*** ผมขอเปลี่ยนคำที่มิโยชิใช้เรียกพระเอก จาก เคย์ เป็น รุ่นพี่ นะครับ
ตอนนี้ค่อนข้างยาวผมเลยอาจจะหายไปหลายวันหน่อยนะครับ
โยโยกิ-ฮาจิมัน
ผมไปลงดันเจียนประมาณตอนเที่ยง พอกลับถึงห้องเเละเปิดประตูก็เจอมิโยชินั่งฟุบหน้าอยู่บนโต๊ะกินข้าว
“รุ่นพี่”
“มีอะไร”
“ฉันเเยกไม่ออกเเล้วว่าตึกไหนมันถูกหรือแพง”
“อะไรนะ?”
หลังจากที่ค้นหาออฟฟิศกับบ้านในอินเตอร์เนต มิโยชิก็ติดต่อไปยังนายหน้า
“นอกจากตึกที่ใหญ่จริงๆหรือที่หรูๆในกินซ่า มันจะราคาประมาณ 200-1000ล้านเยน” เธออธิบาย “เเต่ส่วนมากจะมีผู้เช่าอยู่”
“ก็เข้าใจได้”
ตึกที่ไม่มีใครเช่าคงไม่มีค่าอะไร เว้นเเต่ว่าเป็นตึกที่พึ่งสร้างใหม่
“หลังจากที่ลองดูไปสักพักก็เริ่มเหนื่อยเเล้วอ่าา” มิโยชิพูดต่อ “สุดท้ายเเล้วฉันคิดว่าซื้อตึกทั้งหลังไปเลยเเล้วปล่อยเช่าชั้นที่เหลือไปโดยไม่ต้องทำงานเเล้ว ฟังดูน่ากลัวใช่มั้ยล่าา เเต่ก็นึกขึ้นมาได้ว่าหรือจะเอาเเค่ชั้นเดียวในตึกเเล้วมีระบบความปลอดภัยเเน่นหนาดี”
“ก็ดีนะ ข้อดีอย่างเดียวของการมีตึกของตัวเองคือเท่เเค่นั้นเเหละ เหมือนกับฐานลับ”
“ก็เลยหาข้อมูลต่อ เเต่ในตึกที่มีระบบความปลอดภัยดีๆน่ะนะ ชั้นนึงจะมีพื้นที่ประมาณ 300-500ตารางเมตร คิดว่าเรามีพนักงานกี่คนกันเนี่ย”
“อืมม” ผมใช้ความคิด “เราสองคนทำงานอยู่กลางชั้นขนาดใหญ่ ฟังดูเท่ดีไหม รึไม่ก็เศร้า บอกไม่ได้เหมือนกัน”
“เเต่พอรุ่นพี่ไปลงดันเจี้ยนก็จะเหลือฉันคนเดียวนี่นา เเบบนั้นไม่เอาหรอก”
ผมจินตาการถึงโต๊ะสองตัวตั้งอยู่กลางพื้นที่ขนาด300ตารางเมตร เเละมีคนเเค่คนเดียวอยู่ที่นั่น มันต้องลำบากเเน่ๆ มีที่เยอะขนาดนั้นไปก็ไม่มีความหมาย
“เเล้วๆ” มิโยชิพูดต่อ “เพราะว่าฉันเหนื่อยมาก เลยไปซื้อบ้านขนาดค่อนข้างใหญ่ข้างหลังนี้ล่ะ”
“เธอซื้อเเล้วหรอ”
“จองไว้ก่อนน่ะ ที่ดินมีพื้นที่มากกว่า400ตารางเมตร เเพงอยู่เหมือนกัน ตัวบ้านเเบ่งเป็น2ส่วนด้วยดีไซน์แปลกๆ ชั้นเเรกเป็นพื้นที่ส่วนกลาง ชั้นสองของเเต่ละส่วนเป็นเหมือนอพาร์ตเมนที่มีสองห้องนอน เราเเบ่งกันอยู่คนละส่วนได้”
“เอ่อ..เดี๋ยวก่อนนะ” ผมพูด “นี่เธอกำหนดเเล้วหรอว่าฉันจะอาศัยอยู่ที่ไหน”
“ชั้นหนึ่งจะเป็นออฟฟิศของเรา ตกเเต่งเเบบตะวันตก มีห้องนอนขนาด 315ตารางฟุต เเละมีพื้นที่รวมระหว่างห้องนั่งเล่น ห้องกินข้าวกับครัว เพราะว่าส่วนห้องนั่งเล่นนั้นกว้างกว่า 590ตารางฟุต เลยสามารถใช้เป็นออฟฟิศได้ไม่มีปัญหา เเถมบ้านก็ยังมีทางเข้า 3 ทางด้วย”
ผมถอนหายใจ
เธอพูดทั้งหมดนี้โดยที่ยังฟุบหน้าอยู่บนโต๊ะ มิโยชิแกว่งขาไปมา “รุ่นพี่ต้องชอบบ้านหลังนี้นะ นี่เป็นคำสั่ง ฉันเหนื่อยมากเเล้วก็ไม่อยากหาอีกเเล้วอ่าา”
“อะ-โอเค ฉันเข้าใจเเล้ว” ผมตอบ “จะให้ฉันโทรหาบริษัทย้ายบ้านไหม”
“รุ่นพี่มีเฟอร์นิเจอร์อะไรที่อยากเอาไปด้วยหรอ”
“ไม่นะ ที่จริงฉันก็มีเเค่เตียง โต๊ะโคทัตสึเก่าๆ เเล้วก็พวกตู้เเขวน ไม่ได้ผูกพันอะไรกับของพวกนี้หรอก”
“ถ้างั้น ฉันจะซื้อทุกอย่างใหม่หมดเลยนะ เราจะใช้บ้านนั้นเป็นที่พักของบริษัท น่าจะไม่มีปัญหาใช่ไหม”
“งั้นเธอจะออกไปซื้อเฟอนืเจอร์หรอ”
มิโยชิเงยหน้าขึ้นจ้องที่ผม “เเต่ก่อนฉันก็ไม่เข้าใจหรอกว่าพวกบริษัทจัดหาหรือตัวเเทนต่างๆนั้นมีไว้เพื่ออะไร เเต่จากที่พึ่งเจอมานี้ ฉันก็เข้าใจเเล้วล่ะ”
“เข้าใจอะไร”
“ในโลกยุคปัจจุบันน่ะนะ การตัดสินใจเเละเลือกอะไรสักอย่างนี่มันยากสุดๆเลย มีข้อมูลกับของที่มีให้เลือกก็มีเยอะเกินไป”
“อะ-อะฮะ”
“เเต่ตอนนี้ เราเเค่ให้คนอื่นทำให้” มิโยชิประกาศ “ฉันจะอธิบายสิ่งที่อยากได้ เเล้วโยนความรับผิดชอบทั้งหมดให้พวกบริษัทจัดหานั่น ที่ฉันจะทำจะมีเเค่บ่นนิดหน่อยเท่านั้นเอง โลกนี้มันช่างดีชะมัด”
“ชะ-ใช่”
“หลังจากลองค้นหาในอินเตอร์เนต ฉันก็เจอว่ามีคนทำงานพวกนี้ด้วย น่าทึ่งใช่มั้ยล่ะ ฉันเลยไปจ้างที่ๆมีประวัติดีๆหน่อย รุ่นพี่ลองดูข้อเสนอนี่ละกัน”
“ดะ-ได้สิ”
ดุเหมือนว่าเเม้เเต่ราชินีการค้าของเราก็ยังมีเรื่องที่ลำบากอยู่ ในตอนบ่ายหลังจากนั้นมิโยชิกับผมก็ออกไปซื้อของ เเละมาฉลองให้มิโยชิกันในคืนวันนั้น เธอสมควรได้รับมันเเล้วล่ะ
5 พฤจิกายน 2018 (วันจันทร์)
สำนักงานใหญ่ JDA, อิจิกายะ
วันนี้อากาศดีสุดๆ
“ท้องฟ้ามันฟ้าดีจัง เหมือนกับจะมองออกไปยังความว่างปล่าวได้จริงๆ” มิโยชิพูด “พอเป็นอย่างนี้ ฉันรู้สึกว่าตัวเองกลายเป็นเเมลงตัวเล็กๆเลย”
มิโยชิที่ดื่มไวน์มากไปจากการฉลองเมื่อวานกำลังหยีตามองไปที่ท้องฟ้า
นั่นเป็นเพราะเธอเมาต่างหาก
“เธอรู้สึกเหมือนกลายเป็นเเลงสีดำเงาๆที่มีหัวกับจุดตามตัวสีชมพูรึปล่าว” ผมถามโดยอดไม่ได้ที่จะพูดถึงนิยายอเมริกันเก่าเเก่
“ออฟฟิศเรามีเเค่สองชั้นเองนะ” มิโยชิพูด ถึงเมาอยู่ก็ยังรู้แหะว่าผมพูดถึงเรื่องอะไร
“เอาล่ะ สหายของฉันเเละเครื่องรางโชคดี คนที่ฉันจะอุ้มไปที่เตียงดอกไม้เบื้องล่าง” ผมล้อเธอด้วยบทประพันธ์ “ฉันจะรอเธออยู่ที่ชั้นสอง ยังใกล้กว่าชั้น 18 เยอะนะ”
“พวกเราไม่มีเตียงดอกไม้ซะหน่อย”
มิโยชิ เธอนี่เป็นคนดีชะมัด จะมีใครอีกที่จำลองฉากจากนิยายของเรยืมอนดฺ เเชนดเลอร์กับฉันอีก(1)
ผมมองขึ้นไปที่ตึกสำนักงานใหญ่JDAที่มีรูปร่างประหลาด “เเละโชคร้ายที่ตึกนี้มีเเค่ 17 ชั้น”
“รุ่นพี่… หยุดเล่นมุกนี้ได้เเล้ว” มิโยชิพูด
มิโยชิเดินเข้าไปในตึกอย่างรวดเร็ว มุ่งหน้าไปที่ชั้น3
***
“เอาล่ะ ของอยู่นี่”
ชายที่ชื่อเทราซาวะนั้นยื่นเมมโมรี่การ์ดให้มิโยชิ เขาเป็นชายอายุประมาณสามสิบกว่า ใส่เครื่องเเบบทหาร ดูเป็นคนฉลาดเเละไม่กลัวอะไร มิโยชิรับเมมโมรี่การ์ดมาเสียบเข้าไปในเเลปทอปเเละตรวจสอบรหัสอย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้น มิโยชิเปิดหีบไทเทเนียมทั้งสามหีบ แสดงออร์บทั้งสามลูกให้เห็น “ฉันยืนยันเเล้วว่าคุณเป็นผู้ซื้อตัวจริงที่ชนะการประมูล นี่ของค่ะ” เพื่อพูดเสร็จเธอก็หันไปทางนารุเสะ ที่ตอนนี้ทำหน้าที่เป็นพยานในการซื้อขายจากJDA “กรุณาช่วยตรวจสอบสินค้าด้วยค่ะ”
มิโยชิไม่ยอมให้ผู้ซื้อตรวจสอบออร์บด้วยตัวเอง เพราะถ้าเกิดว่าผู้ซื้อสัมผัสออร์บเเละเกิดใช้มันขึ้นมา ทุกอย่างก็จะจบ ไม่ว่าเราจะพยายามประท้วงเท่าไร ออร์บก็ไม่มีทางจะกลับคืนมา เพราะฉะนั้นจะต้องมีพยานในการซื้อขายที่ทำหน้าที่ตรวจสอบสินค้า ยืนยันการชำระเงิน เเละทำการส่งมอบสินค้า
นารุเสะสัมผัสออร์บทีละลูกอย่างนอบน้อม
“ยืนยันค่ะ” เธอพูด “JDAยืนยันว่าออร์บทั้ง3ลูกนี้เป็นออร์บเวทย์น้ำจริงๆ ส่วนเวลาที่เหลือนั้น ทั้งสามลูก…มีอายุ 60 นาที หรือประมาณหนึ่งชั่วโมงค่ะ”
เมื่อได้ยินกังนั้น บรรยากาศรอบตัวผู้ซื้อก็ดูเปลี่ยนไป มีความรู้สึกถึงความไม่เชื่อแผ่ออกจากเขาเเละนารุเสะ
“ผมขอยืนยันด้วยจะได้ไหม” เทราซาวะกล่าว
“กรุณารอหลังจากชำระเงินเเล้วค่ะ” มิโยชิพด “เราสามารถโอนเงินคืนได้เสมอ เเต่ออร์บไม่สามารถคืนได้”
“เธอนี่หัวดีไม่เลวเลยนะ” เทราซาวะพูดพลางหัวเราะ เเล้วกดอุปกรณ์อะไรสักอย่างเพื่อทำการโอนเงิน “ดูที่บัญชีของเธอสิ”
การซื้อขายทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับดันเจี้ยนที่ถูกทำด้วยใบอนุญาตของWDAนั้นจะถูกดำเนินการผ่านองค์การจัดการโดยเฉพาะ ในกรณีของญี่ปุ่น องค์การนั้นคือ JDA หลังจากหักภาษีดันเจี้ยนเเละค่าดำเนินการของJDAแล้ว เงินก้จะถูกส่งต่อเข้าไปยังบัญชีธนาคารของอีกฝ่ายที่เชื่อมต่ออยู่กับใบอนุญาต พวกผู้มีอำนาจไม่เคยจะพลาดโอกาสในการเก้บภาษีเเม้เเต่เยนเดียว
“ยืนยันว่าเงินเข้าบัญชีเเล้วค่ะ” มิโยชิพูดเเล้วยื่นหีบทั้งสามใบไปทางเทราซาวะ “เชิญใช้ออร์บได้ตามสะดวก”
เทราซาวะสัมผัสออร์บเเละพนักหน้า “จริงๆด้วย”
“เอาล่ะ การซื้อขายจบลงเท่านี้ค่ะ” นารุเสะประกาศ “ขอบคุณทุกคนมากค่ะ”
เมื่อเธอพูดจบ บรรยากาศในห้องก็ผ่อนคลายลง
“มิโยชิซัง” เทราซาวะพูดขึ้น
“คะ” เธอตอบ
“คุณทำยังไงถึงสามารถนำออร์บสามลูกจากดันเจี้ยนมาที่ห้องประชุมนี่ได้ภายในเวลาหนึ่งชั่วโมงกัน” เขาถามด้วยความสงสัยจริงๆ “ถ้าไม่ได้ใช้เครื่องบินไอพ่น คุณก็ต้องพึ่งกลับมาจากโยโยกิ เเต่ว่า..”
มิโยชิยิ้ม “เป็นความลับทางการค้าค่ะ ขอโทษด้วยนะคะ”
เทราซาวะที่กำลังกอดอกอยู่นั้นขมวดขิ้ว “ใช่ คงจะเป็นอย่างนั้นสินะ”
ผมกลัวว่าเรื่องจะยุ่งยากขึ้น เลยหันไปพูดกับนารุเสะ “เราจะมีประชุมกันต่อกับทางJDAใช่ไหมครับ”
“อ๊ะ ใช่ค่ะ” นารุเสะตอบ
“เรื่องคงต้องขอให้รอก่อน” เทราซาวะเเทรกขึ้นมา “พวกเราจำเป็นต้องคุยกันอีกเรื่อง ท่านครับ รบกวนด้วย”
เทราซาวะส่งต่อให้ชายอีกคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ชายคนนี้ยังไม่เอ่ยปากพูดเลยสักคำ เขาสวมเสื้อสูท ไม่มีลักษณะพิเศษอะไรที่เห็นได้เด่นชัด
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ” ชายคนนั้นพูด “เรียกผมว่าทานากะครับ”
“เอ่อ โอเคครับ” ผมตอบ
“ผมไม่สามารถบอกได้ว่าผมมาจากหน่วยงานอะไร เเต่ผมมาเข้าร่วมการพูดคุยนี้ในฐานะตัวเเทนของหน่วยงานและกระทรวงที่เกี่ยวข้อง”
อะไรที่เกี่ยวข้องนะ
“สรุปก็คือคุณเป็นคนสำคัญจากรัฐบาลหรือครับ” ผมถามก่อนที่มิโยชิจะพูด
ชายคนนั้นไม่ตอบคำถามเเต่ว่ายื่นเอกสารมาให้ชุดหนึ่ง “มิโยชิ อาสึซะเเละโยชิมูระ เคย์โกะ ณ ขณะนี้ ผมขอให้พวกคุณละเว้นจากกการออกนอกประเทศ”
“อะไรนะครับ”
ระหว่างที่ตรวจดูเอกสาร ผมเจอชื่อของผู้อำนวยการองค์การดันเจี้ยน รัญมนตรีการทรวงการต่างประเทศเเละประธานคณะกรรมการความปลอดภัยสาธารณะแห่งชาติ
“เดี๋ยวก่อนเดี๋ยวก่อน ชื่อพวกนี้มัน…ไม่ใหญ่โตไปหน่อยหรอ”
“เอ่อ ผมสับสนนิดหน่อยครับว่าเกิดอะไรขึ้น” ผมพึมพำ
“จากการประมูลที่จัดขึ้นโดยดีพาวเวอร์ส ทำให้หน่วยข่าวกรองทั่วโลกเริ่มเคลื่อนไหวครับ” ทานากะอธิบาย
“หา?”
“พูดอีกเเง่คือ การให้พวกคุณสองคนออกนอกประเทศนั้นเป็นความเสี่ยงระดับสูงต่อความมั่นคงของชาติ”
“ไปเเค่อเมริกาหรือยุโรปก็ไม่ได้หรือครับ” ผมถาม “คุณพูดเกินไปหรือเปล่าว”
“ไม่ครับ”
“นี่มันบ้าไปเเล้ว พวกเขาเป็นชาติพันธมิตรเราไม่ใช่หรือครับ”
“ถ้าคุณต้องเดินทางออกนอกประเทศด้วยเหตุผลบางอย่าง กรุณติดต่อผมครับ” ทานากะพูดพร้อมยื่นนามบัตรที่มีเเต่ชื่อเเละหมายเลขโทรศัพท์ให้ “พวกเราจะส่งเจ้าหน้าที่ความมั่นคงไปกับพวกคุณด้วย”
“หา เเต่พวกเราเป็นเเค่พลเรือน”
ปกติเจ้าหน้าที่ความมั่นคงจะทำการอารักขาVIPเท่านั้น เเต่ว่าทานากะก็ไมไ่ด้ขยายความในเรื่องนี้
“ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าพวกคุณจะปฏิบัติตามข้อเเนะนำของเรานะครับ” เขาพูด “ผมต้องไปเเล้ว ขอตัว”
หลังจากที่ออกคำสั่งอยู่ฝ่ายเดียว ทานากะก็ยืนขึ้น โค้งให้เทราซาวะเเละเดินออกจากห้องไป
ผมที่ยังสับสนอยู่หันไปทางเทราซาวะ “เอ่อ เกิดอะไรขึ้นกันครับ”
“ผมไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ครับ” เขาตอบสั้นๆ “ผมเเค่มากับเขาในฐานะของผู้ใต้บังคับบัญชา”
“อย่างนี้นี่เอง..”
“เอาล่ะ ผมควรจะต้องขอตัวด้วยเหมือนกัน” เทราซาวะพูดพลางยื่นมือมาทางมิโยชิ “ผมดีใจที่การซื้อขายผ่านไปได้ด้วยดี ถ้ามีโอกาสล่ะก็ ผมตั้งหน้าตั้งตารอที่จะทำงานกับคุณอีกครั้งนะครับ”
“ฉันก็เช่นกันค่ะ” มิโยชิตอบ พร้อมจับมือเขา “ขอบคุณสำหรับการซื้อนะคะ”
พอทั้งสองคนจับมือกันเสร็จ เทราซาวะก็ออกจากห้องประชุมไปด้วยความรีบร้อน
“สุดท้ายเเล้ว เขาก็ไม่ใช้ออร์บที่นี่แฮะ” ผมสังเกต
“จริงด้วย” มิโยชิพูด “เเต่ว่ามีคนจากกระทรวงกลาโหมอยู่ที่นี่ด้วยเหมือนกัน อาจจะรออยู่ตรงหัวมุมก็ได้ เขามีเวลาเหลือตั้งเยอะ”
“ก็คงงั้นเเหละ”
“เเต่ที่สำคัญกว่านั้นนะ รุ่นพี่.…”
“ว่า”
“แผนของพวกเราที่จะไปตระเวนกินอาหารที่ยุโรป….พังซะเเล้วอ่าาาา….”
“เธออยากจะไประหว่างที่มีตำรวจลับห้อมล้อมรึไง” ผมถาม
ระหว่างที่ทำเป็นน้ำตาไหล มิโยชิก็ฟุบหน้าลงบนโต๊ะ “ฮืออ ลาก่อนนะ นครวัดของฉัน…”
“เอ่ออ” นารุเสะพูดขึ้น “ทุกคนโอเคไหมคะ”
“อ๊ะ จริงด้วย” มิโยชิตอบโดยที่ยังฟุบหน้าอยู่ “นารุเสะ ขอบคุณสำหรับวันนี้นะ”
“ยินดีค่ะ”
“เเต่พอมาคิดๆดูเเล้ว ก็สุดยอดไปเลยนะ”
“เรื่องอะไรหรอคะ” นารุเสะเอียงคอสงสัย
“ก็เธอทำเงินให้JDA 760ล้านเยนในเวลา 30 นาทีไง”
“หา?”
“อืมม ค่าคอมมิชชั่นเนี่ย มันอร่อยมากเลยน้าา”
“เเต่ว่า… นั่นไม่ใช่เงินของฉันนะคะ”
“ถ้าทำเงินให้องค์กรขนาดนั้น เธอต้องได้โบนัสก้อนโตอยู่เเล้วล่ะ”
“ค่ะ..จะว่าไป กว่าจะถึงเวลาพูดคุยกันตอนบ่ายก็ยังมีเวลาเหลืออยู่ เราไปหาอะไรทานกันไหมคะ?”
พอนารุเสะเปลี่ยนเรื่อง มิโยชิก็เงยหน้าขึ้นตอบตกลงอย่างกระตือรือล้น
“ไปค่ะ! ที่มินามิเทย์จิไหม”
“เธอนี่นะ…”
มินามิเทย์จิเป็นร้านอาหารฝรั่งเศษชื่อดังในย่านยตสึยะที่เสิร์ฟอาหาจานใหญ่ อีกทั้งยังมีของฝากมากมายให้เลือกด้วย ถึงเเม้จะมีเซ็ตอาหารกลางวัน เเต่ก็ยังมีพวกเมนูราคาเเพงระยับ ไปที่นั่นกับมิโยชินี่มันโคตรของโคตรอันตราย
“พวกเราไม่มีเงินมากขนาดนั้นซะหน่อย”
“เอ๋ เงินก็พึ่งได้มาเมื่อกี้นี่นา”
“เออจริงด้วย… เเต่ก็ไม่มีเวลาขนาดนั้นอยู่ดี”
“อ๊ะ จริงด้วย เวลาไม่พอนี่นา”
มิโยชิมองไปที่นาฬิกาในเเลปทอปอย่างผิดหวัง
“ไปร้านสุรากาวะที่อยู่หลังJDAก็ได้นี่”
“รุ่นพี่ชอบร้านนั้นนี่นา”
“ก็มันเป็นร้านทั่วๆไป ฉันรู้สึกผ่อนคลายกับร้านประเภทนี้มากกว่า ใกล้เเล้วเเถมไม่เเพงด้วย อ้อ ชื่อตึกกับโลโก้ก็ยังให้ความรู้สึกของโมโรโฮชิด้วย ดีชะมัด”
“คืออะไรล่ะนั่น”
ชื่อตึกนั้นเป็นชื่อเดียวกับตัวเอกกที่จาจาก นักล่าอสูร เเถมโลโก้ของตึกยังเขียนด้วยตัวคาตาคานะในรูปเเบบมินโจอีก ถึงลายเส้นจะยึกยักไปหนอ่ย เเต่ตัวหนังสือก็ให้ความรู้สึกเหมือนถูกขัดเกลามาอย่างดี โดยเแพาะถ้าคุณชอบที่ๆสงบเเละค่อนข้างลึกลับ
ถ้าคุณอาศัยอยู่เเถวนี้ ได้โปรดลองไปดูสักครั้ง นี่ไม่เกี่ยวกับสุการาวะหรอกนะ
“เอ่อ..” นารุเสะพูดขึ้นมาด้วยความเกรงใจ “ถ้าสะดวกล่ะก็ เราไปที่โรงอาหารของJDAก็ได้นะคะ”
คุรสามารถใช้บริการโรงอาหารของJDAได้ก็ต่อเมื่อคุณเป็นพนังงานที่นั่นหรือมากกับพนักงาน มีข่าวลืแมาว่าอาหารที่นี่อร่อยมาก เเต่ว่า(มหรือมิโยชิก็ยังไม่มีใครเคยลอง
พวกเรามองหน้ากันเเละพยักหน้า
***
“JDAเนี่ย ขี้โกงจังเลยนะ” มิโยชิพูดออกมาหลังจากทานข้าวกลางวันเสร็จเเละกำลังเดินกลับห้องประชุม
“ชุดทงคัตสึใหญ่ขนาดนั้นราคาเเค่ 500 เยนได้ยังไง เป็นข้าวหน้าเนื้อของยาสุม่ารุไงกัน”
“ใช่ อร่อยมากเลย” ผมเสริม
“มันยิ่งกว่าคำว่ามากซะอีก พวกเขาควรจะเปิดโรงอาหารให้นะกสำรวจที่มีใบอนุญาติของWDAเข้าใช้นะ ฉันจะมากินสัปดาละสามครั้งเลย”
“เเต่เราต้องเสียค่ารถไฟเเทนนะ…”
ถ้าคุณนั่งรถไฟสายโอดาวาระกับโซบุไลน์จากฮาจิมันมาลงที่อิจิกายะ ค่ารถไฟจะราคา 290 เยน ถ้าจ่ายด้วยการ์ดก็จะเหลือ 278 เยน รวมไปกลับจะเป้น556เยน เเน่นอนว่าทงคัตสึราคา1000เยนนั้นก็ไมไ่ด้ถือว่าเเพง เเต่ผมไม่คิดว่าราคานี้จะคุ้มกับการถ่อมากินสามครั้งต่อสัปดาห์
“อ๊ะ จริงด้วย” มิโยชิพูด
พวกเราคุยกันโดยไมไ่ด้นึกถึงเงินที่เรามีอยู่ตอนนี้ ทำให้นารุเสะหัวเราะคิกคัก
“นารุเสะ พวกเราต้องไปพบใครจากJDAหรอ”
“ฉันคิดว่าเป็นหัวหน้าของหัวหน้าฉันอีกทีนะคะ เเต่ว่า…ฉันก็ไม่รู้รายละเอียดเหมือนกัน”
“เอ๋ เป็นคนเเบบไหนหรอ”
“เขาชื่อไซกะค่ะ เป็นหัวหน้าเเผนกของฝ่ายบริหารดันเจี้ยน เป็นคนมีเหตุผลเลยทีเดียว”
“ไม่ว่าจะคุยกันเรื่องอะไร ถ้าได้ยินเเบบนั้นฉันก็อุ่นใจละ” ผมพูด
***
“ผู้อำนวยการมิซุโฮะ!” นารุเสะพูดอย่างตกใจ
ผู้อำนวยการงั้นหรอ ฟังดูเป็นตำแหน่งใหญ่เลยนะ
“หนึ่งร้อยล้านเป็นไงล่ะ” เป็นคำเเรกที่ออกจากปากของผู้อำนวยการ
ผมกับมิโยชิงงเเละไม่รู้ว่าพูดถึงเรื่องอะไรอยู่
“หนึ่งร้อยล้านไง สำหรับพวกเธอเเล้วก็เป็นจำนวนที่มากพอควรเลยนะ”
มันก็จริง เเต่ตาลุงนี่กำลังพูดถึงเรื่องอะไรอยู่กันเเน่
นารุเสะที่ยืนอยู่ข้างผมนั้นหน้าซีด
“ท่านครับ 100ล้านมันมากไปสำหรับพวกเขา เเค่10ล้านก็พอเเล้วครับ” ชายที่ดูตกใจอยู่ตลอดเวลาที่นั่งอยู่ข้างผู้อำนวยการพูดขึ้น ถึงเขายังหนุ่มอยู่เเต่หัวก็เริ่มล้านเเล้ว
“งั้นหรอ ถ้างั้นก็10ล้าน ฉันจะโอนเงินเข้าบัญชีให้เดี๋ยวนี้เล-”
“เอ่อ- ท่านผู้อำนวยการคะ” นารุเสะพูดเเทรกขึ้นมาด้วยสีหน้าสิ้นหวัง
ผู้อำนวยการดูไม่พอใจที่ถูกขัดจังหวะโดยลูกน้อง หน้าของเขาทำให้ผมนึกนึกปลาปักเป้าที่ผมจับได้ที่ริมน้ำตอนยังเด็ก
“มีอะไรล่ะ”
“เเล้วหัวหน้าเเผนกไซกะล่ะคะ” นารุเสะถาม “ฉันทราบมาว่าหัวหน้าเเผนกจะเป็นคนพูดคุยในครั้งนี้”
“ฉันบอกให้เขาไปจัดการงานอื่นเเล้ว พวกเรากำลังจะซื้อเทคโนโลยีในการเก็บรักษาออร์บใช่ไหมล่ะ ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ไม่จำเป็นต้องมีพิธีรีตองหรอก เดี๋ยวฉันจะเป็นคนซื้อเอง”
นารุเสะถึงกับพูดไม่ออกเมื่อได้ยินดังนั้น
“ฉันไม่มีเวลามากขนาดนั้นนะ รีบๆทำให้มันจ-”
“ขอโทษนะครับ เเต่เหมือนว่าท่านกำลังเข้าใจอะไรบางอย่างผิดอยู่” ผมพูดเเทรกขึ้นมา
มิซุโฮะมองผมอย่างสงสสัย เหมือนเขามองเห็นอะไรบางอย่างบนถนนที่มันไม่ควรจะอยู่ตรงนั้น
“เข้าใจผิดงั้นหรอ”
“ครับ พวกเราไม่มีเทคโนโลยีอะไรที่จะขายให้JDA พวกเราเป็นเเค่คนะรรมดาเเค่นั้นเอง”
“ว่าไงนะ! ไม่รู้ว่าทำได้ยังไงหรอกนะ เเต่พวกเธอมาที่นี่เพื่อขายเทคโนโลยีในการเก็บรักษาออร์บไม่ใช่รึไง”
“เอ๋ ทำไมถึงเข้าใจไปเป็นอย่างนั้นได้ล่ะครับ” ผมมองอย่างสับสนไปมาระหว่างมิซุโฮะกับชายที่ดูตกใจข่างๆเขา
“เมื่อกี้พวกเธอพึ่งทำข้อตกลงกับกระทรวงกลาโหมไม่ใช่รึไง”
ผมสวนกลับไปอย่างสบายๆว่า “เอ ท่านทราบเรื่องนี้ได้ยังไงครับ หรือว่าข้อมูลการค้าที่เกิดขึ้นในห้องประชุมของท่านเกิดรั่วไหลงั้นหรอ ถ้าเป็นอย่างนั้นก็เเย่เลยนะครับเนี่ย”
“อ่า เอ่อ ไม่ๆ ฉันเห็นคนของกระทรวงกลาโหมที่ล๊อบบี้น่ะ อาจจะดูผิดไปก็ได้”
“อ๋อ”
“เเต่พวกเธอมีออร์บมาขายไม่ใช่หรอ”
“ใช่ครับ พวกเราบังเอิญหาออร์บมาได้ตามคนที่ชนะการประมูลพอดี โชคดีจริงๆ”
“บังเอิญงั้นหรอ” มิซุโฮะถามย้ำ
“ใช่ครับ ถ้าเกิดว่าหาหาออร์บพวกนั้นมาไม่ทัน พวกเราสองคนต้องกลายเป็นพวกต้มตุ๋นเเน่ๆ ออร์บนี่มันทั้งหายากเเล้วก็จัดส่งยากมากเลยนะครับเนี่ย”
“เเล้วการเก็บรักษาล่ะ”
“ท่านพัฒนาวิธีเก็บรักษาออร์บได้เเล้วหรือครับ!” ผมทำหน้าเหมือนตกใจเเละผายมือออก เเสร้งทำเป็นสงสัยอย่างจริงใจสุดๆ “JDAนี่ไม่เคยให้หยุดประหลาดใจเลย เเล้วอย่างนี้จะประกาศอย่างเป็นทางการเมื่อไรล่ะครับ”
“ฟุไร…นี่มันหมายความว่ายังไง”
“เอ๋ ไม่ครับ” ชายคนที่ดูตื่นตกใจที่ยืนอยู่ข้างผู้อำนวยการตอบ “เเต่ว่าจากหัวหน้าเเผนก…นี่มันเรื่องอะไรกันหา นารุเสะ!”
“เอออ๋ พูดถึงเรื่องอะไรกันคะ ฉันไม่รู้เรื่องเลยค่ะ” พอนารุเสะถูกถาม เธอก็สะดุ้งตอบ
“ฟุไร! หลังจากนี้มาที่ห้องทำงานฉันซะ” มิซุโฮะตวาด หน้าที่เหมือนปลาปักเป้าพองเเดง กำหมัดเเน่น
เขารีบออกจากหห้องประชุมไป
“ทะ-ท่านผู้อำนวยการ!” ฟุไรรีบวิ่งตามหลังเขาไป
“นี่ฉันกำลังดูตลกอยู่หรอเนี่ย” มิโยชิถาม
“น่าอายที่ฟุไรเป็นหัวหน้าฉันเองค่ะ” นารุเสะบอก “ที่กำหนดไว้ตอนเเรก หัวหน้าของฟุไร – หัวหน้าเเผนกไซกะ ควรจะเป็นคนมาพูดคุยในครั้งนี้ โดยมีฉันเป็นคนกลาง”
อ้อ ฟุไรนั้นเป็นเอโนกิของJDAสินะ ผมเข้าใจเเล้ว
“น่าสนใจนี่” ผมพูด “ตอนนี้น่าจะอะไรประมาณการเเย่งอำนาจกันเพื่อชิงตำเเหน่งประธานบริษัทสินะ สำหรับJDAเเล้วก็น่าจะเป็นตำเเหน่งประธานองค์กร คิดว่าฝ่ายของผู้อำนวยการกำลังเสียเปรียบเลยพยายามชิงความได้เปรียบโดยใช้ความสำเร็จในครั้งนี้เเน่ๆ”
มิโยชิมองผมด้วยความสงสัย “รุ่นพี่รู้ได้ยังไง”
“ก็ฉันอ่านชิมาโกะน่ะสิ”
“มาจากมังงะเองหรอกหรอ!” มิโยชิใช้ท่าคาราเต้สับหัวผม
มิโยชิมองไปที่นาฬิกา ที่จริงกระประชุมควรจะเริ่มขึ้นสักพักเเล้ว
“เอ่ออ เดี๋ยวฉันจะไปตามหาหัวหน้าเเผนกไซกะนะคะ” เธอพูดขึ้น “รอสักครู่ได้ไหมคะ”
“ได้สิครับ หลังจากนี้พวกเราไม่มีแผนจะทำอะไรอยู่เเล้ว”
นารุเสะโค้งให้พวกเราเเละวิ่งเหยาะๆออกไปจากห้องประชุม
“รุ่นพี่เนี่ย ใจดีกับนารุเสะมากเลยนะ”
“หา เเล้วฉันไม่ใจดีกับเธอรึไง ตอนที่ไปซื้อของมาจัดปาร์ตี้เมื่อวาน ใครกันที่ซื้อไวน์ของบาตาร์-มองรัชเชต์โดยใช้บัตรฉันน่ะ”
มิโยชิทำท่าหดหัวเเล้วค่อยๆหันมาทางผม เหมือนตอนหันมาคอเธอมีเสียงคึ่กๆๆด้วย
“ทำไมถึงเเพงได้ขนาดนั้น ตอนเห็นใบเสร็จฉันเกือบเป็นลมเลยรู้ไหม”
“กะ-ก็มันเป็นไวน์จากปีที่ เฮนรี่ เคลิค เกษียณเเล้วขายไร่ไวนืให้อิราดินนี่นา ถ้าไม่ลองจะรู้ได้ยังไงว่าไร่ไวน์ในตอนนั้นมันเป็นยังไง สำหรับไวน์ของบาตาร์ เท่านี้มันถูกมากเลยรู้ไหม! คุ้มสุดๆ!”
“เออ คงถูกเเหละ”
“เอาน่า ฉันจะลองดูสักครั้งเเต่เมื่อวานไม่มีเงินเลยสักเยนเดียว เเถมรุ่นพี่บอกว่าจะเลี้ยงฉลองให้ฉันนี่นา”
“ถ้าไม่มีเงินก็ไม่ต้องซื้อสิ การยอมเเพ้ก็เป็นส่วนหนึ่งของการเป็นผู้ใหญ่นะ”
“รุ่นพี่ ในโลกนี้มันเต็มไปด้วยสิ่งที่เรามีโอกาศเจอได้เเค่ครั้งเดียวนะ”
มิโยชิดูภูมิใจที่พูดอะไรเท่ๆออกมา เธอนั่งพิงลงไปที่เก้าอี้
“ขอบคุณ ตอนนี้เราคงไม่พลาดโอกาสพวกนั้นเเล้วเเหละ”
“ก็จริง ถ้าไม่มีความสนุกจากเรื่องเเย่ๆทั้งหลาย ชีวิตคงน่าเบื่อน่าดู เเต่ว่ารุ่นพี่เป็นคนทำให้ได้เงินพวกนี้มานะ โอกาสพวกนี้ต้องเป็นของรุ่นพี่ ไม่ใช่ของฉัน”
“ไม่ล่ะ ฉันคงไม่สามารถเปลี่ยนออร์บพวกนี้ให้เป็นเงินได้หรอก ทั้งเงินเเล้วก็น้ำลายเอเลียนน่ะต้องขอบคุณเธอ”
“รุ่นนนพี่~” มิโยชิทำหน้าซึ้งเเล้วมองมาที่ผมเหมือนสัตว์ตัวเล็กๆ “ถ้ารุ่นพี่พูดเเบบนี้บ่อยๆ ต้องหาเเฟนสาวได้เเน่ๆ”
“เมื่อไรจะหยุดสักที เธอน่ะ”
ผมเเกล้งทำท่าคาราเต้สับใส่หัวเธอตอนที่นารุเสะเปิดประตู้เข้ามาในห้องประชุมพอดี
“ขะ-ขอโทษทีทำให้รอ…..ค่ะ?”
นารุเสะยิ้มกลางถามเมื่อเห้นมิโยชิกำลังห่อตัวเอามือกุมหัว “เกิดอะไรขึ้นคะ?”
“สวัสดี” ชายคนนึงพูด “ผมต้องขอโทษด้วยกับการกระทำที่ไม่เหมาะสมของผู้อำนวยการ”
ชายที่ไม่ค่อยสูงเเต่รูปร่างบึกบึนปรากฏตัวขึ้นข้างๆนารุเสะ มองผ่านๆเขาทำให้ผมนึกถึงสี่เหลี่ยม ใช่ สี่เหลี่ยมรูปทรงเลขคณิตนั่นเเหละ
“ผมไซกะ ยินดีที่ได้รู้จัก”
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ ผมโยชิมูระ เเละคนที่คดตัวอยู่นี่คือมิโยชิ เธอเป็นหัวหน้าปารืตี้ของเรา”
หลังจากที่จับมือกันเรียบร้อย ทั้งสองฝั่งก็นั่งลง
“ขอโทษที่ต้องเข้าเรื่องทันที ผมอยากจะพูดคุยถึงการฝากออร์บให้พวกคุณเก็บรักษา” ไซกะเริ่มพูด
หัวหน้าเเผนกเข้าเรื่องทันที ในการเจรจาธุรกิจ คนเเบบนี้จะค่อนข้างพูดคุยด้วยง่าย
“ใช้โยโยกิเป็นตัวอย่างก็ได้ พวกคุณรู้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นกับออร์บที่ดรอปในนั้น”
“ไม่ครับ ไม่ได้รู้ละเอียด” ผมตอบ “คนที่ได้ออร์บอาจจะตรวจสอบกับรายชื่อรอซื้อ ติดต่อกับผู้ซื้อ หรือไม่ก็ใช้ออร์บเองเลย”
“นอกจากสองวิธีนั้นเเล้ว ในบางกรณี JDA ก็จะรับซื้อออร์บเอาไว้เองด้วย ในกรณีนั้น เราไม่สามารถจ่ายเงินจำนวนมากให้ได้ เเต่ถึงจะเป็นออร์บที่เเย่ขนาดไหน พวกเราก็จะจ่ายด้วยราคาที่เหมาะสม สำรหับนักสำรวจที่ต้องการขาย เท่านั้นน่าจะเพียงพอเเล้ว”
“ครับ”
“โดยภาพรวมเเล้ว JDAเองก็ดรอปออร์บมาเองจำนวนหนึ่ง ถ้านับเฉพาะเเค่โยโยกิก็จะเป็นปีละอย่างน้อย 4 ลูก” ไซกะหยุดพูดพร้อมยิ้มอย่างขี้เล่น “เเน่นอนว่าถ้าออร์บที่ดี-พาวเวอร์สหามาได้นั้นมาจากโยโยกิ นั่นหมายความว่า่ออร์บที่หาได้ตอนนี้สูงกว่าค่าเฉลี่ยนไปมากทีเดียว”
ผมหัวเราะอย่างกังวล
“เเต่ปัญหาเมื่อJDAได้ออร์บมาคือ จะขายมันยังไง”
ในระหว่าที่พูดอยู่ ไซกะก็จิบกาเเฟที่นารุเสะนำมาให้ ถ้าดูว่ากาเเฟนั้นออกมาจากตู้กดอัตโนมัติ รสชาติมันใช้ได้เลย มิโยชิบังคับให้ผมดื่มกาเเฟ ทั้งๆที่ผมเป็นทีมชาญี่ปุ่นเเท้ๆ
“เพื่อให้ขายออร์บได้รวดเร็วที่สุด เราจึงต้องจัดอันดับผู้ซื้อ เเต่ว่าช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ ดี-พาวเวอร์สได้พิสูจน์สิ่งที่เป็นไปได้จากการประมูล” ไซกะหยุดพูดที่ตรงนี้เพื่อหายใจ เเละพูดต่อในจังหวะที่เขาคิดว่ามีประสิทธิภาพที่สุด “สรุปคือทางJDAอยากจะจัดประมูลออร์บบ้าง โดยอยากจะใช้มันเมื่อถึงเวลาที่ต้องการ”
อืมม เขาจะเเค่บอกเราว่าเขามีความคิดอยากจะจัดการประมูลออร์บ การที่นารุดเสะมาเป็นตัวกลางนั้นก็น่าจะมีส่วน เเต่เหมือนหัวหน้าเเผนกจะเข้าใจพวกเราได้ดีเลยทีเดียว
ผมมองไปที่มิโยชิ เธอพยักหน้าเงียบๆ
“ผมขอถามคำถามสักหน่อยนะครับ” ผมพูด
“เชิญ”
“อย่างเเรกคือ ถ้าอยากจะเก็บรักษาออร์บ คุณสามารถนำมันมาที่นี่หรือที่โยโยกิโดยที่ตัวเลขบนออร์บน้อยกว่า 1200ได้ไหม”
ตัวเลขนี้จะหมายถึง เวลาผ่านไปน้อยกว่า 20 ชั่วโมงหลักจากออร์บดรอป
“ผมคิดว่าเป็นไปได้” ไซกะพูด “ถ้าใช้เวลา 10 ชั่วโมงเมื่อนำมันออกมาจากดันเจี้ยน เเละอีก 10 ชั่วโมงเพื่อนำมาที่โตเกียว เวลาเท่านี้ระยะทางก็ไม่ใช่ปัญหา”
“อย่างช้าที่สุด ผมต้องได้รับออร์บตอนที่ตัวเลขบนออร์บเป็น 1260 ถ้ามากกว่านั้นจะลำบากเกินไป อีกอย่าง เมื่อคุณต้องการจะใช้ออร์บ จะเป็นไปได้ไหมถ้าจะให้ติดต่อพวกเราอย่างน้อย 48 ชั่วโมงล่วงหน้า”
“นั่นก็เป็นไปได้ เเต่ว่าเพื่ออะไรงั้นรึ”
“อ้อ เป็นเรื่องง่ายๆครับ” ผมตอบพร้อมอธิบายเรื่องที่พึ่งกุขึ้นมาสดๆร้อนๆเมื่อกี๊ “ก่อนที่ออร์บจะหมดเวลาเเละหายไป ผมอยากจะใช้มันทำอะไรบางอย่างก่อน”
ผมอยากจะบลัฟไว้ก่อนเรื่องที่เราหาออร์บมาได้ยังไงเเละเก็บรักษามันได้ยังไง
“ว่าไงนะ”
“เมื่อพวกคุณต้องการออร์บคืน เราจะหาออร์บอันใหม่ให้เจอ’โดยบังเอิญ’ เเละส่งมอบกลับ ในตอนนั้นตัวเลขบนออร์บจะไม่เกิน 60 บวกกับเวลาที่เหลืออยู่ตอนผมที่ผมได้รับมันมา” ผมยกเเก้วพลาสติกขึ้นจิบ เเละหยุดหายใจก่อนที่จะพูดต่อ “ไม่ว่าพระเจ้าจะโปรดปรานพวกเราสักเท่าไร ยังไงผมก็ต้องมีเวลาสักหน่อยเพื่อเอาไว้หาออร์บคืนให้ใช่ไหมล่ะครับ”
ตอนนั้น ไซกะทำสีหน้าสงสัย ที่ผมพูดไปอาจจะทำให้เขาสับสน เเต่ว่าในที่สุดเขาก็พยักหน้า
“เข้าใจเเล้ว”
“เเน่นอนว่าถ้าผมไม่สามารถหาออร์บ’โดยบังเอิญ’มาคืนได้ ผมจะจ่ายค่าเสียหายให้อย่างเหมาะสม”
“งั้นก็ดี ส่วนเรื่องเงิน เพราะว่าในตอนนี้มีเเต่พวกเธอที่สามารถทำเเบบนี้ได้ พวกเราจะพิจารณาจากราคาที่พวกเธอเสนอมา” หัวหน้าเเผนกยกมือขึ้นเหมือนทำท่ายอมเเพ้ “ถึงจะรวมค่าใช้จ่ายในการขนส่งเข้าไปเเล้ว JDAก็น่าจะได้กำไรมากกว่าที่เคยเป็นมา ถ้าเราคาที่พวกคุณเสนอยังอยู่ในช่วงที่พวกเราได้กำไร พวกเราก็จะตกลง ยังไงซะมูลค่าของออร์บก็ไม่ใช่ข้อดีอย่างเดียวที่พวกเราจะได้”
ก็จริง สำหรับเรื่องนี้ ออร์บจะหลายเป็นเครื่องมือในการต่อรองทางการเมืองหรือการทหาร อำนาจของมันไม่อาจจะประมาทได้ SDFนั้นยังไม่ติดต่อให้ข้อเสนอเรามาเพราะ บุคลากรจำนวนมากของพวกเขาต้องใช้สกิลออร์บในการสำรวจดันเจี้ยน
“พวกเราจะคิดค่าเก็บรักษา 100ล้านเยนต่อลูกหรือ 30%ของราคาขาย โดยนับอย่างที่สูงกว่า อ้อ เเล้วก็กรุณาประมูลออร์บโดยใช้เวปไซต์ของเรา”
ผมไม่อยากจะมาเป็นผู้รับงานช่วงสำหรับบริษัทประมูลอื่นๆน่ะนะ
“อืมม เข้าใจเเล้ว เงื่อนไขพวกนี้ไม่มีปัญหา”
ถึงผมจะขูดเลือดขูดเนื้อซะขนาดนี้ เเต่ไซกะก็ยังตกลง ถ้าดูจากการประมูลที่เราทำ เขาอาจจะคิดว่าเป็นวิธีทำเงินง่ายๆ เเต่ก้ไม่มีอะไรยืนยันว่าการประมูลพวกนี้จะมีคนซื้อเสมอไป เขาได้นึกถึงความเสี่ยงตรงนี้หรือปล่าว
มาหาคำตอบกันเถอะ
“มีสิ่งสำคัญอีกเรื่องที่ผมจำเป็นต้องบอกครับ”
“ว่าไง”
“ด้วยปัญหาทางเทคโนโลยี ทั้งผมเเละมิโยชิจะต้องอยู่ครบทั้งสองคนตอนส่งมอบออร์บ ถ้ามีใครคนใดคนหนึ่งเสียชีวิต ออร์บที่พวกเราเก็บรักษาอยู่อาจจะหายไป คุณรับความเสี่ยงในจุดนี้ได้ไหม”
“อย่างนี้นี่เอง”
“เเต่ว่าพวกเราอาจจะเเก้ปัญหานี้ได้ภายในสามปี”
“สามปีงั้นหรอ” ไซกะทวน
“เเค่เป็นไปได้น่ะครับ เเต่ว่าไม่ว่าคุณจะเพิ่มเงินเท่าไร ก็ไม่สามารถย่นระยะเวลานี้ไปได้ ขอให้เข้าใจด้วย”
“ถึงจะไม่ค่อยเข้าใจเท่าไร เเต่ก็….โอเค ในตอนนี้เอาเเบบนั้นก็ได้”
“ผมบอกได้เเค่นี้ครับในตอนนี้ ที่เหลือก้ขึ้นอยู่กับทางนั้นเเล้วว่าจะตกลงหรือ-”
“เเน่นอน พวกเราตกลง” ไซกะเเทรก “พวกเราจะเขียนสัญญาเเละนำมาให้อีกภายในไม่กี่วัน กรุณาตรวจสอบด้วย”
จริงดิ ด้วยความเป็นไปได้ทั้งหลายที่ออร์บมีโอกาสสูญหาย ก็ยังตัดสินใจตกลงทันทีงั้นหรอ เกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย หัวหน้าแผนกมีอำนาจมากขนาดนี้เลยรึไง
“ขอบคุณครับ เเต่ว่าถ้าสัญญาฉบับยาวเขียนในกระดาษอาจจะเข้าใจยาก ถ้าเป็นไปได้รบกวนช่วยเตรียมเอกสารสรุปสิ่งที่พูดคุยกันวันนี้ให้ด้วยนะครับ เเละก็บริการที่กล่าวมาทั้งหมดจะถือว่าเป็นเรื่องส่วนตัว ไม่ใช่เรื่องกฏหมาย ขอให้เข้าใจจุดนี้ด้วย”
ผมต้องย้ำเรื่องสุดท้ายนี่
“…เข้าใจเเล้ว” เหมือนจะนึกอะไรขึ้นได้ ไซกะเลยพูดต่อ “ส่วนเรื่องของตัวกลางนั้น นารุเสะ”
“คะ”
“เธอน่าจะได้รายงานอย่างเป็นทางการจากHRหลังจากนี้ เเต่สำหรับตอนนี้ ฉันเเต่งตั้งให้เธอเป็นผู้ดูเเลปาร์ตี้ดี-พาวเวอร์สอย่างเต็มตัว โดยเธอจะมีตำเเหน่งเสมือนเป็นผู้ช่วยหัวหน้าเเผนกเเละดำเนินงานตามที่เธอเห็นสมควร ยินดีด้วย ตอนนี้เธอเป็นเจ้าหน้าที่ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในตอนนี้เเล้วล่ะ”
“อะ-อะไรนะคะ!”
มิโยชิทำหน้าตายเเละพูดขึ้นระหว่างที่นารุเสะกำลังตกใจ “เธอหาเงินเข้า JDA ได้ 700ล้านเยนภายในเวลา30นาที จะคาดหวังอะไรอีกล่ะ”
“เเค้นน่าดูเลยนะเธอน่ะ”
“พวกที่ใช้ภาษีขูดรีดประชาชนน่ะเป็นศัตรูหมดนั่นเเหละ”
“เอาล่ะ” ไซกะหัวเราะ “ตอนนี้นารุเสะเป็นผู้รับผิดชอบพวกเธอเเล้ว ถ้ามีอะไรก็กรุณาคุยกับเธอก็เเล้วกัน ถึงเวลาต้องไปเเล้ว”
หัวหน้าเเผนกโค้งให้เเละออกจากห้องไป
“เขาทำงานเก่งน่าดูนะ”
“เเต่ว่าเป็นสี่เหลี่ยมเดินได้นะ สี่เหลี่ยมจตุรัสน่ะ” มิโยชิพูด
ทุกคนหัวเราะ
”จะว่าไป นารุเสะ ผู้ดูเเลเต็มตัวนี่มีหน้าที่อะไรบ้างหรอ”
”ฉันไม่เเน่ใจเหมือนกัน เเต่คิดว่าน่าจะทำงานตามความต้องการของพวกเธอ”
”เเล้วที่JDAจะทำยังไง”
”เพราะฉันมีอำนาจตัดสินใจเองได้ งั้นก็ไม่น่าจะต้องประจำที่โต๊ะ บางทีฉันอาจจะไปทำตัวเป็นสบายไปสืบหาความลับที่ออฟฟิศเธอก็ได้นะ”
””ตะกี้นี้เธอยอมรับหรอว่าเป็นสปาย” ผมถาม
”พอเราจัดการออฟฟิศใหม่เสร็จเเล้ว มาหาได้เลยนะ” มิโยชิล้อ ”เพราะถ้ามาหาที่ออฟฟิศตอนนี้ เธออาจจะโดนรุ่นพี่พุ่งเข้าใส่ก็ได้ เตียงเขาอยู่ข้างประตูเลยนะ”
”หระ-หรอคะ”
อย่าน่า ฉันไม่ทำเเบบนั้นซะหน่อย
”จริงด้วย เราต้องไปหาดีไซน์เนอร์ที่นา หลังจากนี้รุ่นพี่ว่างรึปล่าว”
”พวกคุณดูยุ่งกันนะคะ”
”ก็ระดับนึงนะ จะว่าไป…”
”คะ?”
”อีกไม่นานเราจะประมูลออร์บชุดใหม่ล่ะ ต้องขอรบกวนอีกครั้งด้วยนะ”
”เอ๋ ประมูลอีกครั้งเเล้วหรอคะ”
”เเต่เก็บไว้เป็นความลับจะกว่าเราจะประกาศ โอเคนะ”
นารุเสะตอบตกลงพร้อมถอนหายใจด้วยความเหนื่อล้า
เเบบนั้นไม่ได้สิ ถ้าเธอเป็นสปาย ก็ต้องไม่ตอบตกลงไม่ใช่หรอ
(1) จากนิยาย’ลาก่อน ยอดดวงใจ’ (Farewell my lovely) ของ Raymond Chandler