พอตรวจจับได้ถึงกลิ่นอายแห่งความตายและกลิ่นเลือดอันเข้มข้น หวงเสี่ยวหลงก็ช้าลง ในขณะที่เขาเข้าใกล้ กลิ่นอายแห่งความตายก็หนาแน่นขึ้นและกลิ่นเลือดนั้นทำให้เขาหายใจไม่ออก
‘กลิ่นอายแห่งความตายนี่มันช่างหน้าจริงๆ!’ ใจของหวงเสี่ยวหลงก็บีบแน่น
กลิ่นอายแห่งความตายที่หนาแน่นขนาดนี้สามารถปลดปล่อยออกมาจากผู้คนนับหลายแสนคนหรือบางทีอาจจะเป็นล้านคนที่ตายในพื้นที่เดียวกันเท่านั้น
ดังนั้นมันก็มีความเป็นไปได้เพียงหนึ่งเดียวคือ พื้นที่ด้านหน้านั้นเต็มไปด้วยสนามรบ! กลิ่นเลือดอันหน้าอึดอัดนี้หมายความว่าข้างหน้ากำลังมีสงคราม
หวงเสี่ยวหลงก็กระจายสัมผัสวิญญาณออกไป และ 10 นาทีต่อมา เขาได้หยุดยืนอยู่บนเนินเขา พอมองจากมุมสูง หวงเสี่ยวหลงก็พบว่าด้านหน้ามีคนกำลังต่อสู่ในพื้นที่ราบกว้างใหญ่
ตรงที่แห่งนั้นมีสองกองทัพที่ติดอาวุธด้วยดาบและหอกกำลังสู้รบกันอย่างดุเดือดซึ่งแยกความแตกต่างด้วยสีแดงและเหลือง และยังมีเสียงคำถามกู่ร้องอันน่าหวาดกลัวในท่ามกลางการต่อสู้ ซึ่งเสียงการต่อสู้ได้ทำให้ท้องฟาสั่นไหวในขณะที่กลิ่นอายแห่งความตายและกลิ่นเลือดอันหนาแน่นได้ไปรวมตัวกันเหนือสนามรบกลายเป็นเมฆสีแดงเข้ม–––นั่นคือเมฆจิตวิญญาณแห่งความตาย
แม้ว่าอาณาจักรที่อยู่ใกล้เคียงจะไม่สนใจการเข้าชิงดินแดนแห่งความโกลาหลแต่บนดินแดนแห่งความโกลาหลนั้นมีเมืองอยู่อย่างน้อยหมื่นแห่งที่ถูกควบคุมด้วยขุมกำลังและนิกายต่างๆ ขุมกำลังเล็กนั้นได้เข้าควบคมหนึ่งเมือง ขุมกำลังใหญ่นั้นได้ควบคุม 2 ถึง 3 เมือง แต่นิกายที่ทรงพลังนั้นกลับมีอาณาจักอยู่ใต้ปกครองมากกว่า 10 อาณาจักรเสียอีก
และสงครามนั้นเป็นเรื่องธรรมดาระหว่างอาณาจักรพวกนี้ วันนี้ เจ้าเมืองอาจจะเป็นของตระกูลๆหนึ่ง แต่เมื่อพระอาทิตย์ในวันพรุ่งนี้ฉายสงหรือเดือนต่อไป เจ้าเมืองก็จะถูกเปลี่ยนมือ
ดังนั้น สงครามที่อยู่ตรงหน้าเขานั้นไม่ได้ทำให้หวงเสี่ยวหลงประหลาดใจเลย พอมองดูกลิ่นอายแห่งความตายและพลังงานเลือดของเมฆสีแดงเข้มบนท้องฟ้า ก็มีความคิดหนึ่งผุดขึ้นในหัวของหวงเสี่ยวหลง เมฆจิตวิญญาณแห่งความตายพวกนี้ มีแก่นแท้ที่สร้างขึ้นจากปราณวิญญาณเลือดซึ่งเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ในการฝึกกรงเล็บเทพอสูรของหวงเสี่ยวหลง
ในช่วงหลายปีนี้ หวงเสี่ยวหลงได้เลื่อนฝึกเคล็ดวิชาต่อสู้นี้ไปก่อนก็เนื่องจากความต้องการในปราณวิญญาณเลือด ในเคล็ดวิชากรงเล็บเทพอสูรนั้นมีอยู่ 5 กระบวนท่า และแต่ละท่านั้นมีก็ความสามารถพอจะทำให้ปฐพีสั่นไหวทั้งนั้น ใครก็ตามที่ฝึกวิชาไปถึงขั้นสมบูรณ์คนผู้นั้นจะได้รับพลังโจมตีที่มากกว่าเคล็ดวิชาดาบเทพอสูรเสียอีก
ทันทีหวงเสี่ยวหลงไหลเวียนปราณตามเคล็ดวิชากรงเล็บเทพอสูร ทำให้นิ้วทั้งสิบของเขากลายเป็นกรงเล็บ จากนั้นเขาก็ได้ใช้แรงดูดจากเคล็ดวิชาเล็งไปที่กลุ่มเมฆสีแดงที่ลอยอยู่ในอากาศ ทันที เส้นปราณสีดำก็ลอยลงมาสู่มือของหวงเสี่ยวหลง
เส้นปราณสีดำก็ค่อยๆไหลเข้าสู่มือของหวงเสี่ยวหลงและถูดูดซับเข้าสู่ร่างกายจากนั้นมันได้ไหลเวียนไปตามเส้นลมปราณ ในครู่ต่อมาฟันไปที่พื้นที่ว่างเปล่าด้วยกรงเล็บ
ได้มีเสียงร้องโหยหวนดังก้องขึ้นในขณะที่มีฝ่ามือสีดำพุ่งออกไป ฉีกกระชากกำแพงบนหน้าผา ซึ่งมันได้ทำให้ท้องฟ้ามืดมัวพร้อมกับได้มีหมอกดำที่ในนั้นเงาหัวของภูติผีกรีดร้องไม่น้อยไปกว่า 15หัว วูบวาบไปมาซึ่งต่างทำใครหลายคนต่างขนหัวลุก
พอมองผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นหวงเสี่ยวหลงก็มีความสุขขึ้นมา การฝึกกรงเล็บเทพอสูรนั้นโดยใช้ปราณวิญญาณเลือดจากเมฆจิตวิญญาณแห่งความตายที่รวมตัวอยู่เหนือสนามรบแห่งนี้นั้นได้รับผลลัพธ์เกินกว่าที่เขาคาดเดาไว้หลายเท่า! จากผลลัพธ์นี้ ถ้าหากหวงเสี่ยวหลงฝึกที่นี่ 3 ถึง 4 เดือน เขาก็จะสามารถก้าวเข้าสู่ขั้นสมบูรณ์ของกรงเล็บเทพอสูรกระบวนท่าแรก
โดยไม่เสียเวลา หวงเสี่ยวหลงก็ทำการดูดซับพลังงานจิตวิญญาณเลือดที่มาจากเมฆจิตวิญญาณแห่งความตายนานขึ้นเรื่อยๆในขณะที่เขาฝึกกระบวนท่าแรกของเคล็ดวิชากรงเล็บเทพอสูร เสียงคร่ำครวญแห่งอสูรนับพัน
ผ่านไปกว่าสองชั่วโมง หวงเสี่ยวหลงได้จมอยู่กับการฝึกซึ่งเขาได้เข้าสู่สถานะจิตว่างเปล่า
แม้ว่ามันจะผ่านไปเพียงแค่ 2 ชั่วโมง พลังโจมตีในกระบวนท่าแรก เสียงคร่ำครวญแห่งอสูรนับพันได้เพิ่มขึ้นอย่างตื่นตระหนก เมื่อโจมตีออกไป กรงเล็บสีดำที่พุ่งออกไปนั้นจะมีขนาดเพิ่มขึ้นสองเท่า หมอกดำที่เกิดขึ้นรอบกรงเล็บจะหนาขึ้นกว่าเดิม และเสียงคร่ำครวญของภูตผีนั้นได้ส่งเสียงออกมาราวกับปีศาจนับพันพยายามจะหนีออกจากกรง
ในเวลาเดียวกัน หมอกสีดำก็ครอบคลุมตัวหวงเสี่ยวหลงราวกับภูติวิญญาณระดับสูงที่สร้างเกราะป้องกันรอบตัวเขา และนี่ก็เป็นหนึ่งในจุดที่น่ากลัวของกรงเล็บเทพอสูร ในขณะที่โจมตีนั้นมันก็จะปกป้องผู้ใช้ไปด้วยซึ่งมีทั้งการโจมตีและการป้องกันอันทรงพลังที่ไม่สามารถคาดเดาได้
และในขระที่หวงเสี่ยวหลงอยู่ในสถานะจิตว่างเปล่านั้น ก็ได้มีเสียงสายลมหวีดหวิวเบื้องหลังของร่างทั้งสองที่สวมชุดคลุมคริสตัลสีม่วงเข้ม ชายวัยกลางคนทั้งสองได้หยุดดินลงที่เนินเขาอีกแห่งซึ่งอยู่บนขอบสนามรบ
หนึ่งนั้นมีแผนเป็นรอยถูกดาบฟันบนหน้าผากและอีกคนนั้นมีหน้าเหมือนม้า จากมุมสูง พวกเขามองดูความวุ่นวายและเลือดที่หลั่งนองบนสนามรบข้างล่างและพยักหน้าอย่างชื่นชม
“ฆ่า ฆ่ามากกว่า ยิ่งเยอะเท่าไหร่ ฮ่าฮ่า….ก็ยิ่งทำให้ปราณภูติจิตวิญญาณเลือดที่ใช้กลั่นศพปีศาจของพวกเราเลื่อนเข้าสู่ระดับปฐพีขั้นที่ 6 เร็วขึ้น”ชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้าก็หัวเราะออกมาด้วยเสียงเอะอะ
ชายหน้าม้าอีกคนก็หัวเราะตาม “5 ปีจากนี้ ศพปีศาจของพวกเราพี่น้องก็จะสามารถเลื่อนขั้นเข้าสู่ ระดับปฐพีขั้นที่ 7 และในเวลานั้น ด้วยความแข็งแกร่งของพวกเราและมัน นอกจากท่านอาจารย์แล้วก็จะไม่มีศิษย์นิกายพ่อมดนภาคนใหนเป็นคู่ต่อสู้เราได้อีก!”
ชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้าก็มองไปเมฆจิตวิญญาณแห่งความตายสีแดงเข้มที่กำลังคร่ำครวญอยู่ด้านบนแล้วคิ้วของเขาก็ขมวดทันที “มีบางอย่างผิดปกติ! ทำไมปราณภูติจิตวิญญาณเลือดมีน้อยลงกว่าเดิม?!”
พอได้ยินเสียงอุทานของชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้า ชายหน้าม้าก็รีบมองดูบนท้องฟ้าเหนือพื้นที่ราบ แค่มองเพียงครั้งเดียวเขาก็เข้าใจทันที นั่นคือปราณภูติจิตวิญญาณเลือดมีน้อยลงกกว่าเดิม
ทั้งสองคนนั้นได้มาเก็บปราณภูติจิตวิญญาณเลือดเมื่อวานเหมือนกัน เมื่อพวกเขาออกไปจากที่นี่นั้น เมฆสีแดงเข้มที่อยู่ด้านบนนั้นหนาแน่นมากกว่านี้เยอะ และในวันนี้ทั้งสองกังทัพนี้ก็ได้ต่อสู้กันต่อ มันจะทำให้ปราณภูติจิตวิญญาณเลือดจะต้องมีมากกว่านี้ ดังนั้น มันจะต้องมีเรื่องแปลกประหลาดเกิดขึ้นแน่
ในสนามรบที่กำลังสู้กันต่อไปนั้น กลิ่นอายแห่งความตายเพิ่มขึ้นอย่างหนาแน่น ในขณะที่ปราณภูติจิตวิญญาณเลือดที่ถูกปล่อยออกมาจากศพได้ลอยขึ้นไปอยู่ในที่สูงอยู่นาน
“หืม มีคนดูดซับปราณภูติจิตวิญญาณเลือดอยู่จริงๆด้วย?!”ครู่ต่อมา ชายวัยกลางคนหน้าม้าก็มองเห็นว่าภายในเมฆสีแดงเข้มนั้นกำลังถูกดูดซับปราณภูติจิตวิญญาณซึ่งปราณเหล่านั้นกำลังไหลไปทางยอดเขาอื่น
พอเห็นสิ่งนี้ ชายวัยกลางคนที่มีแปลเป็นบนใบหน้าก็เย้ยหยันออกมาอย่างเย็นชา “มันมีคนไม่เกรงกลัวความตายซะด้วย มันกล้ามาแย่งปราณภูติจิตวิญญาณในสนามรบนี่จากพวกเรา! เนื่องจากมีพวกแส่หาความตาย พวกเราก็จะทำความปรารถนาของมันให้เป็นจริง!”เขาได้บินไปโดยแปลงร่างเป็นควันดำที่ลอยไปยอดเขาที่หวงเสี่ยวหลงอยู่โดยไม่พูดอีกต่อไป
ชายหน้าม้านั้นก็ได้รีบไล่ตามไป
ชายทั้งสองก็ได้มองเห็นหวงเสี่ยวหลงฝึกเคล็ดวิชากรงเล็บเทพอสูรจากระยะไกล หวงเสี่ยวหลงนั้นได้โบกมือขีดข่วนพื้นที่รอบๆและเผยให้เห็นภูติผีมากมายที่กำลังคร่ำครวญ ชายวัยกลางคนก็ได้มองหน้ากันและกันซึ่งทั้งสองต่างทำหน้าตกใจเหมือนๆกัน
“ช่างทรงพลังจริงๆ เด็กนี่ฝึกเคล็ดวิชาต่อสู้อะไรกัน?!”ครู่ต่อมา ชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้าก็ทนไม่ไหวจนพูดออกมา “นี่ เคล็ดวิชานี้อาจจะแข็งแกร่งอาจจะแข็งแกร่งกว่าฝ่ามือพ่อมดนภาของนิกายเราก็ได้?!”
ชายหน้าม้าก็อุทานออกมา “หรือว่ามันจะเป็นเคล็ดวิชาต่อสู้ระดับสวรรค์?!”
เคล็ดวิชาต่อสู้ระดับสวรรค์! สายตาของพวกเขาก็เปล่งประกาย
ชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้าก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา “ข้าไม่คิดเลย อ่า ว่าพวกเราจะมาเจอเข้ากลับของดีๆ น้องเอ้ย สวรรค์เป็นตาให้เราจริงๆ! ด้วยเคล็ดวิชาต่อสู้ระดับสวรรค์ เมื่อเราได้ฝึกมัน แม้กระทั่งเฉินเสี่ยวเทียน ไอ้แก่นั่นก็ไม่มีทางเป็นคู่แข่งของเราได้อีกแล้ว และในเวลานั้น นิกายพ่อมดนภาก็จะกลายเป็นของเราเพียงผู้เดียว!”
ชายหน้าม้าก็หัวเราะอย่างเห็นด้วย
“มา จับเจ้าเด็กนั้นอย่างมีชีวิต เราจะต้องไม่ปล่อยให้มันหลบหนีได้!”
ชายทั้งสองคนก็เร่งความเร็วพุ่งทะละสายลมไปจนถึงยอดเขาที่หวงเสี่ยวหลงกำลังฝึกอยู่นั้นภายในพริบตา พวกเขาแยกกันไปโดยให้คนนึงอยู่ด้านหน้าในขณะที่อีกคนอยู่ด้านหลังเพื่อปิดกั้นเส้นทางหลบหนีของหวงเสี่ยวหลงทุกทิศทาง
พอพวกเขาลงมาถึงพื้น ทั้งสองคนก็ค่อยๆเดินเข้าหาหวงเสี่ยวหลงอย่างช้าๆ