ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว – บทที่ 779 เด็กคนนี้ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะก่อปัญหาได้อย่างไร! (1)

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

บทที่ 779 เด็กคนนี้ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะก่อปัญหาได้อย่างไร! (1)

‘อาจารย์อาอวี้ติ่งน่าเกลียดยิ่ง…’

เสียงนี้ยังคงดังก้องอยู่ในหูของหลี่ฉางโซ่วอยู่ตลอดเวลา ซึ่งคงอยู่โดยไม่กระจายหายไปชั่วขณะหนึ่ง

ไข่มุกวิญญาณแสนวิจิตรเม็ดนี้

นาจาน้อยที่กล้าหาญผู้ไม่เกรงกลัวสิ่งใดในสวรรค์และปฐพี ได้แทงบิดาของเขาเองด้วยทวนยาว ปั่นป่วนทะเลบูรพาด้วยแพรป่วนสวรรค์ และนาจาน้อยก็เอาชนะราชามังกรเฒ่าด้วยห่วงเฉียนคุน…ไม่ว่าเขาจะมาจากไหน

เด็กคนนี้ผ่านประสบการณ์อะไรมาบ้าง?

สวรรค์ หรือว่าตัวตนของหลิงจูจื่อได้เปลี่ยนไปมากในทันทีที่กลับชาติมาเกิด?

การกลับชาติมาเกิดของหลิงจูจื่อไม่ได้ผ่านแผ่นจานสังสารวัฏหกวิถี หลังจากที่เขากลายเป็นนาจาแล้ว ดูเหมือนว่ามีเพียงความทรงจำของตัวเขาเองเท่านั้นที่หายไป ระดับพลังในช่วงเวลาเป็นหลิงจูจื่อของเขาน่าจะยังคงอยู่ ว่ากันตามเหตุผลแล้ว ตัวตนของเขาไม่น่าจะเปลี่ยนแปลงมากไปนัก…

นั่นเป็นครั้งแรกที่หลี่ฉางโซ่วรู้สึกว่าเขาไม่สามารถเข้าใจบริบท ลำดับเหตุการณ์ต่อเนื่องกันของโลกบรรพกาลและมหาทัณฑ์สวรรค์ปราบดาเทพได้

“ฉางเกิง เจ้าได้รับการยอมรับจากทั้งสามสำนักบำเพ็ญเต๋าว่ามีความคิดมากมาย ”

ไท่อี่เจินเหรินคว้าแขนของตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์หลี่ฉางโซ่วและกล่าวว่า “ถือเสียว่าข้าเป็นหนี้บุญคุณเจ้าแล้วกัน เจ้าช่วยออกความคิดให้ข้าหน่อยสิ”

หลี่ฉางโซ่วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและพยักหน้าอย่างสงบ จากนั้นเขาก็กล่าวว่า “เหตุใดท่านยังต้องอธิบายเรื่องของศิษย์หลานหลิงจูจื่อให้ท่านปรมาจารย์จอมปราชญ์ฟังด้วย?”

ไท่อี่เจินเหรินถอนหายใจและอธิบายในขณะที่เขาดึงหลี่ฉางโซ่วเข้าไปในเคหาสน์ถ้ำ

“เดิมที ศิษย์ของข้าผู้นี้เป็นไข่มุกที่ได้รับการหล่อเลี้ยงอยู่ในสระสมบัติแห่งภูเขาคุนหลุน นับตั้งแต่สมัยโบราณ มันได้ดูดซับแก่นแท้แห่งสุริยันจันทรา และค่อยๆ พัฒนาสติปัญญาขึ้นมา

ภูมิหลังของเขาสะอาดเที่ยงธรรม และคุณสมบัติของเขาก็พิเศษเหนือสามัญ หากเขากลายร่าง เขาย่อมจะสามารถได้รับปราณวิญญาณที่ได้รับพรบริสุทธิ์

ท่านอาจารย์ได้มอบไข่มุกวิญญาณให้ข้า และขอให้ข้าช่วยเขากลายร่าง และรับเขาเป็นศิษย์

และหลังจากฝึกบำเพ็ญมาสามพันปี เขาก็กลายเป็นเด็กชายวัยห้าหรือหกขวบ เฮ้อ…”

ไท่อี่เจินเหรินถอนหายใจยาวและกล่าวว่า “ตอนแรก ข้าก็ไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้มากนัก ครั้นเมื่อเด็กชายกลายร่างจากไข่มุกวิญญาณ เขาก็ไม่มีทั้งกลิ่นอายลมปราณหยางแห่งบุรุษ หรือลมปราณหยินแห่งสตรีเลย ซึ่งนั่นก็มีเหตุผล

ทว่าข้าก็ค่อยๆ ค้นพบว่าลักษณะนิสัยของเขาค่อนข้างอ่อนโยน ”

ขณะที่พวกเขากำลังคุยกัน หลี่ฉางโซ่ว และอวี้ติ่งเจินเหรินก็ได้ติดตามไท่อี่เจินเหรินเข้าไปในถ้ำจินกวงแล้ว

ไท่อี่เจินเหรินไม่ได้กล่าวทักทายและพวกเขาทั้งสองก็ไม่ได้มากพิธีอันใด แล้วพวกเขาก็นั่งลงรอบโต๊ะหินตัวหนึ่ง

หลี่ฉางโซ่วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วถามว่า “ท่านช่วยยกตัวอย่างให้ละเอียดได้หรือไม่?”

ไท่อี่เจินเหรินคิดอยู่สักพักแล้วกล่าวว่า “เขาเพิ่งกลายร่างได้ห้าปี… ”

บนเนินเขาของภูเขาเฉียนหยวน มีหญ้าและบุปผาป่าอยู่ทั่วภูเขา

นักพรตเต๋าหนุ่มรูปงาม กำลังนั่งสมาธิท่ามกลางแสงแดด และห่างไปไม่ไกลนักก็มีเด็กฉลาดคนหนึ่ง กำลังแบมือเล็กๆ ของเขาแล้วกระโจนเข้าตะครุบผีเสื้อต่อไปเรื่อยๆ ไม่หยุด

ขณะที่เขากระโจนเข้าตะครุบใส่ เด็กชายก็ร้องอุทานออกมา นักพรตเต๋าหนุ่มลืมตาขึ้นและหน้าผากของเขาก็มืดทะมึนลงทันที

เด็กชายกำลังนั่งยองๆ อยู่บนพื้นและจับผีเสื้อเอาไว้ในมืออย่างระมัดระวัง เขาพ่นลมปราณเซียนใส่ผีเสื้อแล้วกล่าวเบาๆ ว่า “ข้าขอโทษที่ทำร้ายเจ้า”

ผีเสื้อตัวน้อยกระพือปีกเบาๆ มันต่อยๆ บินขึ้นไปอย่างช้าๆ และบินวนรอบๆ เด็กชายที่หัวเราะราวกับเสียงระฆังเงิน

บัดนั้น!

ฟู่…

เงาดำก็สาดลงมาจากฟากฟ้า มันเป็นเท้าขนาดใหญ่ที่ขวางกั้นเด็กชายเอาไว้โดยตรง

หน้าผากของนักพรตเต๋าหนุ่มเครียดเขม็งเป็นกากบาทขณะที่เขาร้องคำรามออกมาว่า “บุรุษเล่นผีเสื้อกันเยี่ยงนี้หรือ?”

เด็กชายเม้มปากและกล่าวทั้งน้ำตาว่า “ท่าน ท่านอาจารย์… ท่านจะทำให้ผีเสื้อน้อยตกใจกลัวนะขอรับ”

“ตกใจกลัว?”

นักพรตเต๋าหนุ่มยิ้มเล็กน้อย ดวงตาของเขาดูเหมือนจะกลายเป็นรูปสามเหลี่ยมซึ่งฉายแสงที่เต็มไปด้วยเจตนาร้ายอยู่ภายในนั้น

เขายกมือซ้ายขึ้นแล้วปล่อยเสี้ยวแสงเซียนออกมาจากปลายนิ้วของเขา จากนั้นนักพรตเต๋าหนุ่มก็กล่าวอย่างสงบว่า “วันนี้ ข้าจะให้เจ้าได้ดูว่าบุรุษควรเล่นอย่างไร!

หยินหยางหนึ่งนิ้ว! สองนิ้ว! สามนิ้ว!”

ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว!

กระแสแสงหลายสายได้บินไปรอบๆ ผีเสื้อตัวนั้น ผีเสื้อน้อยกระพือปีกของมันอย่างสุดกำลังในขณะที่เด็กชายก็ตกใจกลัวพร้อมกับเอามือปิดปากและร้องไห้ดังลั่น

ในยามนั้นนักพรตเต๋าหนุ่มไล่ยังคงตามผีเสื้อต่อไปขณะที่กระแสแสงพุ่งออกมาจากปลายนิ้วของเขา และเขาก็หัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง…

ไท่อี่เจินเหรินหยุดไปชั่วขณะหนึ่งแล้วมองไปที่เซียนแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าสองคนซึ่งกำลังถูมือทำท่าเตรียมพร้อมและหยิบเอาสมบัติเวทของพวกเขาอยู่ตรงหน้าไท่อี่เจินเหริน จากนั้นเขาก็เลื่อนเก้าอี้ของเขากลับไป

“ศิษย์น้องทั้งสอง พวกเจ้ากำลังทำอันใดกัน? ข้ากำลังพยายามจะดึงให้หลิงจู่จื่อกลับไปสู่วิถีที่ถูกต้อง!”

หม้อใบเล็กในมือของอวี้ติ่งเจินเหรินสั่นเล็กน้อย เขาจ้องมองไปที่อาจารย์ไท่อี่เจินเหริน แล้วดึงเอาหม้อเล็กใบนั้นกลับคืนมา

หลี่ฉางโซวยังได้ดึงเอาแผนภาพอุทกศาสตร์การควบคุมน้ำต้าอวี่กลับมาด้วย ครั้นเมื่อเห็นว่าอวี้ติ่งเจินเหรินต้องการลงมือ และเขาก็ต้องการฉวยโอกาสนี้เพื่อต่อสู้และรับความช่วยเหลือมากมาย

อวี้ติ่งเจินเหรินกล่าวว่า “ศิษย์พี่ ท่านเองเป็นต้นเหตุที่ทำให้หลิงจูจื่อมีลักษะนิสัยเช่นนี้”

“ไม่ ไม่ ไม่” ไท่อี่เจินเหรินยังคงส่ายศีรษะและกล่าวว่า “ลักษะนิสัยนี้มีมาแต่กำเนิด ข้าเพียงแค่อยากกระตุ้นให้เขาปกป้องผีเสื้อและรู้จักรับผิดชอบบ้าง

ฉางเกิง เจ้ามีความคิดใดหรือไม่? ”

หลี่ฉางโซ่วกล่าวว่า “ท่านมองลงไปดูศิษย์หลานหลิงจูจื่อสักหน่อยได้หรือไม่?

ตอนนี้กำลังทำอันใดอยู่?”

“ได้สิ” ไท่อี่เจินเหรินตกลงอย่างไม่ลังเลใจมากนัก

เขาดูดดึงน้ำออกมาจากสระสมบัติในถ้ำเป็นปริมาณเล็กน้อย แล้วสร้างมันขึ้นเป็นกระจกเงาน้ำ จากนั้นสถานการณ์ของหลิงจูจื่อในเวลานี้ ก็ปรากฏขึ้นมาในนั้น

หลี่ฉางโซ่วคิดว่า ‘ไยท่านถึงเก่งกาจเพียงนี้?’

ในขณะนั้นหลิงจูจื่อกำลังนอนอยู่บนเตียง และกำลังกอดผ้าห่มบางๆ เอาไว้โดยไม่ขยับเขยื้อนใดๆ

อวี้ติ่งเจินเหรินถามด้วยความเป็นห่วงว่า “เกิดอันใดขึ้น?”

“เขาคงตกใจมาก” ไท่อี่เจินเหรินยกมือขึ้นก่ายหน้าผากของเขาและกล่าวว่า “อีกสักพัก เจ้าจะได้เห็น… เขา”

ทันทีที่ไท่อี่เจินเหรินกล่าวจบ ก็มีเสียงถอนหายใจออกมาจากกระจกเงาน้ำ และหลิงจูจื่อก็เงยหน้าขึ้นบนผ้าห่ม เผยให้เห็นใบหน้าเล็กๆ ที่บอบบางละเอียดอ่อนและเปียกเปื้อนน้ำตาทว่าเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น

ในขณะนั้น หลิงจูจื่อมีอายุเทียบเท่ากับเผ่าพันธุ์มนุษย์ที่มีวัยสิบแปดหรือสิบเก้าปีแล้ว รูปร่างของเขาไม่เตี้ย แต่ออกจะผอมบางไปสักหน่อย

ไม่อาจถือได้ว่า ใบหน้าของเขาดูเป็นหญิง แต่เป็นเพราะเขาคือร่างที่การกลับชาติมาเกิดของหลิงจูจื่อ เขาจึงอุดมไปด้วยพลังวิญญาณมากเกินไปจริงๆ

เขากระโดดลงจากเตียงแล้วเดินไปที่กระจกแนวตั้งด้านข้าง เขาเม้มปาก แล้วมองดูตัวเองในกระจก จากนั้นเขาก็เริ่มจ้องมองและขมวดคิ้ว

………………………………………………………………..

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

Status: Ongoing
เพื่อให้มีอายุยืนยาวในยุคบรรพกาลอันโหดร้าย จงหลีกเลี่ยงผลกรรม หากฆ่าคนต้องป่นขี้เถ้า ทุกการเคลื่อนไหวต้องมีแผนการ เก็บงำความสามารถ ขยันฝึกวิชา หลอมยาปรุงโอสถ นิ่งสงบมั่นคง! หลี่ฉางโซ่วที่ไปเกิดใหม่เป็นผู้บำเพ็ญเซียนตัวน้อยๆ ในโลกบรรพกาลอันน่าสะพรึงกลัว เขาถูกอาจารย์ผู้นำยอดเขาสุดแสนอัตคัดในสำนักเซียนมนุษย์เล็กๆ พาตัวมาดูแล เพื่อฝึกฝนให้บรรลุวิถีเซียนตั้งแต่ยังเยาว์ เป้าหมายของเขาคือ ‘อายุยืนยาว’ ในยุคบรรพกาลอันโหดร้ายนี้ จึงต้องพยายามหลีกเลี่ยงผลกรรม หากฆ่าคนต้องป่นขี้เถ้า ทุกการเคลื่อนไหวต้องมีแผนการ เก็บงำความสามารถ ขยันหมั่นเพียรฝึกฝนเคล็ดวิชา หลอมยาปรุงโอสถ นิ่งสงบมั่นคง! เดิมทีในแผนการของหลี่ฉางโซ่ว เขาตั้งใจว่าจะซ่อนตัวอยู่ในเขาฝึกบำเพ็ญเป็นเซียนอย่างสงบสุขไปตลอดชีวิต จนกระทั่งปีหนึ่ง อาจารย์ของเขาคงมีชีวิตที่สงบเงียบเกินไปจนเบื่อขึ้นมา ถึงได้รับศิษย์น้องหญิงคนหนึ่งมาให้เขา… เพื่อไม่ให้ศิษย์น้องนำผลกรรมมาแปดเปื้อนตน เขาจะต้องสอนหลักการการใช้ชีวิตให้ศิษย์น้องดีๆ เสียหน่อยแล้ว!

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท