ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน – บทที่ 184 พูดกันอยู่ตั้งนาน นี่นางไม่ใช่มนุษย์อย่างนั้นหรือ?

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

บทที่ 184 พูดกันอยู่ตั้งนาน นี่นางไม่ใช่มนุษย์อย่างนั้นหรือ?

บทที่ 184 พูดกันอยู่ตั้งนาน นี่นางไม่ใช่มนุษย์อย่างนั้นหรือ?

หลังจากนั้นห้องส่วนตัวหมายเลขหกหก กลายเป็นผงธุลีในพริบตา เหล่าเศรษฐีที่กำลังประมูลกันอยู่ “???”

มีเพียงผู้ที่มีขอบเขตการบำเพ็ญสูงเท่านั้นที่จะสามารถเปลี่ยนห้องส่วนตัวให้กลายเป็นผงธุลีต่อหน้าต่อตาพวกเขาได้อย่างไม่สะทกสะท้านเช่นนี้ ทั้งยังลักพาตัวผู้ที่อยู่ในนั้นไปอีกด้วย!

“ผู้ใดพักอยู่ห้องส่วนตัวหมายเลขหกหก?” ประโยคนี้ทำให้ผู้ดูแลพลันได้สติ

แย่แล้ว! แน่นอนว่าต้องมีผู้ยิ่งใหญ่หมายปองแขกผู้มีเกียรติที่นำชาตรัสรู้มาประมูล และคุณหนูแห่งตระกูลเซี่ยยังอยู่ในนั้นอีกด้วย!

ผู้ดูแลรีบวิ่งไปหาฮูหยินเซี่ยทันที เขาอยากจะร้องไห้เหลือเกิน!

“เจ้าว่าอย่างไรนะ? ฮวนฮวนถูกลักพาตัวไปอย่างนั้นหรือ?!” ฮูหยินเซี่ยโกรธจนแทบจะเปลี่ยนผู้ดูแลให้กลายเป็นผงธุลีตามไปด้วย

“ฮูหยินเซี่ยไม่ต้องกังวล ฮวนฮวนอยู่กับข้า”

ทันใดนั้นฮูหยินเซี่ยผู้กำลังโกรธก็ได้รับการสื่อสารจากหลิงเยว่ สีหน้าคร่ำเครียดของนางกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง “อ๋อ! ฮวนฮวนไปเล่นกับอาจารย์ของนาง” แล้วฮูหยินเซี่ยก็หันไปมองผู้ดูแลด้วยสายตาตำหนิ “งานประมูลยังไม่จบ รีบดำเนินการต่อเถิด”

หน้าผากของผู้ดูแลเต็มไปด้วยเหงื่อ ฮวนฮวนไปเล่นกับอาจารย์ของนางก็จริง แต่แขกผู้มีเกียรติที่นำชาตรัสรู้มาประมูลกลับถูกลักพาตัวไปแล้ว หินวิญญาณที่ประมูลได้นั้น เขาจะมีชีวิตอยู่เพื่อใช้มันหรือไม่?

นี่ไม่ถูกต้อง…

คุณหนูรู้จักกับแขกผู้มีเกียรติในห้องส่วนตัวหมายเลขหกหกได้อย่างไร? หรือว่าแขกผู้มีทรัพย์สินมากมายคนนั้นจะเป็นอาจารย์ของนาง?

ราวกับว่าเขาได้ค้นพบความลับที่ยิ่งใหญ่เข้าเสียแล้ว!

ตอนนี้ผู้ดูแลยิ่งตกใจยิ่งกว่าเดิม เขาควรบอกฮูหยินเซี่ยดีหรือไม่? แต่หากบอกไปแล้วเขาอาจจะถูกปิดปากไม่ใช่หรือ?

ขณะห้องส่วนตัวกลายเป็นผุยผง หัวหน้าตะขาบมรกตก็คว้าหลิงเยว่ หลบหนีออกจากที่เกิดเหตุอย่างรวดเร็ว ขณะนี้ทั้งคู่กำลังรักษาบาดแผลอยู่นอกเมือง

หลิงเยว่มองฮวนฮวนที่เป็นดอกไม้เลือดด้วยความตื่นตระหนก “เจ้าระบบสุนัข ฮวนฮวนคงไม่ต้องคงสภาพเป็นดอกไม้อยู่เช่นนี้ตลอดไปใช่หรือไม่?”

เวลาผ่านไปมากกว่าหนึ่งก้านธูปแล้ว ผลของชานั้นไม่น่าจะอยู่ได้นานถึงเพียงนี้ แม้ว่าฮวนฮวนจะเพิ่งดูดซับพลังปราณเข้าสู่ร่างกายก็ตาม

[ไม่คิดเลยว่าจะเป็นดอกไม้ของเขตแดนลับสัตว์อสูร]

“ดอกไม้อสูรหรือ?”

หลิงเยว่รู้ดีว่าถ้าสิ่งใดที่เกี่ยวข้องกับอสูรย่อมมีเรื่องไม่ดีตามมาเป็นแน่ นางยิ่งตื่นตระหนกกว่าเดิม

[ดอกไม้อสูรโลหิตสามารถเปิดทางเข้าเขตแดนลับสัตว์อสูรได้ ทว่าน่าเสียดายที่เป็นดอกไม้อสูรเพียงครึ่งเดียว]

“เจ้าหมายความว่าฮวนฮวนเป็นครึ่งอสูรที่เกิดจากคนกับดอกไม้อสูรอย่างนั้นหรือ?”

[อืม… มันเป็นสิ่งสำคัญที่เจ้าจะสามารถเข้าไปในเขตแดนลับสัตว์อสูรได้ด้วย]

[ภารกิจการเจริญเติบโต : รดน้ำเซี่ยฮวนฮวนด้วยโลหิตของเจ้า เพื่อให้นางกลายเป็นดอกไม้แห่งเขตแดนลับสัตว์อสูรอย่างแท้จริง รางวัลที่ได้รับ : ร่มศักดิ์สิทธิ์กันอสูร ค่าพลังวิญญาณ +100,000,000,000 แต้ม อายุขัย +100,000 วัน]

การระเบิดสองครั้งติดต่อกันทำให้หลิงเยว่ตกตะลึงจนทำอะไรไม่ถูก

ช้าก่อน! เหตุใดนางถึงต้องเข้าไปในเขตแดนลับสัตว์อสูรด้วยเล่า?

สิ่งนี้ไม่ถูกต้อง หากใช้โลหิตของนางเลี้ยงถึงจะเติบโตได้ แล้วอย่างนี้ฮวนฮวนจะกลายเป็นอสูรร้ายเพราะการเลี้ยงดูของนาง จากนั้นก็จะพาเหล่ากองทัพอสูรมารุกรานโลกผู้บำเพ็ญเซียนอย่างนั้นหรือ?

ถ้าเป็นเช่นนั้นนางจะกลายเป็นคนบาปหรือไม่?

“มีเพียงโลหิตของข้าเท่านั้นหรือ?”

[เมล็ดพันธุ์ครึ่งซีกนั้นคือร่างจริงของเจ้า ไม่ใช่ของข้า ส่วนตัวจริงอีกครึ่งหนึ่งของเจ้า ถูกผนึกไว้ในเขตแดนลับสัตว์อสูร]

“???”

หลิงเยว่สับสนยิ่งนัก

พูดกันอยู่ตั้งนาน นี่นางไม่ใช่มนุษย์อย่างนั้นหรือ?

ช่างเถิด! นางจะเชื่อคำหลอกลวงของระบบได้จริงหรือ? มันคงอยากให้นางช่วยหาตัวตนอีกครึ่งหนึ่งเสียมากกว่า จึงได้โกหกว่าเมล็ดพันธุ์ครึ่งซีกที่อยู่ในเขตแดนลับสัตว์อสูรนั้นคือตัวตนที่แท้จริงของนาง!

“เจ้าต้องการให้ข้าไปเขตแดนลับสัตว์อสูรเพื่อช่วยเจ้าหาตัวตนอีกครึ่งของเจ้าใช่หรือไม่ พูดมาตามตรงเถิด เหตุใดต้องอ้อมค้อมด้วย?” หลิงเยว่พูดเสริม “วางใจเถิด ในเมื่อเจ้าให้ชีวิตใหม่แก่ข้า ข้าย่อมช่วยเจ้า”

ไม่มีเสียงตอบรับจากระบบ

“เฮ้อ! เจ้าอย่าเงียบสิ บอกมาเถิดว่าฮวนฮวนจะคืนร่างมนุษย์เมื่อใด?”

[อีกสามวัน]

ฟ้าผ่ากลางวันแสก ๆ! * [1]

หลิงเยว่โกรธยิ่งนัก แล้วนางจะต้องบอกครอบครัวของฮวนฮวนอย่างไร?

และหากพวกเขาพบความลับของนางแล้ว คงต้องฆ่าปิดปากนางอย่างแน่นอน!

“ข้าอยากถามเจ้าว่า เหตุใดเจ้าถึงแสดงอาการตกใจอยู่พักหนึ่ง แต่เพียงครู่เจ้ากลับทำท่าราวกับฟ้าผ่าลงมา มันเกิดอะไรขึ้นอย่างนั้นหรือ?”

หัวหน้าตะขาบมรกตสังเกตหลิวเยว่อยู่พักใหญ่แล้วพบว่า ในบรรดามนุษย์ที่เขารู้จัก เจ้ามนุษย์เปราะบางน้อยผู้นี้แสดงสีหน้าได้หลากหลายที่สุดแล้ว

หลิวเยว่ดึงหัวหน้าตะขาบมรกตไปมุมหนึ่งแล้วถามว่า “ด้วยฝีมือของเจ้าสามารถสู้กับฮูหยินเซี่ยได้หรือไม่?”

“หึ!”

หัวหน้าตะขาบมรกตแสดงความดูถูกอย่างชัดเจน

ด้วยท่าทางเหยียดหยามเช่นนี้ ทำให้หลิงเยว่รู้สึกโล่งใจขึ้นเล็กน้อย คงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับหัวหน้าตะขาบมรกต

เมื่อผู้เป็นพ่อกลับถึงบ้านแล้วไม่เห็นร่างของลูกสาวคนเล็ก จึงถามภรรยาที่กำลังทานอาหารอยู่กับลูกชาย เขาได้คำตอบว่า

“ฮวนฮวนกับอาจารย์หลิงออกไปเที่ยวนอกเมืองกัน นางบอกว่าอีกสามวันจะกลับมา” หลังจากตอบคำถามเสร็จ เซี่ยซิ่นรุ่ยพลันหงุดหงิดขึ้นมา เหตุใดฮวนฮวนถึงโชคดีเช่นนี้ แล้วเหตุใดอาจารย์ถึงไม่พาเขาไปด้วย เขาก็เป็นผู้ใหญ่แล้ว ถึงแม้ว่าเพิ่งจะอยู่ขอบเขตจินตาน แต่เรื่องล่าสัตว์อสูรประเภทนั้นเขาเองก็ทำได้!

พาฮวนฮวนไปด้วยเช่นนั้นนับว่าเป็นตัวถ่วงแล้ว!

“ท่านมานั่งทานด้วยกันเถิด” ฮูหยินเซี่ยชวนสามีให้นั่งลงข้าง ๆ “ข้าขอบอกท่านไว้ก่อน อาหารที่อาจารย์ของฮวนฮวนทำนั้นเทียบกับลูกชายและลูกสาวของท่านไม่ติดเลยสักนิด”

เซี่ยซิ่นรุ่ยโดนเหยียบย่ำจนชินชาเสียแล้ว

“ลองกินปูทะเลดู เพียงกัดคำเดียวก็รู้สึกถึงความเผ็ด และหอมหวาน!” ท่านแม่เซี่ยถูกฝีมือการทำอาหารของหลิงเยว่เข้าครอบงำแล้ว โดยเฉพาะหม้อปูผัดที่วางอยู่ตรงกลาง รสชาติของอาหารทะเลนั้นล้ำเลิศนัก

ท่านพ่อเซี่ยนึกถึงลูกชิ้นที่หลิงเยว่ทำให้เมื่อครั้งนั้น เขาจึงลองกินปูทะเลไปคำหนึ่ง ซึ่งเป็นอย่างที่ภรรยาพูดจริง ๆ

“ท่านพ่อลองสุราหมักสมุนไพรที่อาจารย์ทำสิขอรับ”

ตระกูลเซี่ยกำลังกินอาหารกันอย่างชื่นมื่น ส่วนลูกสาวคนเล็กแค่ออกไปเล่นนอกเมืองกับอาจารย์สามวันเท่านั้น ถือเป็นเรื่องใหญ่อะไรกัน?

ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีเผ่าตะขาบมรกตสี่ปีกคอยคุ้มครองอีกด้วย!

หลิงเยว่ที่จำต้องออกมานอกเมือง พร้อมกับสละของสะสมจำนวนมากออกไป ตอนนี้นางกำลังนั่งอยู่กับหัวหน้าตะขาบมรกตที่เชิงเขาหน้าเมือง เพื่อดูว่าจะมีสมาชิกของตระกูลเซี่ยวิ่งตามออกมาหรือไม่

หลังจากรอคอยมาทั้งคืน กลับไม่มีใครวิ่งตามออกมาเลย

หลิงเยว่จึงคลายกังวล ไม่รู้ว่าจะสรรเสริญว่าพวกเขามีจิตใจที่กว้างขวาง หรือพวกเขามีจิตใจที่เมตตาดี ถึงได้ปล่อยให้นางพาเด็กหญิงวัยหกขวบออกไปเล่นนอกเมืองได้ง่ายดายเช่นนี้

ดูเหมือนว่าในสายตาของตระกูลเซี่ย นางจะเป็นอาจารย์ที่น่าเชื่อถือมากจริง ๆ!

“ตอนนี้เราจะไปที่ใดกันดี?”

หัวหน้าตะขาบมรกตแทะขากระต่ายย่างพลางบ่นอย่างไม่พอใจ ที่สำนักสามารถนอนกิน นั่งกิน นอนตะแคงกินก็ยังได้ เหตุใดต้องพามานั่งกินกลางทุ่งหญ้ารกร้างเช่นนี้ด้วย

“ต้องรอให้ถึงสามวันหลังจากที่ฮวนฮวนกลายร่างเป็นมนุษย์ก่อนถึงจะกลับเข้าเมืองได้”

ขณะที่หลิงเยว่กินเนื้อกระต่าย นางก็ฉีกชิ้นเล็ก ๆ ส่งให้ดอกไม้อีกดอก

พอเห็นเนื้อ ดอกไม้ก็หุบกลีบลงทันใด แสดงออกว่าไม่อยากกินอย่างชัดเจน

“ฮวนฮวน เจ้าได้ยินที่อาจารย์พูดบ้างหรือไม่?”

หลิงเยว่จิ้มดอกไม้สีเลือดอีกครั้ง มันยังคงนิ่งไม่ไหวติง เหมือนกำลังน้อยใจอยู่เช่นนั้นหรือ?

หลังจากคิดทบทวน หลิงเยว่ก็หยิบน้ำผลไม้ขึ้นมาเปิด แต่ฮวนฮวนยังคงนิ่งเงียบ จนกระทั่งกลิ่นหอมของสุราสมุนไพรโชยออกมา ดอกไม้อสูรที่เก็บตัวอยู่ก็ค่อย ๆ คลายกลีบออก

หลิงเยว่ “…”

เมื่อกลายเป็นดอกไม้ ความชื่นชอบในการกินก็หายไปด้วย แต่ความหลงใหลในสุรานั้นกลับฝังรากลึก!

การดื่มสุราไม่น่าจะทำให้ร่างกายของดอกไม้ระเบิดกระมัง!

[ให้เยอะ ๆ เลย]

เมื่อระบบเริ่มแนะนำ หลิงเยว่กลับไม่อยากให้กินเสียอย่างนั้น ล้วนเป็นเพราะระบบสุนัขยั่วยุ นางถึงได้ให้เลือดฮวนฮวนกิน จนทำให้นางต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนี้!

*[1] ฟ้าผ่ากลางวันแสก ๆ หรือ ฟ้าผ่าในวันที่ท้องฟ้าปลอดโปร่ง เป็นสำนวนจีน มีความหมายเชิงเปรียบเปรยว่า เรื่องที่เกิดขึ้นแบบคาดไม่ถึง ทำให้คนรู้สึกตื่นตกใจเป็นอย่างมาก

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

Status: Ongoing
‘หลิงเยว่’ ผู้ฝึกตนสำนักฝ่ายนอกแสนอ่อนหัด ทั้งยังถูกกลั่นแกล้งจากศิษย์ร่วมสำนัก ทว่ายังโชคดีได้ระบบนี้มาช่วยชีวิต มอบหมายภารกิจให้นางสามารถแข็งแกร่งขึ้นโดยใช้ทักษะการทำอาหารให้เกิดประโยชน์ แม้เส้นทางการเป็นยอดเซียนจะหริบหรี่ ทว่าโชคชะตาของยอดแม่ครัวได้เปิดทางให้ ‘หลิงเยว่’ ได้พบหนทางที่จะช่วยให้ตนรอดจากวิกฤติในครั้งนี้ไปได้‘ลิขิตฟ้าหรือจะสู้ตะหลิว เอ้ย! มานะตน หากนางไม่ยอมแพ้ ย่อมต้องมีหนทางสดใสรออยู่ข้างหน้าแน่’

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท