จ้งชิวพูด “คงเป็นเช่นนั้น แต่ไม่มีอะไรแน่นอน ในโลกยอดนิรันดร์ไม่อาจทะลวงได้ ใช่ว่าจะไม่อาจทะลวงระดับที่อื่นได้ อย่างครั้งนี้ที่ศิษย์พี่ใหญ่เลือกไปแจ้งมรรคยังแหล่งสถานคุนหลุน ในอนาคตศิษย์น้องก็สามารถทำเช่นนี้ได้”
หลินสวินพยักหน้าน้อยๆ
ตอนนี้เขาห่างจากการแจ้งมรรคนิรันดร์เพียงก้าวเดียว แต่การตกตะกอนของมรรควิถีทั้งหมดยังไม่เพียงพอ รอหลอมระเบียบนิพพานได้ทั้งหมดก่อนเขาถึงจะไปใคร่ครวญเรื่องการแจ้งมรรคนิรันดร์
ในวันนั้นจ้งชิวจากไปอย่างเร่งรีบ
ส่วนหลินสวินจมสู่ภวังค์ความคิด
หากเคราะห์แห่งยุคสมัยมาเยือน ยุคสมัยนี้จะต้องล่มสลายอย่างแน่นอน ถึงตอนนั้นเคราะห์มรรคห้าเสื่อมที่น่ากลัวที่สุดจะมาเยือน ไม่ว่าพลังปราณสูงต่ำล้วนยากจะหนีการสังหารของเคราะห์นี้
แต่ก่อนที่เคราะห์แห่งยุคสมัยจะมาเยือน สิ่งที่ระดับนิรันดร์ในโลกหวาดกลัวที่สุดคือเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพที่มาเยือนได้ตลอดเวลาอย่างไม่ต้องสงสัย!
ก็เพราะเช่นนี้เผ่าเทพนิรันดร์น่านฟ้าที่เก้าถึงได้ไม่สนใจเรื่องอื่น ทำเพียงเตรียมความพร้อมเพื่อสลายเคราะห์นี้อย่างเต็มความสามารถ
ขณะเดียวกันแหล่งสถานคุนหลุนก็กลายเป็นศูนย์รวมยอดคนไปแล้ว
เพราะมีเพียงการอยู่ในแหล่งสถานคุนหลุน จึงจะมีโอกาสไปแหล่งสถานอัศจรรย์ หลบเลี่ยงการคุกคามที่มาจากเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพ
ตอนนี้รูปจำลองเจตจำนงของเจ้าแห่งคีรีดวงกมล จักจั่นทอง คงเจวี๋ย รวมถึงพวกไท่เสวียน เหยียนจี้ โหยวเป่ยไห่ของลัทธิแรกกำเนิดล้วนมุ่งหน้าไปแหล่งสถานคุนหลุนแล้ว
อีกไม่นานพวกผู้สืบทอดคีรีดวงกมลก็จะไปถึงที่นั่นเช่นกัน
หากหลินสวินเดาไม่ผิด ลัทธิพ่อมด ลัทธิฌานก็คงกำลังเตรียมตัวในแบบเดียวกัน
‘ล่าช้าอีกไม่ได้แล้ว…’
ครู่ใหญ่หลินสวินสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง ทำการตัดสินใจ
……
หลังจากนั้นหลินสวินเปลี่ยนเป็นยุ่งง่วน
ยุ่งจนถึงขั้นต้องใช้กายมรรคทั้งห้าออกเคลื่อนไหวพร้อมกับร่างต้น ถึงจะสามารถจัดการเรื่องราวต่างๆ ไปพลางระหว่างที่ฝึกปราณไปด้วยได้
กายมรรคเพลิงแดงของเขานำเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งจากไปเงียบๆ มุ่งหน้าไปน่านฟ้าที่หก
กายมรรคไม้เขียวกำลังถ่ายทอดวิชาให้ถังเจียง
กายมรรคทองขาวมุ่งหน้าไปเขาตำราของหอแรกมายา ในเขาตำรามีตำราเก่าแก่มากมาย ในนั้นมีตำราที่เกี่ยวข้องกับเคราะห์แห่งยุคสมัย
กายมรรควารีดำไปเยี่ยมเยียนฟางเต้าผิง
การกวาดล้างสิบยักษ์ใหญ่อมตะครั้งนี้ ทำให้เขากวาดทรัพยากรฝึกปราณและความมั่งคั่งที่สิบยักษ์ใหญ่อมตะสั่งสมมาในกาลเวลาไร้สิ้นสุดมาด้วย
หลังจากคัดแยกแล้ว หลินสวินรวบรวมทรัพยากรฝึกปราณที่ไม่ได้ใช้และมอบให้ฟางเต้าผิงจัดการ เช่นนี้ก็สามารถทำให้ทั้งบนล่างของลัทธิแรกกำเนิดได้ประโยชน์แล้ว
ถึงอย่างไรความมั่งคั่งของยักษ์ใหญ่อมตะตระกูลหนึ่งล้วนสามารถทำให้ขุมอำนาจทั่วหล้าบ้าคลั่งได้ นับประสาอะไรกับความมั่งคั่งของยักษ์ใหญ่อมตะทั้งหมด
ส่วนกายมรรคดินเหลืองช่วยร่างต้นหลอมพลังระเบียบที่รวบรวมมาได้
ในสิบยักษ์ใหญ่อมตะ มีห้าตระกูลที่ครอบครองระเบียบระดับสวรรค์ขั้นเก้าที่หายาก อีกห้าตระกูลที่ครอบครองเพียงระเบียบระดับสวรรค์ขั้นเก้า
แต่ยักษ์ใหญ่อมตะอย่างตระกูลหวัง ตระกูลฝู นอกจากครอบครองระเบียบระดับสวรรค์ขั้นเก้าที่หายากแล้ว ยังมีระเบียบระดับสวรรค์ขั้นเก้าอยู่เป็นจำนวนมากด้วย
ส่วนพวกยักษ์ใหญ่อมตะที่ครอบครองระเบียบระดับสวรรค์ขั้นเก้าอย่างตระกูลจ้ง ตระกูลจิง จำนวนระเบียบระดับสวรรค์ที่ครอบครองก็มีเยอะมากเช่นกัน
หลินสวินตรวจนับแล้ว นอกจากระเบียบระดับสวรรค์ที่หายากห้าสาย เพียงแค่ระเบียบระดับสวรรค์ขั้นเก้าเก็บมาจากสิบยักษ์ใหญ่อมตะก็มากถึงแปดสิบเก้าสายแล้ว!
เฉลี่ยดูแล้วเท่ากับยักษ์ใหญ่อมตะแต่ละตระกูลจะมีระเบียบระดับสวรรค์ขั้นเก้าแปดถึงเก้าสาย!
จากเรื่องนี้จะเห็นได้ว่ารากฐานของสิบยักษ์ใหญ่อมตะหนาแน่นแค่ไหน
อย่างในน่านฟ้าที่เจ็ดก็มีเผ่าจักรพรรดิอมตะไม่น้อยครอบครองระเบียบระดับสวรรค์ขั้นเก้า แต่ถ้าพูดถึงรากฐานพลัง กลับไม่สามารถเทียบกับยักษ์ใหญ่อมตะอย่างพวกตระกูลจิง ตระกูลจ้งได้
เหตุผลเพราะยักษ์ใหญ่อมตะอย่างตระกูลจิง ตระกูลจ้ง ไม่เพียงแค่ครอบครองระเบียบระดับสวรรค์ขั้นเก้าจำนวนมาก จุดสำคัญที่สุดก็อยู่ที่เบื้องหลังพวกเขาล้วนมีเผ่าเทพนิรันดร์หนุนอยู่!
นี่จึงจะรากฐานะที่ทำให้พวกเขาสามารถยืนตระหง่านในน่านฟ้าที่แปด เหยียดมองทั่วหล้าได้
ระเบียบระดับสวรรค์ขั้นเก้าแปดสิบเก้าสายนั่น หลินสวินเก็บไว้ยี่สิบสาย ที่เหลือล้วนถูกกายมรรควารีดำนำไปให้ฟางเต้าผิงจัดการ
และตอนนี้หลินสวินตัดสินใจหลอมระเบียบระดับสวรรค์ขั้นเก้าที่หายากห้าสายนี้ทั้งหมด!
พวกมันแบ่งเป็นต้นตัดมรรคของตระกูลหวัง ทะเลสาบเทพสี่วิญญาณของตระกูลฝู ห้วงอากาศเก้ากระบวนแปรของตระกูลหวง เพลิงพิสุทธิ์ของตระกูลจงหลี น้ำแท้แปรจุติของตระกูลฉี
ระเบียบระดับสวรรค์ที่หายากห้าชนิด ล้วนมีวิญญาณระเบียบ
ถ้าเป็นเมื่อก่อนหลินสวินไม่มีทางหลอมสมบัติล้ำค่าที่หายากเหล่านี้แน่ แต่ตอนนี้เขาไม่สนใจแล้ว
อันที่จริงพลังของระเบียบนิพพานสองส่วนที่เหลือเป็นต้นกำเนิดแกนหลัก ยามหลอมจึงเปลืองแรงอย่างที่สุด ความก้าวหน้าก็ช้ามาก
อิงตามการคาดเดาของหลินสวิน แม้ร่างต้นและห้ากายมรรคของเขาหลอมเต็มกำลังด้วยกัน เกรงว่าก็ยังไม่อาจหลอมได้หมดสิ้นในเวลาสามปีห้าปี
ดังนั้นหลินสวินจึงตัดสินใจหลอมพลังระเบียบที่หายากทั้งห้าสาย เช่นนี้พลังกฎเกณฑ์อมตะของตนก็จะพัฒนาขึ้นอย่างมาก ยามหลอมระเบียบนิพพานย่อมให้ผลลัพธ์ที่ดียิ่งกว่า
ฮูม…
คลื่นระเบียบเจิดจ้าระลอกหนึ่งไหลเคลื่อน ต้นตัดมรรค พลังระของตระกูลหวังถูกหลินสวินนำมาให้กายมรรคดินเหลืองหลอม
ส่วนร่างต้นของเขานำทะเลสาบเทพสี่วิญญาณพลังระเบียบของตระกูลฝูออกมาหลอม
……
สามวันหลังจากนั้น
กายมรรคเพลิงแดงของหลินสวินพาลั่วชิงสวิน หลินเหวินจิ้ง ลู่ป๋อหยาและคนตระกูลลั่วทุกคนกลับมาลัทธิแรกกำเนิด
แน่นอนว่ายังมีเผิงเทียนเสียงรวมถึงคนตระกูลเผิง
วันนั้นร่างต้นของหลินสวินออกด่าน รวมตัวกับญาติมิตร ดื่มเหล้าพูดคุยกันอย่างมีความสุข
และตั้งแต่วันนี้ไป ตระกูลลั่วและตระกูลเผิงก็ถูกจัดให้ลงหลักปักฐานที่แดนแรกเริ่ม ทำให้หลินสวินจัดการเรื่องกังวลไปได้อีกหนึ่งเรื่อง
หลังจากกายมรรคเพลิงแดงกลับมา ก็ช่วยร่างต้นของหลินสวินหลอมพลังระเบียบพร้อมกับกายมรรคดินเหลือง
นอกจากกายมรรคไม้เขียวที่กำลังถ่ายทอดวิชาให้ถังเจียง เรื่องจุกจิกอื่นๆ ล้วนให้กายมรรควารีดำและทองขาวจัดการ
เวลาครึ่งปีผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ครึ่งปีนี้ในลัทธิแรกกำเนิดเกิดการเปลี่ยนแปลงมากมาย
ในบรรดาศิษย์เก้ายอดเขา คนที่ก้าวสู่มรรคาอมตะผุดขึ้นราวกับหน่อไม้หลังฝน และผู้แข็งแกร่งขั้นอายุขัยเทียมฟ้าก็ล้วนก้าวสู่ขั้นดับเทพ…
ที่น่าดีใจคือมีคนเก่าแก่ที่อยู่ในขั้นดับเทพสัมบูรณ์จำนวนหนึ่งก้าวสู่ขั้นหลุดพ้น
เหตุผลเพราะในครึ่งปีนี้ฟางเต้าผิงทุ่มทรัพย์สมบัติที่หลินสวินได้มาจากสิบยักษ์ใหญ่อมตะไปมากมาย เมื่อมีทรัพยากรฝึกปราณที่เพียงพอ บรรดาผู้แข็งแกร่งลัทธิแรกกำเนิดไม่อยากทะลวงขั้นยังยาก
การเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ทำให้พวกเสวียนเฟยหลิง ตู๋กูยง ฟางเต้าผิงอดยินดีไม่ได้
แน่นอนว่าพวกเขารู้ดีว่าที่ลัทธิแรกกำเนิดสามารถเกิดการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ได้ในเวลาสั้นๆ ย่อมเป็นความชอบของหลินสวิน!
เวลาเดียวกันในถ้ำสถิต
พลังขับเคลื่อนพลุ่งพล่านไปทั่วร่างต้นของหลินสวิน ด้านหลังมีวงแหวนเทพอมตะลอยอยู่ ราวกับภาพลึกลับปานดอกบัว ยามหมุนวนช้าๆ ก็สะท้อนภาพเร้นลับดั่งวัฏจักรเกิดตาย
ราวกับว่าในลวดลายดอกบัวนั่นเป็นโลกวัฏจักรแห่งหนึ่ง การเกิดและตายอิงแอบอยู่ภายใน สำแดงการนิพพานและเกิดใหม่ กลิ่นอายเร้นลับคลุมเครือ
แต่เมื่อหลินสวินเก็บพลังขับเคลื่อนรอบกายลงไป ปรากฏการณ์ประหลาดทุกอย่างก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยทันที
‘หลังจากนี้ก็ควรหลอมพลังระเบียบนิพพานสองส่วนที่เหลือนี้แล้ว!’
หลินสวินถอนหายใจยาว
ใช้เวลาครึ่งปีเขาถึงหลอมพลังระเบียบระดับสวรรค์ขั้นเก้าที่หายากห้าสายได้ทั้งหมด หลอมรวมเข้าไปในกฎเกณฑ์อมตะของตน ทำให้กฎเกณฑ์อมตะเกิดการแปรสภาพ อานุภาพเหนือกว่าก่อนหน้านี้มาก
หากไม่ใช่เพราะพลังแกนหลักของระเบียบนิพพาน กฎเกณฑ์อมตะของเขาก็ไม่ต่างอะไรกับระเบียบนิพพานที่แท้จริงแล้ว!
‘หลังจากนี้ยังต้องหลอมเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งให้ยกระดับขึ้นอีกขั้นด้วย’
หลินสวินใคร่ครวญ
อานุภาพของเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งในตอนนี้แข็งแกร่งไร้ที่เปรียบแล้ว เหนือกว่าศาสตรามรรคอมตะทั่วไป แต่สำหรับหลินสวิน ยังมีช่องว่างให้พัฒนาอีกมาก
อีกทั้งตอนนั้นเขาได้เจตวัตถุและวัตถุดิบนับไม่ถ้วนจากสิบยักษ์ใหญ่อมตะ แค่ของพวกนี้ก็สามารถยกระดับอานุภาพของเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งขึ้นอีกช่วงใหญ่แล้ว
“อาจารย์!”
เสียงหนึ่งดังขึ้นจากนอกถ้ำสถิต จากนั้นเงาร่างของศิษย์ถังเจียงก็พุ่งมา พูดด้วยน้ำเสียงดีใจ “ศิษย์แจ้งมรรคมกุฎจักรพรรดิแล้ว!”
หลินสวินยิ้มพูด “ไม่เลวๆ”
ผ่านการถ่ายทอดและชี้แนะมาตลอดครึ่งปี ถังเจียงที่เดิมก็มีพลังระดับกึ่งจักรพรรดิขั้นสัมบูรณ์แล้ว สามารถแจ้งมรรคมกุฎจักรพรรดิในวันนี้ไม่ได้ทำให้หลินสวินประหลาดใจนัก
“ก้าวสู่ระดับนี้ หนทางในอนาคตเจ้าจะต้องเสาะแสวงเองแล้ว สิ่งที่ข้าสามารถชี้แนะให้เจ้าได้ มีเพียงใจความการฝึกปราณบนมรรคาจักรพรรดิ เจ้าสามารถอ้างอิงได้ แต่จะทำตามทั้งหมดไม่ได้เด็ดขาด ไม่เช่นนั้นกลับจะเป็นผลเสียต่อมรรคาของเจ้า”
หลินสวินเอ่ยกำชับ
ถังเจียงพยักหน้าแรงๆ
“ไปเถอะ เพิ่งทะลวงระดับ ทำให้ระดับมั่นคงซะ ตั้งแต่วันนี้ไปเจ้าไปฝึกในหอแรกนภา เส้นทางฝึกปราณมีเพียงการฝึกฝนเคี่ยวกรำจึงจะรู้ข้อบกพร่องและแก้ไขให้ดีกว่าเดิมได้”
หลินสวินกล่าว
“อาจารย์…”
ในใจถังเจียงเกิดความอาลัยอาวรณ์ขึ้นมาทันที
ในครึ่งปีนี้นางอยู่ข้างกายหลินสวินมาโดยตลอด โดยมีกายมรรคไม้เขียวชี้แนะการฝึกปราณอยู่ทุกคืนวัน ยามว่างยังได้ลิ้มรสอาหารเลิศรสที่หลินสวินปรุง ในใจนางจึงมองหลินสวินเป็นเหมือนพ่อคนหนึ่งนานแล้ว แน่นอนว่าย่อมทำใจจากไปไม่ได้
“ใช่ว่าจะไม่ได้เจอข้าอีก เหตุใดต้องทำท่าทางเช่นนี้”
หลินสวินยิ้ม “นกเมื่อเติบโตย่อมต้องกางปีกโบยบินอยู่บนฟ้ากว้าง เจ้าในตอนนี้แม้มีมรรควิถีระดับมกุฎจักรพรรดิแล้ว แต่ข้อบกพร่องในตัวก็ชัดเจนมาก นั่นก็คือขาดการเคี่ยวกรำทางโลก ภายหน้าไปรับภารกิจของสำนัก เก็บประสบการณ์ให้มากย่อมมีแต่ประโยชน์ไม่เป็นโทษต่อเจ้า”
“อืม เช่นนั้นต่อไปข้าจะมาเยี่ยมอาจาย์บ่อยๆ”
ถังเจียงสูดหายใจลึกคราหนึ่ง เอ่ยพูดอย่างจริงจัง
มองเงาร่างของถังเจียงจากไป หลินสวินอดนึกถึงซูไป๋ ศิษย์ที่ตนรับยามอยู่ในดินแดนรกร้างโบราณไม่ได้ ก็ไม่รู้ว่าตอนนี้ศิษย์คนนี้จะฝึกปราณถึงระดับใดแล้ว…
‘รอหลอมระเบียบนิพพานได้ทั้งหมดแล้วก็จะออกเดินทางไปทางเดินโบราณฟ้าดาราทันที’
หลินสวินตัดสินใจอย่างเด็ดขาด
ตั้งแต่วันนี้หลินสวินปิดด่านอีกครั้ง แทบจะทุ่มเททุกอย่างกับการหลอมระเบียบนิพพาน เวลาผ่านไปโดยไม่รู้ตัว
ซย่าจื้ออยู่เคียงข้างหลินสวินมาโดยตลอด ต่อให้ไม่ได้คุยกับหลินสวินนานมาก ต่อให้ต้องอยู่ในถ้ำสถิตโดยตลอด นางก็คล้ายไม่รู้สึกเบื่อสักนิด
ในหลายปีนี้นางเป็นเช่นนี้มาโดยตลอด
ในใจมีเพียงหลินสวินคนเดียว