ดี-เจเนซิส : สามปีหลังจากดันเจียนปรากฏขึ้น – ตอนที่ 1.10 ดังนั้น พวกเราจึงลาออก(10)

ดี-เจเนซิส : สามปีหลังจากดันเจียนปรากฏขึ้น

โยโยกิ-ฮาจิมัน

“พรุ่งนี้เธอทำงานไม่ใช่หรอ มิโยชิ” ผมถาม “ควรจะกลับได้เเล้วรึเปล่า”

มิโยชินั่งอยู่ที่โต๊ะโคทัตสึในห้องผม กำลังใช้ส้อมม้วนเส้นพาสตาพร้อมกับดูโน๊ตของวันนี้ที่ผมจด

เธอโผล่มาที่อพาร์ตเมนของผมตอนหนึ่งทุ่มเเล้วบ่นว่าหิว ผมส่ายหัวเเล้วจึงไปต้มพาสตาให้เธอ เเต่ตอนนี้ก็เกือบจะสองทุ่มเเล้ว

“เคย์ ตอนนายเลือกสกิลวอล์ตจากเมนูน่ะ ประมาณบ่ายสามโมงรึเปล่า” เธอถาม

“หืม เอ่อ น่าจะใช่นะ ฉันดูเวลาตอนคุยกับนารุเสะเสร็จ น่าจะก่อนบ่ายสามนิดหน่อย”

“อืมม”

ถึงผมจะบอกไม่่ได้ก็เถอะว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ เเต่สิ่งที่ผมบอกได้คือ มิโยชินั้นเป็นอัจฉริยะด้านการคำนวนเเละการค้นหาเเพทเทิร์น เธอได้เเสดงความสามารถในหาเเพทเทิร์นของกลุ่มตัวเลขที่ดูเหมือนจะมาวางต่อกันเเบบไม่มีความหมายตอนที่ยังเป็นเเค่พนักงานใหม่

“วันนี้นายเลือกออร์บเวทย์น้ำประมาณเวลาเดียวกันรึเปล่า” เธอถามอีก

“น่าจะ หรือไม่ก็ก่อนหน้านั้นนิดหน่อย”

“ถ้าตัวเลขนั่นเป็นเวลาคูลดาวน์จริงๆ มันจะเป็นค่าผกผันของความน่าจะเป็นที่ออร์บจะปรากฏขึ้นหารด้วยหนึ่งร้อยล้าน ตัวเลขที่เเสดงนั่นเป็นหน่วยวินาที”

“เเล้วมันบอกอะไรเราล่ะ”

“นายน่าจะเลือกออร์บวอลต์ได้อีกครั้งในหนึ่งพันวัน ไม่สิ ต้องเป็น 998 วันนับจากตอนนี้”

พูดอีกเเง่คือผมจะเลือกออร์บวอลต์ได้ทุกๆ 3 ปี เเต่อย่างไรก็ตาม ถ้าใช้วิธีปกติในการหาออร์บนี้ ถ้ามีคนสิบล้านคนล่าสไลม์คนละ10ตัวทุกๆวัน ในทุกๆ3ปีก็จะมีคนเดียวที่จะได้ออร์บวอลต์ มาคิดดูเเบบนี้ก็น่าตกใจที่มันดูเป็นไปได้มากกว่าที่คิด เเต่ผมไม่คิดว่าจะมีสไลม์มากขนาดนั้นให้ล่าหรอกนะ

“งั้นเเล้ว ออร์บเวทย์น้ำล่ะ”

“จะเลือกได้อีกใน 6 วัน”

เมื่อวันก่อน เราซื้อฮากเกนดาซ์รสวนิลามาเพื่อทำการทดลองว่าเวลานั้นผ่านไปอย่างปกติในวอลต์รึเปล่า หรือไม่ก็เวลาจะหยุดลงโดยสิ้นเชิงไหม ผลคือเราพบว่าฮากเกนดาซ์นั้นก็ยังเเข็งอยู่หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วโมง เเต่หลังจากนั่งมองมิโยชิกินไอศครีมนั่นเข้าไปเเล้ว ผมก็อดสงสัยไม่ได้ว่าถ้าเราใช้นาฬิกาหรือมือถือจะช่วยให้ได้ผลลัพธ์เร็วขึ้นรึเปล่า

“งั้นก็คือ ถ้าออร์บที่ถูกเก็บไว้ในวอลต์ไม่หายไปหลังจากบ่ายสามโมงวันพรุ่งนี้ เราก็จะสามารถยืนยันได้ว่าวอลต์สามารถทำให้เวลาจำกัดของออร์บนั้นไม่มีผลได้ เพราะเวลานั้นถูกหยุดภายในวอลต์” ผมพูด “ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามที่คิด เราจะปฏิวัติการเก็บรักษาเเละการซื้อขายออร์บเลยทีเดียว”

“เเละถ้าไม่เป็นไปตามแผน ค่าพิสูจน์นี้ก็จะมีราคา 80 ล้านเยน เเต่ก็สมกับเป็น โยชิมูระ เคโกะ ดีนะ”

“ใช่ ฉันที่ว่างงานอยู่ไม่น่าจะเอาเงิน 80 ล้านมาเสี่ยงเลย”

“เห็นด้วย”

พอจัดการพาสตาคำสุดท้ายเสร็จ มิโยชิก็เทครึ่งนึงของเครื่องดื่มโซดาซานกาเรียลงไปผสมกับน้ำเเร่จากเทือกเข้าแอลป์ใต้จนกลายเป็นของเลียนเเบบน้ำเเร่โซดาถูกๆ เเต่ผมพูดจากประสบการณ์ตรงนะ ไอนั่นมันอร่อยจนน่าตกใจเลยล่ะ

“ขอบคุณสำหรับอาหารค่ะ” มิโยชิพูด “ไม่รู้เลยว่านายทำอาหารได้”

“อยู่คนเดียวมานานขนาดนี้ก็ต้องทำได้บ้างเเหละ”

“น่าสงสารจริง…”

“เฮ้ ฉันไม่ได้น่าสังเวชขนาดนั้น”

“เเต่ว่า ถ้าเราพิสูจน์เรื่องนี้ได้เเละมีคนรู้เรื่องวอลต์ นายจะกลายเป็นเป้าหมายของรัฐบาลกับองค์กรต่างๆเลยนะ”

ไม่เอาน่า ไม่ใช่บทหนังฮอลลิวูดซะหน่อย

“เเล้วฉันก็จะเป็นเศรษฐี” มิโยชิพูดต่อ “อาหารเลิศรสทั้งหมดในโลกต้องตกเป็นของฉัน!”

“เดี๋ยวก่อนมิโยชิ ตาเธอกลายเป็นตัวเยนเเล้วนะ”

“โอียย ฉันอยากจะลาออกเหมือนกันนะ ไอโปรเจคนั้นมันอะไรกัน พอนายไม่อยู่งานก็ไม่เดินเลย เหนื่อยจะเเย่อยู่เเล้ว”

“เเล้วเอโนกิล่ะ”

“เราไม่มีนายงั่งนั่นจะดีกว่า เเค่คิดถึงก็หงุดหงิดเเล้วเนี่ย!”

“อะ-อื้ออ โทษทีๆ เเต่ว่าตอนนี้ฉันยังไม่มีเงินจ่ายเงินเดือนเธอหรอ”

“เเต่ถ้าพรุ่งนี้ออร์บไม่หายไปจริงๆ ฉันน่าจะลาออกได้เลยนะ ใช่ไหม”

หืมม ก็นะ ถึงการทดลองนี้จะไม่ประสบผลสำเร็จ เเต่ก็ใช่ว่าเราจะไม่มีเงินเลย เเค่ไม่มีเงินพอที่จะไปตรวจวัดการเปลี่ยนเเปลงของร่างกายเท่านั้นเอง

“เธออยากจะลาออกขนาดนั้นเลยหรอ” ผมถาม

“ใช่สิ ที่ทำอยู่นี่มันน่าสนใจกว่างานประจำตั้งเยอะ”

“เข้าใจเเล้ว ถ้าพรุ่งนี้ออร์บไม่หายไป เธอก็ลาออกได้เลย”

“จะตั้งหน้าตั้งตาคอยเลยล่ะ!”

ผลที่ได้ตอนทดลองกับไอศครีมก็น่าพอใจอยู่หรอก เเต่จนกว่าเราจะลองกับออร์บจริงๆ ก็ยังจะไม่รู้ว่าวอลต์จะมีผลกับของที่ได้จากดันเจี้ยนรึเปล่า

ตอนนั้นเอง มือถือผมก็สั่น “หือ ใครโทรมา”

หน้าจอของผมไม่เเสดงหมายเลขที่โทรมา เเปลกชะมัด ผมหยิบมือถือขึ้นมาเเล้วกดรับ

“ฮัลโหล” ผมพูด

“สวัสดีตอนเย็นค่ะ ฉันมิตสึรุกิ โยชิมูระกำลังพูดอยู่หรือเปล่าคะ?”

“ใช่ เบอร์โทรของเธอมันถูกซ่อนไว้น่ะ ฉันเลยไม่รู้ว่าใครโทรมา”

“อ้าว อ้อ จริงด้วย ขอโทษนะคะ จะไม่ให้เป็นเเบบนี้อีกในครั้งหน้าค่ะ”

“ไม่เป็นไร เเล้วมีอะไรหรอ”

“คือว่า สเปรย์ของฉันมันใกล้หมดเเล้ว เลยอยากจะขอขวดใหม่ได้ไหมคะ”

หะ จะหมดเเล้วหรอ

“ได้สิ” ผมตอบ “ตอนไหนดีล่ะ”

“พรุ่งนี้ได้ไหมคะ”

“ได้ อยากจะเจอกันที่โยโยกิไหม ถ้าได้จะกี่โมงดี”

“ดีเลยค่ะ ถ้างั้นก็เป็นพรุ่งนี้เช้า เจอกันหน้าดันเจี้ยน”

“โอเค” ผมยืนยัน “ถ้างั้น ฉันจะรอที่YDคาเฟ่ตอน10โมงเเล้วกัน”

“ขอบคุณอีกครั้งนะคะ เอ่ออ..ฉันควรจะจ่ายเงินเท่าไรดี”

จะว่าไป เจ้าสเปรย์นั้นราคาเท่าไรนะ

“ขอเวลาสักเเปปนะ” ผมพูดพร้อมกดพักสายเอาไว้ “นี่ มิโยชิ”

“ว่าไง” เธอถาม

“อะไรสักอย่างบีมขวดนึงเนี่ย มันราคาเท่าไร”

“อ๋อ ไอนั่นหรอ ประมาณ 3000 เยนได้”

“สามพันหรอ ไม่ใช่ว่ามาคิรอน 75 มิลลิลิตรราคาประมาณ 5000 รึไง เเล้วสเปรย์ทั้งขวดก็ดูจะบรรจุได้ตั้งประมาณ 1 ลิตร…”

“ใช่ เเต่ว่า สารละลายชั้นหนึ่งจาด ฟูจิฟิลม์ วาโกเพียวเคมิคอล มันราคาน้อยกว่า 20000 ต่อ 500กรัมซะอีก”

“ไม่รู้หรอกนะว่าเธอพูดถึงอะไร เเต่ถ้าเธอไม่ขาดทุนฉันก็โอเค” ผมตอบพลางกดปุ่มพักสายอีกครั้ง

“ขอโทษที่ให้รอ ขวดนึงราคา 3000 พันเยน”

“โอเค” มิตสึรุกิพูด “ถ้าสามารถนำมาได้หลายขวด จะช่วยได้มากเลยค่ะ”

“ไม่มีปัญหา ไว้เจอกันพรุ่งนี้นะ”

“ไว้เจอกันค่ะ ราตรีสวัสดิ์”

พอวางสาย ผมก็วางมือถือลง

“เคย์ นายขายน้ำลายเอเลียนให้คนอื่นหรอ” มิโยชิถาม

“มันช่วยไม่ได้น่ะ เธอจำผู้หญิงสองคนที่นั่งหน้าเราตอนไปอบรมได้ไหม”

“อ๋อ คนสวยสองคนนั่นน่ะนะ”

“ไม่ใช่เรื่องดีเท่าไรหรอก เเต่ก็นั่นเเหละ สองคนนั้น…”

ผมเล่าเรื่องเมื่อวานให้มิโยชิฟัง

“นายนี่ไม่เปลี่ยนเลยนะ” เธอถอนหายใจ “นายใจดีเกินไปรึเปล่า”

“เธอคิดงั้นหรอ ฉันบอกสองคนนั้นเเล้วให้เก็บเป็นความลับ…น่านับถือเลยใช่ไหมล่ะ เเต่ตอนนี้ชักจะรู้สึกเสียใจขึ้นมาเเล้ว”

“ทำไมล่ะ หรือนายหวัง อะไรบางอย่าง มากกว่านี้จากพวกเธอ”

“ไม่ใช่เเน่นอน! ฉันดูเป็นคนอย่างนั้นรึไง”

มิโยชิชี้ไปที่ตาตัวเอง “ตาฉันก็ยังไม่บอดนะ”

ผมทำเป็นไม่สนใจเเล้วพูดต่อ “เอาจริงๆ ตอนกำจัดสไลม์อยู่ ฉันพึ่งรู้ตัวอาจจะได้ทำเรื่องเลวร้ายลงไปซะเเล้ว”

ผมเล่าให้มิโยชิฟังว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากการ เด้ง-ฟู่-ตุ๊บ อยู่สองเดือน

“ว้าว” มิโยชิถอนหายใจ “ฉันอยากจะบอกว่า ‘พึ่งคิดได้หรอ’อยู่หรอก เเต่…ก็ไม่น่าจะเป็นอะไรมั้ง”

“เพราะ?”

“เพราะว่าไม่เหมือนนาย พวกเธอไม่เห็นผลลัพธ์ออกมาเป็นตัวเลข”

“เเต่ถ้าเกิดลำดับของพวกเธอพุ่งสูงขึ้นมาล่ะ”

“ไม่ว่าจะขึ้นมาสูงขนาดไหน การที่จะเเตะเลขสามหลักภายในสอองเดือนก็เป็นไปไม่ได้จริงไหม ถึงจะเป็นแอเรีย12ก็เถอะ มีนักสำรวจจำนวนมากที่ไม่เปิดเผยตัวตนในระดับเลขสี่หลักนะ ฉันไม่คิดว่าพวกเธอจะเด่นเกินไปหรอก”

“ก็จริง..เธอน่าจะพูดถูก”

ในตอนนั้น พวกเรายังไม่รู้ว่าการอยู่ในลำดับสี่หลักของมวลมนุษยชาตินั้นมีความหมายยังไง อีกทั้งยังไม่เข้าใจด้วยว่า ญี่ปุ่นนั้นได้จับตาดูนักสำรวจในประเทศที่ไม่เปิดเผยตัวตนอย่างเข้มงวด เพราะว่าประเทศของเรานั้นเเทบจะเป็นทั้งหมดของแอเรีย12 ที่มีWDAเข้ามาจัดการตั้งเเต่เเรกเริ่ม

 

กลับสู่ด้านบน / ทั้งหมด / 1- / 50 ล่าสุด

กระดานสนทนา [กว้างเกินไป] โยโยกิดันเจี้ยน 1299 [อาจหลงทางได้]

251 : นักสำรวจนิรนาม – ช่วงนี้มีใครเห็นผู้หญิงสองคนเดินเข้าๆออกๆทางเข้าดันเจี้ยนไหม

252 : นักสำรวจนิรนาม – เห็นๆ ใส่ชุดป้องกันมือใหม่ใช่ไหม ที่ใส่หน้ากากสกีปิดหน้าด้วย

253 : นักสำรวจนิรนาม – ใช่ พวกนั้นเเหละ ตอนเเรกพวกเธอไม่ได้ใส่ที่ปิดหน้า ใส่เเค่หมวกเล่นสกี เเถมมีคนนึงที่ดูคล้ายฮารุกะด้วย

254 : นักสำรวจนิรนาม – ใครนะ

255 : นักสำรวจนิรนาม – ฮารุกะที่เป็นนางเเบบชุดว่ายน้ำ ช่วงนี้เห็นในนิตรสารบ่อยๆ

256 : นักสำรวจนิรนาม – จริงดิ ไม่ผิดเเน่นะ

257 : นักสำรวจนิรนาม – ไม่ล่ะ ไม่น่าใช่หรอก ถ้าทำงานเเบบนั้น มาลงดันเจี้ยนจะมีประโยชน์อะไรล่ะ ถ้าเกิดมีรอยแผลเป็นขึ้นมา ก็บอกลาอาชีพนางเเบบได้เลย

258 : นักสำรวจนิรนาม – ใช่ ก็จริงอยู่ เเต่ว่า… เธอน่ารักมากเลยนะ ฉันเลยแอบดูว่าเธอกำลังทำอะไรอยู่

259 : นักสำรวจนิรนาม – เเย่เเล้ว สตอกเกอร์อยู่นี่คร้าบบ

260 : นักสำรวจนิรนาม – หมอนี่มันไม่ไหวเเล้ว

261 : นักสำรวจนิรนาม – เป็นฉันจะไม่ทำแบบนั้นในดันเจี้ยนนะ

262 : นักสำรวจนิรนาม – อย่าคิดกันเอาเองเซ่ ถ้าเกิดเธอไม่รู้เรื่องการลงดันเจี้ยนหรือกำลังสับสนไม่รู้จะทำยังไงล่ะ หรือถ้าเธอกำลังตกอยู่ในอันตราย ฉันตามเธอไปก็จะสามารถช่วยเธอได้ใช่มั้ยล่ะ ฉันไม่มี อะไร เเอบ เเฝง เลย จริงๆ นะ

263 : นักสำรวจนิรนาม – นายมี อะไร แอบ แฝง จริงๆ ด้วย

264 : นักสำรวจนิรนาม – มันไม่ดีนะเพื่อน

265 : นักสำรวจนิรนาม – มีอะไรแอบแฝงนิดๆหน่อยๆมันไม่เป็นไรหรอกน่า ใช่มั้ยล่ะ ยังไงก็เถอะ ฉันตามพวกเธอไป

266 : นักสำรวจนิรนาม – นายไปคร่อมเธอรึเปล่า

267 : นักสำรวจนิรนาม – เธอก้วิ่งสุดเเรงไปในทางตรงกันข้ามกับชั้นสองเลย

268 : นักสำรวจนิรนาม – เธอต้องสังเกตเห็นว่านายตามเธอยู่เลยหนีเเน่ๆ

269 : นักสำรวจนิรนาม – ใช่ ถ้ามีผู้หญิงรู้ว่าถูกสตอกเกอร์ตามอยู่ ใครจะไม่หนี เพราะว่ายังไงดันเจี้ยนก็ไม่ต่างจากซอยมืดๆตอนกลางคืน

270 : นักสำรวจนิรนาม – พวกนายนี่ไม่ปราณีกันเลยนะ

271 : นักสำรวจนิรนาม – เเล้วหลังจากนั้นก็คลาดสายตาจากเธอไปหรอ

272 : นักสำรวจนิรนาม – ประมาณนั้น เพราะเธอหันมาดูด้านหลังบ่อยๆ ฉันเลยกลัวว่าจะเป็นอาชญากรรมถ้าตามเธอไปมากกว่านี้

273 : นักสำรวจนิรนาม – โธ่ ขี้ขลาดนี่

274 : นักสำรวจนิรนาม – ฉันโอเคกับการขี้ขลาดในสถารการณ์เเบบนั้น ขอบคุณมาก!

275 : นักสำรวจนิรนาม – จะว่าไปนายฆ่าตัวตายที่ไม่ใส่อุปกรณ์ป้องกันเลยก็ไม่ได้ไปชั้นสองเหมือนกันนี่ เป็นเทรนด์ใหม่รึไง

276 : นักสำรวจนิรนาม – จริงด้วย ฉันยังเห็นอยู่บ้างนะ เพราะว่าหมอนั่นใส่เสื้อผ้าธรรมดาเเล้วมีอุปกรณ์เเค่เป้ เลยเด่นมากๆตอนอยู่ตรงประชาสัมพันธ์

277 : นักสำรวจนิรนาม – เป็นเทรนด์ที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน

278 : นักสำรวจนิรนาม – เเต่ฉันไม่เคยเห็นเขาที่ชั้นสองเลย ถ้ามีคนพึ่งเริ่มลงดันเจี้ยน ก็น่าจะเห็นอยู่ที่ชั้นสอง

279 : นักสำรวจนิรนาม – เดี๋ยวก่อนๆ

280 : นักสำรวจนิรนาม – ว่าไง

281 : นักสำรวจนิรนาม – หรือว่าจะเป็นการนัดเจอกันอย่างลับๆ

282 : นักสำรวจนิรนาม – หา

283 : นักสำรวจนิรนาม – คิดได้ยังไง อัจฉริยะชะมัด

284 : นักสำรวจนิรนาม – ลองคิดดูสิ ชั้นหนึ่งของโยโยกินั้นไม่ค่อยมีอันตราย เเล้วก็ไม่มีคนด้วย เป็นที่ๆเหมาะเจาะเลยกับการเเอบพบกันโดยไม่ให้มีใครรู้ เเถมสไลม์ก็ยังจัดการกับกล้องที่อาจจะซ่อนไว้ด้วย

285 : นักสำรวจนิรนาม – นางแบบชุดว่ายน้ำมาเดทกับเเฟนหนุ่มในดันเจี้ยนงั้นหรอ 555 พูดถึงอะไรกันอยู่เนี่ย

286 : นักสำรวจนิรนาม – เเถมกลุ่มนั้นมีผู้หญิงสองคนไม่ใช่หรอ

287 : นักสำรวจนิรนาม – อีกคนต้องเป็นคนดูต้นทางเเน่ๆ

288 : นักสำรวจนิรนาม – หรือไม่ก็ผู้จัดการ

289 : นักสำรวจนิรนาม – หรือไม่ก็ 3P

290 : นักสำรวจนิรนาม – 55555 ไม่มีทาง

291 : นักสำรวจนิรนาม – เเล้วดูจากความถี่ที่พวกเขาเข้าๆออก จะต้องเสร็จไวสุดๆเเน่ 555

292 : นักสำรวจนิรนาม – พวกนายนี่มันลามกกันจริง ถึงยังไงก็ตาม มันเป็นการนัดพบกันที่ประหลาดชะมัด

293 : นักสำรวจนิรนาม – 555 ตกลงเรามั่นใจเเล้วหรอว่าเป็นการนัดเจอกัน

ดี-เจเนซิส : สามปีหลังจากดันเจียนปรากฏขึ้น

ดี-เจเนซิส : สามปีหลังจากดันเจียนปรากฏขึ้น

Status: Ongoing
สามปีที่เเล้ว เพราะการทดลองที่ผิดพลาดที่แอเรีย51 ดันเจียนเเห่งเเรกได้ถือกำเนิดขึ้นมาบนโลก ตอนนี้ทุกคน /ไม่ว่าจะเป็นประชาชนคนธรรมดาหรือทหาร ก็ต่างออกสำรวจดันเจียนที่เต็มไปด้วยมอนสเตอร์เพื่อความร่ำรวย พลัง และเวทมนตร์ โยขิมูระ เคโกะ เป็นพนักงานเงินเดือนธรรมดาที่ห่างไกลกับการผจญภัย ผู้มีความฝันอยากจะลาออกจากงานมาใช้ชีวิตอย่างง่ายๆ ระหว่างออกไปทำงาน เขาก็ได้พบกับดันเจี้ยนกำเนิดใหม่และได้รับพลังที่ทำให้การสำรวจดันเจียนนั้นกลายเป็นเหมือนกับเกมRPG เรื่องมากมายเกิดขึ้นและเขาก็จับพลัดจับผลูกลายเป็นนักสำรวจเเรงค์หนึ่งของโลก ด้วยความช่วยเหลือจากมิโยชิ อาซึสะ ผู้ร่วมงานที่มีพรสวรรค์ด้านคณิตศาสตร์ เขาได้ใช้ประโยชน์จากหน้าจอสเตตัสของเขาทำเงินได้อย่างมากมาย เเต่ทว่า เคโกะต้องตกอยู่ภายใต้การจับตามองของกองทัพ รัฐบาลหรือสิ่งที่ชั่วร้ายยิ่งไปกว่านั้น จะเกิดอะไรขึ้นกับความฝันของเขาที่อยากจะใช้ชีวิตเรียบง่ายกันเนี่ย!?

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท