พลังต่อสู้เย้ยฟ้าของหลินสวินทำให้เฒ่าดึกดำบรรพ์พวกนั้นต่างหน้าเปลี่ยนสี ตระหนักได้ว่าไม่สู้ดี
พวกเขานึกถึงเรื่องหนึ่งโดยไม่ได้นัดหมาย… พลังแห่งยอดอมตะ!
พลังที่หลินสวินสำแดงออกมาตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับยอดแห่งมรรคาอมตะแล้ว!
ตูม!
ทันใดนั้นสถานการณ์การต่อสู้เปลี่ยนแปลงไป หลินสวินทลายการปิดล้อมได้ในคราเดียว กระตุ้นเตากระบี่ ทำให้เฒ่าดึกดำบรรพ์ผู้หนึ่งบาดเจ็บสาหัส
เฒ่าดึกดำบรรพ์ผู้นี้เป็นขั้นหลุดพ้นสัมบูรณ์ของตระกูลเจิ้ง นามว่าฉีลิ่วเจี่ย ถือขวานยักษ์คู่หนึ่ง อานุภาพดุดันอหังการ แกร่งกล้าถึงที่สุด
แต่บัดนี้กลับถูกเตากระบี่กระแทกจนร่างแทบแตกหัก กระอักเลือดกบปากจมูก ทั้งตัวกระเด็นออกไปอย่างรุนแรง
ภาพกะทันหันนี้ทำให้ในใจเฒ่าดึกดำบรรพ์คนอื่นยังหนาวสะท้านไปครู่หนึ่ง
สิบคนลงมือพร้อมกัน แต่กลับถูกหลินสวินพลิกสถานการณ์ หากเรื่องนี้กระจายออกไปใครจะกล้าเชื่อ
เคร้ง!
ฉีลิ่วเจี่ยถูกซัดถอยไป หลินสวินประหนึ่งมังกรทะยานฟ้า ระหว่างที่แกว่งหมัดก็กระแทกบรรทัดยอดมรรคไร้ลักษณ์ของชือถิงฟางกระเด็น ร่างทรงเสน่ห์ของฝ่ายหลังสั่นไหว กระอักเลือดออกปาก
และขณะเดียวกันพลังการล้อมจู่โจมเฒ่าดึกดำบรรพ์คนอื่น ต่างถูกกฎเกณฑ์อมตะที่ปลดปล่อยออกมาจากตัวหลินสวินบดขยี้และสลายไปทั้งหมด
“ทุกท่าน รีบสำแดงไพ่ตายออกมาดีกว่า หาไม่แล้วเกรงว่าอีกเดี๋ยวจะไม่มีโอกาสใช้แล้ว”
ในการต่อสู้เสียงหลินสวินเนิบนาบ
“หึ!”
พวกหวังเต้าสิงสบตากัน แววตาดุกร้าว แทบจะเข้าโจมตีหลินสวินสุดชีวิต
เพียงแต่ทั้งหมดนี้ย่อมเปลืองแรงเปล่า
พลังของพวกเขาแข็งแกร่งปานไหนก็ไม่อาจทำให้หลินสวินบาดเจ็บได้สักนิด กลับเป็นพวกเขาที่มีคนบาดเจ็บระหว่างต่อสู้ บ้างถูกซัดกระอักเลือด บ้างถูกปราณกระบี่กรีดร่างมรรค บ้างถูกพลังหมัดซัดแขนขาด บ้าง…
มากมายหลายอย่าง
หันกลับมาดูหลินสวิน อานุภาพดุจสายรุ้ง ประหนึ่งนายเหนือหัวเคลื่อนกวาด ทุกการโจมตีกดข่มจนเฒ่าดึกดำบรรพ์เหล่านั้นต้องใช้พลังทั้งหมดไปต้าน
นี่ทำให้พวกหวังเต้าสิงตาแทบหลุดจากเบ้า ไม่อาจรับทุกอย่างนี้ได้
ความแกร่งกล้าในพลังต่อสู้ของหลินสวินทำลายการตัดสินและคาดเดาก่อนหน้านี้ของพวกเขาทั้งหมด ต่อให้พวกเขาคิดจนหัวระเบิดก็คิดไม่ถึงว่าหลินสวินจะแข็งแกร่งปานนี้
ประหนึ่งไร้ศัตรู!
เห็นหลินสวินแข็งแกร่งเกินต้าน มีท่าทีสยบพวกเขาได้โดยสมบูรณ์อยู่กลายๆ ในที่สุดหวังเต้าสิงก็ตะคอกเสียงดุดันว่า
“เปิด!”
ทันใดนั้นม้วนหนังสือสีทองเจิดจ้าม้วนหนึ่งก็เปิดขึ้นกลางอากาศ
ตูม!
ชั่วพริบตารูปจำลองเจตจำนงสายหนึ่งอุบัติขึ้น นี่เป็นเฒ่าชราที่สูงใหญ่ดุจทวยเทพผู้หนึ่ง ผมหนวดขาวโพลน หว่างคิ้วมีสัญลักษณ์รูปกระบี่รูปหนึ่ง ชุดขาวทั้งตัวปลิวไสว ประหนึ่งยอดเทพกระบี่ในตำนานมาเยือน
พริบตานี้ฟ้าดินกลับสู่ความเงียบสงัด กลิ่นอายระดับนิรันดร์อันน่าครั่นคร้ามไร้สิ้นสุดประดุจเขาถล่มสมุครคำราม ทำให้หมื่นลักษณ์สิ้นเสียง ในเก้าชั้นฟ้าสิบแผ่นดินคล้ายศิโรราบแทบเท้าเขาทั้งหมด!
พลังเช่นนั้นน่าครั่นคร้ามเกินไป
“ขอเชิญผู้อาวุโสลงมือ จับเจ้าเดรัจฉานนี่!”
หวังเต้าสิงกุมมือคารวะ
เฒ่าดึกดำบรรพ์คนอื่นต่างเผยสีหน้าฮึกเหิม
รูปจำลองเจตจำนงนี้มาจากบุคคลในตำนานคนหนึ่งของน่านฟ้าที่เก้า ระดับนิรันดร์ที่มีสมญาว่า ‘เทพกระบี่ยอดสวรรค์’…
ชางเจี้ยนเซิง
“เจ้าหนุ่มขั้นหลุดพ้นขั้นปลายคนหนึ่งกลับทำให้พวกเจ้าอับจนหนทางได้ ศิษย์คนเล็กที่เจ้าเฒ่าโพธิรอคอยผู้นี้เย้ยฟ้าปานนี้จริงหรือ”
รูปจำลองเจตจำนงของชางเจี้ยนเซิงถอนใจเบาๆ สัญลักษณ์กระบี่ที่อยู่หว่างคิ้วเขาโคจร ปราณกระบี่ทั้งร่างไหวเคลื่อน อานุภาพปานนิรันดร์มืดฟ้ามัวดิน ทำให้เฒ่าดึกดำบรรพ์อย่างพวกหวังเต้าสิงยังรู้สึกหวาดผวา
แน่นอนว่ายังอับอายด้วย
พวกเขาต่อสู้ถึงตอนนี้ ไม่เพียงแต่อับจนหนทาง ยังได้รับบาดเจ็บเต็มตัว!
พอดูหลินสวินอีกครั้งกลับไม่ได้รับบาดเจ็บสักนิด เสื้อผ้าไม่เปื้อนฝุ่น เทียบกับเช่นนี้ทำให้แยกสูงต่ำได้ชัดเจน
“เจ้าหนุ่ม เจ้ากล้าปรากฏตัวเพียงลำพังที่นี่ต้องมีวิชาช่วยชีวิตแน่ ตอนนี้ข้าให้โอกาสเจ้าสำแดงวิชาช่วยชีวิตเจ้าสักครั้ง”
ชางเจี้ยนเซิงมองไปที่หลินสวิน เอ่ยเสียงเรียบเฉย “ภายหน้าต่อให้เจ้าเฒ่าโพธิรู้ว่าข้าจับศิษย์คนเล็กที่เขาภูมิใจที่สุดไป ก็ไม่อาจประนามว่าข้าเป็นผู้ใหญ่รังแกเด็ก”
คำพูดเดียวทำให้พวกหวังเต้าสิงยังเกิดความรู้สึกเคารพยกย่องอย่างอดไม่ได้
“วิชาช่วยชีวิตหรือ”
หลินสวินแสยะยิ้ม “เจ้าเฒ่า คิดจริงหรือว่าใช้รูปจำลองเจตจำนงแล้วจะไม่สนกฎเกณฑ์ ทำตามอำเภอใจได้”
ชางเจี้ยนเซิงเลิกคิ้ว แววตาแปรเปลี่ยนเป็นเฉยชา “สุราอวยพรไม่ดื่ม จะดื่มสุราลงทัณฑ์”
เขายื่นมือออกไปข้างหนึ่ง
ตูม!
กระบวนค่ายกลกระบี่แน่นขนัดกระบวนหนึ่งปรากฏขึ้นประหนึ่งกรงขังมหามรรค อบอวลด้วยอานุภาพของระดับนิรันดร์ บัดนี้แม้แต่กฎระเบียบฟ้าดินยังบิดเบี้ยวและแปรเปลี่ยน
“แข็งแกร่งนัก!”
พวกหวังเต้าสิงใจสั่นระรัว ต่อให้เป็นเฒ่าดึกดำบรรพ์อย่างพวกเขา ยังได้เห็นรูปจำลองเจตจำนงระดับนิรันดร์ลงมือเช่นนี้น้อยครั้งนัก
กลับพบว่าหลินสวินเงาร่างพริบไหว เตากระบี่ทะยานฟ้า เปล่งแสงสว่างจ้ากลางอากาศในบัดดล
ตูม!
กระบวนค่ายกลกระบี่ที่แน่นหนาดั่งกรงขังมหามรรคนั้น ถึงกับถูกเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งระเบิดกลายเป็นละอองแสงถาโถมสาดกระเซ็นเต็มฟ้า
“นี่…”
พวกหวังเต้าสิงล้วนตกตะลึงตาเบิกกว้าง ทำใจเชื่อได้ยาก
พลังของรูปจำลองเจตจำนงระดับนิรันดร์สามารถสังหารขั้นหลุดพ้นคนใดก็ตามได้อย่างง่ายดาย นี่เป็นเรื่องที่ทุกคนรู้
แต่ตอนนี้กฎเหล็กที่เป็นที่ยอมรับโดยกว้างขวางมาชั่วกาลกลับถูกหลินสวินทำลาย!
ชางเจี้ยนเซิงยังตกตะลึงอย่างอดไม่อยู่ ประกายกร้าวปะทุจากดวงตา พยักหน้าเอ่ยว่า “มรรคายอดอมตะที่น่าดูชมนัก ไม่เสียทีที่เป็นเส้นทางมหามรรคที่ไม่เคยมีมาก่อนในหมื่นกาล!”
ขณะพูดแขนเสื้อเขาพัดกระพือ สัญลักษณ์รูปกระบี่ที่หว่างคิ้วโฉบออกมาอย่างฉับไว แปลงเป็นกระบี่เทพที่มีรูปร่างแปลกประหลาด แหลมคมตระการตาเล่มหนึ่งกลางอากาศ
ชั่วพริบตานี้จิตวิญญาณเฒ่าดึกดำบรรพ์อย่างพวกหวังเต้าสิงต่างรู้สึกเจ็บปวดรุนแรงเหมือนถูกฉีกแหวก ปราณกระบี่นี้แกร่งกล้าเกินไป ทำให้พวกเขาขนหัวลุกซู่ รู้สึกได้ถึงภัยคุกคามจนหายใจติดขัด
“ไป!”
ชางเจี้ยนเซิงสะบัดแขนเสื้อ
กระบี่เทพตระกายตาฟันออกไปอย่างรุนแรง ประหนึ่งแสงที่กรีดทะลวงห้วงอากาศหมื่นกาลสายหนึ่ง ไม่อาจบรรยายลำแสงของมัน ทั้งไม่สามารถพรรณนาอานุภาพอัศจรรย์ของมันได้
ก็เป็นเวลาเดียวกันนี้ที่เงาร่างหลินสวินแปรเปลี่ยน ห้ากายมรรคพุ่งออกมา โจมตีชางเจี้ยนเซิงพร้อมกับร่างต้น
ตูม!
เสียงกึกก้องสะท้านฟ้าสะเทือนดินดังขึ้น ก็พบว่ากระบี่นั้นของชางเจี้ยนเซิงถูกหลินสวินต้านไว้ได้ ส่วนร่างต้นกับห้ากายมรรคของเขาก็ล้อมโจมตีชางเจี้ยนเซิงพร้อมกันแล้ว
บัดนี้ไม่ว่าจะเป็นร่างต้นหรือร่างแยกต่างสำแดงพลังต่อสู้สูงสุดอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ล้อมโจมตีไปพร้อมกันโดยพลัน ถึงกับกำราบรูปจำลองเจตจำนงของชางเจี้ยนเซิงไว้ได้ ทำให้เขาไม่อาจฝ่าวงล้อม!
ชางเจี้ยนเซิงแทบจะอึ้งค้างแล้ว
ระดับนิรันดร์อย่างเขา ต่อให้สิ่งที่เคลื่อนไหวคือรูปจำลองเจตจำนงก็ยังสามารถสังหารขั้นหลุดพ้นได้ในชั่วดีดนิ้ว ต่อให้คิดว่ามรรคายอดอมตะของหลินสวินเหนือธรรมดา แต่อันที่จริงก็ไม่ได้เก็บมาใส่ใจสักนิด
ใครจะคิดว่าเพียงพริบตาเท่านั้น พลังที่หลินสวินใช้จะกลบทั้งตัวเขามิด การล้อมโจมตีและถล่มสังหารกะทันหันเช่นนี้จะให้ชางเจี้ยนเซิงรับได้ได้อย่างไร
“เปิด!”
เขาผมปลิวสลาย เสื้อผ้าทั้งร่างโบกสะบัด เจตกระบี่น่าครั่นคร้ามปะทุออกมา ดุดันหาใดเทียบ เต็มไปด้วยกลิ่นอายนิรันดร์ที่ลึกลับไม่อาจคาดเดา แข็งแกร่งไร้ทัดเทียม
เพียงแต่แม้ปราณกระบี่เหล่านี้จะบดขยี้ขั้นหลุดพ้นคนใดก็ตามได้อย่างง่ายดาย แต่กลับไม่รวมหลินสวิน
โครม ครืน!
พร้อมกับการจู่โจม อานุภาพของร่างต้นกับกายมรรคทั้งห้าของหลินสวินก็ยิ่งแกร่งกล้า ทำให้ปราณกระบี่เหล่านั้นสลายเป็นฝุ่นผงไปทั้งหมด ชางเจี้ยนเซิงหมายจะฝ่าวงล้อมอยู่หลายครั้ง แต่ล้วนถูกหลินสวินกดกำราบ
นี่ทำให้เขาขายหน้านัก สีหน้าคล้ำเขียวด้วยความโกรธ เหมือนถูกเหยียบย่ำดูหมิ่นศักดิ์ศรี บันดาลโทสะโดยสมบูรณ์
ก่อนหน้านี้เขายังเป็นเหมือนนายเหนือหัวผู้สูงส่ง เอ่ยวาจาสั่งสอนหลินสวินด้วยมองอีกฝ่ายเป็นคนรุ่นหลัง
แต่จะคิดได้อย่างไรว่าคนรุ่นหลังอย่างหลินสวินจะถึงกับเย้ยฟ้าปานนี้ กลับกดข่มจนรูปจำลองเจตจำนงของเขายังฝ่าวงล้อมไม่ได้ ประหนึ่งสัตว์ที่ถูกปิดล้อม!
ตูม!
ชางเจี้ยนเซิงที่เกรี้ยวกราดน่ากลัวอย่างไม่ต้องสงสัย แต่เมื่อการต่อสู้ดำเนินไป ไม่เพียงฝ่าวงล้อมไม่ได้ ตรงข้ามกลับถูกร่างต้นกับร่างแยกของหลินสวินร่วมกันเล่นงานจนแสงมรรคทั้งร่างปั่นป่วน พลังเจตจำนงทั้งร่างยังผลาญไปอย่างรวดเร็ว….
ไกลออกไปพวกหวังเต้าสิงต่างตาเบิกกว้างเหมือนถูกสายฟ้าฟาด
นั่นเป็นถึงรูปจำลองเจตจำนงระดับนิรันดร์!
แต่ตอนนี้กลับถูกเจ้าหนุ่มขั้นหลุดพ้นขั้นปลายกำราบจนโงหัวไม่ขึ้น ถ้าเรื่องนี้กระจายไปในน่านฟ้าที่เก้า เกรงว่า ‘เทพกระบี่ยอดสวรรค์’ อย่างชางเจี้ยนเซิงต้องกลายเป็นตัวตลกที่สุดในใต้หล้าแน่
แต่สำหรับพวกหวังเต้าสิงแล้ว กลับรู้สึกหนาวสะท้านถึงกระดูก
บัดนี้พวกเขาตระหนักขึ้นไปอีกขั้น ว่าถ้าไม่ใช่คราวนี้พกไพ่ตายมาด้วย อาศัยเพียงพลังของพวกเขาสิบคน เกรงว่าเป็นไปได้สูงยิ่งที่จะถูกฆ่าในน่านฟ้าที่หกแห่งนี้!
พลังต่อสู้หลินสวินเย้ยฟ้าเกินไป ไม่อาจวัดได้ด้วยตรรกะสามัญโดยสิ้นเชิง!
“จู่คง รีบเรียกรูปจำลองเจตจำนงที่เจ้านำมาออกมา!” หวังเต้าสิงส่งเสียงตวาดลั่น
พวกเขามาคราวนี้นำรูปจำลองเจตจำนงระดับนิรันดร์มาด้วยสองคน คนหนึ่งคือชางเจี้ยนเซิง คนใหญ่คนโตเผ่าเทพนิรันดร์ตระกูลชางจากน่านฟ้าที่เก้าไอรีนโนเวล
อีกคนคือ ‘เหวินจิ่วเกา’ คนใหญ่คนโตเผ่าเทพนิรันดร์ตระกูลเหวิน
ตูม!
จู่คงแทบไม่ร่ำไร เรียกยันต์หยกสีเขียวชิ้นหนึ่งออกมา เมื่อยันต์หยกระเบิดออก เงาร่างสูงโปร่งผอมแห้งร่างหนึ่งก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศ
เขาสวมเกี้ยวประดับสูงใส่ชุดโบราณ รูปลักษณ์ผอมบาง เป็นรูปจำลองเจตจำนของระดับนิรันดร์เหวินจิ่วเกานั่นเอง
เมื่อเห็นหลินสวินกับร่างแยกของเขากดข่มรูปจำลองเจตจำนงของชางเจี้ยนเซิงอยู่ เหวินจิ่วเกายังอึ้งไปอย่างอดไม่ได้ เผยสีหน้ายากจะเชื่อ
จากนั้นเขาก็ลงมือโดยไม่ลังเลสักนิด
ตูม!
เขาก้าวออกไปก้าวหนึ่ง ชั่วพริบตาก็มาถึงในสนามรบแล้วแกว่งหมัดชกไปที่ร่างต้นของหลินสวิน
หมัดสีเขียวพร่างพราวเปล่งประกายเต็มไปด้วยกลิ่นอายนิรันดร์ที่ไม่เคยมีมาก่อน เรียบง่ายและตรงไปตรงมา ทั้งยังทรงพลังอย่างเหลือเชื่อ
กระนั้นก็เป็นตอนนี้เอง
เสียงหัวเราะลั่นสะเทือนฟ้าดินแว่วออกมาจากปากหลินสวิน
“เจ้าเฒ่า รอเจ้าปรากฏตัวมานานแล้ว เก็บแหไปพร้อมกันเสียเลย!”
ขณะพูดร่างต้นของหลินสวินพลันสำแดงอภินิหารพรสวรรค์…
ประตูเนรเทศ
ครืน!
ประหนึ่งเบิกฟ้าแยกดิน ฟ้าดินแห่งนี้ถูกรอยแยกมิติมหึมารอยหนึ่งกลืนกิน ในรอยแยกเป็นประตูที่มีขอบเขตพันจั้ง ประหนึ่งหุบเหวที่ทะลวงไปยังนรกถูกเปิดออก ทันทีที่ปรากฏฟ้าดินแห่งนี้ก็คล้ายถูกกลืนกิน
ทุกคนรู้สึกเพียงภาพข้างหน้ามืดลง ในใจหวาดหวั่นอย่างไม่อาจควบคุม
“แย่แล้ว!”
“สมควรตาย!”
รูปจำลองเจตจำนงของชางเจี้ยนเซิกับเหวินจิ่วเกาต่างหวาดผวา หน้าเปลี่ยนสีโดยพลัน ทันทีที่ตระหนักได้ถึงความไม่เข้าทีก็หมายจะหลบหนีโดยพลัน
แต่หลินสวินจะให้พวกเขาสมหวังได้อย่างไร ร่างต้นกับร่างแยกทั้งห้าล้อมโจมตีรูปจำลองเจตจำนงระดับนิรันดร์ทั้งสองเต็มกำลัง
“ไม่…!!”
ชางเจี้ยนเซิงกับเหวินจิ่วเกาส่งเสียงคำรามเกรี้ยวกราดถึงที่สุด ดวงตาวาวโรจน์ แต่เพราะถูกเงาร่างของหลินสวินล้อมโจมตี ทำให้พวกเขาไม่มีทางหลบหนีสักนิด ทำได้เพียงมองดูประตูเนรเทศมาเยือนตาปริบๆ…
จากนั้นเงาร่างของพวกเขากับหลินสวินก็ถูกกลืนกินไปทั้งหมด!
——