วันต่อมานั้นเป็นวันที่ดีท้องฟ้าแจ่มใส!
หวงเสี่ยวหลงนั้นกำลังนั่งจิบไวน์ในห้องโถงหลักของคฤหาสน์ ตู่ซินและเติงกวงเหลียงทั้งสองคนก็ได้เชิญศิษย์น้องของเขาทั้ง 3 คนมางานเลี้ยงที่เขาวาแผนไว้ หวงเสี่ยวหลงเชื่อว่าทั้งสองคนทำงานที่สั่งไว้ได้อย่างลุล่วง
ในขณะที่หวงเสี่ยวหลงกำลังรื่นรมย์ไปกับไวน์ในมือของเขานั้น ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าและเสียงหัวเราะด้านนอกห้องโถง
“ศิษย์พี่ใหญ่ ท่านใจดีจริงๆที่เชิญพวกเราพี่น้องเป็นการส่วนตัว แค่ส่งข้ารับใช้ไปแจ้งพวกเราก็เพียงพอแล้ว ท่านคิดว่าพวกเราสามคนจะกล้าปฏิเสธคำเชิญจากท่านงั้นหรือ?”
พอได้ยินเสียงนี้ หวงเสี่ยวหลงก็รู้ว่าตู่ซินและเติงกวงเหลียงได้กลับมาแล้ว ซึ่งคนที่เพิ่งพูดไปนั้นก็คือหนึ่งในศิษย์น้องของเขา
“ศิษย์น้องพูดแบบนี้ได้เยี่ยงไร? ในหมู่ศิษย์ทุกคน ศิษย์น้องหลินเป็นคนที่ท่านอาจารย์โปรดปรานมากที่สุด พวกเราศิษย์พี่ทั้งสองยังต้องให้เจ้าช่วยพูดเรื่องดีต่อหน้าท่านอาจารย์ให้เลย!”ครั้งนี้ตู่ซินเป็นคนพูด
“ฮิฮิ ไม่มีปัญหา”
ในขณะที่เสียงเขาเงียบลง หวงเสี่ยวหลงก็เห็นตู่ซินและเติงกวงเหลียงนำชายหนุ่มที่สวมชุดผู้อาวุโสนิกายพ่อมดนภาก้าวเข้ามาในห้องโถง
เมื่อเข้ามา ทั้งสามคนก็มองเห็นหวงเสี่ยวหลงนั่งอยู่ในห้องโถงสบายๆจิบๆไวน์ไปด้วย ทำให้พวกเขาทนไม่ไหวจนต้องตกตะลึง
หลังจากผ่านไปมี่กิวิ ทั้งสามคนก็รู้สึกตัว
“ทาสสุนัขตัวใหนกล้านั่งจิบไวน์บนที่นั่งของเจ้าคฤหาสน์กัน!”หนึ่งนั้นก็คำรามออกมาด้วยความโกรธ
เห็นได้ชัดว่า เขาเข้าใจผิดว่าหวงเสี่ยวหลงเป็นข้ารับใช้
“ศิษย์พี่ใหญ่ ไม่ใช่ว่าทาสนี่มันทำตัวไม่เกรงกลัวไปงั้นหรือ? มันกล้าเข้ามาเดินเล่นในพื้นที่ของเจ้าคฤหาสน์และกินดื่มไวน์เมื่อเจ้าของไม่อยู่!”อีกคนหนึ่งก็ได้พูดออกมา
“เนื่องมันเกิดขึ้นแบบนี้ ศิษย์น้องคนนี้จะสอนทาสที่แส่หาที่ตายแทนที่ศิษย์พี่ทั้งสองเอง!”ศิษย์น้องคนสุดท้ายก็ได้ตะโกนออกมาอย่างเที่ยงธรรมและครู่ต่อมาร่างกายของเขาก็หายตัวไปแล้วพุ่งโจมตีใส่หวงเสี่ยวหลง
การโจมตีที่เขาส่งออกไปก็ได้ทำให้พื้นที่รอบๆกตร้าวซึ่งมันได้ปลดปล่อยกลิ่นเน่าเหม็นราวกับศพเน่าที่กระจายไปทั่วห้องโถง
กระบวนท่านี้ก็เป็นกระบวนท่าเดียวกันกับตู่ซินและเติงกวงเหลียงที่พยายามโจมตีหวงเสี่ยวหลงเมื่อก่อนหน้านี้ที่เนินเขานั่นซึ่งก็คือเคล็ดวิชาต่อสู่หมัดศพนภา แต่พลังโจมตีของคนๆนี้กลับเบากว่าเมื่อเทียบกับตู่ซินและเติงกวงเหลียง
พอมองเห็นคนๆนี้ก็โจมตีใส่หวงเสี่ยวหลงด้วยวิธี หวงเสี่ยวหลงก็เย้ยหยันอย่างเย็นชา ตามการอธิบายของตู่ซิน คนๆนี้จะเป็นหลินหยูและเป็นคนศิษย์ที่เฉินเสียวเทียนชื่นชอบที่สุด
หลินหยู เป็นผู้ฝึกตนระดับเซียนเทียนขั้นที่ 5 ชั้นสูงสุด
หวงเสี่ยวหลงมองดูโดยไม่เคลื่อนไหวและรอจนกระทั่งหมัดเข้ามาใกล้ จากนั้นเขาก็ยกมือขึ้นอย่างธรรมดาและใช้ฝ่ามือโจมตีสวนกลับไปปะทะใส่หมัดที่พุ่งเข้ามา
จากการโจมตีด้วยฝ่ามือของหวงเสี่ยวหลงนั้น ก็ได้มีพระพุทธรูปปรากฏขึ้นมาจากพื้นอย่างนับไม่ถ้วน จากนั้นก็ได้มีแสงสว่างบริสุทธิ์เปล่งประกายขึ้นมาซึ่งก็คือพลังพุทธะสว่างขึ้นไปทั่วห้องโถง และในเวลาเดียวกัน พลังกดดันทางจิตวิญญาณอันหนักหน่วงเข้าครอบคลุมทุกคนในห้องโถงหลักราวกับน้ำท่วมไปทุกทิศทาง
วิชานี้คือเคล็ดวิชาการต่อสู้ที่หวงเสี่ยวหลงสร้างขึ้น ฝ่ามือพุทธปฐพี
จู่ๆพื้นที่เหนือหัวพวกเขาก็สั่นไหวอย่างรุนแรง
ส่วนที่เหลือก็พบว่ามันยากที่เชื่อว่าพวกเขากำลังมองหมัดมือศพนภากำลังถูกฝ่ามือหวงเสี่ยวหลงบดขยี้ซึ่งเป็นฝ่ามือสีทองที่มีพระพุทธรูปหลากหลายแฝงอยู่ภายในซึ่งมันได้พุ่งเข้าใส่หน้าอกของหลินหยู
หลินหยุดก็กรีดร้องซึ่งร่างของเขาได้หมุนคว้างและพุ่งชนกำแพงหินของห้องโถง แต่ไม่นานประตูไม้ที่แตกหักก็ได้พุ่งกระจายทิ่มไปทั่วพื้นห้อง
ความเงียบก็ได้เข้าปกคลุมห้องโถงอันยับเยิน
อีกสองคน ดวงตาเกาฉิงและหวูหงกังก็เกือบจะพุ่งออกมาจากเบ้าในขณะที่มองศิษย์พี่สามหลินหยูถูกโจมตีล้มลงพื้นไปพร้อมกับร่างกายที่เต็มไปด้วยเลือด
ศิษย์พี่สามหลินหยูนถูกจัดการอย่างน่าสงสัยโดยแค่เพียงการโจมตีครั้งเดียวจากทาส?! ปฏิกิริยาแรกตามธรรมชาติก็คือความไม่เชื่อนั่นเพราะทาสนี่จจะทรงพลังขนาดนี้ได้อย่างไร!
ปฏิกิริยาต่อมาของพวกเขาก็คือ ชายหนุ่มผมดำคนนี้อาจจะไม่ใช่ทาสของศิษย์พี่ก็ได้ มันเป็นไปไม่ได้ที่ทาสจะมีความแข็งแกร่งขนาดนี้
ทั้งสองคนนั้นทนไม่ไหวจนต้องขอคำยืนยัยนจากตู่ซินและเติงกวงเหลียง
“ศิษย์พี่ใหญ่ คนๆนี้เป็นใคร? หรือว่าเขาจะเป็นแขกของท่าน? เขากล้าทำลายศิษย์พี่หลินหยูบาดเจ็บนหักขนาดนี้ได้เยี่ยงไร!”เกาฉิงก็ส่งเสียงออกมาตกใจและโกรธขึ้นมาในเวลาเดียวกัน
แต่ก่อนที่คำพูดของเกาฉิงจะเสร็จ ทั้งสองคนก็ได้มองเห็นตู่ซินและเติงกวงเหลียงเดินเข้าใกล้ชายหนุ่มผมดำด้วยความเคารพจากนั้นพวกเขาก็โค้งทักทาย “นายน้อย!”
“นายน้อย?!”เกาฉิงและหวูหวงกังก็ตกใจในขณะที่พวกเขาจ้องมองหวงเสี่ยวหลง
ตู่ซินและเติงกวงเหลียงเรียกชายหนุ่มคนนี้ว่าอะไรนะ? นายน้อย?!
มันเกิดอะไรขึ้นที่นี่กัน?! ไม่มีใครสามารถเข้าใจถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้เร็วนัก
“พวกเข้าทั้งสองทำได้ดี”หวงเสี่ยวก็พูดยกยอตู่ซินและเติงกวงเหลียง
ใบหน้าของตู่ซินและเติงกวงเหลียงก็เต็มไปด้วยความสุขพอได้ยินคำยกยอของหวงเสี่ยวหลง จากนั้นพวกเขาทั้งสองก็โค้งตัวอีกรอบ “ขอบคุณนายน้อยที่ชมขอรับ เรื่องนี้เป็นสิ่งที่พวกข้าผู้ใต้บังคับบัญชาควรจะทำ”
มันเป็นสิ่งที่พวกข้าผู้ใต้บังคับบัญชาควรทำงั้นหรือ?! เกาฉิงและหวูหวงกังในที่สุดก็เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ดวงตาทั้งสองก็ลุกเป็นไฟในขณะที่เขาจ้องมองตู่ซินและเติงกวงเหลียง ใบหน้าของพวกเขาบิดเบี้ยวไปด้วยความโกรธเกรี้ยว ถ้าพวกเขายังไม่เข้าใจว่าตอนนี้เกิดอะไรขึ้น พวกเขาก็ควรจะปลิดชีวิตและโดดผาตาย
“ตู่ซินและเติงกวงเหลียง พวกเขาทั้งสองกล้าทรยศนิกายพ่อมดนภา ยอมจำนนต่อคนอื่นงั้นหรือ?!”เกาฉิงก็ชี้นิ้วไปที่ตู่ซินและเติงกวงเหลียงและเตือนสติ
คำพูดพวกนี้ทำให้ตู่ซินและเติงกวงเหลียงหัวเราะอย่างเสียดสี
“นายน้อยจะยึดครองนิกานพ่อมดนภาในช้าก็เร็ว ไม่เพียงแค่นิกายพ่อมดนภาเท่านั้น ที่จริงแล้วทั้งเมืองปีศาจทมิฬก็จะตกอยู่ภายในเงื้อมมือของนายน้อย!”ตู่ซินก็เย้ยหยัน “ข้าแนะนำให้พวกเจ้าศิษย์น้องทั้งสามคุกเข่ายอมจำนนนายตอนนี้ และสาบานจะจงรักภักดีซะ มิฉะนั้นมันคงสายเกินไปที่จะเสียใจทีหลัง”
เกาฉิงก็หัวเราะอย่างบ้าคลั่งพอได้ยินคำพูดนี้ และชี้นิ้วใส่หวงเสี่ยวหลงด้วยใบหน้าดูถูก “ไอ้สารเลวตัวนี้ต้องการยึดครองนิกายพ่อมดนภาของพวกเรา? ควบคุมเมืองปีศาจทมิฒทั้งเมืองงั้นหรือ?”เขาก็ระเบิดเสียงหัวเราะดังก้องราวกับเป็นสิ่งที่ตัวตลกที่สุดในโลก
ไม่เพียงเกาฉิง แม้กระทั่งหวูหงกังก็ยังดูถูกคำพูดของตู่ซิน
ความจริงแล้วพวกเขาก็ทนไม่ไหวจนต้องดูถูกและสงสัยในโอกาสที่หวงเสี่ยวหลงยื่นมาให้ อาจารย์ของเฉินเสี่ยวเทียนที่อยู่ในตำแหน่งประมุขนิกายพ่อมดนภามากกว่าหลายร้อยปีแต่เขาไม่เคยควบคุมนิกายได้ทั้งหมด แต่พวกเขากล้าบอกว่าชายหนุ่มคนนี้สามารถทำในสิ่งที่อาจารย์ของเขาทำไม่ได้งั้นหรอ?
ส่วนสำหรับการยึดครองปีศาจทมิฬที่เหมือนกับเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
พอมองเห็นการเย้ยหยันของทั้งสอง หวงเสี่ยวหลงก็เดินไปหาทั้งสองอย่างใจแบบไม่รีบร้อน
พอสังเกตเห็นว่าหวงเสี่ยวหลงกำลังเดินเข้ามา เกาฉิงและหวูหงกังกตกใจ ในที่สุดพวกเขาก็เข้าใจจุดที่สำคัญที่สุดในตอนี้แล้ว ไม่ว่าหวงเสี่ยวหลงจะสามารถเข้าควบคุมนิกายพ่อมดนภาหรือเมืองปีศาจทมิฬได้หรือไม่นั้น แต่สำหรับตอนนี้ถ้าหากหวงเสี่ยวหลงต้องการชีวิตของเขา ก็ไม่มีใครในพวกเขาจะสามารถหนีรอดได้
ราวกับได้ตกลงกัน ทั้งเกาฉิงและหวูหงกังก็ได้ปายาพิษไปทางหวงเสี่ยวหลงและพวกมันก็ได้กลายเป็นกลุ่มหมอกสีเหลืองจากนั้นพวกเขาก็ต้องการจะหลบหนี แต่ในในขณะที่ทั้งสองคนกำลังถอยหลี พวกเขาก็มองเห็ฯหวงเสี่ยวหลงที่ไม่เบลอและแยกร่างออกไปเป็นไปหลายร่างพร้อมกับมีมือลวงตานับไม่ถ้วนออกมาจากหลัง
ทั้งสองคนก็กรีดร้องออกมาในขณะที่พวกเขาถูกจบลงไปกองกับพื้น
พรืด! พวกเขาได้กระอักเลือดออกมาจากปากในขณะที่เขายกหัวขึ้นมองหวงเสี่ยวหลงอย่างหวาดกลัว
เมื่อกี้นี้มันเคล็ดวิชาอะไรกัน?!
เกาฉิงและหวูหงกังไม่ใช่เป็นเพียงสองคนที่ตกใจ ทั้งตู่ซินและเติงกวงเหลียงที่มองอยู่จากด้านข้างนั้นก็รู้สึกหนาวสั่น
“ข้าจะให้โอกาสเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย ตายหรือสาบานจะจงรักภักดีกับข้า”น้ำเสียงอันเย็นชาของหวงเสี่ยวหลงก็ดังขึ้น
ในขณะนั้น หลินหยูที่เป็นคนแรกที่ถูกโจมตีโดยหวงเสี่ยวหลงก็ลุกขึ้นจากพื้นช้าๆ ในดวงตาของหลินหยูก็แดงเข้มไปด้วยความโกรธในขณะที่เขามองหวงเสี่ยวหลงแกระอักเลือดออกมาจากปาก “พรืด ต้องการให้เข้ายอมจำนนงั้นหรือ? ใอ้สารเลว เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใคร เจ้ากล้าฆ่าพวกเรางั้นหรือ? อย่าหวังว่าจะมีชีวิตรอดออกจากเมืองปีศาจทมิฬไปได้หากเจ้ากล้าลงมือแตะต้องเรา!”
หลินหยูก็ไม่รู้สึกเกรงกลัวจากการที่มีคนสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง เขาเชื่อว่าหวงเสี่ยวหลงไม่กล้าฆ่าพวกเขา
“จริงงั้นหรือ?”ในดวงตาของหวงเสี่ยวหลงก็ระเบิดจิตสังหารออกมา ในชั่วพริบตา เขาก็เคลื่อนไหวมาอยู่ข้างหลินหยู จากนั้นก็ได้มีลำแสงอันอันเย็นชาสองเส้นกระพริบขึ้นและหายไปอย่างรวดเร็ว
หลินหยูก็จับคอตัวเองและหันไปข้างๆอย่างช้าๆแล้วชี้ใส่หวงเสี่ยวหลง จากนั้นก็ได้มีเลือดอุ่นสีแดงสดปะทุออกมาจากลำคอของเขาไม่มีสิ้นสุด
“เจ้า ทำ อย่างนี้….”เขาก็ยังไม่เชื่อว่า หวงเสี่ยวหลงกล้าฆ่าเขาในเมืองปีศาจทมิฬ