Invincible โลกอมตะ – ตอนที่ 330

ตอนที่ 330
ตอนที่ 330 หมัดสังหารเทพ!!
เหอฮุยนั้นก็จ้องมองลูไคที่อยู่ ณ ใจกลางลานแห่งนี้แล้วตะโกนขึ้นว่า “คุกเข่า!”
ลูไคที่ยืนอยู่ตรงนั้นก็จ้องมองชายชราคนนี้
เมื่อเห็นลู่ไคที่ดื้อดึง เหอฮุยจึงพ่นลมหายใจออกมาอย่างดูถูกแล้วเตะใส่ด้านหลังขาของไคด้วยความเร็วราวกับสายฟ้า ซึ่งนั่นทําให้ลูไคทรุดลงคุกเข่าในทันที
“เจ้าคิดว่าตอนนี้เจ้ายังเป็นองค์ชายอาณาจักลั่วถางอีกงั้นหรอ?”เหอฮุยนั้นก็เยาะเย้ยออกมา “ตอนนี้ เจ้าไม่ได้ต่างอะไรกลับนักโทษใกล้ตายที่รอโดนตัดหัว!!”
ไคจึงเงยหน้าขึ้นมองเหอฮุยที่ดวงตาแดงก่ําและกระหายเลือด เมื่อเห็นแบบนี้แล้ว เหอฮุยจึงใช้มือฟาดใส่หน้าของไคอย่างไม่ปราณี ซึ่งทําให้บนแก้มของลูไคนั้นมีลอยนิ้วมือทั้งห้าแดงขึ้นมา และนี่ทําให้ลูไคถึงกับหัวตกและเลือดกลกปาก
ฝูงชนที่มองดูจากระยะไกลนั้นต่างก็กระสับกระส่ายและหัวร้อนกันขึ้นมาเลย
สู่จึงนั้นก็ขมวดคิ้วขึ้นมาในขณะยืนอยู่ตรงเวทีที่ถูกสร้างขึ้นแล้วพูดว่า “ศิษย์พี่เหอ แค่นั้นก็พอแล้ว”ยังไงซะลูไคนั้นก็เป็นพี่ชายของเขา
“เอาหล่ะท่านพี่ มีคําพูดสุดท้ายอะไรก็พูดออกมาเลย?”ลู่จิงนั้นก็มองลูไคที่คุกเข่าอยู่ตรงใจกลางของลานประหารในขณะถามออกมาด้วยท่าทางอันเห็นอกเห็นใจ
ลู่ไคจึงเงยหน้ามองขึ้นพร้อมกับยกยิ้มมุมปากแล้วจับจ้องไปยังน้องชายของเขา “อย่าฆ่าท่านแม่ของข้าหล่ะ”
แม้ว่าพวกเขานั้นจะเป็นพี่น้องกันแต่พวกเขานั้นเกิดคนละแม่
ลู่จึงนั้นก็ส่ายหัว “เปลี่ยนคําขอเถอะ” ความหมายของเขาชัดเจนมาก เมื่อลู่ไคตาย แม่ของเขาก็จะต้องตาย ความเป็นไปได้ต่างๆต้องถูกถอนรากถอนโคนไม่ให้เหลือ
ทันใดนั้นเมื่อได้ยิน ดวงตาของลูไคนั้นก็มีน้ําตาไหลรินออกมาอย่างไม่รู้ตัว
“ศิษย์น้อง ถึงเวลาแล้ว”เหอฮุยนั้นก็พูดเพิ่ม “อาจารย์ได้สั่งว่าจะต้องไม่มีเรื่องผิดพลาดเกิดขึ้น”ประโยคสุดท้ายนั้นเป็นประโยคที่เต็มไปด้วยคําเตือน
เหอฮุยก็เดินก้าวออกมาแล้วพูดขึ้นเสียง “เตรียมการประหาร”
เพชฌฆาตที่เตรียมพร้อมอยู่ด้านข้างนั้นก็เดินเข้ามาหาลู่ไคแต่ก่อนที่เขาจะได้เข้าใกล้ไค ร่างกายของเขานั้นกลับหยุดนิ่งและสั่นไหวจนล้มไปกองกับพื้น
ฉากที่เกิดขึ้นอันฉับพลันนี้ก็ทําให้ทุกคนอึ้งไปเลย
“มันเกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย!?”ลู่จึงนั้นก็ลุกขึ้นจากที่นั่ง
เหอฮุยจึงหันไปมองสํารวจฝูงชนรอบๆแล้วพ่นลมหายใจออกมาอย่างดูถูก “มีคนอยากจะช่วยนักโทษจากการประหารงั้นเรอะ?”จากนั้นเขาก็พึ่งไปยืนข้างๆเพชฌฆาตแต่สิ่งที่เขานั้นสับสนมากก็คือเขานั้นไม่สามารถหาสาเหตุการตายได้ บนร่างกายของเพชฌฆาตนั้นไม่มีร่องลอยบาดแผลเลย
เสียงอันโหวกเหวกโวยวายของฝูงชนนั้นก็ได้เงียบลงอย่างฉับพลัน และพวกเขาทุกคนต่างก็หันหน้าไปมองยังทิศทางหนึ่งพร้อมกัน ซึ่งเป็นทิศทางที่มีชายหนุ่มผมดําและชายร่างยักษ์สูงสี่เมตรที่ถูกปกคลุมไปด้วยผ้าคลุ่มสีดํากําลังเดินเข้ามายังใจกลางของลานประหารนี้
เหอฮุยและลู่จึงนั้นก็หันไปมองอย่างพร้อมเพรียง
เมื่อไคเห็นใบหน้าของชายหนุ่มคนนี้ ร่างกายของงเขาก็สั่นสะท้านพร้อมกับดวงตาที่เบิกกว้างขึ้นมาอย่างไม่อยากจะเชื่อ และทันใดนั้นความสุขก็ได้ก่อตัวขึ้นในใจของเขาพร้อมกับที่ปากของเขาสันไหวไม่หยุด
ในขณะที่หวงเสี่ยวหลงและผียักษ์เฟิงหยางเดินเข้ามา ฝูงชนก็เริ่มเปิดทางให้พวกเขา ทหารองครักษ์ที่ตั้งวางสิ่งกีดขวางรอบๆนั้นก็ได้ตะโกนเตือน แล้วส่งสัญญาณให้ทหารคนอื่นทําการฆ่าคนทั้งสองในทันทีที่เข้ามายังเขตของพวกเขา แต่ที่น่าแปลกคือ ก่อนที่ทหารองครักษ์จะได้ก้าวออกไป ร่างกายของพวกเขากลับถูกผลักออกไปอย่างไร้เหตุผล ไม่ว่าพวกเขานั้นจะรวมกําลังก้าวไปกันกี่คนก็ตาม
เมื่อเห็นฉากนี้แล้ว เหล่าคนธรรมดาทั้งหมดในลานต่างก็ตกตะลึงมากจนดวงตาเบิกกว้างราวกับไข่ห่าน พวกเขานั้นมองเห็นอย่างชัดเจนว่าหนึ่งในทั้งสองคนนั้นยังไม่มีใครเปิดฉากโจมตีเลย
เหอฮุยนั้นก็ขมวดคิ้วขึ้นมาเพราะเขานั้นไม่เห็นใครในทั้งสองลงมืออะไรเลย หรืออาจกล่าวได้ว่า ด้วยสายตาของเขากลับไม่สามารถมองเห็นการโจมตีของทั้งสองได้?
แต่จากนั้นแล้วเขาก็ส่ายหัวและคิดว่าช่างเป็นความคิดที่ไร้สาระมาก ตามความรู้ของเขาในอาณาจักรเล็กๆ อย่างอาณาจักรลั่วถาง ผู้เชี่ยวชาญระดับเซียนเทียนขั้นที่ 3 นั้นไม่มีตัวตนเลยด้วยซ้ํา ผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งที่สุดก็มีเพียงแค่ระดับเซียนเทียนขั้นที่ 2 กลาง
ในที่สุด หวงเสี่ยวหลงและเฟิงหยางนั้นก็เดินทางมาถึงเวทีประหาร ลูไคนั้นก็ยืนขึ้นมาแล้วมองหวงเสี่ยวหลงด้วยความตื่นเต้น
พวกเขานั้นแค่จ้องมองกันอย่างนั้นเฉยๆ
“พี่ชาย ข้าขอโทษที่มาช้าไป” หวงเสี่ยวหลงนั้นพูดขึ้นก่อน
ลู่ไคกลับส่ายหัวแต่ใบหน้าของเขานั้นกลับมีน้ําตาไหลรื่นออกมาอย่างไม่อาจจะควบคุมได้ซึ่งไม่แน่ใจวามันเป็นน้ําตาแห่งความสุขหรือความเสียใจกัน เขานั้นไม่เคยคิดเลยว่าหวงเสี่ยวหลงนั้นจะปรากฏตัวขึ้นที่นี่ ไม่ใช่ว่าจดหมายของจอมพลอ่าวเทียนเมื่อหลายเดือนก่อนบอกว่าหวงเสี่ยวหลงเดินทางไปดินแดนแห่งความโกลาหลหรอกหรอ?
“ข้าได้ยินว่าจอมพลอ่าวเทียนบอกว่าเจ้าเดินไปทางดินแดนแห่งความโกลาหลหน?”ลูไคถาม
หวงเสี่ยวหลงกลับยิ้มออกมา “เอ่อ ข้าแค่อยู่ที่นั่นสักพักนึงเอง พึ่งจะกลับมา และระหว่างทางข้าเลยคิดว่าจะมาแวะดื่มกับท่านสักหน่อย”
แวะดื่ม? ลูไคนั้นก็หัวเราะออกมาทั้งน้ําตา “ข้าขอถามอะไรหน่อยได้ใหม ในดินแดนแห่งความโกลาหล มีสาวสวยเยอะใหม?”
หวงเสี่ยวหลงที่ได้ยินนั้นกลับตะลึงจนหมดคําพูด ไอ้เวรนี่มันหัวเกือบขาดแต่ตอนนี้มันกลับยืนถามเรื่องสาวสวยกับเขา?
ทันใดนั้นน้ําเสียงอันเย็นชาก็ได้พึ่งเข้าแทรกบทสนทนาของพวกเขา “ดื่มเหล้าเคล้านารี? ฮึ่ม เมื่อพวกเจ้าลงนรกกันไปแล้ว ค่อยไปคุยสารทุกข์สุกดิบกันที่นั่นแล้วกัน”นี่ก็คือเสียงของเหอฮุย
ตอนนี้จิตใจของเหอหุยนั้นครกกรุ่นไปหมด คนทั้งสองคนนั้นกลับทะลวงเข้ามาสู่เวทีประหารแต่กลับกลามายืนคุยอย่างเอ้อระเหยแถมยังไม่สนใจเขาด้วย!! เข้าจึงก้าวเข้ามาหาหวงเสี่ยวหลงและผียักษ์เฟิงหยาง พร้อมกับที่เปลวเพลิงปราณได้พุ่งออกมาจากร่างกายของเขา ซึ่งก่อให้เกิดแรงกดดันอันน่าหวาดหวั่นขึ้น
เมื่อเห็นฉากนี้ ไคก็กลับมาเครียดเหมือนเดิมแล้วหันมามองหวงเสี่ยวหลงอย่างฉับพลัน “น้องชาย ไอ้แก่เวรนี่มันคือผู้เชี่ยวชาญระดับเซียนเทียนขั้นที่ 2 ปลายสูงสุด เจ้ามั่นใจใหม?”แม้ว่าเขานั้นจะเข้าใจในตัวหวงเสี่ยวหลง และรู้ว่าน้องชายคนนี้คงไม่ทําแน่หากเขาไม่มีไพ่ตาย แต่ลูไคนั้นก็ยังคงกังวลอยู่ ยังไงซะ ในตอนที่หวงเสี่ยวหลงไปจากอาณาจักรลั่วถาง เขานั้นยังไม่ได้ทะลวงเข้าสู่ระดับเซียนเทียนเลยด้วยซ้ํา
หวงสัยวหลงนั้นกลับยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ “แล้วท่านคิดว่าไง?”
เมื่อได้ยินประโยคนี้ ไคก็ผ่อนคลายลงซึ่งเขานั้นรู้สึกไว้วางใจหวงเสี่ยวหลงมากๆ
เหอฮุยนั้นก็ได้ยินคําพูดของหวงเสี่ยวหลง เขาจึงจ้องหวงเสี่ยวหลงอย่างเขม็ง “ช่างมั่นหน้าเสียจริง!! ไอ้เด็กเวร ใหนดูสิว่าเจ้ามีความสามารถพอจะช่วยเหลือมันไปจากอุ้งมือข้าได้ใหม?”เหอฮุยนั้นก็เตรียมโจมตีทันทีที่เขาพูดเสร็จ
อย่างไรก็ตาม ในเวลาเดียวกัน ในฝูงชน จู่ๆก็มีคนอุทานออกมาเสียงดัง “คนๆนั้นดูเหมือน…หวงเสี่ยวหลง…หวงเสี่ยวหลง!!”
“หวงเสี่ยวหลง? หลายปีก่อน ก็เป็นหวงเสี่ยวหลงที่นําเอาเกียรติยศมาให้แก่อาณาจักรลั่วถางโดยการชนะได้อันดับหนึ่งในการประลองเมืองจักรพรรดิ!?”
“ใช่ นั่นแหละเขา!! หวงเสี่ยวหลง!! อัฉริยะในตํานานแห่งอาณาจักรล้วถาง!!”ทันใดนั้นฝูงชนก็ตื่นเต้นขึ้นมา และเสียงพูดคุยนี้มันก็ดังเอามากๆ จนทุกคนหันมาคุยกันและตะโกนขึ้นอย่างพร้อมเพรียง
ในที่สุดก็มีคนจําหวงเสี่ยวหลงได้!!
ข่าวนี้ก็ได้แพร่ขยายจากหนึ่งไปสิบ สิบไปร้อย!!
ในตอนแรกเหอฮุยนั้นก็ตกตะลึงก่อนที่จะยิ้มออกมาเย้ยหยัน “อันดับหนึ่งของการประลองเมืองจักรพรรดิแห่งจักรวรรดิโวนเริ่นเมื่อหลายปีก่อนงั้นหรอ? ไม่ต้องสงสัยเลยที่เจ้าหยิ่งยโสขนาดนี้ แต่เจ้าคิดว่าการที่เขาชนะได้เป็นอันดับหนึ่งในการแข่งเมืองจักรพรรดินั้นจะทําให้เจ้าไร้พ่ายงั้นเรอะ? วันนี้ข้าจะแสดงให้เห็นว่าเหนือ ฟ้ายังมีฟ้า เหนือภูเขายังมีภูเขาอยู่!!!” หลังจากนั้นแล้ว เหอฮุยนั้นก็ชกหมัดเล็งใส่หวงเสี่ยวหลงซึ่งหมัดนี้ก็พึ่งแหวกอากาศและทําให้การไหลเวียนของลมและมิติบิดเบี้ยว
“หมัดสังหารเทพ!!”เหอฮุยนั้นก็ขู่คํารามออกมาราวกับว่าภายใต้หมัดของเขา แม้แต่เทพก็ยังตกตาย!!
หวงเสี่ยวหลงนั้นกลับใจเย็นเหมือนเคยในขณะเฝ้ามองหมัดของอีกฝ่ายที่พุ่งเข้ามาหาซึ่งเขานั้นรอคอย อย่างไม่ขยับเขยื้อนราวกับว่าเขานั้นไม่คิดจะโจมตีสวนกลับ ลูไคนั้นที่กระวนกระวายมากนั้นก็เห็นแค่เพียงชายร่างยักษ์ที่อยู่ข้างหวงเสี่ยวหลงโจมตีออก แค่เพียงสะบัดมือกับเสียงอันน่าขนลุกเหอฮุยก็ล้มลงร่วงพื้น และตัวของเขานั้นก็ได้ถูกฝังลงในพื้นของลาน
ลูไคนั้นก็อ้าปากค้างอย่างตกตะลึง แถมดวงตาของเขานั้นก็แทบจะถลนออกมาในขณะจ้องมองร่างครึ่งนึงของเหอฮุยที่ถูกฝังอยู่ในพื้น
ฝูงชนที่ตื่นเต้นเพราะการปรากฏตัวของหวงเสี่ยวหลวนั้นก็เงียบลงอย่างมึนงงและนั่นก็รวมถึงลู่จิงและองครักษ์รอบข้างด้วย
หวงเสี่ยวหลงที่เมินเฉยสีหน้าของคนรอบตัวนั้นก็ค่อยๆเดินเข้าหาเหอฮุย
Invincible โลกอมตะ

Invincible โลกอมตะ

จากลูกศิษย์ของวัดเส้าหลินบนแผ่นดินใหญ่ หวงเสี่ยวหลงกลับคืนสู่โลกแห่งการต่อสู้โดยได้อาศัยความรู้จากความลับของหัวเซี่ย ซึ่งเป็นวิชาลับจากคัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็น ในโลกของจิตวิญญาณการต่อสู้โดยเฉพาะผู้ที่มีจิตวิญญาณการต่อสู้เท่านั้นที่จะสามารถฝึกในปราณฉีและกลายเป็นนักรบได้ หวงเสี่ยวหลงเกิดมาพร้อมกับวิญญาณการต่อสู้ที่หายากจากภายในสวรรค์แห่งนี้ได้ถูกปลุกจิตวิญญาณการต่อสู้ ในช่วงพิธีปลุกเสกโดยคนของโลกแห่งนี้ อย่างไรก็ตามหวงเสี่ยวหลง กับ “ตัวแปร” จิตวิญญาณการต่อสู้ต้องลุกขึ้นต่อสู้อีกครั้งและแสดงความสามารถพิเศษอื่น ๆ เพื่อเอาชนะเหล่าอัจฉริยะสร้างความตกตะลึงให้กับตระกูลและเหล่าผู้คนของโลกจิตวิญญาณการต่อสู้

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท