ตอนที่ 2975 ความเดือดดาลของเสวียนเยวี่ย

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ตอนที่ 2975 ความเดือดดาลของเสวียนเยวี่ย

ตระกูลจินเทียน

โถงใหญ่ของตระกูล

ผู้อาวุโสใหญ่จินเทียนอู่หงพาเหล่าบุคคลสำคัญมายืนพร้อมหน้าครัดเคร่ง

บนที่นั่งประธานตรงกลางมีชายชุดขาวรูปงามเหมือนเด็กหนุ่มคนหนึ่งนั่งอยู่ ยามลืมตาประกายอสนีหมุนวน อานุภาพชวนประหวั่นอบอวลในอากาศ ทำให้ทุกคนในโถงใหญ่อกสั่นขวัญแขวน

ฟางเซียวอวิ๋น!

ผู้อาวุโสชั้นสูงของเรือนกระบี่ต้าเหิง ระดับอมตะคนหนึ่งที่ก้าวสู่ขั้นอายุขัยเทียมฟ้า!

แม้ตัวคนเดียวแต่อานุภาพนั้นกลับบีบกดจนเหล่าบุคคลสำคัญตระกูลจินเทียนในที่นั้นพากันก้มหัว

“เลือกยอมจำนนก็ต้องมีท่าทีสวามิภักดิ์ ข้าได้ยินว่าในตระกูลพวกเจ้ามีคนกลุ่มหนึ่งไม่ยอมจำนน ต้องการสู้กับเรือนกระบี่ต้าเหิงของข้าจนถึงที่สุด ไม่รู้ว่าปัจจุบันคนพวกนี้ยังอยู่ไหม”

บนตำแหน่งประธานตรงกลาง ฟางเซียวอวิ๋นเอ่ยราบเรียบ

ประโยคเดียวทำให้พวกจินเทียนอู่หงต่างหน้าเปลี่ยนสี ตระหนักได้ว่าท่าไม่ดี

“เรียนผู้อาวุโส นักโทษพวกนั้นล้วนถูกคุมตัวแล้ว กักขังไว้ในเขตผนึกของตระกูล ไม่มีทางสร้างคลื่นลมได้อีก ผู้อาวุโสโปรดวางใจ ตั้งแต่วันนี้ไปตระกูลจินเทียนของข้าย่อมฟังคำสั่งของเรือนกระบี่ต้าเหิง ปฏิบัติตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด”

“ปฏิบัติตามคำสั่งอย่างเคร่งครัดย่อมดียิ่ง!”

ฟางเซียวอวิ๋นปรบมือยิ้มกล่าว “ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ตอนนี้เจ้าจงไปพาตัวนักโทษพวกนั้นมา”

จินเทียนอู่หงใจหล่นวูบ เขาสัมผัสได้รางๆ ว่าฟางเซียวอวิ๋นคิดจะทำอะไร

“ทำไม เมื่อครู่ยังบอกว่าปฏิบัติตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด ตอนนี้กลับลังเลแล้วหรือ”

ฟางเซียวอวิ๋นขมวดคิ้ว อานุภาพน่าหวาดกลัวแผ่กระจาย ทำให้จินเทียนอู่หงขนพองสยองเกล้า เกือบจะหายใจไม่ออก

เขาไม่กล้าลังเลอีก กัดฟันกล่าว “เด็กๆ ไปพาตัวนักโทษพวกนั้นมา!”

“ขอรับ!”

มีคนจากไปอย่างรีบเร่งทันที

ไม่นานบุคคลสำคัญซึ่งถูกจับตัวไว้สิบกว่าคน นำโดยผู้นำตระกูลจินเทียนจิ้งหย่วนก็ถูกพาตัวมา ปรากฏตัวตรงหน้าฟางเซียวอวิ๋น

จินเทียนอู่หงตวาดลั่น “พวกเจ้ารีบคุกเข่าโดยเร็ว สำนึกผิดต่อผู้อาวุโสฟาง บางทีอาจเห็นแก่ที่พวกเจ้ากลับเนื้อกลับตัวยังพอรักษาชีวิตไว้ได้”

“ถุย!”

มีคนถ่มน้ำลายอย่างดูถูก

“จินเทียนอู่หง คนทรยศเกลือเป็นหนอนอย่างเจ้าต้องเหม็นโฉ่หมื่นปีแน่!”

มีคนก่นด่าสาปแช่ง

“จะฆ่าจะแกงก็แล้วแต่เจ้า แต่หากคิดให้พวกเรายอมจำนน ไม่มีทาง!”

มีคนสีหน้าราบเรียบ มองความตายเป็นเรื่องธรรมดา

พวกจินเทียนอู่หงทั้งร้อนรนทั้งเดือดดาล พวกหน้าโง่ นี่มันเวลาไหนแล้วยังเอ็ดตะโรเช่นนี้อีก ไม่อยากอยู่แล้วหรือ

“เป็นพวกเอาเรื่องดังคาด”

บนตำแหน่งประธานตรงกลาง แววตาฟางเซียวอวิ๋นดุจอสนี กล่าวอย่างเฉยชา “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เก็บไว้ก็ไม่มีประโยชน์ จินเทียนอู่หง”

“ขอรับ”

จินเทียนอู่หงก้มหน้ากล่าว

ฟางเซียวอวิ๋นกล่าวด้วยสีหน้าเย็นชา “ในเมื่อพวกเจ้าเลือกยอมจำนนแล้ว ตอนนี้ข้าจะให้โอกาสพวกเจ้าแสดงความจงรักภักดี พวกเจ้าก้าวมาข้างหน้าทุกคน แยกกันสังหารนักโทษของตระกูลหนึ่งคน หลังจากทุกอย่างเสร็จสิ้น ชีวิตของพวกเจ้าทั้งตระกูลจินเทียนจะได้รับการคุ้มครองจากข้าเรือนกระบี่ต้าเหิง ไต่เต้าจนประสบความสำเร็จ นับวันคอยได้เลย”

พวกจินเทียนอู่หงล้วนอึ้งงันราวกับถูกฟ้าผ่า ให้พวกเขาลงมือฆ่าคนในตระกูลด้วยตัวเอง!?

คำสั่งนี้เหี้ยมโหดและอำมหิตเกินไปโดยไม่ต้องสงสัย!

หากทำเช่นนี้จริง ภายหน้าพวกเขาต้องแบกชื่อเสียชั่วนิรันดร์ว่าฆ่าคนร่วมตระกูล ภายหน้าทุกคนในตระกูลจินเทียนล้วนต้องทิ่มแทงพวกเขาลับหลังแน่!

พวกเขาสีหน้าปรวนแปรไม่หยุดทันที ในใจดิ้นรน ทรมานหาใดเปรียบ

“ดูสิ นี่ก็คือค่าตอบแทนที่ผู้เป็นสุนัขต้องจ่าย น่าเศร้าเพียงใด น่าอดสูระดับใด!”

ผู้นำตระกูลจินเทียนจิ้งหย่วนหน้าเขียว เอ่ยปากเย็นชา

“เจ้าหุบปาก!”

ดวงตาจินเทียนอู่หงคั่งโลหิต กล่าวเสียงแหบพร่า “หากไม่ใช่ว่าเจ้าคอยต่อต้านไม่ยอมจำนน ไหนเลยจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น จำไว้ ต่อให้ฆ่าพวกเจ้าตอนนี้ก็เพื่อรักษาตระกูลจินเทียนไว้ ต่อให้ข้าต้องแบกรับชื่อเสียหายก็ยินยอม!”

ฟางเซียวอวิ๋นกล่าวราบเรียบ “ต่อให้พูดจาน่าฟังแค่ไหนก็ไม่สู้ลงมือทำ ความอดทนของข้ามีจำกัด ให้เวลาพวกเจ้าแค่สิบลมหายใจ”

สิบลมหายใจ!

จินเทียนอู่หงและเหล่าบุคคลสำคัญแต่ละคนลมหายใจหอบหนัก นัยน์ตาแดงก่ำ เจือไอสังหารราวกับคลุ้มคลั่งรางๆ

“ทุกท่าน อย่าโทษพวกเราเลย พวกเรา… ทำเพื่อรักษาตระกูลจินเทียน!”

ชายชราผมขาวคนหนึ่งส่งเสียงคำราม พุ่งทะยานไปข้างหน้าทันที ซัดฝ่ามือใส่คนในตระกูลคนหนึ่ง

ปัง!

ร่างของคนในตระกูลผู้นี้ถูกเผาสลายไปทันที

ชายชราผมขาวหอบหายใจเฮือกใหญ่ วิญญาณเหมือนหลุดลอย ฆ่าคนในตระกูลที่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับตนด้วยตัวเอง รสชาตินั้นมีหรือจะรู้สึกดี

“เยี่ยม!”

ฟางเซียวอวิ๋นปรบมือยิ้มร่า “ผู้รู้สถานการณ์คือผู้มีปัญญาเลิศ คิดจะอยู่รอดก็ต้องทำเช่นนี้ ทำต่อสิ!”

มีชายชราผมขาวนำหน้า คนอื่นต่างไม่ลังเลอีก ดวงตาล้วนแดงก่ำ พุ่งเข้าไปด้วยสีหน้าเหี้ยมเกรียม

แม้แต่จินเทียนอู่หงก็ก้าวไปข้างหน้า คิดลงมือกับผู้นำตระกูลจินเทียนจิ้งหย่วน

ทันใดนั้น…

เสียงเยียบเย็นเดือดดาลหนึ่งดังขึ้น “หยุดนะ!”

ตูม

ที่มาพร้อมกับเสียงนั้นคืออานุภาพชวนประหวั่นที่ม้วนพัดมาดั่งพายุ กระแทกตัวพวกจินเทียนอู่หง ทำให้พวกเขากระเด็นออกไปอย่างหนักหน่วง บ้างลอยไปติดผนัง บ้างกระแทกเสาหิน ล้มกองระเนระนาด

ฟางเซียวอวิ๋นที่นั่งบนตำแหน่งประธานตรงกลางนัยน์ตาหดรัด ผุดลุกขึ้นทันที

ก็เห็นเงาร่างงามพุ่งมาจากนอกโถง อาภรณ์ขาวกว่าหิมะ เอวคาดเข็มขัดทอง งามผุดผ่องดั่งเซียนก้าวออกมาจากภาพวาด มีเพียงนัยน์ตาคู่งามที่เต็มไปด้วยเพลิงโทสะ

“เสวียนเยวี่ย?”

จินเทียนจิ้งหย่วนที่เดิมคิดว่าต้องตายอย่างไร้ข้อกังขา เมื่อเห็นผู้มาเยือนชัดเจนก็ร้องเสียงหลงออกมาอย่างอดไม่ได้ สีหน้าเต็มไปด้วยความยากจะเชื่อ

ผู้มาเยือนคือจินเทียนเสวียนเยวี่ย หรือก็คือบุตรสาวของเขาจินเทียนจิ้งหย่วน!

“ท่านพ่อ ข้า… กลับมาแล้ว…”

จินเทียนเสวียนเยวี่ยขอบตาเรื่อแดง ในใจทั้งตื่นเต้นทั้งเคียดแค้น ครั้งนี้หากมาช้าไปก้าวหนึ่ง เกรงว่าสิ่งที่เห็นคงเป็นร่างไร้วิญญาณของบิดา

“เสวียนเยวี่ย เจ้ากลับมาแล้ว”

จินเทียนอู่หงที่ล้มลงกับพื้นหยัดร่างขึ้นมา หน้าตาตกตะลึง ไม่อาจจินตนาการว่าตอนนี้จินเทียนเสวียนเยวี่ยอาศัยเพียงอานุภาพ เฒ่าชราอย่างพวกเขาก็ถูกกระแทกกระเด็นออกไป

“นี่ก็เป็นคนตระกูลจินเทียนของพวกเจ้าหรือ” ฟางเซียวอวิ๋นเอ่ยถาม

“ไม่ผิด”

จินเทียนอู่หงตอบตามจิตใต้สำนึก

“เสวียนเยวี่ยหนีไป เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเรือนกระบี่ต้าเหิง อย่าเข้ามาแทรกแซง!” จินเทียนจิ้งหย่วนหน้าเปลี่ยนสีตวาดลั่น

เขามีหรือจะดูไม่ออก ตอนนี้จินเทียนเสวียนเยวี่ยเปลี่ยนเป็นแข็งแกร่งหาใดเปรียบแล้ว แต่เขารู้ดีว่าอิทธิพลของเรือนกระบี่ต้าเหิงน่ากลัวเพียงใด!

ในฐานะบิดา เขาไม่อยากเห็นจินเทียนเสวียนเยวี่ยเอาชีวิตไปแลกกับเรือนกระบี่ต้าเหิง!

ตราบใดที่ขุนเขายังขจี ภายหน้าย่อมมีเวลาแก้แค้น ตอนนี้หากสู้สุดชีวิต เป็นตายยากคาดเดา!

“เหอะๆ คิดหนีเกรงว่าคงไม่ง่ายดายขนาดนั้น หรือกล่าวได้ว่าวันนี้หากผู้หญิงคนนี้กล้าจากไป คนตระกูลจินเทียนทั้งบนล่างต้องตายอย่างไร้ข้อกังขา”

จินเทียนอู่หงรีบกล่าว “เสวียนเยวี่ยได้ยินหรือไม่ ขอเพียงเจ้ายอมจำนน พวกบิดาของเจ้าก็จะมีชีวิตรอด!”

“เสวียนเยวี่ย ชีวิตของคนทั้งตระกูลขึ้นอยู่กับเจ้าแล้ว!”

“เสวียนเยวี่ย เจ้าต้องถือส่วนรวมเป็นหลัก ภายหน้าตระกูลจินเทียนอาจมีเจ้าเป็นผู้นำ”

คนอื่นพากันเอ่ยปากเช่นกัน

จินเทียนเสวียนเยวี่ยโกรธจนตัวสั่น ความน่าเกลียดของคนในตระกูลพวกนี้ทำให้นางแทบควบคุมไอสังหารในใจไม่อยู่

“รอข้าจัดการคนผู้นี้แล้วค่อยคิดบัญชีกับพวกเจ้า!”

จินเทียนเสวียนเยวี่ยสูดหายใจเข้าลึกๆ นัยน์ตากระจ่างเยียบเย็น จับจ้องฟางเซียวอวิ๋นที่อยู่ห่างไป “วางใจเถอะ ข้าจะไม่ให้เจ้าตายง่ายขนาดนั้น”

ชิ้ง!

กระบี่มรรคเล่มหนึ่งพุ่งออกมา ฟันใส่ฟางเซียวอวิ๋นทันที

เดิมทีฟางเซียวอวิ๋นไม่เกรงกลัวสิ่งใด คิดเอาเองว่ากุมชีวิตของคนตระกูลจินเทียนทั้งหมดแล้วจะข่มขู่จินเทียนเสวียนเยวี่ยได้

แต่กลับคิดไม่ถึงว่าจินเทียนเสวียนเยวี่ยจะลงมือโดยตรง!

ฟุ่บ!

เมื่อกระบี่นี้ฟันมา เฒ่าดึกดำบรรพ์ที่มีชีวิตอยู่มาไม่รู้กี่กาลเวลาอย่างฟางเซียวอวิ๋นพลันรู้สึกใจสั่น รู้สึกถึงอันตรายอย่างเด่นชัด

เขาพลันหน้าเปลี่ยนสี หลีกหลบทันที

ตูม!

แต่พริบตาต่อมาร่างเขาก็ถูกกำราบติดพื้นทั้งอย่างนั้น กระแทกจนพื้นแตก ร่างเกร็งกระตุกไปทั้งตัว กระบี่มรรคเล่มนั้นราวกับภูเขาเทพหมื่นกาล กดทับจนร่างเขาแทบแตกออก ไม่อาจขยับเขยื้อน

“เป็นไปได้อย่างไร…”

ฟางเซียวอวิ๋นร้องเสียงหลง นัยน์ตาเบิกโต กระบี่เดียวก็กำราบเขาได้แล้ว ตระกูลจินเทียนเล็กๆ นี่มีผู้หญิงแกร่งกล้าเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่

พวกจินเทียนอู่หงต่างอึ้งงัน ตะลึงตาค้าง ทั้งตัวล้วนรู้สึกมึนงง กระบี่เดียวกำราบระดับอมตะที่น่ากลัวถึงขั้นทำให้ผู้คนไม่กล้าไปลบหลู่หรือ

แรงโจมตีที่นำพามาให้พวกเขานี้มากเกินไปแล้ว!

แม้แต่พวกจินเทียนจิ้งหย่วนก็ถูกภาพนี้ทำให้ตกตะลึง แต่ละคนพูดไม่ออก

ต่อให้ผ่าสมองออกมาพวกเขาก็คิดไม่ถึง เพิ่งผ่านไปร้อยกว่าปีเท่านั้น จินเทียนเสวียนเยวี่ยที่ตัดความสัมพันธ์กับตระกูลเมื่อตอนนั้น ปัจจุบันกลับแข็งแกร่งถึงขั้นนี้แล้ว

โถงใหญ่เงียบสงัดไร้สุ้มเสียง

ฟางเซียวอวิ๋นกล่าวข่มขู่ด้วยเสียงแหบพร่า “เจ้าทำเช่นนี้มีแต่ทำลายตระกูลจินเทียนของพวกเจ้า ต่อให้เจ้าแข็งแกร่งแค่ไหน มีหรือจะต้านกำลังพลของเรือนกระบี่ต้าเหิงของข้าได้”

ประโยคเดียวทำให้พวกจินเทียนจิ้งหย่วนใจสะท้าน

ก็เป็นตอนนี้นอกโถงใหญ่มีเสียงหัวเราะเย้ยหยันเสียงหนึ่งดังขึ้น “เรือนกระบี่ต้าเหิงบ้าบออะไรกัน กล้าข่มขู่น้องเสวียนเยวี่ยของข้า ช่าง… ไม่รู้เรื่องรู้ราวเลยไม่หวั่นกลัวจริงๆ”

ก็เห็นเงาร่างของหลินสวิน เสวียนจิ่วอิ้น ซย่าจื้อทยอยก้าวเข้ามา ผู้เอ่ยปากคือเสวียนจิ่วอิ้น

เขาสองมือไพล่หลัง มาถึงตรงหน้าฟางเซียวอวิ๋นที่ถูกกำราบลงกับพื้นแล้วกล่าวอย่างเวทนา “จะบอกเจ้าให้ว่าตอนนี้ทุกคนในเรือนกระบี่ต้าเหิงที่อยู่ห่างออกไปหมื่นลี้ล้วนถูกสังหารหมด ไม่มีใครรอดชีวิต ตอนนี้เจ้าคิดว่าเจ้ายังมีโอกาสรอดชีวิตไหม”

“เป็นไปไม่ได้!” สีหน้าของฟางเซียวอวิ๋นเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง

“เอ้า เจ้าดูเองแล้วกัน”

เสวียนจิ่วอิ้นยื่นมือบีบม้วนหยกเล่มหนึ่งจนแหลก เงาแสงไหลวนเกิดเป็นจอภาพ

ในจอภาพเผยเงาร่างผู้ฝึกปราณแน่นขนัดยืนกลางอากาศอย่างมืดฟ้ามัวดิน มีมากถึงหลายพันคน กระบวนรบแข็งแกร่งหาใดเปรียบ

คนพวกนี้คือกำลังพลของเรือนกระบี่ต้าเหิงที่อยู่ห่างออกไปหมื่นลี้

ทว่า…

เมื่อเงาร่างหลินสวินปรากฏตัว สะบัดแขนเสื้อง่ายๆ คราเดียว ผู้แข็งแกร่งของเรือนกระบี่ต้าเหิงหลายพันนั้นล้วนถูกถล่มราวเจอพายุเคราะห์สวรรค์ ไม่ว่าจะเป็นระดับอมตะขั้นอายุขัยเทียมฟ้าที่แข็งแกร่งหรือบรรพจารย์ขั้นเก้าทั่วไปพวกนั้น ทุกคนล้วนวิญญาณแตกซ่านในพริบตา

แม้แต่ฟ้าดินแถบนั้นยังถูกลบหายไปจากโลก พังพินาศราบคาบ!

เหตุการณ์ที่เรียกได้ว่าสะเทือนใต้หล้านี้เหมือนค้อนหนักฟาดใส่ความหวังว่าจะมีโชคช่วยในใจของฟางเซียวอวิ๋นจนละเอียด ทั้งตัวมีความรู้สึกว่าจะพังทลาย

พวกจินเทียนอู่หงล้วนงุนงงไปหมด อกสั่นขวัญหาย

ผู้แข็งแกร่งของเรือนกระบี่ต้าเหิงที่ถูกพวกเขามองว่าไม่อาจต้าน ถึงกับถูกกำจัดอย่างง่ายดายเช่นนี้

เวลานี้พวกจินเทียนจิ้งหย่วนล้วนจำหลินสวินที่ลงมือกำจัดทัพใหญ่ของเรือนกระบี่ต้าเหิงได้แล้ว แต่ละคนอารมณ์ไหวหวั่นโหมซัด สูญเสียการควบคุมอย่างสมบูรณ์

พวกเขามีหรือจะลืม ปีนั้นด้วยห่วงว่าจะเดือดร้อนเพราะหลินสวิน พวกเขาตระกูลจินเทียนถึงเลือกขีดเส้นความสัมพันธ์กับจินเทียนเสวียนเยวี่ยอย่างเด็ดขาด

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน