“ฮิฮิฮิ ใช่แล้วละ ตอนนี้เจ้าน่ะอ่อนแอเกินกว่าจะเอาชนะข้าในตอนนี้แล้วละ แต่อย่าพึ่งท้อแท้จนเกินไปละ ไม่มีใครแข็งแกร่งตั้งแต่เริ่มหรอก”
ปีศาจโยวไคก็ได้ยิ้มและกระซิบเบา ๆ กับร่างมนุษย์ที่กำลังนอนอยู่ตรงหน้าเธอ
“สุดท้ายแล้ว ก็ไม่มีผู้ปกป้องคนไหนสามารถฆ่าปีศาจได้ทันทีหลังจากที่พวกเขาเกิดมาทันทีได้หลอก ก็อาจมีบางคนทำได้จริงๆ แต่พวกเขาจะไม่ถูกนับแล้วกันนะ ส่วนมากแล้วเหล่าปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ในหลายๆ ยุคจนถึงตอนนี้ต่างก็ต้องใช้เวลาตั้งหลายปีและหลายทศวรรษเพื่อฝึกทั้งจิตใจ เทคนิค และร่างกายของพวกเขา”
แน่นอนว่ามีพวกคนที่มีพรสรรค์สามารถฆ่าปีศาจโดยใช้เวลาฝึกเพียงไม่นานจึงเป็นข้อยกเว้นอยู่บ้าง แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งมีชีวิตที่มีพรสววรค์เหล่านั้นก็ไม่ใช่”สิ่ง”ที่เธอสนใจจริงๆ เธอนั้นชอบสิ่งมีชีวิตที่มีจิตวิญญาณที่เข้มแข็งแข็งแกร่งและพรสวรรคที่ไม่เลว
คนที่มีเพียงแค่พรสวรรค์ซึ่งไม่มีจิตใจที่แข็งแกร่งก็ไม่ต่างอะไรกับพวกอ่อนแอ
มันจึงไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่เหมาะสำหรับเธอเพื่อจบชีวิตของตัวเองอย่างยิ่งใหญ่ได้
สำหรับเธอ การต่อสู้กับคนแบบนั้นจะไม่สนุกเลยสักนิด
และเธอคงจะไม่รู้สึกถึงการต่อสู้ที่น่าประทับใจเลยแม้แต่น้อย อันที่จริงมันคงจะเป็นการต่อสู้ที่ติ้นๆ ด้วยซ้ำ
“และในทางตรงกันข้าม…วิถีชีวิตของเจ้านั้นถูกใจข้ามากเลยทีเดียว”
ริมฝีปากของเธอนั้นเริ่มที่จะยกขึ้นดั่งสัตว์ร้าย
ปีศาจได้จับแก้มของชายที่นอนตรงหน้าด้วยรอยยิ้มที่มีความนึกสนุกที่อยู่ในนั้น
ท่าทางของเธอนั้นจับอย่างระมัดระวังและอ่อนโยนราวกับว่าเธอกำลังนั้นกำลังจับวัตถุที่เปราะบางอยู่อย่างมาก
เธอนั้นเรียนรู้จากประสบการณ์นับพันปีว่าเธอนั้นสามารถทุบกะโหลกมนุษย์ที่อยู่ในมือของเธอได้อย่างง่ายดาย ถ้าเธอคิดอยากจะทำแบบนั้นจริงๆ
“สาเหตุว่าทำไมการฆ่าแบบนั้นมันรู้สึกดีสุดๆ เพราะการฆ่าคนแบบนั้นจะเป็นการฆ่าที่รู้สึกคุ้มค่ามากกว่าการฆ่าคนที่แข็งแกร่งเพราะเพียงแค่พรสววค์เพียงอย่างเดียว”
แล้วปีศาจ (ยักษ์) ก็ได้คิดย้อนกลับไปตอนการเผชิญหน้ากับของเธอกับชายผู้อ่อนแอที่อยู้ด้านหน้าเธอเป็นครั้งแรก
มันช่างเป็นเรื่องบังเอิญ
มันเป็นช่วงเวลาที่เธอรู้สึกกำลังหงุดหงิดเล็กน้อยเพราะตอนที่เธอเคยถูกหมายหัว…
เธอนั้นเคยถูกหักหลังด้วยเหล่าผู้ปกป้อง เหล่าผู้คนที่ควรเป็นคนคู่ควรกับความตายของตัวเธอเองกลับไม่มีค่าสำหรับเธอแม้แต่คนเดียว
ช่างเป็นอารมณ์ที่แปลกประหลาดสะจริง
เธอนั้นได้แทรกซึมเข้าไปในตระกูลคิซึกิ
ตระกูลที่ซึ่งอาศัยอยู่ทางตอนเหนือของฟุโซ
แต่เธอนั้นก็ไม่ได้คาดหวังอะไรกับในตระกูลนั้นมากนัก
จริงๆ แล้ว ตระกูลคิซิกินั้นเป็นตระกูลที่เก่าแก่
พวกเขานั้นก็มีความสามารถไม่เลวเลย
คนที่ดูเหมือนจะมีค่าพอเป็นพรหมลิขิตภายในตระกูลนั้นก็มีความสามารถที่ไม่เลวเลย
แต่นั้นก็ไม่ได้ทำให้เธอถูกใจมากขนาดนั้น
ซึ่งเธอนั้นต้องการจะเห็นมันมากกว่านั้นอีกสักนิด
แต่ถ้าเกิดเธอเห็นคนนั้นยังไม่ถูกใจตัวเธออีกละก็เธอคงจะต้องรออีกสักสิบปีหรือยี่สิบปีข้างหน้าหรือไม่ก็สักครึ่งศตวรรษหรือมากกว่านั้น
เพื่อเจอคนในอุดมคติของเธอ สำหรับพวกปีศาจที่มีชีวิตอยู่อย่างยาวนานอย่างเธอ เวลาก็ผ่านแค่แปบเดียวเองด้วยซ้ำ
พรหมลิขิต รุ่นต่อไป และการสืบทอดสายเลือด เธอนั้นจะมองพวกเขาอยู่ตลอดเวลา
นี้คือสิ่งที่เธอเคยคิดก่อนเข้าไปในตระกูลแห่งนี้
ปีศาจได้เข้าไปภายในตระกูลของเหล่าผู้ปัดเป่าอย่างเงียบๆ และรอคอยเวลา
แต่หลังจากนั้น
เธอก็ได้พบกับโชคชะตาที่เธออยากพบเห็นมาตลอด
สิ่งแรกที่เธอเห็นครั้งแรกคือดวงตาของเขา…
ผู้รับใช้คนนั้น…
แม้ชื่อของผู้รับใช้สามารถเปลี่ยนได้ตลอดเวลา แต่ว่า
ตัวตนของทาสรับใช้คนนั้นๆ ไม่เคยหายไปไหน
เธอนั้นรู้ว่าพวกเขามีหน้าตาเป็นเช่นไร
พวกเขานั้นสมควรที่จะไม่มีชื่อ
เหล่าคนที่ไม่มีแม้กระทั้งตัวตนของตนเอง
เหล่าคนไร้ชื่อที่เคียงข้างเหล่าผู้ปกป้องและอยู่โดยไร้ตัวตนของตนเอง
นั้นคือสิ่งที่พวกเขาเหล่าผู้รับใช้สมควรจะเป็น
แต่ภายในคนเหล่านั้นมีหนึ่งคนที่อยู่ในนั้นกลับแตกต่างออกไปจากพวกเขาเหล่านั้น
ขณะที่สายตาของผู้อื่นนั้นทั้งเย็นชาและไร้ชีวิตภายในดวงตา
ทั้งไร้อารมณ์
ทั้งไร้ความหวัง
และภายในตาก็มีความสิ้นหวังที่คนรับใช้ปกมี
แต่ว่าเขากลับแตกต่างจากพวกเขาทั้งหมด
ภายในตาของเขานั้นมีสายตาที่มีชีวิตชีวา และความหวัง
และนี่เป็นสาเหตุที่เธอเริ่มสนใจตัวของเขาเพราะเขานั้นความแตกต่างจากผู้อื่น
ด้วยเหตุนี้เธอจึงอยากให้ผู้รับใช้คนนั้นสนใจในตัวของเธอเช่นกัน
เธอนั้นทั้งสังเกตและเฝ้าดูทุกการเคลื่อนไหวของเขาด้วยความสนใจและความอยากรู้อยากเห็นว่าจะเป็นเช่นไรต่อ
และเจ้าปีศาจตัวนั้นก็รับรู้ถึงความพิเศษของเขาซึ่งคนอื่นๆ นั้นไม่มี
วิธีที่เขาฝึกฝนของตัวเอง
สติปัญญาที่ฉลาด
จิตวิญญาณของเขาที่แสนแข่งแกร่งท่ามกลางการฝึกฝนอย่างหนักอยู่ตลอด
แตกต่างจากผู้รับใช้คนอื่นๆ อย่างชัดเจน
ผู้รับใช้คนอื่นๆ นั้นไร้ความเย่อหยิ่งและไร้อารมณ์ภายใน
ซึ่งเป็นสิ่งที่ส่วนใหญ่ผู้ปัดเป่าทั้วไปนั้นไม่มี
จนถึงตอนนี่ เธอนั้นก็ได้พบแล้วสิ่งที่เธอต้องการแล้ว…นี้คือสิ่งที่เธอได้คิดเอาไว้
แล้วเธอก็อยากจะรู้จักเขาอีก เธอนั้นได้สังเกตุเขาเรื่อยๆ
สังเหตุเขาเรื่อยๆ เรื่อยๆ ทุกๆ วัน อ่าาาาา เธอนั้นชอบวิธีที่เขาเอาชนะความยากลำบากมากมายเกือบตายหลายต่อหลายครั้งที่เกินตัวเขาตลอด
เขานั้นบางครั้งก็รับบทเป็นนักแสดงที่แสดงว่าตัวเองนั้นเป็นเหมือนผู้รับใช้คนอื่นๆ แต่เขานั้นไม่ใช่เลย
ตอนที่ที่ดีที่สุดคือการหลบหนีจากพวกโยวไคทั้งสามวันสามคืนของเขา
ช่างสุดยอด ช่างสุดยอดจริงๆ อ่าาาา (จากผู้แปล what the fuck is this woman yapping about?)
จากนั้นตอนที่เขาได้พบกับเธอครั้งแรก เธอนั้นชอบการตอบสนองของเขาตอนเจอครั้งแรกสุดๆ ถ้าเป็นพวกปกติคงจะลดความระวังตัวเองลงเพราะตัวเราที่ให้อาหารแต่ชายคนนี้กลับพยายามระวังแทนซึ่งใช้ร่างกายอย่างสุดความสามารถเพื่อระวังตัวข้า
ช่างเป็นจิตใจที่แข็งแกร่งอะไรเช่นนี้ อ่าาา
“ตอนที่ข้ามองเจ้าน่ะ ข้านั้นก็คิดนะว่าการเลี้ยงดูผู้ปกป้องที่กล้าหาญนั้นสนุกและแน่นอนมากกว่าการมองหาผู้ปกป้องที่จะฆ่าข้าน่ะ”
เธอนั้นได้จินตนาการ ถึงคนที่ทั้งไร้พรสรรค์ ทั้งไร้สายเลือดที่เป็นตระกูลที่แข็งแกร่ง และทั้งไร้โชค
เขาคนนั้นได้เสียเลือดนับครั้งไม่ถ้วนเพื่อดันตัวเองให้อยู่สูงยิ่งขึ้น
จากคนที่ไร้นามสู่ผู้ยิ่งใหญ่ที่ทุกคนนั้นยอมรับ
และนี้คงจะเป็นเรื่องราวของผู้ปกป้องเรื่องแรกที่ผู้ปกป้องนั้นแข็งแกร่งขึ้นได้ไร้ซึ่งตัวช่วยใดๆ มีเพียงแค่กำลังของเขาเองเท่านั้น
เธอได้เพ้อฝันถึงเรื่องราวของชายผู้ไร้ชื่อ ผู้ถูกกดขี่ ชายผู้อ่อนแอที่ได้เป็นคนที่สามารถกัดคนที่แข็งแกร่งกว่าได้อย่างไม่เกรงกลัว
และตอนที่อยู่ในความสิ้นหวัง เขาก็ได้ใช้ทั้งความแข็งแกร่ง สติปัญญา และกล้าที่จะคว้าโอกาสอันน้อยนิดเพื่อที่จะได้ชนะ
เธอนั้นเพ้อฝัน(จากคนแปล มึงเพ้อเหี่ยไรนักหนาวะขี่เกียจเขียนโว้ย) ช่วงเวลาที่การโจมตีที่คมกริบและที่ถูกคำนวณมาอย่างดีของชายที่ถูกมองว่าอ่อนแอพุ่งทะลุหัวใจที่แข็งแกร่งของเธอที่ไม่พลาด ในซึ่งเป็นการต่อสู้ที่สิ้นหวังถึงชีวิตและสู้อย่างสุดความสามารถด้วยความมุ่งมั่นอันดุเดือดและสิ้นหวังที่จะต้องถูกเล่าขานไปอีกอนาคตพันปีข้างหน้า
หัวของเธอที่ถูกตัดออกจากร่างกายของเธอเอง ที่ผู้คนที่เห็นการต่อสู้เหล่านั้น จากนี้ไปผู้คนมากมายจะได้เห็นการกำเนิดของวีรบุรุษครั้งใหม่
และถ้าเขาเก่งมากพอเขาก็สามารถที่จะฆ่าสัตว์ประหลาดหายากได้ เขานั้นจะไม่เป็นเพียงแค่คนรับใช้ที่ต่ำต้อยอีกต่อไปแล้ว ในตอนจบ จะเป็นเรื่องราวที่ถูกเล่าจำนวนมากและจะมีเรื่องราวมากมายเกี่ยวกับเขา เขาจะได้แต่งงานกับผู้หญิงที่เป็นขุนนางและคลอดลูกทำให้จะมีการสืบสายเลือดของตระกูลเขาต่อไป ช่างเป็นชีวิตที่มีความสุขในอนาคต
ช่างสุดยอด ช่างสุดยอดเหลือเกิน นี้มันจะไม่ใช่ฉากจบที่สุดยอดไปเลยหรอ? เรื่องราวจะถูกสืบทอดผ่านยุคสมัยต่างๆ มั่นใจได้เลยล่ะ
มันช่างเป็นรากฐานของเรื่องราวอันน่าอัศจรรย์เช่นนี้
มันช่างเป็นเรื่่องที่มีเกียรสำหรับสัตว์ประหลาดเช่นข้าเลยไม่ใช่เหรอ? ปีศาจดูปีติยินดีขณะคิดเช่นนั้น
“แต่ว่า..”
แน่นอนมันเป็นเรื่องราวสุดน่าอัศจรรย์…แต่ปีศาจตนนี้เป็นปีศาจที่โลภมากและเห็นแก่ตัว
และเพราะเธอเคยเลือกสถานที่ตายแบบสุ่ม ความปรารถนาอีกอย่างหนึ่งแวบเข้ามาในใจของเธอ
ข้านั้นตายที่นี้ได้จริงๆ เหรอ? มันจะโอเคเหรอที่จะตายที่นี้? เธอนั้นได้คิดแบบนั้น แม้ว่าชายตรงหน้าเธอจะต้องหลั่งเลือด เจ็บปวดทรมาณ ได้กลายเป็นผู้ปกป้อง มีชีวิตที่ดี แต่มันก็ยังไม่เพียงพอ…งั้นถ้าเกิดว่า…
“เห้อ ข้าคิดว่าจะไม่ทำให้เขาเสียเวลามากกว่านี้แล้วกัน..”
ปีศาจบ่นพึมพำขณะมองข้าวที่เหลืออยู่เพียงหยิบมือที่เท้าของเธอ มีคำกล่าวที่รู้จักกันดีว่าคนที่กินอาหารของปีศาจจะกลายเป็นปีศาจ โดยเฉพาะถ้ามันมีของเหลวในร่างกายของปีศาจผสมอยู่ด้วย แน่นอนว่าแค่ครั้งหนึ่งหรือสองครั้งก็อาจจะไม่เพียงพอ แต่ถ้าเกิดพวกเขาได้รับอาหารเป็นสิบๆ หรือร้อยๆ ครั้ง พวกเขาจะกลายเป็นปีศาจ…
“ข้าคิดว่ามันคงจะสนุกถ้าได้เล่นไปรอบๆ โลกกับคู่หูอีกครั้ง อ่า แต่คงจะดีถ้าได้จะโดนเขาแก้แค้นเพราะเปลี่ยนเขาให้กลายเป็นปีศาจ”
การสู้ฆ่ากันและกันเป็นสิ่งที่ยากในตอนนี้
และนั่นคงจะเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นอย่างแน่นอน และพวกมนุษย์จะทำการจดบันทึกเป็นประวัติศาสตร์ไว้
“อืม ไม่ว่ามันจะไปทางไหนข้าก็ตั้งตารอ เพราะงั้น…”
ปีศาจได้กระซิบข้างหูของเขา ชื่นชมใบหน้าที่ขณะหลับของเขา
ซึ่งตอนนอนดูคล้ายกับเด็กกำลังนอน
บางทีอาจเพราะว่าเขาหลับลึกรึเปล่านะ
“งั้น…อย่าทำให้ข้าผิดหวังนะ โอเค?”
ปีศาจได้เลียหูของเขาเมื่อขณะเขาหลับอยู่ มันคล้ายๆ กับการกระทำของสุนัขโดยการทำเครื่องหมายว่าของๆ นั้นเป็นของตนเอง…