บทที่ 1373 อาการบาดเจ็บของหนิงอัน
บทที่ 1373 อาการบาดเจ็บของหนิงอัน
ในทางกลับกัน จ้าวสวิ่นมองกู้อันหนิงด้วยความประหม่า จากนั้นก็มองไปที่กู้เสี่ยวหวาน จิตใจของเขาล่องลอยไม่อยู่กับเนื้อกับตัว จนกระทั่งรอยยิ้มเล็ก ๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของกู้เสี่ยวหวาน ใจของเขาก็คลายความกังวลลงและแอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก
สายตาคู่หนึ่งมองไปยังกู้หนิงอัน แล้วมองไปยังจ้าวจื่อเจี๋ยด้วยความโกรธ แล้วก้มหัวลงโดยไม่พูดอะไรสักคำ
กู้เสี่ยวหวานจับมือของกู้หนิงอัน ไม่มองไปที่จ้าวจื่อเจี๋ยเลยสักนิด และเพียงพูดกับจ้าวสวิ่นว่า “ใกล้จะรุ่งสางแล้ว ข้ารบกวนท่านมาทั้งคืนแล้ว กลับไปพักผ่อนก่อนเถอะ เข้าเองก็ต้องการพักผ่อนเช่นกัน”
จากนั้นก็จูงมือกู้หนิงอันเดินจากไป
ผ่านไปสักพัก มีเพียงตระกูลจ้าวเท่านั้นที่ถูกทิ้งไว้ในห้องโถงขนาดใหญ่
จ้าวสวิ่นมองดูกู้เสี่ยวหวานเดินจากไปและรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แม้จะรู้สึกอ่อนแอ แต่กลับเต็มไปด้วยความหนักแน่น
สิ่งที่นางพูดเมื่อครู่ แม้จ้าวสวิ่นจะได้ยินอย่างชัดเจน แต่ความหมายของมันเขากลับไม่เข้าใจเลยสักนิด
นางไม่ถามหาความรับผิดชอบจากจ้าวจื่อเจี๋ย หรือความรับผิดชอบจากตระกูลจ้าวเลยหรือ? ถึงได้ปล่อยพวกเขาไว้เช่นนี้
แต่ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ก็ดีแล้ว
ถึงแม้ว่าจ้าวสวิ่นจะรู้สึกปลื้มปริ่มอยู่บ้าง แต่ยังมีความรู้สึกเสียใจอยู่เล็กน้อย ตระกูลจ้าวรอดพ้นจากภัยพิบัติในครั้งนี้ ดูเหมือนว่าหลังจากนี้ต้องอบรมสั่งสอนเด็กสองคนนั้นให้ดีเสียหน่อย ในอนาคตจะได้ไม่มีปัญหาอีกต่อไป แม้ว่าจะมีบางอย่างผิดพลาด ตราบใดที่มันไม่เกี่ยวกับสวนกู้ มันก็จัดการได้ง่าย
และไม่ว่าจ้าวจ้าวจื่อเจี๋ยจะแย่แค่ไหน แต่เขาก็ยังคงเป็นลูกชายของจ้าวสวิ่น
คนเราถึงแม้เหี้ยมโหดแค่ไหนก็ไม่ทำร้ายลูกของตัวเอง ยิ่งกับจ้าวสวิ่นนั้นยิ่งเป็นไปไม่ได้
เมื่อเห็นว่ากู้เสี่ยวหวานไม่ต่อความยาวสาวความยืด จ้าวสวิ่นรู้สึกโล่งใจอยู่บ้าง แต่เขาก็ต้องการทำอะไรบางอย่างเพื่อแสดงให้กู้เสี้ยวหวานได้เห็น “เจ้าลูกไม่รักดี ถึงเสี้ยนจู่จะปล่อยเจ้าไป นั่นเพราะท่านมีเมตตายกโทษให้ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เจ้าต้องหันหน้าเข้าหากำแพงแล้วพิจารณาความผิดของเจ้าเป็นเวลาหนึ่งเดือน และห้ามก้าวเท้าออกจากบ้านโดยไม่ได้รับอนุญาต”
กู้เสี่ยวหวานที่จูงมือกู้หนิงอันออกไปรู้สึกคลายความกังวลลง กู้เสี่ยวหวานเผยยิ้มที่มุมปากของนางหลังจากได้ยินการลงโทษที่ไม่จำเป็นต้องมีก็ได้ดังมาจากข้างหลัง
การลงโทษเช่นนี้ ก็ยังดีกว่าไม่ลงโทษอะไรเลย
เดิมทีนางก็อยากจะรู้ว่าจ้าวสวิ่นนั้นจะขอโทษนางและลงโทษจ้าวจ้าวจื่อเจี๋ยอย่างไร ดูแล้วจ้าวสวิ่นคนนี้ยังคงทำอะไรไม่ได้
ถึงแม้ว่าเขาจะเริ่มต้นการเป็นพ่อได้ไม่ดีนัก แต่นั่นก็โทษเขาไม่ได้
เขารังแกนาง แถมยังพูดจาใส่ร้ายชื่อเสียงของนาง ผลักนางเข้าไปในกองไฟแล้วลักพาตัวกู้หนิงอัน และถึงแม้แผนการก่อนหน้านี้จะไม่สำเร็จ ดังนั้นก็ต้องใช้แผนสอง
ความเกลียดชังเช่นนี้ ถ้ากู้เสี่ยวหวานเป็นแม่พระ แล้วมีใครมาทำร้ายก็คงไม่คิดเล็กคิดน้อยอะไร
แต่ว่าครั้งนี้เขากลับกังวลคิดเล็กคิดน้อยมากเกินไป
รอยยิ้มที่มุมปากฉีกกว้างขึ้นเรื่อย ๆ นัยน์ตาฉายความเย็นยะเยือกและมองไปยังข้าง ๆ แต่กู้หนิงอันหนิงกลับเต็มไปด้วยความอ่อนโยน “จ้าวจื่อเจี๋ยจับเจ้าไปทำไมกัน”
“ระหว่างทางกลับ ข้าผ่านตรอกเล็ก ๆ ตรอกหนึ่ง ทันทีที่เข้าไป ข้าก็ถูกใครบางคนตีหัวจนหมดสติไป และเมื่อข้าตื่นขึ้นมาก็ถูกมัดมือมัดเท้าแล้วโยนเข้าไปในบ้านทรุดโทรมหลังนั้น มือเท้าถูกมัด ปากก็ถูกปิด พูดไม่ได้เลยสักคำ แต่ก็แปลก ตอนข้าตื่นขึ้นมาไม่มีใครอยู่ที่นั่นเลย พอตกดึกจ้าวจื่อเจี๋ยคนนั้นถึงเข้ามา เขาไม่พูดอะไรสักคำ แค่ต้องการทำร้ายข้า โชคดีที่จ้าวสวิ่นมาได้ทันเวลา ไม่เช่นนั้น ข้าเกรงว่าคืนนี้ข้าคงหนีไม่พ้นต้องถูกทำร้ายแน่” กู้หนิงอันพูดอย่างใจเย็น ด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา มุมปากยกขึ้นเล็กน้อยราวกับว่าเขากำลังพูดถึงเรื่องราวทั่ว ๆ ไปของคนอื่น
เมื่อได้ยินน้ำเสียงอันแผ่วเบาของกู้หนิงอัน ใจของกู้เสี่ยวหวานก็รู้สึกเคร่งเครียดขึ้นมา นางบีบฝ่ามือของกู้อันหนิงแน่นอีกครั้งและมองดูเขาด้วยความกังวลใจ
“ท่านพี่ ท่านสบายใจได้ ข้าไม่เป็นอะไร ตอนนั้นที่เขากำลังจะทำร้ายข้า โชคดีที่จ้าวสวิ่นมาได้ทันเวลา ท่านวางใจเถอะ ข้าสบายดี ท่านดูสิ” พูดจบก็กลัวว่ากู้เสี่ยววานจะไม่เชื่อ จึงหมุนตัวให้นางดูสองครั้ง “ท่านพี่ ท่านดูข้าสิ ข้าดูเหมือนคนไม่สบายหรือ”
กู้เสี่ยวหวานมองดูกู้หนิงอันที่มีท่าทีผ่อนคลายเช่นนี้ ดูเหมือนคนไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลยก็ยิ่งกังวลใจมากขึ้น
“ท่านพี่ ในที่สุดท่านก็กลับมาแล้ว” น้ำเสียงประหลาดใจดังมาจากบริเวณทางเดิน ทันใดนั้นก็เห็นร่างหนึ่งพุ่งออกมาอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็กระโดดใส่กู้หนิงอัน “ท่านพี่ ท่านพี่ ในที่สุดท่านก็กลับมา ท่านทำให้ทุกคนในบ้านตกใจมาก ฮือ ฮือ ฮือ”
“อึก…” จู่ ๆ กู้อันหนิงก็ส่งเสียงออกมา ดูเหมือนว่าเสี่ยวอี้จะเผลอแตะโดนบาดแผลบนร่างกายของเขา ทำให้เขาต้องเบะปากด้วยความเจ็บ แต่เพียงครู่เดียวก็กลับมาเป็นปกติ ยิ้มหยอกล้อกับกู้เสี่ยวอี้ “เด็กโง่ เจ้าไม่ต้องร้องแล้ว ไม่ใช่ว่าพี่ชายของเจ้ากลับมาหรือ?”
“ร่างกายของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง” กู้เสี่ยวหวานจ้องมองกู้หนิงอันอย่างไม่ละสายตา สีหน้าเจ็บปวดของกู้หนิงอันที่พยายามจะซ่อนไว้กลับไม่รอดพ้นสายตาของนางไปได้ เห็นได้ชัดว่าเป็นเพราะเสี่ยวอี้ที่ชนเข้ากับบาดแผลโดยไม่ทันระวัง เขาจึงแสดงสีหน้าเจ็บปวดออกมา
“ไม่มีอะไรหรอกน่า ท่านพี่อย่า… ท่านอย่าขยับ”
กู้เสี่ยวหวานก้าวไปข้างหน้าเพื่อดึงเสื้อของกู้หนิงอัน แต่กู้หนิงอันพยายามอย่างหนักเพื่อขยับให้หลุดพ้นจากการการกระทำของกู้เสี่ยวหวาน แต่เนื่องจากอาการบาดเจ็บบนร่างกายจึงไม่กล้าเคลื่อนไหวมากนัก และเกรงว่าการเคลื่อนไหวของตนเองจะทำให้พี่สาวเกิดสงสัยขึ้นมาหรือทำให้นางได้รับบาดเจ็บ ดังนั้นกู้หนิงอันจึงทำได้แค่ยึดเสื้อของตนเองไว้แน่น โดยไม่ให้กู้เสี่ยวหวานปลดมันออก
“เปิดออก” กู้เสี่ยวหวานเอ่ยอย่างโกรธเคือง สีหน้าเต็มไปด้วยความโกรธและความกังวล
“ท่านพี่” กู้หนิงอันขมวดคิ้ว หากแต่ไม่กล้าขยับเขยื้อนร่างกาย
กู้เสี่ยวอี้ซึ่งอยู่ข้าง ๆ เห็นพวกเขาสองคนเป็นเช่นนี้ก็รีบพูดเกลี้ยกล่อม “ท่านพี่ รีบถอดเสื้อออกให้พี่สาวดูหน่อยเถอะ จะได้ดูว่าท่านได้รับบาดเจ็บตรงไหน”
น้ำตาของกู้เสี่ยวอี้หลั่งรินออกมา น้ำตาที่เพิ่งหยุดไหลในเมื่อครู่กลับไหลออกมาอีกครั้ง
น้ำตาของกู้เสี่ยวหวานเอ่อล้นรอบดวงตา แต่นางยังสามารถกลั้นมันเอาไว้ได้ แต่ดวงตาคู่นี้กลับแดงก่ำ
กู้เสี่ยวหวานที่เป็นเช่นนี้ราวกับไม่ใช่กู้เสี่ยวหวานคนเดิมที่เคยรู้จัก ยิ่งทำให้กู้หนิงอันเป็นห่วงพี่สาวมากขึ้น
“ท่านพี่ ท่านอย่างร้องไห้เลย ข้าจะถอด ข้าจะถอดแล้ว” เมื่อเห็นหยดน้ำตาเม็ดใหญ่ไหลออกมาจากหางตาของพี่สาว กู้หนิงอันก็ทนไม่ได้ในที่สุด ใช้มือสองข้างเปิดเสื้อที่อยู่บนตัวออก แล้วพูดด้วยเสียงสะอื้น “ท่านพี่ ข้าไม่เจ็บ ข้าไม่เจ็บจริง ๆ”
กู้หนิงอันเอาแต่พูดไม่รู้จบ แต่ผิวหน้าอกที่ปรากฏต่อหน้ากู้เสี่ยวหวานกลับเปลี่ยนสีไปจนจำสีผิวเดิมแทบไม่ได้
มีรอยแผลฟกช้ำอยู่ที่หน้าอกของเขา และมีเพียงส่วนเดียวที่มีรอยบาดแผล ที่เหลือไม่มีส่วนไหนได้รับบาดเจ็บ ซึ่งเห็นได้ชัดว่าจ้าวจื่อเจี๋ยนั้นโหดเหี้ยมเพียงใด
—
บทที่ 1374 ร่วมมือกันเพื่อหลอกนาง
บทที่ 1374 ร่วมมือกันเพื่อหลอกนาง
มิน่าล่ะ เมื่อตอนกู้เสี่ยวหวานตรวจดู ดูแค่ที่ที่เห็นได้ง่าย กลับไม่เห็นหน้าอกด้านในที่ถูกเสื้อผ้าบดบังไว้
รอยแผลบนหน้าอกเริ่มช้ำขึ้นราวกับว่ามีคนเอากำปั้นทุบ
“ท่านพี่” กู้เสี่ยวอี้มองพร้อมปิดปากร้องไห้ออกมา ดวงตาแดงก่ำมองดูรอยแผลบนตัวกู้อันหนิงด้วยความกังวล
“สวรรค์! เจ้าได้รับบาดเจ็บหนักขนาดนี้ได้อย่างไร” เมื่อกู้ฟ่างสี่ได้ยินเสียงร่ำไห้ก็วิ่งออกมา มองไปที่รอยแผลบนตัวของกู้อันหนิง ดวงตาเริ่มแดงก่ำ “พี่สะใภ้ ในห้องของข้ามียาอยู่ รีบไปเอามาเร็ว”
คนกลุ่มหนึ่งประคองกู้อันหนิงไว้แล้วกลับเข้าไปในห้อง คนไปตามหมอก็ไปตามหมอ คนไปต้มน้ำก็ไปต้มน้ำ กู้ฟางสี่ทายาให้กู้หนิงอัน โดยมีกู้เสี่ยวหวานยืนอยู่ข้าง ๆ อย่างเงียบงัน สีหน้าที่นิ่งเรียบมองแทบไม่ออกว่านางนั้นรู้สึกอย่างไร
แต่ท่าทางของพี่สาวทำให้กู้อันหนิงรู้สึกกลัว “ท่านพี่ ท่านเป็นอะไรไป”
“ตกลงแล้วใครเป็นคนตีเจ้ากันแน่?” กู้เสี่ยวหวานเอ่ยถามขึ้น “เป็นจ้าวจื่อเจี๋ยใช่หรือไม่”
“เอ่อ… ตอนข้าตื่นขึ้นมา เขาก็ทุบตีข้าแล้ว ทุบตีแต่ตรงหน้าอกข้า ถอดเสื้อข้าออกแล้วตี คงเพราะเมื่อสวมเสื้อแล้วก็ไม่เห็นบาดแผลที่หน้าอก” กู้หนิงอันขมวดคิ้วพลางพูด เมื่อคิดได้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น เขาก็นึกหวาดกลัวอยู่เล็กน้อย
“ทำไมเจ้าไม่บอกข้าตั้งแต่แรกว่าเจ้าได้รับบาดเจ็บ” กู้เสี่ยวหวานรู้สึกโกรธขึ้นมา
“ท่านพี่ ข้ากลัวว่าท่านจะกังวล ข้าจึงไม่กล้าบอกท่าน”
“งั้นตอนนี้ข้าก็สบายใจแล้วงั้นสิ? ไม่ใช่ว่าเจ้ากับจ้าวสวิ่นปรึกษากันแล้วหรอกนะ ถึงจงใจรวมหัวกันเพื่อปกปิดข้า” ถึงตอนนี้มาคิด ๆ ดูแล้ว เมื่อตอนอยู่ในห้องโถง ตอนที่ตนดูอาการบาดเจ็บบนร่างกายของกู้หนิงอัน สายตาของจ้าวสวิ่นผู้นั้นมีความรู้สึกสงสัยเป็นพิเศษ ไม่แน่ว่าเขาอาจจะรู้อยู่แล้วก็ได้
“ท่านพี่ ข้าไม่ได้ร่วมมือกับจ้าวสวิ่นเพื่อหลอกท่าน นั่นเพราะเขากลัวว่าท่านจะทำร้าย ที่ข้าหลอกท่าน เพียงเพราะข้ากลัวว่าท่านจะกังวล ข้าไม่อยากให้ท่านทุกข์ใจ” เมื่อพูดจบ กู้หนิงอันก้มหน้าเงียบไม่พูดต่อ
ตอนนั้นเขาถูกตีจนสลบ ผ่านไปสักพักจ้าวสวิ่นก็หาเขาพบแล้วดูจากสถานการณ์ตอนนี้แล้ว เดี๋ยวก็คงต้องปล่อยไปก่อน เพื่อจะเรียกให้หมอมาดูบาดแผล
ยังดีที่บนร่างกายไม่ได้บาดเจ็บหนักอะไร มีแค่บาดแผลภายนอก ภายในไม่บาดเจ็บอะไร
กู้อันหนิงไม่ต้องการบอกกู้เสี่ยวหวาน ยังดีที่จ้าวสวิ่นผู้นั้นก็มีความคิดเช่นนี้
“คุณชายกู้ ลูกชายของข้าแสดงนิสัยหยาบกระด้างล่วงเกินคุณชายกู้ คุณชายกู้มีเมตตา ไม่คิดเล็กคิดน้อย ข้าเป็นหนี้บุญคุณคุณชายกู้ ถ้าหากวันไหนที่คุณชายกู้มีเวลาก็มาที่นี่เพื่อทวงคืน คุณชายกู้จะตีเขาอย่างไร คงไม่มีตระกูลจ้าวคนไหนตำหนิท่าน” ยังดีที่จ้าวสวิ่นรับรู้ ถ้ากู้เสี่ยวหวานรู้เข้า กู้หนิงอันได้รับการรักษาอยู่ที่นี่เช่นนี้ ตามนิสัยของนางแล้ว คงกลายเป็นศัตรูกันจริง ๆ แน่
“ที่ข้าไม่พูดไม่ใช่เพียงเพราะท่านขอร้อง แต่เพราะข้าไม่อยากให้พี่สาวของข้ากังวลใจเท่านั้น” กู้หนิงอันพูดด้วยท่าทางนิ่งสงบ จากนั้นกัดฟันสวมเสื้อผ้าให้เรียบร้อย แล้วจึงนั่งรถม้าของตระกูลจ้าวกลับสวนกู้
เมื่อกู้เสี่ยวหวานได้ฟังสิ่งที่กู้หนิงอันพูดก็สำรวจดูบาดแผลบนร่างกายของน้องชายอีกครั้ง และพยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา พลางพูดว่า “ท่านป้า ท่านอา พวกท่านช่วยดูแลทายาและให้หนิงอันพักผ่อนให้ดี สองสามวันนี้ห้ามขยับร่างกายมาก ให้พักอยู่บนเตียงไม่ต้องออกไปข้างนอก”
กู้หนิงอันรับรู้ว่าพี่สาวนั้นกำลังโกรธเคือง และยังรู้อีกว่าต้องเชื่อฟังนางเท่านั้นจึงจะเป็นเรื่องที่ดี เขาจึงพยักหน้าและพูดว่า “ท่านพี่ ท่านวางใจเถอะ ข้าจะรักษาบาดแผลให้หายดีโดยไว”
กู้เสี่ยวหวานหมุนตัวเดินจากไป ในคราวแรกใบหน้ายังเต็มไปด้วยความเป็นห่วง จึงหันกลับมาครู่หนึ่งด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไป
ใบหน้าที่งดงามนั้นนิ่งเรียบราวกลับธารน้ำแข็งก็ไม่ปาน
อาจั่วที่อยู่ข้าง ๆ ถามด้วยความกังวล “คุณหนู…”
กู้เสี่ยวหวานโบกมือแล้วตอบนิ่ง ๆ “ให้นางลงมือ”
อาจั่วพยักหน้าตอบรับ ร่างหนึ่งพุ่งผ่านและหายไปในตอนกลางคืนอย่างไร้ร่องรอย
กู้เสี่ยวหวานปิดตาลง เมื่อเดินมาถึงลานด้านใน มองดูพระจันทร์ที่สุกสกาวกลมโต แล้วปิดเปลือกตาลง บาดแผลบนตัวของกู้หนิงอันนั้นยังติดอยู่ในหัวของนางราวกับคำสาปที่ไม่อาจลบเลือนไปได้
โชคยังดีที่หมอพานมาดูอาการบาดเจ็บของกู้หนิงอันแล้ว เขาได้รับบาดเจ็บแค่ที่ผิวหนังภายนอกเท่านั้น กระดูกและอวัยวะภายในไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร ทุกคนจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก หลังจากใช้ยาและแผ่นแปะยาที่หมอพานให้มาแล้ว กู้หนิงอันทำตามคำพูดของพี่สาวด้วยความเชื่อฟังอย่างไม่กล้าโต้แย้งใด ๆ
ในมือของกู้เสี่ยวหวานถือผลไม้สีแดงลูกหนึ่งและกำลังปอกเปลือกของมัน จากนั้นจึงหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ จัดใส่จานแล้วนำไปวางไว้บนหัวเตียงของกู้หนิงอัน ใช้ก้านไม้ไผ่เล็ก ๆ เสียบไว้บนผลไม้ ให้กู้หนิงอันได้กินเป็นบางครั้งคราว
กู้เสี่ยวอี้ที่นอนคว่ำหน้าอยู่บนหัวเตียง ดูหนังสือที่กู้หนิงอันนำมาจากเมืองรุ่ยเสียน พลิกกลับไปกลับมา
สามพี่น้องไม่ได้พูดคุยกันสักคำ อ่านหนังสือและพักผ่อน เพราะกู้เสี่ยวหวานไม่ยอมให้กู้หนิงอันอ่านหนังสือเองจึงนั่งลงข้าง ๆ และอ่านให้กู้หนิงอันฟัง
ภายในห้องมีแค่เสียงนุ่ม ๆ ของกู้เสี่ยวหวาน และมีเสียงพลิกหน้ากระดาษเป็นครั้งคราว
ทั้งสามพี่น้องยังคงนั่งอยู่อย่างนั้นเป็นเวลานาน กระทั่งตะวันเริ่มลับขอบฟ้า เพราะเป็นช่วงฤดูร้อน ถึงแม้ตะวันจะลับขอบฟ้าไปแล้ว แต่ท้องฟ้าก็ยังคงสว่างอยู่
กู้เสี่ยวหวานอ่านไปได้ครึ่งเล่มก็เริ่มรู้สึกเหนื่อยขึ้นมาแล้ว จึงลุกขึ้นแล้วพูดว่า “หนิงอัน เจ้าพักผ่อนเถอะ ข้าต้องเข้าไปดูในครัวหน่อยว่าเป็นอย่างไรบ้าง”
กู้หนิงอันก็รู้สึกอ่อนเพลียเล็กน้อย จึงพยักหน้ารับแล้วหลับตาลง
กู้เสี่ยวหวานจูงน้องสาวออกมาด้วยแล้วจึงปิดประตูลง หลังจากเดินดูรอบ ๆ ในครัวแล้ว นางจึงกลับไปที่ห้องของตัวเอง
เมื่อเข้ามาก็พบกับอาจั่วที่กลับมาจากข้างนอกด้วยท่าทางรีบร้อน มองกู้เสี่ยวหวานด้วยความดีใจ “คุณหนู สำเร็จแล้ว”
คิ้วและตาของกู้เสี่ยวหวานอ่อนลงเล็กน้อย หลังจากได้ยินประโยคนี้ รอยยิ้มจึงผุดขึ้น “ทำได้ดีมาก”
สวนกู้ค่อนข้างอยู่ห่างไกลจากในเมือง ดังนั้นถ้ารอให้เรื่องที่เกิดขึ้นในเมืองไปถึงสวนกู้ คงดึกเกินไป
จานหงอี้วิ่งไปยังบ้านของจ้าวสวิ่น และบอกว่านางตั้งครรภ์… ตั้งครรภ์ลูกของจ้าวจื่อเจี๋ย และบังคับให้จ้าวจื่อเจี๋ยแต่งงานกับนางพร้อมกับรับผิดชอบลูกในท้อง
จ้าวสวิ่นโกรธจนแทบพ่นไฟ ถ้าจานหงอี้คนนี้เป็นลูกสาวของคนที่มีชื่อเสียงก็ไม่เป็นอะไร แต่ในความเป็นจริงกลับไม่ได้เป็นเช่นนั้น นางเป็นแค่ลูกสาวของครอบครัวธรรมดาเท่านั้น