“เจ้า เจ้าฆ่าเขาจริงๆงั้นหรือ?!”ผู้อาวุโสนิกายพ่อมดนภาที่เหลือก็พูดออกมาตะกุกตะกักในขณะที่มองเลือดที่ไหลออกมาจากใจกลางหน้าผากของผู้อาวุโสที่ถูกโจมตี
แม้ว่ามันจะเกิดขึ้นต่อหน้าสายตาของพวกเขา ผู้อาวุโสนิกายพ่อมดนภาที่เหลือก็ยังคงยากที่จะเชื่อว่าผู้อาวุโสนิกายพ่อมนภาถูกหวงเสี่ยวหลงฆ่า
ก่อนหน้านี้ พวกเขาทั้งสามคนนั้นถูกตู่ซินและเติง
กวงเหลียงเชิญมา และทั้งสามคนนั้นยังคงพูดคุยกันอย่างมีความสุขและหัวเรากันไประหว่างทางมาที่นี่ แต่ตอนนี้หนึ่งในพวกเขากลับถูกฆ่า! แม้ว่าความตายจะไม่ใช่เรื่องใหม่อะไรกับพวกเขา แต่มันก็เกิดขึ้นเร็วเกินไป
“เจ้ายังคงคิดว่าทั้งหมดนี้มันเป็นเรื่องตลกงั้นหรือ?”หวงเสี่ยวหลงพูดใส่ไปด้วยท่าทางเย้ยหยัน
ไม่กี่วินาทีต่อมาในที่สุดพวกเขาผู้อาวุโสนิกายพ่อมดนภาในที่สุดก็ยอมรับความจิรง ทั้งสามคนพยายามจะลุกขึ้นและในขณะที่พวกเขาลุกขึ้นทั้งสองคนก็ยังคงเงียบอยู่
หวงเสี่ยวหลงไม่รีบร้อนและไม่เร่งทั้งสอง
ในขณะที่เฝ้ารอคำตอบจากทั้งสอง พลังจอตของหวงเส่ยวหลงก็ได้จับตาเฝ้าเกิงเคนที่หลบว่อนอยู่ ตราบใดที่เกิงเคนมีทีท่าว่าจะออกไป หวงเสี่ยวหลงก็จะลงมืออย่างไม่ลังเล
“ได้ ข้า-ข้าเต็มใจยอมจำนน เต็มใจ!”ไม่นานนักผู้อาวุโสนิกายพ่อมดนภาทั้งสองก็พูดออกมา ซึ่งพวกเขาเต็มใจยอมจำนนต่อหวงเสี่ยวหลงเหมือนกับผู้อาวุโสก่อนหน้านี้ ดังนั้นการตัดสินใจของพวกเขาก็ไม่ได้สร้างความประหลาดใจให้หวงเสี่ยวหลงเลย อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้หวงเสี่ยวหงก็ไม่ได้เริ่มทำการประทับตราจิตวิญญาณใส่พวกเขา แต่เขากลับมองไปที่ทางซ้ายของมุมห้องโถง “แล้วเฒ่าเกิงเคนคิดว่าอย่างไร? เจ้าตั้งใจจะไม่แสดงตัวสักหน่อยงั้นหรือ? แล้วเจ้าจะเฝ้าดูไปอีกนานเพียงใดกัน?”
ทุกๆคนในห้องโถงหลักต่างก็ตกใจ
ตั้งแต่ตู่ซินและเติงกวงเหลียง ผู้อาวุโสทั้งสองคนที่เหลือไปจนถึงเกิงเคนที่ซ่อนตัวอยู่ที่มุมห้องซึ่งพวกเขาไม่คาดคิดเลยว่าจู่ๆหวงเสี่ยวหลงจะพูดแบบนี้ออกมา โดยเฉพาะเกิงเคนที่ไม่เชื่อว่ามีคนสามารถตรวจจับเขาในขณะที่เขาล่องหนอยู่ได้
เกิงเคนก็ลังเลสักครู่ จากนั้นก็ได้มีแสงกระพริบขึ้น ซึ่งเขานั้นได้ปรากฏออกมาจากมุมห้องมืดๆและค่อยๆลอยลงมาสู่พื้นแล้วปรากฏตัวต่อหน้าทุกคน
ตู่ซินและเติงกวงเหลียงก็ตกใจที่จู่ๆเกิงเคนก็ปรากฏตัวขึ้น จากนั้นพวกเขาก็ลุกลี้ลุกลนและรีบร้องขอการลงโทษให้หวงเสี่ยวหลงที่อยู่ตรงหน้า “นายน้อย ได้โปรดลงโทษพวกเราด้วย!” ณ ตอนนี้หลักฐานก็ชัดเจนแล้วว่าเกิงเคนนั้นได้ติดตามพวกเขามา
“ลุกขึ้น เรื่องนี้ก็โทษเจ้าไม่ได้หรอก”หวงเสี่ยวหลงก็พูดออกมา
“พวกเราขอขอบคุณที่นายน้อยเข้าใจ”ตู่ซินและเติงกวงเหลียงก็ลุกขึ้นและถอยไปยืนอยู่ข้างหวงเสี่ยวหลง
“ผู้อาวุโสสูงสุด ช่วยพวกเรา ช่วยพวกเราด้วย~!”ผู้อาวุโสนิกายพ่อมดนภาทั้งสองที่เต็มใจยอมจำนนต่อหวงเสี่ยวหลงนั้นก็”ด้ตะโกนออกมาอย่างมีความยุขและรีบวิ่งไปหาเกิงเคนทันที่ที่พวกเขาเห็นเกิงเคนปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าเขาราวกับพวกเขาได้พบกบัแสงแห่งความหวังเส้นสุดท้าย
เกิงเคนก็มองผู้อาวุโสทั้งสองอย่างเย็นชาในขณะที่ตะโกนออกไปอย่างหนาวเย็น “เมื่อพวกเจ้าทั้งสองกลับไป เจ้าจะต้องไปรับการลงโทษตามกฎของนิกายด้วย!”
พอได้ยินเรื่องนี้ สีหน้าของผู้อาวุโสทั้งสองก็แข็งค้าง นิกายพ่อมดนภานั้นมีบทลงโทษสำหรับการทรยศนิกายอย่างรุนแรง!
พอมองเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของทั้งสอง เกิงเคนก็พูดเพิ่ม “แต่ดูจากความดีความชอบทั่เจ้าทำเพื่อนิกายพ่อมดนภามาหลายปี ข้าจะช่วยพูดกับประมุขนิกายในการลดบทลงโทษให้พวกเจ้าครึ่งนึง”
ดูเหมือนว่าคำสัญญานี้จะไปทำให้พวกเขาทั้งสองสงบใจลง จากนั้นพวกเขาก็ขอบคุณเกิงเคน “พวกเราขอขอบคุณผู้อาวุโสสูงสุดอย่างมาก! พวกเราจะยังคงภักดีต่อนิกายพ่อมดนภาและผู้อาวุโสสูงสุดต่อไปในอนาคตอย่างแน่นอน!”
เกิงเคนก็พยักหน้าอย่างพึงพอใจ
หวงเสี่ยวหลงยืนอยู่ข้างๆมองดูทังสามคนพูดคุยกันและกันและไม่ได้ขัดจังหวะ
รอรับบทลงโทษนิกายเมื่อพวกเจ้ากลับไป? เกิงเคนคนนี้มั่นใจว่าพวกมันทั้งสองจะกลับออกไปจากที่นี่อย่างปลอดภัยงั้นหรือ? หวงเสี่ยวหลงก็เย้ยหยัน
พอตัดสินจากการพูดคุยของเกิงเคนแล้ว ดูเหมือนว่าเขาจะมั่นใจในความแข็งแกร่งของตัวเองอย่างมาก
และในตอนนี้ในที่สุดเกิงเคนก็ได้หันเหความสนใจมากหาหวงเสี่ยวหลงด้วยสายตาชำเลืองมองหวงเสี่ยวหลงตั้งแต่บนลงล่าง “น้องชาย ข้าควรจะเรียกว่าอะไรดี?”
“หวงเสี่ยวหลง”หวงเสี่ยวหลงก็ตอบออกไปอย่างสงบเสงี่ยม หวงเสี่ยวหลงนั้นไม่ได้จะซ่อนชื่อของเขาเลยสักนิด ในความคิดของเขานั้น มันไม่ใช่สิ่งที่มาค่าถึงกับต้องปิดบัง
เกิงเคนก็ค้นหาในความทรงจำของเขาซึ่ง ชื่อ หวงเสี่ยวหลงนั้นไม่ได้คุ้นเคยอะไรกับเขาเลย
“ฮิฮิ งั้นก็คือน้องหวงสินะ ดูเหมือนว่าความแข็งแกร่งของน้องชายหวงนั้นจะไม่เลวทีเดียว “เกิงเคนก็หัวเราะออกมาในขณะที่เขาพูด “แม้ว่าเฉินเสี่ยวเทียน สหายเฒ่านั่นจะไม่สามารถตรวจจับข้าได้เมื่อข้าใช้เคล็ดวิชาปิดบังกลิ่นอาย ซึ่งมันทำให้ข้าสนใจเจ้ามาก เมื่อไหร่กันที่น้องชายหวงสัมผัสได้ถึงตัวตนของข้า? เมื่อกี้นี้?”
เมื่อกี้ที่กล่าวถึงก็คือเมื่อตอนที่หวงเสี่ยวหลงเปิดเผยว่าผู้อาวุโสนิกายพ่อมดนภาส่วนใหญ่ได้อยู่การควบคุมของเขาแล้วนั้น ได้ทำให้เกิงเคนเปิดเผยร่องรอยกลิ่นอายของเขาออกมาเนื่องจากความตกตะลึง ในมุมมองของเกิงเคน มันจะต้องเป็นตอนนั้นที่หวงเสี่ยวหลงสัมผัสได้ถึงตัวเขา
“มันสำคัญขนาดนั้นเลยหรือ?”หวงเสี่ยวหลงก็ถามออกไปแทนที่จะตอบ
เกินเคนก็ตกใจและจากนั้นก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา “ฮิฮิ ข้ากำลังถามเจ้าอยู่นะ ความแข็งแกร่งของน้องหวงนี่ก็ไม่เลว งั้นทำไมเราไม่มาพูดคุยเรื่องความร่วมมือระหว่างเราสักหน่อยหล่ะ?”
“ความร่วมมือ?”หวงเสี่ยวหลงก็รอให้เกิงเคนพูดต่อ
“ถูกแล้ว ความร่วมมือ”เกิงเคนก็ยิ้มออกมา “พวกเราทั้งสองจะร่วมมือฆ่าเฉินเสี่ยวเทียนและจากนั้น พวกเราก็จะดูดกลืนสถาบันกลืนกินโลหิตแล้วล้างบางนิกายเก้าอสูร จากนั้นพวกเราก็จะได้เมืองปีศาจทมิฬมาอยู่ในกำมือ!”
นิกายพ่อมดนภา สถาบันกลืนกินโลหิต และนิกายเก้าอสูรนั้นเป็นขุมกำลังหลักแห่งเมืองปีศาจทมิฬ
ในหมู่ขุมกำลังทั้งสามนั้น นิกายพ่อมดนภาและสถาบันกลืนกินโลหิตนั้นมีความแข็งแกร่งเท่าๆกันแค่นิกายเก้าอสูรนั้นมีความแข็งแกร่งกว่าทั้ง 2 นิกาย ในปัจจุบัน ตำแหน่งเจ้ามืองปีศาจทมิฬนั้นเป็นของนิกายเก้าอสูร หรืออีกในนึงก็คือนิกายเก้าอสูรนั้นเป็นเจ้าของเมืองปีศาจทมิฬอย่างแท้จริง ในขณะที่นิกายพ่อมดนภาและนิกายกลืนกินอสูรนั้นแค่มีพื้นที่อยู่ภายในเมืองปีศาจทมิฬ
แน่นอนว่า นิกายพ่อมดนภาและสถาบันกลืนกินโลหิตนั้นไม่ใช่ขุมกำลังที่อ่อนแออย่างที่เห็น มันไม่ง่ายนักหากนิกายเก้าอสูรตัดสินใจจะล้างบางขุมกำลังทั้งสอง นอกจากนี้ นิกายเก้าอสูรนั้นก็จะต้องการคนช่วยเหลือเมื่อขุมกำลังจากนอกเมืองเข้ามาโจมตี ดังนั้น ในระหว่างนี้ นิกายเก้าอสูรก็จะไม่ลงมือจู่โจมนิกายพ่อมดนภาและสถาบันกลืนกินโลหิต
หวงเสี่ยวหลงก็มองเกิงเคน ความทะเยอทะยานของตาเฒ่าตัวน้อยคนนี้นั้นใหญ่โตกว่าตัวเขาเสียอีก ไม่เพียงเขาต้องการจะดูดกลืนสถาบันกลืนกินโลหิต เขาก็ยังต้องการจะล้างบางนิกายเก้าอสูรและปกครองเมืองปีศาจทมิฬทั้งหมดด้วย
เกิงเคนก็ถือว่าความเงียบของหวงเสี่ยวหลงนั้นเป็นการาครุ่นคิดคำชักชวนของเขา นั่นเลยทำให้เขาดีใจอยู่ลับ แล้วยิ้มออกมาและพูดต่อไปว่า “หลังจากที่เรายึดเมืองปีศาจทมิฬแล้ว น้องหวงและข้าก็จะมีสถานะเป็นเจ้าเมืองเหมือนๆกัน”
ในดินแดนแห่งความโกลาหลนี้ เรื่องนี่ก็เป็นเรื่องปกติที่เมืองๆหนึ่งจะมีเจ้าเมืองปกครองถึงสองคน
“อ่อ พวกเราทั้งสองจะกลายเป็นเจ้าเมืองปีศาจทมิฬงั้นหรือ?”สีหน้าของหวงเสี่ยวหลงก็กลายเป็นไร้อารมณ์ซึ่งทำให้ไม่ว่าจะเป็นใครก็ยากที่จะคาดเดาว่าเขาคิดอะไรอยู่
เกิงเคนก็ยิ้มแล้วพูดต่อไปว่า “ใช่แล้ว พวกเราทั้งสองจะแบ่งปันการทำหน้าเป็นเจ้าเมืองปีศาจทมิฬ”
ตู่ซิน เติงกวงเหลียง และผ็อาวุโสนิกายพ่อมดนภาที่ยืนอยู่ข้างเคียงก็ไม่มีใครพูดอะไรออกมาสักคำ เดิมแล้วผู้อาวุโสนิกายทั้งสองคนนี้ก็เป็นคนจากฝ่ายเกิงเคนอยู่แล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงไม่แสดงอาการตกใจเมื่อได้ยนิว่าเกิงเคนวางแผนจะฆ่าเฉินเสี่ยวเทียน
หวงเสี่ยวหลงก็มองเกิงเคนและส่ายหัว เฒ่าชราเกิงเคนคนนี้ค่อนข้างเจ้าเล่ห์ทีเดียว หมอนี่มันต้องการจะยืมกำลังของเขาโดยใช้ตำแหน่งเจ้าเมืองปีศาจทมิฬล่อลวงเขา
ไอ้เฒ่านี่มันคิดจริงๆว่าหวงเสี่ยวหลงนั้นโง่เขลา
หวงเสี่ยวหลงก็พูดออกมา “นิกายพ่อมดนภาและเมืองปีศาจทมิฬนี้จะถูกยึดครองโดยข้าคนเดียวไม่ใช่สอง”
เกิงเคนก็ระเบิดเสียงหัวเราะกับคำพูดของหวงเสี่ยวหลงแต่ทันใดนั้น ใบหน้าของเขามืดครึ้ม และเย้ยหยันของออกมาอย่างเย็นชาจากนั้นก็ได้พูดออกไปว่า “เนื่องจากน้องหวงมั่นใจขนาดนั้น งั้นข้าก็จะรอคอยวันนั้นที่น้องหวงได้กลายเป็นเจ้าเมืองปีศาจทมิฬแล้วกัน”พอเขาพูดเสร็จ เกิงเคนก็หันหน้าและเตรียมพร้อมจะออกไปพร้อมกับผู้อาวุโสนิกายพ่อมดนภาทั้งสอง
“ใครอนุญาตให้เจ้าออกไปกัน?”ในเวลาเดียวกัน หวงเสี่ยวหลงก็ได้ส่งเสียงออกไปอย่างเย็นชา
เกิงเคนก็หยุดเดินและหันหน้ามาหาหวงเสี่ยวหลง ลึกลงไปในดวงตาของเขานั้นก็ได้เปล่งแสงสลัวออกมา “ไอ้สารเลว ภายในเมืองปีศาจทมิฬ ข้าจะมาหรือไปนั้นก็เป็นสิทธิของข้า เจ้าคิดว่าผู้ฝึกตนเซียนเทียนระดับ 6ตัวกระจ้อยอย่างเจ้าจะสามารถทำให้ข้าอยู่ได้งั้นหรือ?”ในขณะที่เขาพูดจบก็ได้มีเปลวเพลิงสีแดงระเบิดออกมาจากร่างและเข้าปกคลุมพื้นที่รอบๆทันทีซึ่งส่งผลให้เกิดแรงกดดันอันหนักหน่วง