ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว – บทที่ 769 หลักการของเฮยฉือ (1)

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

บทที่ 769 หลักการของเฮยฉือ (1)

ในโถงตู้เซียน จี้อู๋โหย่วมองไปยังสัตว์เทพที่กำลังยืนอยู่อย่างภาคภูมิใจ

เขาก้มศีรษะลงอีกครั้งเพื่ออ่านยันต์หยกในมือของเขาเป็นครั้งที่สี่

มา มาเลย!

ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ออกคำสั่งด้วยตัวเอง!

ยันต์หยกที่ดูเหมือนธรรมดา ยังคงมีอักขระเต๋าที่ลึกซึ้งเช่นนั้นเหลืออยู่ ทำให้วัสดุของมันระเหิดไปบาส่วน!

จี้อู๋โหย่วร้องตะโกนว่า “เร็วเข้า! รีบจัดเตรียมกรงให้ผู้อาวุโสไป๋เจ๋อ!”

ขณะนั้น เหล่าผู้อาวุโสในโถง หลี่ฉางโซ่ว และหลิงเอ๋อร์น้อยที่กำลังยืนอยู่ที่ด้านข้าง ต่างก็เงียบงัน

ในขณะที่ใบหน้าสง่างามของไป๋เจ๋อก็แทบจะกลายเป็นหน้าลา

ผู้อาวุโสที่อยู่ด้านข้างผู้หนึ่งรีบกล่าวเตือนว่า “ท่านเจ้าสำนัก จัดเตรียมสถานที่พักขอรับ!”

“แค่กๆ แค่กๆ! ใช่แล้ว!

จัดเตรียมสถานที่ให้ผู้อาวุโสไป๋เจ๋อ!”

จี้อู๋โหย่วรีบประสานมือคารวะและโค้งคำนับพลางกล่าวว่า “ขอผู้อาวุโสโปรดอย่าตำหนิข้าเลย หัวใจเต๋าของข้าวุ่นวายไปพักหนึ่ง และข้าก็ควบคุมตัวเองไม่ได้

อย่างไรเสีย ท่านปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ก็ได้ออกคำสั่งมาให้ข้าด้วยตัวเองแล้วขอรับ”

สัตว์มงคลขมวดคิ้วและมองไปที่หลี่ฉางโซ่ว ทว่าคำพูดของหลี่ฉางโซ่วก็สะท้อนอยู่ในใจของเขา

“ไม่ต้องพูด ไม่ต้องถาม เพียงพยักหน้าเท่านั้น”

ไป๋เจ๋อพยักหน้าช้าๆ รูปร่างที่สวยงามของเขาเปล่งประกายด้วยแสงเจ็ดสี ทำให้เหล่าผู้อาวุโสรู้สึกเคลิบเคลิ้มหลงใหลเล็กน้อย

หลี่ฉางโซ่วกล่าวว่า “ท่านเจ้าสำนัก ผู้อาวุโสไป๋เจ๋อชอบอยู่อย่างสันโดษ ไยท่านไม่ลองหาภูเขาใกล้ๆ กับยอดเขาหยกน้อยของเราแล้วใช้มันเป็นสถานที่สำหรับการพักผ่อนของผู้อาวุโสไป๋เจ๋อเล่าขอรับ?

เจ้าสำนัก โปรดออกคำสั่งไม่ให้ผู้ใดรบกวนการเข้าปิดด่านบำเพ็ญเพียรของผู้อาวุโสด้วยขอรับ”

“ได้” จี้อู๋โหย่วตอบตกลงทันที

ไป๋เจ๋อเคลื่อนย้ายสายตาจ้องมองไปมาระหว่างจี้อู๋โหย่วและหลี่ฉางโซ่ว แล้วเขาก็เม้มปากโดยไม่เอ่ยวาจาใด

โดยทั่วไปแล้ว กระบวนการในจัดวางไป๋เจ๋อทั้งหมดนั้นมีเสถียรภาพมั่นคงทีเดียว

นอกเหนือจากหลี่ฉางโซ่วและศิษย์น้องหญิงของเขาแล้ว ก็มีเพียงจี้อู๋โหย่ว และเหล่าผู้อาวุโสเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้ต้นกำเนิดของไป๋เจ๋อ

ไม่ใช่เรื่องยากที่ไป๋เจ๋อจะซ่อนตัวเองจากศิษย์ของสำนักตู้เซียน

จี้อู๋โหย่วใช้ข่ายอาคมพลังเซียนของเขาห่อหุ้มภูเขาที่ว่างเปล่าข้างยอดเขาหยกน้อยก่อน แล้วค่อยปล่อยให้ไป๋เจ๋อไปเลือกสถานที่พัก

หลังจากได้ยินเสียงของหลี่ฉางโซ่วแล้ว จี้อู๋โหย่วก็ถือโอกาสออกคำสั่งของเจ้าสำนักเพื่อให้หลี่ฉางโซ่วรับผิดชอบดูแลการก่อสร้างเคหาสน์ถ้ำของไป๋เจ๋ออย่างเต็มที่ รวมถึงค่ายกลเวทต่างๆ ของ “ยอดเขาเฮ่ยฉือ” นี้ ทั้งหมด ซึ่งหอไป่ฝานจะเป็นผู้รับผิดชอบจัดหาให้

ชื่อเฮ่ยฉือนี้ เป็นเพียงการอำพรางเท่านั้น

หลังจากที่เจ้าสำนักและเหล่าผู้อาวุโสออกจากยอดเขาเฮ่ยฉือแล้ว หลี่ฉางโซ่วก็กระซิบบางอย่างกับหลิงเอ๋อร์เบาๆ

จากนั้นหลิงเอ๋อร์ก็หันหลังกลับและบินกลับไปที่ยอดเขาหยกน้อย ปล่อยให้หลี่ฉางโซ่ว และไป๋เจ๋ออยู่กันตามลำพัง…

ไป๋เจ๋อซึ่งนอนอยู่ข้างสระน้ำด้วยใบหน้าที่ดูไร้ชีวิตชีวา ก็อดจะถอนหายใจเบาๆ ออกมาไม่ได้

ในขณะนั้น หลี่ฉางโซ่วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วถอนหายใจในใจ

ท้ายที่สุดแล้ว เขาก็ยังไม่อาจสังหารไป๋เจ๋อได้

ก่อนหน้านี้ ในเคหาสน์ถ้ำของตู้เอ้อร์เจินเหริน เขาได้ร่วมร้องเพลงเดียวกันกับปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่

ความจริงแล้ว พวกเขาเพียงกำลังล้อเล่น และกดขี่ข่มเหงไป๋เจ๋อเจ็ดในสิบส่วน

ที่เหลืออีกสามส่วนก็คือ หลี่ฉางโซ่วและปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่มีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน…

หลี่ฉางโซ่วสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่า ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่มีความรู้สึกแห่งความยุติธรรมทั่วไป

ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ไม่ชอบเกี่ยวข้องกับกรรม เนื่องจากขอบเขตเต๋าของเขาอยู่สูงและเขาก็ดำรงอยู่มาเป็นเวลานาน เขาจึงได้เห็นความเศร้า ความสุข การพลัดพราก และความทุกข์ยากของสิ่งมีชีวิตมามากเกินไป

ดังนั้น โดยปกติแล้ว เขาจึงมักมีท่าทางไม่แยแสกับความเป็นความตายของสิ่งมีชีวิต

ทว่าปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ก็ไม่ใช่คนไร้หัวใจ โหดร้ายเย็นชาอย่างแน่นอน

ตัวอย่างเช่น วันนี้ ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่รู้สึกว่าไป๋เจ๋อไม่ได้กระทำผิดร้ายแรง ดังนั้น จึงไม่จำเป็นต้องสังหารเขา

นอกจากนี้ ไป๋เจ๋อยังตั้งใจที่จะเข้าร่วมในสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน ด้วยความสามารถและการเป็นสัตว์มงคลของไป๋เจ๋อ จึงถือได้ว่า ไป๋เจ๋อเหมาะที่จะเข้าสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน

ดังนั้นปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่จึงยังคงแกล้งยั่วแหย่ และแนะนำให้หลี่ฉางโซ่วปล่อยไป๋เจ๋อไปสักครั้ง

แน่นอนว่า ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ย่อมคิดเช่นนั้นได้ เพราะในท้ายที่สุด นอกเหนือจากเหล่าจอมปราชญ์แล้ว ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ก็ไม่ต้องกลัวอะไร…

แต่หลี่ฉางโซ่วทำไม่ได้

หลี่ฉางโซ่วอยู่ตรงกลางของกระแสวังวนบรรพกาลแล้ว เขาไม่ต้องการให้อันตรายใหญ่หลวงที่ซ่อนเร้นเพียงนั้น ยังคงถูกทิ้งไว้เบื้องหลังอย่างแน่นอน!

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังจากที่รู้ว่า ไป๋เจ๋อแอบเฝ้าสังเกตเขาอย่างลับๆ มานานมากแล้ว และหลี่ฉางโซ่วก็รู้สึกว่าไพ่ไม้ตายส่วนใหญ่ของเขาอาจถูกไป๋เจ๋อค้นพบเช่นกัน!

เขากังวลจริงๆ

ทว่าหลี่ฉางโซ่วและปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ก็ไม่ได้โต้เถียงกัน

หากมีความคิดเห็นแตกต่างกัน ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่และหลี่ฉางโซ่วจะต่างถอยหลังไปคนละก้าว และค่อยๆ บรรลุข้อตกลงร่วมกันในระหว่างกระบวนการกลั่นแกล้งไป๋เจ๋อ

หลังจากนั้นสองศิษย์พี่ศิษย์น้องก็ปล่อยการโจมตีพร้อมกันโดยใช้วิธีการที่เชื่อถือได้ของพวกเขาเองเพื่อควบคุมไป๋เจ๋อ…

ระหว่างขั้นตอนนี้ ดูเหมือนว่า ไป๋เจ๋อจะเป็นเช่นเหยื่อผู้บริสุทธิ์ ทว่าความจริงแล้ว เขาได้บรรลุสิ่งที่เขาต้องการมาตั้งแต่แรกแล้ว

นั่นคือ การเข้าร่วมสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน

ในขณะนั้น การโจมตีครั้งใหญ่ที่สุดที่ไป๋เจ๋อได้รับความเจ็บปวดทนทุกข์นั้น ไม่ได้ถูกปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่และหลี่ฉางโซ่วควบคุมเอาไว้ และไม่ใช่ว่า หลี่ฉางโซ่วจะทำลายสถานการณ์และพบสถานที่ซ่อนของเขาได้อย่างง่ายดาย

ไป๋เจ๋อได้ตัดสินความมุ่งมาดปรารถนาของเทพวารีผิดไปตั้งแต่ต้น…

เขาควรจะต้องเป็นจ้าวผู้ปกครองของยุคหนึ่ง แต่สุดท้ายแล้ว เหตุใดเขาจึงไม่คิดที่จะเป็นจ้าวผู้ปกครองโลกและเพียงต้องการอยู่อย่างสบายใจไร้กังวลเท่านั้น?

แล้วรูปแบบเป็นอย่างไรเล่า?

แล้วสถานการณ์โดยรวมเป็นอย่างไรเล่า?

ไม่สิ เงื่อนไขของเทพวารีเป็นอย่างไร!?!

จอมปราชญ์ที่ทรงพลังแข็งแกร่งที่สุดกำลังยืนอยู่ข้างหลังเขา และเขาก็กำลังยืนอยู่ในกระแสทั่วไปของเต๋าสวรรค์ด้วยเช่นกัน

การวางแผนการของเขาช่างน่าทึ่งนัก และความก้าวหน้าของระดับฐานพลังของเขาก็รวดเร็วอย่างน่าสะพรึงกลัว

เขายังใช้วิธีการของวิธีการลงทัณฑ์แห่งสวรรค์เป็นระยะในทุกๆ สองสามวันเพื่อให้มีปฏิสัมพันธ์โต้ตอบกับเต๋าสวรรค์อย่างใกล้ชิด!

ภายใต้เงื่อนไขเช่นนี้ หากเขาไม่สร้างชื่อให้ตัวเขาเอง แต่เพื่อแสวงหาความสงบสุขและการวางเฉย แล้วนี่จะไม่ใช่เรื่องน่าขันสำหรับเขา ไป๋เจ๋อ หรอกหรือ?

ว่ากันตามตรง ก่อนหน้านี้ ไป๋เจ๋อเคยเห็นเทพวารีมาแล้ว เทพวารีที่ถูกสวรรค์ลงทัณฑ์หลายครั้งแต่ยังคงรอดชีวิตมาได้

ไป๋เจ๋อย่อมรู้ว่าเป็นเพราะเทพวารีรู้ว่ามันเหมาะสมแล้วอย่างแน่นอน

แม้เขาจะไม่พอใจผู้ที่อยู่ในวังเมฆม่วง แต่เขาก็ได้รับการลงทัณฑ์เพียงเล็กน้อยเท่านั้น

ยิ่งไปกว่านั้น เขามักจะให้ความรู้สึกดั่งปรมาจารย์ใหญ่ที่กำลังมองดูศิษย์หลานของเขา กัดฟัน และเกลียดเขาเพราะต่อสู้ไม่ได้…

สิ่งเหล่านี้คืออะไร?

เทพวารีไม่ใช่หนึ่งในสองจักรพรรดิที่เต๋าสวรรค์กำหนดไว้ล่วงหน้าหรอกหรือ?

ดังนั้น เมื่อลู่หยามองหาเขา ไป๋เจ๋อก็เห็นว่าเขาไม่อาจหนีกรรมของเผ่าปีศาจได้ จึงก้าวไปข้างหน้าครึ่งก้าว

แผนกลยุทธ์ที่เขามอบให้กับลู่หยา ก็คือ การรุกก่อนแล้วค่อยล่าถอย มันไม่ใช่เพราะเขากำลังรุกไปข้างหน้าและกำลังล่าถอยใช่หรือไม่?

ทว่า…

เมื่อเขาเห็นมัน หัวใจของเขาก็สงบลง เมื่อเขาเห็นมัน มันก็หายไป

………………………………………………………………..

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

Status: Ongoing
เพื่อให้มีอายุยืนยาวในยุคบรรพกาลอันโหดร้าย จงหลีกเลี่ยงผลกรรม หากฆ่าคนต้องป่นขี้เถ้า ทุกการเคลื่อนไหวต้องมีแผนการ เก็บงำความสามารถ ขยันฝึกวิชา หลอมยาปรุงโอสถ นิ่งสงบมั่นคง! หลี่ฉางโซ่วที่ไปเกิดใหม่เป็นผู้บำเพ็ญเซียนตัวน้อยๆ ในโลกบรรพกาลอันน่าสะพรึงกลัว เขาถูกอาจารย์ผู้นำยอดเขาสุดแสนอัตคัดในสำนักเซียนมนุษย์เล็กๆ พาตัวมาดูแล เพื่อฝึกฝนให้บรรลุวิถีเซียนตั้งแต่ยังเยาว์ เป้าหมายของเขาคือ ‘อายุยืนยาว’ ในยุคบรรพกาลอันโหดร้ายนี้ จึงต้องพยายามหลีกเลี่ยงผลกรรม หากฆ่าคนต้องป่นขี้เถ้า ทุกการเคลื่อนไหวต้องมีแผนการ เก็บงำความสามารถ ขยันหมั่นเพียรฝึกฝนเคล็ดวิชา หลอมยาปรุงโอสถ นิ่งสงบมั่นคง! เดิมทีในแผนการของหลี่ฉางโซ่ว เขาตั้งใจว่าจะซ่อนตัวอยู่ในเขาฝึกบำเพ็ญเป็นเซียนอย่างสงบสุขไปตลอดชีวิต จนกระทั่งปีหนึ่ง อาจารย์ของเขาคงมีชีวิตที่สงบเงียบเกินไปจนเบื่อขึ้นมา ถึงได้รับศิษย์น้องหญิงคนหนึ่งมาให้เขา… เพื่อไม่ให้ศิษย์น้องนำผลกรรมมาแปดเปื้อนตน เขาจะต้องสอนหลักการการใช้ชีวิตให้ศิษย์น้องดีๆ เสียหน่อยแล้ว!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท