ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน – บทที่ 148 การลอบโจมตีล้มเหลว เถาวัลย์ปีศาจครึ่งเทวะสิ้นชีพ

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

บทที่ 148 การลอบโจมตีล้มเหลว เถาวัลย์ปีศาจครึ่งเทวะสิ้นชีพ

บทที่ 148 การลอบโจมตีล้มเหลว เถาวัลย์ปีศาจครึ่งเทวะสิ้นชีพ

ตั้งแต่ที่พวกเขาเข้ามาในป่าแห่งภาพลวงตา หัวหน้าตะขาบมรกตก็ไม่เคยมีวันที่ดีเลยสักวัน หากไม่โดนฟ้าผ่าก็โดนเถาวัลย์ปีศาจรังแก เล่นสนุกกับมันได้อย่างโหดเหี้ยม นับว่าเป็นโชคร้ายสุด ๆ

วันนี้เขาจะได้เขียนจุดจบแห่งความทุกข์ยากของตัวเอง และจะแสดงให้กลุ่มมนุษย์พวกนั้นได้เห็นพลังอันยิ่งใหญ่ของเขาด้วย!

เขาเอาชนะผู้บำเพ็ญหนึ่งร้อยยี่สิบคนได้อย่างราบคาบ ทั้งในด้านจำนวนและความแข็งแกร่ง!

น่าเสียดายที่ในตอนนี้หลิงเยว่และโม่จวินเจ๋อที่กำลังโดนผู้บำเพ็ญขอบเขตทะยานเซียนไล่ล่าอยู่นั้น อยู่ไกลจากเจ้าหัวหน้าตะขาบมรกตเกินไป ไม่อาจขอความช่วยเหลือได้

เจ้าอีกาสุริยันตัวน้อยกำลังโดนผู้บำเพ็ญขอบเขตปฐมวิญญาณขั้นสูงรุมอยู่หลายตน แม้อยากช่วยก็ไม่มีปัญญา

“ขออภัยพวกเจ้าทั้งสอง ข้ารู้สึกอับอายยิ่งนักที่เป็นถึงผู้บำเพ็ญระดับสูงแต่กลับพลาดท่าถูกกลลวงของวิญญาณผู้พิทักษ์ แต่เพื่อที่จะได้อิสรภาพคืนมา ข้าเลยต้องทำให้สองท่านลำบากใจไปอีกสักพัก”

ก่อนที่ผู้บำเพ็ญขอบเขตทะยานเซียนจะโจมตีหลิงเยว่และโม่จวินเจ๋อนั้น เขายังมีมารยาทเอ่ยคำล่วงหน้าเสียก่อน

ยังไม่ทันได้พูดจบ รากต้นไม้ใหญ่ที่เขาควบคุมอยู่ก็ทะลุขึ้นมาจากดินอย่างเงียบ ๆ ใบไม้ที่แห้งกรอบบนพื้นดินกลายเป็นตาข่ายขนาดใหญ่ปกคลุมร่างของคนทั้งสองเอาไว้

“พวกเจ้าชอบให้เฉือนร่างเป็นชิ้นหรือไม่?”

รอยยิ้มบนใบหน้าของผู้บำเพ็ญขอบเขตทะยานเซียนเริ่มบิดเบี้ยว แปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มอันน่าสยดสยอง

“หรือว่าเจ้าชอบให้ข้าหั่นเจ้าเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย?”

หลิงเยว่ลอบกลืนน้ำลาย จะ… ให้ตายแบบไม่ทรมานไม่ได้เลยหรือ?

โหดเหี้ยมเกินไปแล้ว!

“เจ้าวางใจเถิด ข้าจะทำให้เจ้าตายอย่างทรมานน้อยที่สุด”

ผู้บำเพ็ญขอบเขตทะยานเซียนเริ่มเดินเข้ามาใกล้พวกเขามากขึ้นอีกสามก้าว พร้อมเผยรอยยิ้มที่คิดว่าอ่อนโยนให้หลิงเยว่และโม่จวินเจ๋อ “เจ้าจะเลือกแบบใดเล่า?”

“ไม่เลือกสักอย่าง” โม่จวินเจ๋อยกริมฝีปากขึ้นเล็กน้อย เขามองชายตรงหน้าด้วยสายตาเหยียดหยาม “ข้าเพิ่งเคยเห็นเหล่าผู้บำเพ็ญที่โง่ดักดานเช่นเจ้าเป็นครั้งแรก จึงไม่แปลกใจนักที่เจ้าจะโดนวิญญาณผู้พิทักษ์หลอกลวงเอา”

สีหน้าของชายผู้นั้นเปลี่ยนไปเล็กน้อย จากนั้นก็หัวเราะอีกครั้ง “ดูเหมือนเจ้าอยากจะลองสัมผัสความเจ็บปวดของการถูกหั่นเป็นพัน ๆ ชิ้น แล้วฉีกแบ่งเป็นห้าส่วนเสียก่อนสินะ…”

“ขอท่านผู้อาวุโสอย่าเพิ่งวู่วาม พวกเรามีอะไรก็พูดกันดี ๆ ได้ไม่ใช่หรือ” หลิงเยว่แสร้งยิ้ม “เขาเพียงหยอกเล่นเท่านั้น ท่านอย่าได้ใส่ใจ”

“ข้าไม่ได้พูดเล่น เขาคือคนโง่อย่างแท้จริง!” เมื่อเอ่ยถึงคนโง่ โม่จวินเจ๋อก็ยังเน้นให้หนักแน่นขึ้น

ไม่ใช่แล้ว… นี่หรือคือชายหนุ่มที่นางรู้จัก

การยั่วโมโหชายผู้นี้จะมีประโยชน์ใดกับพวกเขา? หรือมันจะช่วยพวกเขาตายได้เร็วขึ้น?

อย่างเช่น การโกรธจนตัวสั่นแล้วอยากจัดการพวกเขาให้สิ้นซาก…

“ถือเป็นคนโง่อย่างแท้จริง” หลิงเยว่ทวนคำพูดของโม่จวินเจ๋อ จากนั้นก็พยักหน้าเห็นด้วยกับเขา

คราวนี้กลายเป็นโม่จวินเจ๋อที่ต้องแปลกใจกับหลิงเยว่

หลิงเยว่ “?”

เหตุใดจึงมองนางเช่นนี้เล่า หรือว่านางเข้าใจผิด?

“ดี ดีมาก ยามใกล้ตายแล้วยังกล้าโอหังเช่นนี้ ถ้าอย่างนั้นข้าจะให้พวกเจ้าตายอย่างไม่ทรมานแล้วกัน”

จากนั้นรากต้นไม้ที่กลายเป็นหนามแหลมกับใบไม้แห้งที่กลายเป็นใบมีดพลันเคลื่อนไหวขึ้นพร้อมกัน

หลิงเยว่ใช้มือของนางกำแขนโม่จวินเจ๋อเอาไว้พร้อมกับหลับตาแน่น ความจริงนางก็คิดอยู่ว่าจะขัดขืนดีหรือไม่? แต่ฝ่ายตรงข้ามเป็นถึงผู้บำเพ็ญขอบเขตทะยานเซียนขั้นต้น ซึ่งมีความแตกต่างของระดับพลังอย่างมาก แม้ว่านางจะมีความสามารถมากมายเพียงใด นางก็ไม่อาจใช้พลังขอบเขตสร้างรากฐานขั้นต้นในการเอาชนะผู้บำเพ็ญขอบเขตทะยานเซียนผู้นี้ได้

หรือหลังจากที่ตายแล้วนางอาจจะฝันถึงก็เป็นได้

ทว่าความเจ็บปวดที่คาดไว้กลับไม่ได้เกิดขึ้น หลิงเยว่จึงลืมตาข้างหนึ่ง แล้วได้เห็นภาพของผู้บำเพ็ญขอบเขตทะยานเซียนที่ถูกเจ้ามังกรดำโจมตีจนร่างของเขากระเด็นออกไป

ไม่แน่ใจว่าเจ้ามังกรดำจงใจหรือไม่ แต่ก็บังเอิญทำให้ร่างของชายผู้นั้นถูกตบจนกระเด็นไปในฝูงตะขาบมรกตพอดี เมื่อเขาต้องเผชิญหน้ากับฝูงตะขาบมรกต ผู้บำเพ็ญขอบเขตทะยานเซียนผู้นั้นก็ตอบสนองได้อย่างฉับไว เขาเปลี่ยนทิศทางในอากาศ จากนั้นกิ่งไม้ก็พันตัวเขาไว้ จนสามารถหนีรอดจากการรุมโจมตีของฝูงตะขาบมรกตเหล่านั้นได้ทันท่วงที

“ของไร้ค่า!”

เจ้ามังกรดำแผดเสียงคำราม ก่อนที่ร่างสีดำของมันจะพุ่งทะยานไปยังผู้บำเพ็ญขอบเขตทะยานเซียนด้วยความเร็วราวกับสายฟ้า ด้วยความโกรธที่อัดแน่นอยู่ในอกของมัน ในที่สุดมันก็ได้ระบายออกมาเสียที!

ใบไม้แห้งที่อยู่เหนือศีรษะพลันสูญเสียการควบคุม ร่วงหล่นลงมาเกรียวกราว จนร่างของหลิงเยว่และโม่จวินเจ๋อถูกกลบฝังอยู่ใต้ใบไม้เหล่านั้นในทันที

เถาวัลย์ปีศาจที่ถูกเผาจนไหม้เกรียมได้พุ่งทะลวงผ่านใบไม้แห้งเหล่านั้นอย่างรวดเร็วและแม่นยำ จนแทงทะลุเข้าไปในหัวใจของคนที่จมอยู่ใต้ใบไม้เหล่านั้น

“ช่างโหดเหี้ยมเสียจริง…”

หลิงเยว่เอ่ยออกมาเบา ๆ ก่อนที่นางจะกำตอไม้ที่แทงทะลุเข้ามาในอกแน่นด้วยมือเดียว ขณะที่โม่จวินเจ๋อก็คว้าเถาวัลย์ปีศาจที่ยังคงพยายามจะแทงทะลุเข้ามาเพิ่มอีก

“น่าเสียดาย! เกือบจะสำเร็จแล้ว!”

เมื่อถูกด่าว่าโหดเหี้ยมเจ้าเถาวัลย์ปีศาจก็เตรียมจะขยายตัวเองออกไปอีก เพื่อแทงทะลุหัวใจของหลิงเยว่ ทว่าถูกเปลวเพลิงแห่งสวรรค์ทรมานจนหมดสภาพไป อย่างไรก็ตาม เถาวัลย์ปีศาจระดับครึ่งเทวะอย่างมันจะต้องอาศัยการลอบโจมตีเช่นนี้หรือ?

ที่สำคัญคือยังลอบโจมตีไม่สำเร็จด้วยซ้ำ

หากสำเร็จ ต้องดูดเลือดมนุษย์ผู้นี้ให้เหือดแห้ง แล้วจะสามารถฟื้นฟูสู่จุดสูงสุดได้ทันที เมื่อถึงเวลานั้น ตนจะฆ่าพวกมันให้ตายเรียบ ทรมานเจ้าอีกาตัวนั้นที่สมควรตายอย่างช้า ๆ ให้มันหาทางออกไม่ได้!

โม่จวินเจ๋อรู้สึกได้ว่าเถาวัลย์ปีศาจในมือของตนพยายามจะต่อสู้จนตัวตาย จึงได้ออกแรงดึงเถาวัลย์นั้นจนขาด แล้วรีบเอาโอสถห้ามเลือดให้แก่หลิงเยว่

หลิงเยว่ก้มลงมองหน้าอกที่เปื้อนเลือด ยังโชคดีที่เมื่อครู่ระบบเตือนได้ทันท่วงที มิฉะนั้นคงแย่แล้ว

เมื่อนางเงยหน้าขึ้นมาเผชิญหน้ากับแววตาที่กำลังรู้สึกผิดและห่วงใยจากโม่จวินเจ๋อ หลิงเยว่ก็ได้แต่ยิ้มบาง ๆ ให้กับเขา “บาดแผลไม่ลึกมาก เจ้าไม่ต้องกังวล”

โอสถห้ามเลือดระดับกลางมีผลดีนัก เลือดได้หยุดไหลลงแล้ว

สายตาของหลิงเยว่มองไปยังเถาวัลย์ปีศาจที่เหี่ยวเฉาราวกับตายไปแล้ว จากนั้นนางก็คิดได้อีกหนึ่งหนทางขึ้นมา “เอามันมาให้ข้า”

โม่จวินเจ๋อไม่ยอมให้ เขาเกรงว่าเถาวัลย์ปีศาจขาด ๆ นั่นจะยังมีเรี่ยวแรงเหลืออยู่แล้วกลับมาทำร้ายหลิงเยว่อีก

“ราชาดอกไม้เกล็ดหิมะ ออกมากินอาหารได้แล้ว”

หลิงเยว่จำใจต้องเรียกราชาดอกไม้เกล็ดหิมะออกมา

นางไม่มีความคิดที่จะหลอมรวมเจ้าเถาวัลย์ปีศาจนี้แล้ว ทั้งที่นางรู้ดีว่าตอนนี้เป็นเวลาที่ดีที่สุดในการหลอมรวมมัน และนางคงหลอมรวมมันได้อย่างง่ายดาย ทว่านางไม่ต้องการสิ่งที่นิสัยไม่ดีและชั่วร้ายเช่นนี้ ไม่ว่าเถาวัลย์ปีศาจจะแข็งแกร่งเพียงใดก็ตาม แต่หากจะสังหารมันโดยตรงก็น่าเสียดายเกินไป ดีเสียกว่าหากให้มันเป็นอาหารบำรุงให้กับราชาดอกไม้เกล็ดหิมะแทน

พวกมันทั้งคู่ต่างก็เป็นพืช พืชกินพืชด้วยกันน่าจะได้ผลไม่ใช่หรือ?

เมื่อได้ยินเสียงเรียก ราชาดอกไม้เกล็ดหิมะที่หลับใหลก็ตื่นขึ้นมา ตอนออกมาเจ้าราชาดอกไม้ยังดูมึนงงอยู่เล็กน้อย

“อาหารอยู่ที่ใดเล่า?”

โม่จวินเจ๋อเข้าใจความหมายของหลิงเยว่ในทันที เขาจึงยื่นเถาวัลย์ปีศาจที่เหลือเพียงครึ่งลมหายใจให้ราชาดอกไม้

ราชาดอกไม้เกล็ดหิมะพอเห็นอาหารที่ว่า ก็ถอยหลังไปทางด้านหลังด้วยความรังเกียจ เจ้าสิ่งดำ ๆ นี่มันคือสิ่งใดกัน มันไม่น่ากินเอาเสียเลย

“กินเข้าไปเถิด นี่ถือเป็นของบำรุงชั้นดี กินเข้าไปแล้วอาจจะวิวัฒนาการได้เชียวนะ!”

พอหลิงเยว่พูดถึงตรงนี้ นางก็ดูกระตือรือร้นขึ้นมาทันที ใช่แล้ว มันคือเถาวัลย์วิญญาณระดับครึ่งเทวะ หากราชาดอกไม้กินเข้าไป ผลลัพธ์คงดียิ่งนัก!

ดวงตาของราชาดอกไม้จับจ้องไปยังสิ่งที่อยู่ในมือของโม่จวินเจ๋อ ซึ่งเป็นสัญญาณบอกให้อีกฝ่ายรีบเอามันมาให้เขากินโดยเร็ว

โม่จวินเจ๋อทำตามอย่างว่าง่าย เขายังช่วยจับกลีบดอกไม้ไว้อย่างระมัดระวัง เพื่อไม่ให้ราชาดอกไม้คายออกมา

ในตอนแรกราชาดอกไม้คิดจะปฏิเสธ แต่เจ้าสีดำนั่นกลับส่งกลิ่นหอมพิเศษที่ดึงดูดเขาอย่างมาก นอกเหนือจากกลิ่นไหม้เกรียมแล้ว กลิ่นหอมนั้นก็ยากที่จะต้านทานได้

ราชาดอกไม้กินเข้าไปเพียงเล็กน้อย

รสชาตินั้นหลากหลาย ทั้งขม ฝาด และมีกลิ่นเหม็น แต่กลับแฝงไว้ด้วยพลังบางอย่างที่ทำให้มันหลงใหล ภายในใจดวงน้อย ๆ ราวกับมีเสียงกระซิบบอกว่า เพียงกินเข้าไป มันจะต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงอันน่าทึ่ง และการเปลี่ยนแปลงนี้จะนำพาให้มันแข็งแกร่งเหนือกว่าเมื่อก่อนอย่างแน่นอน!

“บังอาจนัก กล้ากินเข้าไปได้อย่างไร…”

ราชาดอกไม้ไม่รอให้เถาวัลย์ปีศาจพูดจบ เขาก็รีบกัดกินอีกคำใหญ่

“อ๊าก!”

เสียงกรีดร้องอันน่าสยดสยองดังออกมาจากร่างของราชาดอกไม้

หลิงเยว่และโม่จวินเจ๋อจำได้ว่าเสียงกรีดร้องนั้นมาจากเถาวัลย์ปีศาจ พวกเขามองหน้ากันแล้วยิ้มออกมา ยิ่งเสียงกรีดร้องโหยหวนมากเท่าไหร่ ก็มีความสุขมากขึ้นเท่านั้น!

การต่อสู้ใกล้จบแล้ว ด้วยความช่วยเหลือของโม่จวินเจ๋อ หลิงเยว่จึงตะโกนบอกหัวหน้าตะขาบมรกตที่กำลังเล่นอย่างสนุกสนานว่า “พวกเราไปกันเถิด!”

หัวหน้าตะขาบมรกตไม่ได้สั่งให้ฝูงตะขาบมรกตฆ่าผู้บำเพ็ญทั้งหมด แต่สั่งให้ไล่ล่าพวกเขา ผู้บำเพ็ญส่วนใหญ่ตอนนี้จึงถูกฝูงตะขาบมรกตตามไล่ล่าจนต่างร้องไห้คร่ำครวญกันเสียยกใหญ่

อีกฝั่งในม่านอาคมนั้น จินหนิงกำหมัดแน่น แต่เขาก็ไม่อาจทำสิ่งใดได้!

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

Status: Ongoing
‘หลิงเยว่’ ผู้ฝึกตนสำนักฝ่ายนอกแสนอ่อนหัด ทั้งยังถูกกลั่นแกล้งจากศิษย์ร่วมสำนัก ทว่ายังโชคดีได้ระบบนี้มาช่วยชีวิต มอบหมายภารกิจให้นางสามารถแข็งแกร่งขึ้นโดยใช้ทักษะการทำอาหารให้เกิดประโยชน์ แม้เส้นทางการเป็นยอดเซียนจะหริบหรี่ ทว่าโชคชะตาของยอดแม่ครัวได้เปิดทางให้ ‘หลิงเยว่’ ได้พบหนทางที่จะช่วยให้ตนรอดจากวิกฤติในครั้งนี้ไปได้ ‘ลิขิตฟ้าหรือจะสู้ตะหลิว เอ้ย! มานะตน หากนางไม่ยอมแพ้ ย่อมต้องมีหนทางสดใสรออยู่ข้างหน้าแน่’

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท