Ch.39 – แผนทัศนศึกษาเมืองหลวงของราชาผู้พิชิตกับเหล่าเด็กสาวเจ้าปราสาท (ขั้นวางแผน)
Translator : ปลาดุกอเมซอน / Author
[ลัทธิปลุกแผ่นดิน]ล่มสลายแล้ว
สาเหตุมาจากการที่พวกเราบุกป้อมปราการของพวกนั้นจนทหารชาวนาทุกคนถูกปลดปล่อย
แต่ดีจริงๆที่เจอวงเวทเก่าในตอนที่บุกป้อมปราการที่3
ยังไงก็ตามพอได้ทำการฟื้นฟูวงเวท แล้วให้ยูกิโนะเป็นเจ้าปราสาทแล้วเปิดใช้งาน[เขตแดน]ขึ้นอีกครั้ง [ผู้ชี้นำ]ที่อยู่ใกล้ๆก็ระเหิด แมลงก็หายไป
ดูเหมือนสุดท้าย ลัทธิก็สูญเสียกำลังรบและที่มั่น…จนถูกกองทัพของ[เจ้าเมืองคิโทล]จัดการ
ในส่วนนั้นเป็นข้อมูลที่ได้มาจากหมู่บ้านข้างๆ(ที่ในภายหลังก็ได้ถามไปจนรู้ว่าชื่อ[หมู่บ้านมาวารุ]) ถึงอาจจะไม่ตรงเป๊ะก็เถอะ แต่สำหรับพวกเราแค่นั้นก็พอแล้ว
ห้องวงเวทของป้อมปราการได้ถูกเวทน้ำแข็งของยูกิโนะผนึกไว้
แถมหลังจากป้อมปราการไม่เหลือใคร ก็ถล่มหินลงไปปิดถนนไว้เรียบร้อยแล้ว
เท่านี้ก็คงจะไม่มีใครไปยุ่งกับวงเวทได้
“เขตแดนขยายไปถึงหมู่บ้านข้างเคียง อีกไม่นานก็คงจะใช้ชีวิตกันได้อย่างสงบสุขแล้วล่ะนะ”
สถานการณ์ของเขตแดน ได้ตรวจสอบจากบนฟ้าหลังจากนั้นแล้ว
[ปราสาทร้าง][หมู่บ้านฮาซามะ][ป้อมปราการเก่า]
พอใช้งานวงเวทไป3แห่ง เขตแดนก็ดูเหมือนจะกลายเป็นสามเหลี่ยมขนาดยักษ์
ชายแดนทั้งหมดจนถึงบริเวณข้างเคียงของ[หมู่บ้านมาวารุ]ก็อยู่ในขอบเขตของเขตแดน
โดยเฉพาะการที่เส้นทางจาก[หมู่บ้านฮาซามะ]ถึง[หมู่บ้านมาวารุ]ปลอดภัยนั้นถือว่าส่งผลดีมาก การที่อสูรไม่ออกมา ทำให้สามารถติดต่อกันได้อย่างสบายใจ
ที่ถนนนั้นก็มีขโมยหรือทหารหนีทัพมาโจมตีผู้คนบ้าง แต่[หมู่บ้านฮาซามะ]กับ[หมู่บ้านมาวารุ]ก็คอยร่วมมือกันตรวจเวรและปราบปราม เพราะทั้งสองหมู่บ้านสามารถไปมาหาสู่กันได้ ก็เลยมีการแลกเปลี่ยนผลผลิตกับไม้กันด้วย แล้วการที่เผ่ามนุษย์ เผ่ายักษ์ และฮาร์ปี้ สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารกันได้ มันส่งผลดีมากจริงๆ
แล้วการประชุมเพื่อตัดสินเวรการตรวจเวรก็จัดขึ้นที่[หมู่บ้านฮาซามะ]
เรื่องที่ผมจะได้เข้าร่วมด้วยหรือไม่ ตอนนี้ยังเป็นปริศนา
แล้วตอนที่ประชุมเสร็จเนี่ย ก็อยากให้ทุกคนช่วยเลิกมองมาทางผมหน่อยนะ
ด้วยเหตุนั้น ชายแดนก็อยู่ในความสงบ
หลังจากนั้นก็แค่ปกป้องแล้วอยู่อย่างสงบจนกว่ายุคมืดจะจบลงก็พอ
…แต่ว่า ก่อนหน้านั้น–
“คิดว่าจะลองไปที่เมืองหลวงดูสักครั้ง”
ตอนที่กินข้าวเย็นที่คฤหาสน์ผู้ใหญ่บ้าน ผมก็พูดแบบนั้นออกไปกับทุกคน
ที่ห้องนั่งเล่นของคฤหาสน์ ริเซ็ต ฮารุกะ ยูกิโนะก็มารวมตัวกันอยู่ คฤหาสน์นี้ในตอนนี้เป็นบ้านของเด็กสาวทั้ง3คน ถึงผมจะถูกบอกให้มาอยู่ด้วยกันก็เถอะ แต่ยังไงก็คงไม่ไหวหรอก
ถึงผมจะเคยเป็นจูนิเบียว แต่ก็มีความสามารถในการจัดการความจริงกับสามัญสำนึกที่ได้จากการทำงานบริษัทมาเกินสิบปี การที่เด็กสาววัย10 3คนกับผมวัยสามสิบมาอยู่ด้วยกัน ยังไงก็คงจะไม่ดีแน่ๆ แต่ว่า ให้เอาตามตรงก็คืออายนี่ล่ะ
แถมถ้าผมอยู่กับยูกิโนะตลอดเวลา ก็ไม่รู้ว่าวันไหนที่เรื่องผมเป็น[นายที่แท้จริง]จะแตก ไว้เหตุการณ์สงบค่อยบอกว่าผมคือ[ออร์กานิคดราก้อนคิง(ราชามังกรแห่งเกษตรอินทรีย์)]จะดีกว่า
“…อย่างนี้นี่เอง คิดไว้แล้วสินะคะ ท่านพี่โชมะ”
ริเซ็ตถือถ้วยชามองมาที่ผม
“ที่เมืองหลวงในตอนนี้มีจักรพรรดิองค์ปัจจุบัน[องค์จักรพรรดิมังกร]อยู่ค่ะ ถ้าเป็นท่านพี่ที่ได้รับการยอมรับจากจักรพรรดิมังกร ก็คงจะไปเจอได้ค่ะ แล้วท่านพี่ก็ขับไล่พวกกังฉินที่ประโยชน์จากองค์จักรพรรดิ ถ้าผลักดัน[องค์จักรพรรดิมังกร]แล้วให้ออกคำสั่งไปทั่วประเทศ เจ้าเมืองก็ไม่มีทางขัดได้หรอกค่ะ”
กึ๊ก ริเซ็ตลุกขึ้นจนเก้าอี้สั่นไปมา
“แล้วด้วยการทำแบบนั้นคงจะทำให้เจ้าเมืองที่คิดต่อต้าน[ราชวงศ์อาริเชีย]ก็จะเปิดเผยตัวออกมาด้วยค่ะ ท่านพี่โชมะจะเป็นผู้ที่นำความถูกต้องมาสู่ยุคมืดนี้ค่ะ แน่นอนว่า ริเซ็ตในฐานะผู้สืบสายเลือดของมังกรแล้ว ก็จะร่วมถือดาบต่อสู้ไปกับท่านพี่ค่ะ! หรือก็คือ การไปเมืองหลวงครั้งนี้จะเป็นก้าวแรกสูการเส้นทางราชา–ไม่สิ การนำนามของ[ราชาผู้พิชิตแห่งต่างพันธุ์]มายังแผ่นดินนี้ค่ะ! เป็นแบบนี้เองสินะคะ ท่านพี่โชมะ!!”
“……ไม่ใช่สักหน่อย”
ผมพูดออกไป
“……ไม่ได้มีเหตุผลอะไรลึกซึ้งแบบนั้นสักหน่อย ก็แค่อยากจะเห็นคนที่ใหญ่ที่สุดของประเทศนี้เฉยๆเอง?”
“……เหรอคะ?”
“ใช่แล้วล่ะ”
“……”
“……”
“……”
ความเงียบเข้าปกคลุม
ริเซ็ตดึงเก้าอี้กลับไปนั่งต่อ
“……”
หน้าแดงแจ๋ จนต้องเอามือปิดหน้า
แต่ก็เข้าใจอยู่หรอก เรื่องที่ริเซ็ตที่สืบสายเลือดของจักรพรรดิมังกรอยากที่จะช่วยกอบกู้จากยุคมืดน่ะ
แต่ว่า จะรีบเกินไปแล้ว ผมเอง ยังไม่ได้คิดถึงขนาดนั้นสักหน่อย
“โธ่ พี่ริส”
“…ช่วยอย่ามองมาทางนี้ด้วยค่ะ ฮารุกะ…”
“ไม่เข้าใจอะไรเลยนะพี่ริส ท่านพี่เป็นคนที่มองความเป็นจริงนะ ไม่มีทางที่อยู่ๆก็จะไปรับฟัง[องค์จักรพรรดิมังกร]เฉยๆหรอก”
ฮารุกะพยักหน้าจนอกสั่น
ยูกิโนะที่อยู่ข้างๆเอง ก็ดื่มชาแล้วพยักหน้าแบบเดียวกัน
พอเกี่ยวกับจักรพรรดิมังกร ริเซ็ตก็จะเลือดร้อนขึ้นมาทุกที ในจุดนั้นฮารุกะจะเป็นคนที่มองโลกในความเป็นจริงกว่า เธอเป็นเพื่อนสมัยเด็กของริเซ็ต แล้วก็เข้าใจข้อเสียในด้านความคิดของเธอ ดังนั้นฮารุกะจึงให้ความเห็นที่มีสามัญสำนึก–
“ก็ถ้าทำแบบนั้น[องค์จักรพรรดิมังกร]อาจจะมอบตำแหน่งจักรพรรดิให้ท่านพี่ก็ได้นี่นา!”
“–หา!”
–เฮ้ย ไม่ใช่แบบนั้นสิเฟ้ย!?
ริเซ็ตเอง ก็เบิกตาโตมองมาทางนี้!?
“ท่านพี่เป็นคนที่ถูกยอมรับโดยท่านจักพรรดิมังกร แล้วก็สามารถเชื่อมโยงกับพลังของแผ่นดินได้นี่นา? ถ้าจะฟื้นฟูแผ่นดินก็คงไม่มีคนที่จำเป็นกว่านี้แล้วใช่ไหมล่ะ? ดังนั้นตอนที่ได้พบกับ[องค์จักรพรรดิมังกร] ต้องถูกมอบประเทศให้ไม่ผิดแน่! สละราชสมบัติแน่นอนเลยล่ะ! ถ้าเป็นเธอคนนั้นต้องทำไม่ผิดแน่นอน ถึงจะไม่เคยเจอก็เถอะ!!”
“ไม่คยเจอแต่พูดซะเหมือนรู้จักเชียวนะ!?”
“สัญชาตญาณของหญิงสาวน่ะ!”
ฮารุกะชี้นิ้วมาที่ผม
“คือว่านะ ฮารุกะ”
“อะไรเหรอ ท่านพี่”
“ไอ้ตำแหน่งจักรพรรดิหรือราชาอะไรเนี่ย ไม่ใช่ของที่จะให้กันได้ง่ายๆสินะ?
นั่นคือความรู้สึกของผมที่ได้เรียนประวัติศาสตร์ของโลกเดิมมา
คงจะรู้มาแบบเดียวกันสินะ ยูกิโนะที่เป็นคนจากโลกเดียวของผมก็พยักหน้าพูดว่า “ใช่ค่ะใช่ค่ะ”
“ตอนที่ประเทศเกิดการเปลี่ยนแปลง แล้วตำแหน่งจักรพรรดิมีการยกให้คนนอก มันก็ต้องเกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่…จนเกิดเหตุการณ์นองเลือดไม่ผิดแน่ เอาเถอะ มันก็มีข้อยกเว้นนิดหน่อยอยู่ล่ะนะ”
“ถ้าอย่างนั้น ท่านพี่ก็เป็นข้อยกเว้นนิดหน่อยก็พอแล้วนี่นา?”
“ยังไงล่ะ?”
“ให้ท่านพี่แต่งงานกับ[องค์จักรพรรดิมังกร]ก็พอแล้วไม่ใช่เหรอตะ?”
“พรวดแค่กแค่กแค่กแค่กแค่กแค่ก!!”
“คะ คุณยูกิโนะ!? เป็นอะไรไหมคะ!? แต่ว่า น้ำชาโดนหน้าท่านพี่หมดแล้วค่ะ!?”
“แค่กแค่กแค่ก มะ ไม่เป็น–”
“ได้ยินมาว่า[องค์จักรพรรดิมังกร]ยังเป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ แต่ถูกพวกข้าราชบริพารที่ชั่วร้ายทำให้ออกไปข้างนอกไม่ได้น่ะ ถ้าใช้ชื่อว่าปกป้องจากข้าราชบริพารที่ชั่วร้าย แล้วให้ท่านพี่ไปอยู่วังหลัง แค่นี้ทุกอย่างก็ลงตัวแล้ว!”
“จะลงตัวยังไงแต่ได้เกิดความวุ่นวายไปทั่วตามที่ต่างๆแน่ แบบนั้น”
ให้ตายเถอะ จะจินตนาการก็ให้มันพอดีหน่อย
คนต่างโลกเองก็คงไม่ใช่ว่าจะมอบตำแหน่งจักรพรรดิให้เพราะเหตุผลแค่[จักรพรรดิมังกรยอมรับ]หรอก
“งั้นเหรออ”
แต่ว่า ฮารุกะก็ทำหน้าไม่พอใจ
ไม่สิ เพราะชาเต็มหน้าก็เลยมองเห็นแค่ลางๆ
“ถ้าเราเป็น[องค์จักรพรรดิมังกร]ก็คงจะเชื่อในท่านพี่แล้วถวายตัวแน่ๆแท้ๆ”
“ไม่ใช่ว่าใครๆจะใช้ชีวิตโดยพึงแต่สัญชาตญาณแบบเธอนะคะ ฮารุกะ”
ริเซ็ตลุกจากเก้าอี้
“ให้ตายสิ ทำใบหน้าของท่านพี่เปื้อนชาหมดแล้วไม่ใช่เหรอไงกันคะ”
“ขอโทษค่ะ คุณโชมะ ฉันจะล้างให้นะคะ…”
ยูกิโนะลุกขึ้นแล้วเข้ามาหาผม
“จะล้างหน้าให้ค่ะ ช่วยปิดตา…สักครู่จะได้ไหมคะ?”
“โทษที”
ผมหลับตาตามที่ถูกบอกมา
ยูกิโนะหยิบผ้าใกล้ๆแล้วเริ่มเช็ดหน้าผม
แต่ว่ายูกิโนะ ร่าเริงจริงๆเลยนะ ตอนที่บุกป้อมปราการของ[ลัทธิบุกแผ่นดิน] เวทน้ำแข็งของเธอก็มีประโยชน์มาก สำหรับผมแล้วการที่คนที่มาจากโลกเดียวกัน…ถึงยูกิโนะจะไม่รู้ตัวก็เถอะ แต่ในฐานะคนที่รู้จักในสมัยก่อน…การที่คุยกันได้ง่ายถือว่าช่วยได้เยอะ
แซ่กแซ่ก
อาการจูนิเบียวของยูกิโนะเองนอกจากเวลาต่อสู้แล้วก็ค่อนข้างจะสงบ
แล้วหลังจากนี้…จะช่วยหน้าที่[กอบกู้ยุคมืด]ที่เธอได้รับมาจากเทพธิดาดีไหม ถ้าทำแบบนั้นยูกิโนะจะได้ฟื้นคืนชีพที่โลกเดิมด้วย ถึงจะทำด้วยวิธีไหม[มีแต่พระเจ้าที่รู้]ก็เถอะ แต่พ่อแม่ของเธอต้องดีใจแน่ๆ เรื่องแค่นี้ทำไปก็คง…
แซ่กแซ่ก แซ่ก
“…ยูกิโนะ ทำอะไรน่ะ?”
ตั้งแต่เมื่อกี้แล้วรู้สึกว่านิ้วบางๆกำลังลูบใบหน้ากับหัวของผม
แล้วก็ รู้สึกราวกับว่ากำลังตรวจสอบรูปร่างของแขน มือแล้วก็นิ้วอยู่เลย…?
“ปะ เปล่าค่ะ คือว่าคือว่า”
ยูกิโนะพูดแบบลนเล็กน้อย
“กะ ก็แค่อยากจะตรวจสอบพลังของคุณโชมะน่ะค่ะ ทั้งๆที่ไม่ได้มีกล้ามเนื้อขนาดนั้นแท้ๆ แต่สามารถผ่าคุณผู้ชี้นำนั่นเป็นสองท่อนได้สุดยอดไปเลยนะคะ”
“พอใช้ปลุกพลังมันก็เพิ่มขึ้นน่ะ คิดว่าคงเอาสภาพในตอนนี้ไปอ้างอืงไม่ได้หรอก”
“…งั้นเหรอคะ แต่ว่า ก็คิดว่าบึกบึนขึ้นอยู่นะคะ”
“บึกบึน…ขึ้น”
“เปล่าค่ะเปล่าค่่ะเรื่องของทางนี้น่ะค่ะ ยิ่งกว่านั้นนะคะ คุณโชมะ”
อะแฮ่ม ยูกิโนะกะแอมออกมา แล้วออกห่างจากผม
“ตอนที่ไปเมืองหลวง จะพาฉันไปด้วยไหมคะ?”
ยูกิโนะถามด้วยใบหน้าจริงจัง
“ฉันมาจากเมืองหลวงค่ะ ดังนั้น จะสถานการณ์ทางนั้นหรือถนนก็รู้ทั้งนั้นค่ะ จะมีใครเหมาะสมกับการนำทางไปมากกว่านี้อีกใช่ไหมล่ะคะ?”
“อา ว่าจะขอให้ยูกิโนะกับริเซ็ตไปด้วยน่ะ”
ผมพูดออกไป
ยูกิโนะมีข้อมูลถนน สถานการณ์ทางนั้น แล้วก็ผู้ที่ถูกอัญเชิญแบบเดียวกับเธออยู่
ริเซ็ตก็เป็นผู้ที่เกี่ยวข้องกับมังกร เกี่ยวกับจักรพรรดิในตอนนี้[องค์จักรพรรดิมังกร] กับเรื่องที่เกี่ยวข้องถ้าไม่มีเธอก็ไม่รู้อะไรเลย
“เราอะ?”
“อยากจะขอให้ฮารุกะปกป้องหมู่บ้านน่ะ ถึงจะไม่มีอสูรแล้ว แต่ก็อาจจะมีพวกอย่างโจรบุกมาก็ได้ ถ้าเป็นฮารุกะก็สามารถใช้งาน[พลังเวทของแผ่นดิน]ได้ ถ้าเป็นศัตรูทั่วไปก็รับมือได้ใช่ไหมล่ะ? ถ้าให้อยู่ก็คงจะสบายใจมากกว่า”
“…มู๊มู๊มู๊”
ฮารุกะกอดอกส่งเสียงออกมาอย่างไม่ยอมรับ
“ถ้าอย่างนั้น ถ้ามั่นใจว่าจะไม่มีใครมาโจมตีหมู่บ้าน ก็จะพาเราไปด้วยสินะ?”
“…ก็ตามนั้น”
“อืม เข้าใจล่ะ จะพยายามค่ะ”
ฮารุกะกำหมัด
ถึงไม่รู้ว่าจะพยายามอะไร แต่ผมก็พยักหน้าไว้ก่อน
เพราะว่าได้จังหวะแล้ว ผมก็เลยลุกขึ้นจากเก้าอี้
หลังจากล้างจานที่ข้างๆบ่อน้ำ ริเซ็ต ฮารุกะ และยูกิโนะก็บอก“ราตรีสวัสดิ์ค่ะ”แล้วผมก็กลับไปที่บ้าน
จะว่าไปแล้วน้ำในบ่อเอง ก็ค่อนข้างมีปริมาณเพิ่มขึ้นเยอะ
ถึงผู้เฒ่าของหมู่บ้านจะบอกมาว่า“คุณภาพน้ำดีขึ้น พอดื่มก็รู้สึกเหมือนแข็งแรงขึ้น” แต่นั่นน่าจะอุปทานไปเองซะมากกว่า เพราะพลังเวทของแผ่นดินถูกใช้งาน มันก็เลยส่งผลกับน้ำด้วย… ก็เลยคิดไปว่าน่าจะเป็นแบบนั้นมากกว่า
…จะว่าไปแล้ว ก็ได้ยินมาว่าพืชผลเติมโตดีด้วย
……ไม่คิดมากน่าจะดีกว่า
ยีงไงก็ตาม กำหนดการสำหรับหลังจากนี้คิดไว้เรียบร้อยแล้ว
ไว้ดูสถานการณ์ของหมู่บ้านไปสักพัก ถ้าสงบก็จะไปเมืองหลวงกัน3คน จากนั้นก็ตรวจสอบระดับอารยธรรมของราชวงศ์ของโลกนี้ ถ้าเป็นไปได้ก็จะตรวจสอบกำลังรบด้วย ถึงไม่คิดว่าจะเป็นศัตรูกับราชวงศ์อาริเชียก็เถอะ แต่เตรียมรับมือไว้จะดีกว่า
“…เอาเถอะ ก็คงจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นไปสักพักล่ะนะ”
ผมพึมพำแบบนั้นแล้วก็กลับบ้านไปนอน แล้ววันต่อมา
“ท่านพี่โชมะ! แย่แล้วค่ะ! มีฑูตมาจากท่าน[เจ้าเมืองคิโทล]ค่ะ!!”
ริเซ็ตที่มีรีบเร่งเข้ามา ก็ทำให้ผมต้องตื่นทันที