ตอนที่ 527 ดูไม่มีความสุขเลย
ตอนที่ 527 ดูไม่มีความสุขเลย
ทันทีที่โจวลี่หรงได้ยินสะใภ้รองเอ่ยถึงเจียวั่ง หล่อนก็รู้ว่าอีกฝ่ายพร้อมจะพ่นคำไม่น่าฟัง จึงรีบพูดว่า “ไม่ต้องห่วงหรอก เขาน่าจะอยู่ที่บ้านข้างโรงเรียนนั่นแหละ”
“มีบ้านอยู่ข้างโรงเรียนด้วยเหรอ?” วังซูเฟินหันไปขมวดคิ้วถามผู้เฒ่าเฉินทันที “พ่อคะ นี่คือทรัพย์สินที่พ่อซื้อให้เจียวั่งใช่ไหม?”
ผู้เฒ่าเฉินตอบด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “นั่นคือบ้านของพี่ใหญ่พวกเธอนั่นแหละ ฉันจะเอาปัญญาที่ไหนไปซื้อบ้าน? ฉันทำงานด้วยความซื่อตรงมาตลอดชีวิต และใช้ชีวิตบั้นปลายด้วยเงินบำนาญน้อยนิด”
ผู้เฒ่าเฉินมองไปทางลูกชายคนรองกับสะใภ้ “พี่ใหญ่กับพี่สะใภ้ใหญ่เป็นเจ้าของกิจการ เจียเหอกับเจียซิ่งต่างมีงานการมั่นคง ฉันไม่จำเป็นต้องกังวลเลย แต่ในทางกลับกัน แกน่ะขอเงินจากฉันในช่วงหลายปีนี้ตลอด ตอนนี้ทุกอย่างเริ่มดีขึ้นแล้ว อย่ายโสโอหังให้มากนัก”
วังซูเฟินรีบเถียงด้วยความไม่มั่นใจ “พ่อกำลังพูดอะไรกันคะ พวกเราจะยโสโอหังได้ยังไง? ตอนนี้ฉันกังวลเรื่องสุขภาพของเจียวั่งด้วยจริงๆ
คือว่า เจียวั่งเป็นแบบนี้แล้วเขาต้องหาภรรยาได้ยากแน่ๆ แต่ฉันพอจะรู้จักลูกสาวของญาติที่บ้านเกิดคนหนึ่ง หล่อนหูหนวกตั้งแต่กำเนิด แต่หน้าตาสะสวยและสูงโปร่ง อยากให้ฉันแนะนำหล่อนกับเจียวั่งไหมล่ะคะ?”
วังซูเฟินมองเฉินเจิ้นเจียงและโจวลี่หรงด้วยสีหน้าใจดีและพร้อมแนะนำคู่ครองให้เฉินเจียวั่ง
ซึ่งใบหน้าของเฉินเจิ้นเจียงก็มืดครึ้มทันตาเห็น
เฉินเจิ้นกั๋วตระหนักได้ว่าพี่ใหญ่และพี่สะใภ้ใหญ่ไม่พอใจ เขารีบดึงวังซูเฟินและบอกหล่อนว่าอย่ายุ่งเรื่องคนอื่น
ทว่าวังซูเฟินเมินเฉยต่อคำเตือนของเขา ยังคงหันไปพูดกับเฉินเจิ้นเจียงต่อ
“พี่ใหญ่ ถึงผู้หญิงคนนั้นจะหูหนวก แต่หล่อนยังใช้ชีวิตได้ตามปกติ สำหรับเจียวั่งแล้ว การหาผู้หญิงที่สมบูรณ์แบบทุกประการเกรงว่าจะไม่ใช่เรื่องง่าย ดังนั้นพวกพี่ควรจะวางแผนไว้แต่เนิ่นๆ”
“ขอบใจนะ แต่เธอไม่ต้องมาห่วงเรื่องนี้หรอก” โจวลี่หรงปฏิเสธด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
“พี่สะใภ้ เราต้องมองโลกในความเป็นจริงนะ พี่อย่าสนใจแค่หน้าตาตัวเอง ผู้หญิงคนนั้นเป็นลูกคนเดียวและมีธุรกิจเล็กๆ ที่บ้านด้วย ครอบครัวของหล่อนมั่งคั่งปานนั้น เจียวั่งจะไม่เสียเปรียบถ้าได้อยู่กับหล่อน เพราะอย่างน้อยในวันข้างหน้าเขาจะไม่ต้องทำงานหนักอีกแล้ว เขามีสภาพร่างกายที่พิเศษ การหาพ่อตาที่แข็งแกร่งจะช่วยเขาได้มากเลย พี่ก็เห็นตัวอย่างจากเจิ้นกั๋วแล้วใช่ไหม? แต่ร่างกายของเจียวั่งไม่เหมาะกับการดิ้นรน สิ่งเดียวที่เขาอวดได้คือภูมิหลังทางครอบครัว และทันทีที่คนอื่นได้ยินว่าครอบครัวของเขาอาศัยอยู่ในเขตบ้านพักทหาร ก็จะต้องตกหลุมรักเขาแน่นอน”
คำพูดของวังซูเฟิน อาจฟังแล้วคล้ายว่าหล่อนนึกถึงเฉินเจียวั่งจริงๆ
กระนั้น ในฐานะพ่อแม่และพี่ชายของเฉินเจียวั่ง การได้ยินวังซูเฟินแนะนำผู้พิการให้กับเฉินเจียวั่งและยังบอกให้เขาเกาะผู้หญิงกิน ก็สร้างความอึดอัดใจได้มากจริงๆ
สำหรับพวกเขาแล้ว นี่คือการดูถูก
หลินเซี่ยจึงอดพูดไม่ได้ว่า “อาสะใภ้รองคะ เจียวั่งมีคนรักแล้ว คงไม่ต้องรบกวนให้คุณมากังวลเรื่องนี้แล้วล่ะค่ะ”
เฉินเจียวั่งมีนิสัยอย่างไร มาแนะนำให้เขาเกาะผู้หญิงกิน คิดว่าจะเป็นไปได้หรือ?
แม้แต่เฉินเจียซิ่งก็ยังไม่ทำ จึงไม่ต้องเอ่ยถึงเฉินเจียวั่งเลย
“มีคนรักแล้วเหรอ?”
วังซูเฟินมองหลินเซี่ยด้วยความประหลาดใจพลางถามว่า “เขาบอกเองเลยเหรอ? แล้วเขาได้บอกฝ่ายหญิงเรื่องอาการป่วยไหมล่ะ? เรื่องนี้ปิดบังไม่ได้หรอกนะ? หากวันหนึ่งอาการของเขากำเริบขึ้นมา มันจะทำให้หญิงสาวกลัวจนตายได้เลยนะ”
หลินเซี่ยตอบคำถามครบถ้วน “ข้อแรก อาการป่วยของเจียวั่งมีหมอแผนจีนเย่รักษาจนหายขาดแล้ว ข้อสอง คนรักของเขาทราบเรื่องอาการป่วยนั้นและไม่สนใจเลย ข้อสาม คนรักของเขาสวยมากค่ะ หล่อนเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยด้วย และหล่อนกับเจียวั่งมีใจรักกัน ทั้งสองจึงเป็นคู่ที่สมบูรณ์แบบ ดังนั้นอาสะใภ้รองไม่ต้องกังวลเรื่องส่วนตัวของเขานะคะ”
“เป็นนักศึกษางั้นเหรอ?” วังซูเฟินเอ่ยด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
อีกฝ่ายต้องไม่รู้แน่ๆ ว่าเฉินเจียวั่งป่วยเป็นโรคลมบ้าหมู
มิฉะนั้นคงไม่กล้ากระโดดลงขุมนรก
ดวงตาของแม่เฒ่าเฉินเป็นประกายและถามว่า “เซี่ยเซี่ย เธอกำลังพูดถึงอวี่เฟย ญาติของเธอคนนั้นใช่ไหม?”
หลินเซี่ยพยักหน้าพลางยิ้มเอ่ย “ใช่แล้วค่ะคุณย่า เป็นหล่อนเอง หล่อนแอบชอบเจียวั่งตั้งแต่สมัยมัธยมแล้วค่ะ”
“เรื่องใหญ่ขนาดนี้แท้ๆ ทำไมเจียวั่งไม่บอกพวกเราเลยล่ะ? วันนี้เราจะได้เชิญอวี่เฟยมากินข้าวด้วยกันซะเลย”
เมื่อผู้เฒ่าทั้งสองของตระกูลเฉินได้ยินว่าเจียงอวี่เฟยเป็นคนรักของเฉินเจียวั่ง แม้จะกะทันหันแต่ก็มีความสุขมาก
แต่เฉินเจิ้นเจียง โจวลี่หรงและคนอื่นๆ กลับมองไปที่หลินเซี่ยด้วยความสงสัย
พวกเขาเดาได้ว่าหลินเซี่ยกำลังช่วยเฉินเจียวั่ง
แม้ว่าวังซูเฟินจะยังไม่เชื่อ แต่คราวนี้น้ำเสียงของหล่อนอ่อนลงมาก
“แต่ยังไม่สายเกินไปที่จะเรียกมานะ รีบบอกให้เจียวั่งพาคนรักกลับมาเถอะ พวกเราจะได้ทำความรู้จักกัน
หลินเซี่ยอธิบายว่า “หล่อนตามอาหญิงของฉันไปอัดรายการที่เมืองเชินเฉิง ไม่ได้อยู่ในเมืองไห่เฉิงค่ะ”
“ไปอัดรายการเหรอ?”
“อาสะใภ้รองคงยังไม่รู้ว่าอาหญิงของฉันเป็นใคร อาหญิงคือนักแสดงเซี่ยอวี่ ซึ่งคุณน่าจะได้ดูหนังที่หล่อนแสดงมาบ้าง หล่อนยังเป็นคณะกรรมการในรายการแข่งขันไห่เฉิงโมเดลด้วย ซึ่งคนรักของเจียวั่งเป็นหนึ่งในผู้เข้าแข่งขันรายการนี้ อาหญิงของฉันอยากฝึกฝนหล่อน จึงพาติดตามให้ไปดูโลกการทำงานจริงน่ะค่ะ”
เฉินเจิ้นกั๋วผู้ไม่เคยเอ่ยปากคุยก่อน แต่พอได้ยินคำพูดของหลินเซี่ยแล้ว ดวงตาของเขาก็สว่างวาบ และเขารีบขอคำยืนยันจากหลินเซี่ย “เซี่ยอวี่ราชินีจอเงินแห่งฮ่องกงคนนั้นน่ะเหรอ?”
“ใช่ค่ะ”
“คุณมีเวลาว่างขนาดนั้นเลยเหรอ? มีเวลาดูนักแสดงหญิงตั้งแต่เมื่อไหร่?”
วังซูเฟินก็ประหลาดใจมากๆ ที่ตระกูลหลักของหลินเซี่ยมีบุคคลอันดับหนึ่งเช่นนั้นอยู่ด้วย
การได้เป็นนักแสดงเป็นเรื่องน่าทึ่งมาก
มิหนำซ้ำยังเป็นราชินีจอเงินอีกด้วย
และหล่อนก็เคยดูรายการประกวดนางแบบนั้นมาก่อน
รู้จักผู้ที่เป็นคณะกรรมการด้วย
ถ้าไม่ใช่ความจริง หลินเซี่ยคงไม่กล้าโอ้อวดขนาดนี้
วังซูเฟินมองไปที่ผู้เฒ่าเฉินแล้วบ่นว่า “พ่อคะ ตอนที่พวกคุณไปเมืองหนานเฉิงครั้งล่าสุด ทำไมไม่เห็นพูดถึงเรื่องนี้ให้ฉันฟังเลย?”
ผู้เฒ่าเฉินตอบว่า “ฉันจำเป็นต้องรายงานทุกเรื่องในครอบครัวฝ่ายแม่ของพี่สะใภ้ใหญ่ให้พวกเธอทราบด้วยงั้นเหรอ?”
วังซูเฟินได้แต่หุบปาก
“อาสะใภ้รอง ทำไมคุณดูไม่มีความสุขเลยคะ?”
“ไม่นี่ ทำไมฉันต้องไม่มีความสุขด้วยล่ะ?”
เฉินเจิ้นกั๋วกล่าวเสริม “หลานสะใภ้ พอรู้ว่ามีดาราดังอยู่ในครอบครัวของเธอ พวกเราก็ต้องมีความสุขและภาคภูมิใจมากอยู่แล้ว พวกเราได้เป็นญาติกับดาราดังและราชินีจอเงินเชียวนะ ฮ่าๆๆ”
เฉินเจิ้นกั๋วแสดงท่าทางเบิกบานจนออกนอกหน้า และเมื่อเขาสัมผัสได้ถึงสายตาอันคมกริบของวังซูเฟิน เขาก็สะดุ้งแล้วรีบควบคุมตัวเอง
“หู่จือ กินให้เยอะๆ เลยนะ”
ณ ที่นี่ ไม่มีใครเต็มใจที่จะพูดคุยกับทั้งคู่มากนัก โจวลี่หรงจึงคีบอาหารให้หู่จือและหลินเซียวพลางเอ่ย “เซี่ยเซี่ย เธอก็กินเยอะๆ ล่ะ”
“ขอบคุณค่ะคุณแม่”
แต่เมื่อหลินเซี่ยมองลงไปที่เนื้อซึ่งโจวลี่หรงคีบให้ เธอก็เริ่มรู้สึกไม่สบายท้องขึ้นมาอีกครั้ง
เฉินเจียเหอสังเกตเห็นกิริยาของเธอ จึงรีบคีบเนื้อชิ้นนั้นมาใส่ชามของตนแทน
“เซี่ยเซี่ยไม่ค่อยสบายท้อง ให้กินอาหารเบาๆ ดีกว่าครับ”
ขณะที่เขาพูดแบบนี้ หลินเซี่ยก็เริ่มอดกลั้นไม่ไหวจนต้องยกมือปิดปากแล้วดันเก้าอี้ออก
จากนั้นก็รีบวิ่งไปที่ห้องน้ำ
เฉินเจียเหอรีบเดินตามมา แต่หลินเซี่ยผลักเขาออกไปพร้อมบอกว่าไม่เป็นไร อย่าทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่
เฉินเจียเหอจึงไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องกลับมานั่งที่เดิม
โจวลี่หรงถามว่า
“เซี่ยเซี่ยเป็นอะไร?”
“อาจจะแพ้ท้องน่ะครับ” เฉินเจียเหอพูดออกมาตรงๆ พร้อมรอยยิ้มเปื้อนหน้า
“หลานว่าไงนะ? แพ้ท้องงั้นเหรอ?”
เมื่อเผชิญกับสายตาประหลาดใจของแม่เฒ่า เฉินเจียเหอจึงพูดว่า “ผมเดาเองน่ะครับคุณย่า”
“เจ้าเด็กเวรคนนี้ จะมาคาดเดาเรื่องใหญ่ๆ แบบนี้ได้ยังไง ต้องไปตรวจที่โรงพยาบาลให้แน่ชัดก่อนสิ”
แม่เฒ่าพูดพลางจับจ้องไปทางห้องน้ำ
คิ้วทั้งคู่ขมวดมุ่นเพราะความคาดหวัง
หลังจากแต่งงานกันมานาน ในที่สุดก็ถึงเวลาตั้งครรภ์
และอาการเช่นนี้ก็มีความเป็นไปได้สูง
เฉินเจียเหอกล่าวว่า “เราคุยกันว่าจะรอดูอีกไม่กี่วันแล้วค่อยไปตรวจที่โรงพยาบาลครับ”
เพราะเคยมีเหตุการณ์ของเสิ่นเสี่ยวเหมยมาก่อน ดังนั้นก่อนที่จะไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจสุขภาพ ทุกคนจึงแสดงท่าทางภายนอกให้สงบนิ่งเหมือนปกติ
หลังจากที่หลินเซี่ยออกมาจากห้องน้ำ ทุกคนก็ไม่ได้กดดันเธอแต่อย่างใด แค่บอกให้เธอกินอาหารเบาๆ ให้มากขึ้น
แต่อาสะใภ้รองวังซูเฟินปากไม่ดีและแก้ไม่หาย มองหลินเซี่ยแล้วพูดว่า “เซี่ยเซี่ย เธอต้องชัดเจนก่อนที่จะบอกคุณปู่คุณย่านะ เพราะเรื่องแบบนี้จะคลุมเครือไม่ได้ เหมือนกับสะใภ้คนก่อนของเจียซิ่งนั่นไง ฉันได้ยินมาว่าหล่อนแกล้งท้องและสุดท้ายก็แกล้งแท้งลูกด้วยซ้ำ”
วังซูเฟินเตือนด้วยน้ำเสียงเย็นชาอีกว่า “เธออย่าเลียนแบบเด็ดขาด”
ในขณะที่เฉินเจียเหอกำลังจะโต้ตอบกับเธอ หลินเซี่ยก็นั่งลงและจิบซุปพลางเอ่ยด้วยท่าทางสงบ “คุณอาสะใภ้รอง พวกเราชาวชนบทล้วนซื่อสัตย์และขี้อาย เราทำเรื่องงามหน้าแบบนั้นไม่เป็นหรอกค่ะ
คุณควรกลับไปเตือนลูกสะใภ้เรื่องนี้ดีกว่านะคะ เพราะส่วนใหญ่แล้วพวกที่ชอบทำตัวชั่วๆ มักจะเป็นคุณหนูใหญ่นิสัยเสียในครอบครัวที่ร่ำรวย ส่วนฉันยุ่งกับการทำงานหาเงินทุกวัน ไม่มีเวลาว่างมาวางแผนพวกนี้หรอก และฉันก็ไม่ต้องการเป็นแม่ที่มีค่าเพราะลูก ดังนั้นปัญหาเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นกับฉัน คุณไม่ต้องกังวลกับเรื่องนี้นะคะ”
หลินเซี่ยไม่ได้แสดงอาการโกรธ หลังจากพูดคำเหล่านี้แล้ว เธอก็กินอาหารต่อด้วยความใจเย็น
เฉินเจียซิ่งที่อยู่ด้านข้างก็พูดเสริมว่า “พี่สะใภ้ของผมพูดไม่ผิดเลยสักคำ เพราะพวกที่ชอบทำตัวชั่วๆ มักจะเป็นคุณหนูนิสัยเสียและไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ ผมว่าอาสะใภ้รองควรเตรียมจิตใจให้พร้อมไว้บ้างนะครับ”
วังซูเฟินขึ้นเสียงใส่ว่า “คนรักของเจียหมิงไม่ใช่คนแบบนั้น หล่อนเป็นคนที่จิตใจสูงส่งดีงามต่างหาก”
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
อย่ามาท้าสู้กับหลานสะใภ้บ้านนี้นะคะอาสะใภ้รอง เดี๋ยวของมันจะเข้าตัว
ไหหม่า(海馬)