ตอนที่ 2927 การตัดสินใจของสิบยักษ์ใหญ่

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ตอนที่ 2927 การตัดสินใจของสิบยักษ์ใหญ่อมตะ

ฟ้าดินค่อยๆ เงียบงัน

พื้นที่รัศมีหลายพันลี้กลายเป็นซากปรักหักพังย่อยยับ ภูผาธาราและพฤกษาต่างมลายสิ้น

ห่างออกไปไกล เงาร่างมากมายฝืนเก็บกลั้นความประหวั่นพรั่นพรึงในใจไว้แล้วเข้ามาใกล้ทางนี้

ผู้ฝึกปราณที่ก่อนหน้านี้ชมการต่อสู้อยู่ในบริเวณใกล้เคียง หลังจากรูปจำลองเจตจำนงของชางเจี้ยนเซิงปรากฏก็หลบไปไกลทันที

ดังนั้นจึงไม่มีใครเห็นเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้

และบัดนี้…

เมื่อเห็นเงาร่างหลินสวินที่ยืนตระหง่านกลางอากาศนั้น ผู้ชมการต่อสู้เหล่านี้ต่างผงะไป นัยน์ตาเบิกกว้างทีละนิด ใบหน้าเริ่มเผยแววตกตะลึงอย่างไม่อาจเก็บกลั้น

กลางฟ้าดินที่พังพินาศนั้น มีหลินสวินรอดชีวิตเพียงผู้เดียว!

ทุกคนที่ได้เห็นภาพนี้จะไม่รู้ได้อย่างไร ว่าเฒ่าดึกดำบรรพ์ที่มาจากสิบยักษ์ใหญ่อมตะน่านฟ้าที่แปดทั้งสิบคนอย่างพวกหวังเต้าสิง ล้วนประสบเคราะห์ตายไปแล้ว

มิหนำซ้ำรูปจำลองเจตจำนงระดับนิรันดร์นั่น ก็เป็นไปได้สูงยิ่งว่าจะแพ้ให้หลินสวิน!

พอคิดถึงตรงนี้เหล่าผู้ชมการต่อสู้ต่างรู้สึกอึ้งค้าง

……

วันที่ยี่สิบสองที่หลินสวินมาเยือนน่านฟ้าที่หก สังหารรูปจำลองเจตจำนงระดับนิรันดร์ไปสองคน ปลิดชีพเฒ่าดึกดำบรรพ์ขั้นหลุดพ้นสัมบูรณ์สิบคนที่ยอดเขาเทพชะตาสวรรค์

เมื่อข่าวกระจายออกไป ใต้หล้าต่างสั่นสะท้าน

“น่าสะพรึงนัก เขาทำได้อย่างไรกันแน่”

หลังจากรู้ข่าวนี้ ขุมอำนาจไม่รู้เท่าไรต่างตกตะลึงโดยสิ้นเชิง

“ตามคำพูดของผู้ที่ชมการต่อสู้ ยามการต่อสู้ปะทุขึ้นฟ้าถล่มดินทลาย สุริยันจันทราอับแสง อย่าว่าแต่ขั้นอายุขัยเทียมฟ้า ต่อให้เป็นขั้นดับเทพยังทำได้เพียงหลบไปไกลๆ ไม่อาจดูการต่อสู้ได้สักนิด”

“นี่ย่อมไม่มีทางเป็นเรื่องที่หลินสวินคนเดียวจะทำได้ รูปจำลองเจตจำนงระดับนิรันดร์ คนอย่างเขาจะสั่นคลอนได้อย่างไร”

“พูดเช่นนี้ ยังมีคนให้ความช่วยเหลือหลินสวินลับๆ หรือ”

“ต้องเป็นเช่นนี้แน่!”

“อย่าลืมล่ะ ลัทธิแรกกำเนิดเป็นถึงหนึ่งในสี่หอบรรพจารย์ จะนิ่งดูดายได้อย่างไร”

…เสียงพูดคุยแลกเปลี่ยนต่างๆ ดังขึ้น ศึกนี้กำลังพลที่พันธมิตรสงครามสิบตระกูลส่งมาตายยกทัพ นี่ทำให้ผู้คนไม่อาจยอมรับได้จริงๆ

และเมื่อพูดถึงพลังต่อสู้ของหลินสวิน ต่างก็คิดไปเองโดยมิได้นัดหมายว่าแค่พลังต่อสู้ของหลินสวินคนเดียวย่อมไม่มีทางทำได้ถึงขั้นนี้

กับเรื่องนี้หลินสวินย่อมไม่อาจอธิบายอะไร

เรื่องบางเรื่องก็เป็นเช่นนี้ ทำลายกฎเกณฑ์ทั่วไป สร้างปาฏิหาริย์ ถ้าไม่ได้ประจักษ์กับตาใครก็ไม่คิดว่านี่เป็นเรื่องจริง

“ตระกูลเจิ้งจะจบเห่แล้ว!”

และมีคนคาดเดาว่าเผ่าจักรพรรดิอมตะตระกูลเจิ้งที่เป็นสุนัขรับใช้ให้พันธมิตรสงครามสิบตระกูลย่อมมีหายนะมาเยือน

อันที่จริงในวันรุ่งขึ้นหลังจากศึกใหญ่เขาเทพชะตาสวรรค์ปิดฉากลง เผ่าจักรพรรดิอมตะตระกูลเจิ้งก็ประสบหายนะคับฟ้า

เหล่าผู้ยิ่งใหญ่ของตระกูลเจิ้งถูกฆ่า ระดับจักรพรรดิถูกทำลายปราณ พลังระเบียบถูกเก็บไป รากฐานตระกูลถูกถอดถอนไปเช่นนี้

เช่นเดียวกับเก้าเผ่าจักรพรรดิอมตะที่วินาศไปก่อนหน้านี้

วิธีจัดการที่คุ้นเคยเช่นนี้ ใครเล่าจะไม่รู้ว่านี่มาจากฝีมือใคร

ชั่วขณะเดียวน่านฟ้าที่หกก็มีคลื่นลมใหญ่ซัดขึ้นอีกระลอก

…..

เขาเทพชะตาสวรรค์ถูกทำลายไปตั้งแต่ตอนที่สู้กันแล้ว

แต่หลินสวินไม่ได้จากไป เขายังอยู่ที่นั่นต่อคล้ายคนว่างงาน นั่งสมาธิฝึกปราณ รอคอยอย่างเงียบๆ สงบนิ่งเยือกเย็น

การสังหารเฒ่าดึกดำบรรพ์อย่างพวกหวังเต้าสิง ทำให้หลินสวินได้ทรัพย์หลังศึกอันอุดมสมบูรณ์ก้อนโต ทำให้หลินสวินไม่ต้องกังวลเรื่องทรัพยากรฝึกปราณในช่วงสั้นๆ

กลางดึก

ฟ้าดินปลอดโปร่งเงียบสงบ

หลินสวินนั่งขัดสมาธิบนซากปรักหักพัง

‘ด้วยพลังต่อสู้ของข้าในตอนนี้ ในกรณีที่ใช้ประตูเนรเทศกะทันหันสามารถทำลายรูปจำลองเจตจำนงระดับนิรันดร์ได้อย่างง่ายดาย ต่อให้อีกฝ่ายครอบครองสมบัติลับที่เกี่ยวข้องกับกาลเวลาก็ไม่มีประโยชน์…’

หลินสวินครุ่นคิด

แต่ก่อนพลังปราณเขามีจำกัด อภินิหารพรสวรรค์ที่สำแดงออกมาถูกสมบัติลับกาลเวลาที่ศัตรูเตรียมมาต้านรับและสลายไปได้ง่ายดายยิ่งนัก

แต่ตอนนี้ต่างออกไป มรรควิถีของตัวเขากำราบขั้นหลุดพ้นสัมบูรณ์ได้สบายแล้ว

ในสถานการณ์เช่นนี้ ต่อให้อีกฝ่ายใช้สมบัติลับกาลเวลาก็ไม่ช่วยอะไร

ก็อย่างตอนที่สู้กับพวกหวังเต้าสิง ในบรรดาสมบัติที่อีกฝ่ายใช้ต่างมีอานุภาพที่สามารถต่อต้านพลังกาลเวลาได้ทั้งนั้น เห็นได้ชัดว่าเตรียมตัวมา รู้ดีว่าอภินิหารพรสวรรค์ของหลินสวินต่างหากถึงน่าหวาดหวั่นที่สุด

น่าเสียดาย พวกเขากลับคิดไม่ถึงว่าตอนนี้หลินสวินเพียงอาศัยพลังปราณก็สังหารพวกเขาได้อย่างง่ายดาย

นี่จึงจะเป็นกุญแจสำคัญที่พวกเขาตายยกทัพ

‘ถ้าพันธมิตรสงครามสิบตระกูลรู้ข่าวพวกนี้จะยังส่งผู้แข็งแกร่งมาอีกไหม…’

หลินสวินครุ่นคิด เขาตัดสินใจรออีกพัก ถ้าอีกฝ่ายถูกเล่นงานจนกลัวแล้ว เขาย่อมไม่เสียเวลาอยู่ที่น่านฟ้าที่หกอีก

…..

น่านฟ้าที่แปด

ยักษ์ใหญ่อมตะตระกูลหวัง

ในโถงใหญ่สูงตระหง่านที่อบอวลด้วยแสงเทพแห่งหนึ่ง

ปัง!

ผู้นำตระกูลหวังหวังจ้งเทียนเขวี้ยงถ้วยน้ำชาแตกอย่างแรง ใบหน้าหล่อเหลาทรงภูมิเปลี่ยนเป็นอึมครึมยิ่งยวดแล้ว

เหล่าคนใหญ่คนโตตระกูลหวังนั่งอยู่สองฝั่งของโถง บัดนี้สีหน้าล้วนไม่น่ามองเช่นกัน

เมื่อครู่พวกเขาได้รู้ข่าวและเรื่องที่เกิดขึ้นในน่านฟ้าที่หกแล้ว

“นี่ต้องเป็นกับดักแน่!”

มีคนเอ่ยเสียงขรึม “ลัทธิแรกกำเนิดใช้เจ้าหลินสวินนี่เป็นเหยื่อล่อ วางหมากในน่านฟ้าที่หก หาไม่อาศัยเพียงความสามารถของเจ้าหลินสวินนี่ เกรงว่าคงถูกฆ่าตายไม่รู้กี่ครั้งไปนานแล้ว!”

มีคนพยักหน้า “เจ้าหมอนี่พลังต่อสู้เย้ยฟ้า มีศักยภาพแฝงยอดอมตะ อาจจะต้านทานขั้นหลุดพ้นสัมบูรณ์ได้ แต่ถ้าบอกว่าเขาสามารถสังหารรูปจำลองเจตจำนงระดับนิรันดร์ได้ ตีให้ตายข้าก็ไม่เชื่อ”

“แน่ใจได้ว่าลัทธิแรกกำเนิดต้องการเปิดศึกกับพวกเรา ถึงได้จงใจวางแผนการสังหารเช่นนี้!”

ทุกคนพูดไปต่างๆ นานา ล้วนเคืองแค้นยากทานทน

หวังจ้งเทียนนิ่งเงียบมาตลอด

ตั้งแต่ศึกมรรคอมตะในแดนมารสิบทิศเริ่มขึ้นจนกระทั่งตอนนี้ยังไม่ถึงหนึ่งร้อยปี พวกเขาตระกูลหวังก็เสียขั้นหลุดพ้นสัมบูรณ์ไปแล้วสองคน!

คนหนึ่งคือหวังจ้งหยวนที่ถูกฆ่าตายระหว่างทางที่หลินสวินกลับลัทธิแรกกำเนิด

อีกคนคือหวังเต้าสิงที่ตายในน่านฟ้าที่หก

และควรรู้ว่าต่อให้เป็นยักษ์ใหญ่อมตะอันดับหนึ่งของน่านฟ้าที่แปด มีรากฐานและอานุภาพคับฟ้า แต่ในกาลเวลาไร้สิ้นสุดที่ผ่านมา ทั้งตระกูลหวังมีผู้แข็งแกร่งที่บรรลุขั้นหลุดพ้นสามสิบกว่าคน

ทว่าผู้ที่บรรลุขั้นหลุดพ้นสัมบูรณ์กลับมีเพียงเก้าคนเท่านั้น!

และในช่วงไม่ถึงร้อยปีก็มีเฒ่าดึกดำบรรพ์เช่นนี้สองคนตายเพราะหลินสวิน ความหนักหน่วงของการโจมตีนี้ทำให้หวังจ้งเทียนยังปวดใจ

ที่ร้ายแรงที่สุดก็คือรูปจำลองเจตจำนงของชางเจี้ยนเซิงที่ถูกพวกเขาตระกูลหวังเชิญมาลงมือคราวนี้ก็ถูกทำลาย นี่ถ้าถูกเผ่าเทพนิรันดร์ตระกูลชางรู้เข้าจะต้องโกรธเกรี้ยว ไม่แน่ว่าจะโทษพวกเขาที่กระทำการไม่ราบรื่น!

“ผู้นำตระกูล ท่านคิดว่าเรื่องนี้ควรจะจัดการเช่นไร”ไอรีนโนเวล

มีคนเอ่ยปากเรียกสติหวังจ้งเทียนที่จมสู่ภวังค์ สายตาเขากวาดไปยังทุกคนที่อยู่รอบๆ เมื่อเห็นความขุ่นเคืองที่ไม่ปิดบังสักนิดบนใบหน้าพวกเขาแล้วถอนหายใจลึกเฮือกหนึ่งอย่างอดไม่ได้ เก็บกลั้นความหงุดหงิดในใจไว้

“เรื่องนี้ย่อมไม่อาจเลิกราแต่โดยดีได้!”

หวังจ้งเทียนพูดเฉียบขาด “เชื่อว่าตอนนี้ยักษ์ใหญ่อมตะอีกเก้าตระกูลก็คงได้ข่าวร้ายนี้แล้ว พวกเขาย่อมไม่ยอมเก็บกลั้นความโกรธไม่ปริปากเช่นนี้แน่”

ขณะพูดเขาก็ยืดตัวลุกขึ้น แววตาเย็นชาเอ่ยว่า “ส่งข่าวออกไป เรียกรวมผู้นำตระกูลของยักษ์ใหญ่อมตะอีกเก้าตระกูล อีกสองวันให้มารวมตัวที่ตระกูลหวังของพวกเราเพื่อหารือการใหญ่!”

……

สองวันต่อมา

ตระกูลหวัง

ภายในโถงใหญ่เดียวกัน ผู้นำตระกูลของสิบยักษ์ใหญ่อมตะมารวมตัวกันครบ

“พี่หวังเรียกพวกเรามา เกรงว่าในใจคงวางแผนไว้แล้ว พูดออกมาให้พวกเราฟังได้เลย”

ฝูเฉาหลัน ผู้นำตระกูลฝูเอ่ยเสียงขรึม

เขาแต่งกายชุดเขียวทั้งชุด รูปลักษณ์หล่อเหลา นั่งตามสบายก็เหมือนมังกรขดพยัคฆ์หมอบ

“เรื่องที่เกิดในน่านฟ้าที่หกทุกท่านคงรู้แล้ว ข้าก็จะไม่เสียเวลาพูดมากอีก ที่เรียกทุกท่านมารวมตัวกันคราวนี้มีเพียงเรื่องเดียวที่อยากทำ นั่นก็คือจะไปแก้แค้นลัทธิแรกกำเนิดอย่างไร!”

หวังจ้งเทียนพูดเสียงขรึม “พูดกันตามตรง แม้ใจข้าจะเคืองแค้นหาใดเทียบ แต่จนตอนนี้ยังคิดวิธีที่ได้ผลไม่ได้”

ทุกคนต่างสีหน้าผันแปรไม่แน่นอน

ไม่เพียงแต่หวังจ้งเทียน พวกเขาเองก็อับจนหนทางอยู่บ้างเช่นกัน

ไม่ใช่เพราะกลัวลัทธิแรกกำเนิด แต่เป็นเพราะสถานการณ์ตรงหน้า ต่อให้พวกเขาต้องการจัดการลัทธิแรกกำเนิดก็หาที่ลงมือไม่ได้

ประการแรก ลัทธิแรกกำเนิดทั้งบนล่างต่างหดหัวอยู่ในแดนแรกเริ่ม มีพลังระเบียบระดับเทพคุ้มครอง ทำให้พวกเขาไม่มีโอกาสบุกเข้าไปในแดนแรกเริ่มสักนิดดฮณ๊ฯดฯฌซ,

ประการต่อมา ในโลกยอดนิรันดร์ ขุมอำนาจตระกูลที่เกี่ยวข้องกับคนใหญ่คนโตในลัทธิแรกกำเนิด ล้วนย้ายตระกูลไปล่วงหน้าตั้งแต่หลายปีก่อนแล้ว ตอนนี้ตั้งถิ่นฐานอยู่ในแดนแรกเริ่ม

เช่นนี้แล้วต่อให้พวกเขาอยากหาสิ่งที่มีน้ำหนักมากพอมาข่มขู่ลัทธิแรกกำเนิดก็ยังทำไม่ได้

และแม้ว่าหลินสวินจะปรากฏตัวในน่านฟ้าที่หก แต่การตายของพวกหวังเต้าสิงกลับทำให้พันธมิตรสงครามสิบตระกูลตระหนักได้ว่า เป็นไปได้สูงยิ่งที่หลินสวินจะเป็น ‘เหยื่อล่อ’ เป็นกับดักที่ลัทธิแรกกำเนิดวางเอาไว้

ในสถานการณ์เช่นนี้ พวกเขาก็ไม่กล้าส่งกำลังพลไปเสี่ยงภัยที่น่านฟ้าที่หกอีกง่ายๆ

บรรยากาศภายในโถงอึดอัด

หวังจ้งเทียนเห็นเช่นนี้ก็เข้าใจทันทีว่าเจ้าเฒ่าพวกนี้คิดวิธีไม่ออกเหมือนกับตน

เขาเอ่ยเสียงขรึม “ทุกท่าน ในความเห็นข้า ถ้าคราวนี้ต้องการล้างแค้น ยังคงต้องเริ่มลงมือกับเจ้าหลินสวินนี่เหมือนเดิม! ต่อให้ลัทธิแรกกำเนิดจะวางกับดักในน่านฟ้าที่หกไว้ก่อนแล้ว แต่ขอเพียงพวกเราพันธมิตรสงครามสิบตระกูลส่งกำลังพลที่แข็งแกร่งพอออกไป ไม่ว่าจะเป็นแผนร้ายลูกไม้เช่นไรก็จะถูกบดขยี้ไปสิ้น!”

นัยน์ตาผู้นำตระกูลคนอื่นต่างหดรัดเล็กน้อย

มีคนถาม “ขั้นหลุดพ้นสัมบูรณ์สิบคนกับรูปจำลองเจตจำนงระดับนิรันดร์สองคนที่ส่งไปคราวก่อนยังตายยกทัพ ในสถานการณ์เช่นนี้ควรส่งกำลังพลไปเท่าไรถึงทำลายแผนของลัทธิแรกกำเนิดได้”

หวังจ้งเทียนนิ่งเงียบไปเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ต่อให้ลัทธิแรกกำเนิดวางกับดักไว้ในน่านฟ้าที่หกก็ไม่มีทางใช้กำลังทั้งหมดที่มี ถึงอย่างไรทันทีที่คนใหญ่คนโตอย่างพวกเสวียนเฟยหลิงจากไป ภายในลัทธิแรกกำเนิดก็จะไม่มีใครเป็นผู้นำวางแผน ถึงตอนนั้นพลังระเบียบระดับเทพก็ปกป้องทั้งลัทธิแรกกำเนิดไว้ไม่ได้”

ทุกคนต่างพยักหน้า พวกเขาก็คิดถึงจุดนี้เช่นกัน艾琳小說

หวังจ้งเทียนเอ่ยต่อ “ที่แน่ใจได้ก็คือ ในมือลัทธิแรกกำเนิดย่อมมีรูปจำลองเจตจำนงระดับนิรันดร์อยู่ในมือสองคนขึ้นไป หาไม่แล้วไม่มีทางบดขยี้รูปจำลองเจตจำนงของผู้อาวุโสชางเจี้ยนเซิงกับผู้อาวุโสเหวินจิ่วเกาได้”

มีคนพูดขึ้นทันทีว่า “พี่หวัง เรื่องที่เจ้าพูดพวกนี้พวกเราต่างก็รู้ดีแก่ใจ เจ้าพูดมาว่าควรทำอย่างไรก็พอ”

คนอื่นๆ ก็มองไปที่หวังจ้งเทียน

หวังจ้งเทียนสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง แววคลุ้มคลั่งฉายวาบขึ้นบนใบหน้า “ในเมื่ออยากเล่น ก็ต้องเล่นให้ใหญ่! เมื่อแรกที่ก่อตั้งพันธมิตรสงครามสิบตระกูล เคยข้อตกลงกันไว้แล้วว่ายามจัดการลัทธิแรกกำเนิด แต่ละตระกูลจะเคลื่อนกำลังขั้นหลุดพ้นสัมบูรณ์ห้าคน ขั้นหลุดพ้นอื่นๆ สามสิบคน ขั้นดับเทพร้อยคนขึ้นไป”

“คราวนี้ในเมื่อจะไปสังหารหลินสวิน ทำลายแผนร้ายของลัทธิแรกกำเนิดที่น่านฟ้าที่หก เช่นนั้นพวกเราก็เคลื่อนพลล่วงหน้า เคลื่อนกำลังพลของพันธมิตรสงครามสิบตระกูลไปด้วยกันก็พอ!”

——

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท