะโดยไม่มีหลุมฝังศพด้วย! พูดตรงๆเลยนะ ข้าชื่นชมในความกล้าหาญและความโง่เขลาของเจ้า!”ในขณะที่เขาพูดจบลง เฉินติงหยวนก็ค่อยๆลุกขึ้นจากที่นั่งอย่างช้าๆและเดินเข้ามาหวงเสี่ยวหลง ในเวลาเดียวกัน เฉินติงหยวนก็มองไปที่ฮานเฟยที่พยักหน้าอย่างเข้าใจ และพริบตาฮานเฟยก็ได้ปิดกั้นขวางทางหนีของหวงเสี่ยวหลง
แม้จะเป็นแบบนั้น หวงเสี่ยวหลงก็ยังคงใจเย็นอยู่ดี
เฉินติงหยวนก็หยุดอยู่ห่างจากหวงเสี่ยวหลง 5 เมตร แล้วยิ้มเยาะเย้ยอย่างเย็นชาก่อนที่จะกล่าวออกไปว่า “เนื่องจากเจ้ากล้าจะบุกเข้ามาในคฤหาสน์เฉิน ข้าก็จะให้โอกาสเจ้า ถ้าเจ้าสามารถรับการโมตีด้วยฝ่ามือจากข้า ข้าก็จะปล่อยเจ้าไป แต่ถ้าไม่ ฮิฮิ….!”
“1 ฝ่ามือ!”หวงเสี่ยวหลงก็พูดขึ้น
“1ฝ่ามือ?”เฉินติงหยวนก็ระเบิดเสยงหัวเราะขึ้นอีกครั้งก่อนจะหยุดลง” ก็จริง สำหรับเจ้าหนึ่งฝ่ามือหรือ 3ฝ่ามือก็มีค่าเท่ากัน แค่การโจมตี 1 ฝ่ามือจากข้าก็พอจะจัดการเจ้าแล้ว ไอ้สารเลวเจ้าพร้อมหรือยัง?”
หวงเสี่ยวหลงก็ส่ายหัว “ข้าบอกว่าแค่การจัดการเจ้าใช้แค่เพียง 1 ฝ่ามือ!”
“ว่าไงนะ?!”ใบหน้าของเฉินติงหยวนก็บิดเบี้ยวไปด้วยความโกรธเกรี้ยวและดวงตาของเขาก็เต็มไปด้วยความโหดร้าย “ไอ้สารเลวนี่ ข้าอุตส่าห์ใจดีให้เสนอทางออกให้เจ้าแต่เนื่องเจ้าเลือกตัวเลือกไปแล้ว งั้นก็จงตายไปซะ!”เฉินติงหยวนก็พุ่งไปพร้อมกับชกหมัดที่เต็มไปด้วยจิตสังหารใส่หวงเสี่ยวหลง
หมัดที่ห่อหุ้มไปด้วยเปลวเพลิงอันมหาศาลก็พุ่งออกไปส่งผลให้เกิดเสียงแตกหักรอบๆ ก่อนที่หมัดนั้นจะพุ่งมาถึงตัวหงเสี่ยวหลงมันก็ได้ส่งคลื่นความร้อนใส่เขาแล้ว เฉินติงหยวนนั้นอยู่ในระดับเซียนเทียนขั้นที่ 3 ชั้นปลาย พลังโจมตีจากหมัดของเขานั้นไม่ใช่เล่นๆเลยสักนิด
ตามความเข้าใจของเฉินติงหยวนนั้น แม้ว่าหวงเสี่ยวหลงจะผ่านพิธีชำระล้างของแท่นบูชาพระพุทธและได้บรรลุเข้าสู่ระดับเซียนเทียนขั้นที่ 3ได้สำเร็จ ไอ้สารเลวนี่ก็ยังไม่มีคุณสมบัติในการเป็นคู่ต่อสู้ของเขาอยู่ดี ซึ่งนั่นก็คือเหตุผลทำไมเฉินติงหยวนถึงไม่เรียกจิตวิญญาณของเขาออกมาหรือทำการเปลี่ยนผสานร่าง
หวงเสี่ยวหลงมองไปอย่างไม่แยแสในขณะที่การโจมตีของเฉินติงหยวนมาถึงตัวเขา ด้วยการยกมือแขนขึ้นเขาก็ถึงจิ้มนิ้วออกไป แค่เพียงจิ้มนิ้วออกไป ก็ทำให้เกิดปราณก่อตัวเป็นนิ้วพุ่งออกไป ราวกับคลื่นสึนามิกวาดพัด
ภายในปราณดัชนีนั้นมีสัตว์ประหลาดสีดำซ่อนตัวอยู่ในหมอกสีดำ
“ดัชนีวิญญาณ!”
พอมองแรงกดดันของหมอกสีเทาดำที่กำลังพุ่งเข้ามาพร้อมกับสีเยงกรีดร้องสัตว์ประหลาดตัวสีดำ ใบหน้าของเฉินติงหยวนก็เคร่งเครียด และรีบกระโดดถอยหลังอย่างรวดเร็วแล้วตะโกนออกไป “ปราณวัชระกำจัดปีศาจ!”
เฉินติงหยวนทั้งตัวก็ปกคุลมไปด้วยเยื้อสีทองที่ก่อตัวกันกลายเป็นชั้นปราณคุ้มครอง
อย่างไรก็ตามดัชนีวิญญาณก็โจมตีทะลุชั้นปราณวัชระกำจัดปีศาจราวกับไม่มีสิ่งใดขวางกันแล้วเสียบทะลุหัวใจของเฉินติงหยวนแล้วพุ่งออกด้านหลัง ซึ่งมันได้สร้างหลุมบนกำแพงของตัวอาคารอีกด้วย
พรึบ!
ร่างของเฉินก็ถูกแรงปะทะกระเด็นออกไปแล้วล้มลงกระอักเลือดออกมาจากปากอย่างควบคุมไม่ได้
“นายน้อย!”ฮานเฟยที่ถูกให้ปิดกั้นทางหนีของหวงเสี่ยวหลงก็ได้เฝ้าดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในชั่วพริบตา เมื่อเฉินติงหยวนถูกแรงปะทะส่งลอยไป เขาก็ตะโกนออกมาอย่างตกใจและรีบวิ่งไปหานายน้อยของเขา
บนบาดแผนตรงหน้าอกของเฉินติงหยวนนั้นมีควันสีเทาวนเวียนอยู่รอบๆพร้อมส่งเสียงกรีดร้องออกมาและบนบาดแผลต่างเต็มไปด้วยเลือดสดส่งผลให้ใบหน้าของเขาซีดยิ่งกว่ากระดาษขาวซะอีก
“เจ้า เจ้าไม่ใช่ระดับเซียนเทียนขั้นที่ 3!”เสียงที่ออกมาจากลำคอของเฉินติงหยวนนั้นแหบแห้งในขณะที่เขาจ้องมองหวงเสี่ยวหลงด้วยดวงตาเบิกกว้างอย่างตกใจ เขาไม่เข้าใจอะไรเลยสักนิด เขาจำได้อย่างดีว่าเมื่อตอนที่หวงเสี่ยวหลงเข้ารับพิธีชำระล้างที่ลานหมื่นพุทธะ เขานั้นพุ่งจะทะลวงเข้าสู่ระดับเซียนเทียนขั้นที่ 3 เอง แล้วตอนนี้เขากลับกลายเป็นระดับเซียนเทียนขั้นที่ 4 ได้อย่างไร?
“ใครบอกเจ้าว่าข้าอยู่ระดับเซียนเทียนขั้นที่ 3?” หวงเสี่ยวหลงก็โต้เถียงพร้อมกับเย้ยหยัน โดยไม่รีรอ บนมือของหวงเสี่ยวหลงก็มีดาบเทพอสูรปรากฏขึ้นจากนั้นเขาก็เหวี่ยงดาบออกไป ทำให้เกิดดอกไม้ที่ดูเป็นรางร้ายเบ่งบานขึ้นกลางซึ่งครู่ตอมามันก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
จากนั้นเฉินติงหยวนก็กรีดร้องออกมา ตรงกลางหน้าผากของเฉินติงหยวนได้มีเลือกทะลักออกมาราวกับน้ำพุที่พุ่งออกมาจากเครื่องหมายดอกไม้ที่อยู่กลางหน้าผาก
เฉินติงหยวนก็ล้มลงกับพื้นพร้อมกับดวงตาที่ลืมขึ้นอย่างไม่เต็มใจ
“นายน้อย นายน้อย!”ฮานเฟยก็กรีดร้องออกมาอย่างหวาดกลัวและเขย่าร่างของเฉินติงหยวนด้วยมือที่สั่นอยู่ แต่ไม่ว่าฮานเฟยจะเขย่าแรงแค่ใหน ก็ไม่มีการตอบสนองจากเฉินติงหยวนเลย
ณ ตอนนั้น หวงเสี่ยวหลงก็ได้เดินเข้ามาใกล้
ฮานเฟยก้หันไปมองหวงเสี่ยวหลงด้วยความหวาดกลัว ในครู่ต่อมา เขาก็กรีดร้อง “ใครก็ได้ มีนักฆ่า!”
แต่มันก็ไม่ได้ช่วยเหลืออะไรเขาได้เลยสักนิด ในขณะที่เขาพูดเสร็จ หวงเสี่ยวหลงก็ชี้นิ้วแล้วจิ้มใส่ขมับของเขา
หลังจากจัดการฮานเฟย หวงเสี่ยวก็พุ่งหายไป ณ จุดๆนั้นด้วยความสามารถจิตวิญญาณต่อสู้มังกรดำ ซ่อนเร้น