แดนฝังมรรค
โลกที่ลึกลับหาใดเปรียบ
ตามที่ศิษย์พี่สี่หลิงเสวียนจื่อพูด ถ้าเป็นเมื่อก่อนที่แห่งนี้พลังชีวิตแห้งเหือด สรรพสิ่งไม่คงอยู่ ไม่ต่างอะไรกับซากปรักหักพังแห่งหนึ่ง
ทว่าขอเพียงเคราะห์แห่งการดับสิ้นของยุคสมัยใกล้มาเยือน แดนฝังมรรคก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงอันน่าทึ่ง
การเปลี่ยนแปลงของแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ในตอนนี้ ก็มีชนวนมาจากคลื่นพลังชีวิตที่เกิดจากแดนฝังมรรค
‘การเปลี่ยนแปลงแปลกประหลาดของที่นี่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่เคราะห์แห่งยุคสมัยกำลังจะมาเยือน’
ก็เป็นตอนนี้เองที่หลินสวินมั่นใจจุดนี้ในที่สุด
แต่ก็มีความสงสัยอื่นๆ ผุดขึ้นในใจทันที อย่างเช่น ที่มาของซากศพและสมบัติที่เห็นได้ตลอดทาง และความเร้นลับของภูเขาเทพทั้งห้าลูกเป็นต้น
ในเวลาหลังจากนั้นเขาจึงขอคำชี้แนะหลิงเสวียนจื่อทั้งหมด
แน่นอนว่าหลิงเสวียนจื่อก็ไม่ปิดบัง
ที่แท้ก่อนการดับสิ้นของยุคสมัยทุกครั้ง ระดับนิรันดร์ของแต่ละพื้นที่ทั่วหล้าล้วนจะรวมตัวกันในแหล่งสถานคุนหลุน เพื่อหลีกเลี่ยงการโจมตีของเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพ และชิงโอกาสไปยังแหล่งสถานอัศจรรย์
อย่างเช่นตอนนี้ ในแหล่งสถานคุนหลุนก็มีระดับนิรันดร์มากมายมารวมตัวกันแล้ว
อย่างพวกไท่เสวียน เหยียนจี้ โหยวเป่ยไห่แห่งลัทธิแรกกำเนิด ระดับนิรันดร์ในลัทธิพ่อมด ลัทธิฌานและน่านฟ้าที่เก้า ตอนนี้ก็อยู่ในแหล่งสถานคุนหลุนเช่นกัน
แต่ไม่ใช่ระดับนิรันดร์ทุกคนล้วนสามารถหลีกเลี่ยงการโจมตีของเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพได้ และยิ่งไม่ใช่ทุกคนจะมีโอกาสไปแหล่งสถานอัศจรรย์
และในการดับสิ้นของยุคสมัยทุกครั้ง สรรพชีวิตทั่วหล้าล้วนยากจะหนีการสังการจากเคราะห์มรรคห้าเสื่อม
ขณะเดียวกันก็มีระดับนิรันดร์มากมายเผชิญเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพ ร่วงหล่นในแหล่งสถานคุนหลุน คนที่สามารถรอดชีวิตจากการดับสิ้นของยุคสมัยได้ก็มีเพียงส่วนน้อย
ระดับนิรันดร์ที่ร่วงหล่นในแหล่งสถานคุนหลุนยามเกิดเคราะห์แห่งยุคสมัย ศพและสมบัติของพวกเขาก็จะเหลืออยู่ในแดนฝังมรรค!
และภูเขาห้าลูกของแดนฝังมรรค ก็คือสถานที่ถือสำคัญอันเป็นต้นกำเนิดของแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ แบ่งเป็นอิ๋งโจว เผิงไหล ฟางหู ไต้อวี่ หยวนเจี้ยว
ภูเขาทุกลูกล้วนมีกฎระเบียบต้นกำเนิดชนิดหนึ่งกระจายอยู่
อย่างเช่นภูเขาอิ๋งโจว ยึดพื้นที่สามหมื่นลี้ กฎระเบียบที่มีบนนั้นสามารถหลอมพลังเลือดวิญญาณของสรรพชีวิตทั่วหล้า และวิวัฒน์เป็นพลังชีวิตมหามรรคที่ดั้งเดิมที่สุดได้
หรืออย่างภูเขาเผิงไหล กว้างใหญ่ถึงเก้าหมื่นเก้าพันลี้ พลังกฎระเบียบที่ครอบครองสามารถหลอมพลังกายของสิ่งมีชีวิตใดๆ ทั่วหล้า และกลายเป็นต้นกำเนิดพลังชีวิตมหามรรคที่บริสุทธิ์ที่สุดได้
กฎระเบียบต้นกำเนิดของภูเขาฟางหู ภูเขาไต้อวี่ และภูเขาหยวนเจี้ยว สามารถหลอมเป็น ‘จิตวิญญาณ’ ‘มรรควิถี’ ‘สิ่งของภายนอก’ ได้ตามลำดับ
สุดท้ายล้วนจะถูกหลอมเป็นพลังชีวิตมหามรรคที่ดั้งเดิมที่สุด
ดังนั้นกฎระเบียบต้นกำเนิดที่ภูเขาใหญ่ห้าลูกนี้ จึงถูกเรียกว่า ‘ห้าระเบียบแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์’
ทุกครั้งที่การดับสิ้นของยุคสมัยใกล้มาเยือน ภูเขาห้าลูกนี้ก็จะหลอมพลังทั้งหมดของระดับนิรันดร์ที่ร่วงหล่นในยุคสมัยที่แล้ว แปลงเป็นพลังชีวิตต้นกำเนิดมหามรรคและสะท้อนกลับไปในฟ้าดิน
และหลังจากการดับสิ้นของยุคสมัย ระดับนิรันดร์ที่ร่วงหล่นในแหล่งสถานคุนหลุนก็จะถูกแดนฝังมรรคเก็บรวมรวมไว้
ราวกับวัฏจักรหนึ่ง
ได้รู้ความลับเหล่านี้ทำเอาหลินสวินอดหวาดหวั่นไม่ได้ กล่าวว่า “ถ้าอย่างนั้น พลังชีวิตที่พุ่งสู่โลกภายนอกอย่างต่อเนื่อง ล้วนมาจากระดับนิรันดร์ที่ร่วงหล่นในการดับสิ้นของยุคสมัยหนึ่งหรือ”
หลิงเสวียนจื่อพยักหน้ากล่าวว่า “นี่ก็เหมือนใบไม้ร่วงลงสู่ราก กลายเป็นปุ๋ยของพื้นดิน สั่งสมพลังให้กับการมาเยือนของยุคสมัยถัดไป
“คงไม่ใช่ว่านี่ก็เกี่ยวข้องกับผู้บงการหลังม่านกระมัง” หลินสวินอดถามไม่ได้
หลิงเสวียนจื่อส่ายหน้า “บนโลกนี้ทุกที่ล้วนมีความเป็นไปได้ว่าจะถูกพลังของผู้บงการหลังม่านเล่นงาน แต่มีเพียงจตุโบราณสถานที่ไม่สามารถ อย่างแหล่งสถานศุภโชค ก็เพียงถูกผู้บงการหลังม่านทำเป็นคุกแห่งหนึ่งเท่านั้น พลังต้นกำเนิดของแหล่งสถานศุภโชคยังคงอยู่”
หลินสวินพยักหน้าน้อยๆ ต้นกำเนิดศุภโชคอยู่ในเมืองเทพศุภโชค เขาย่อมรู้เรื่องนี้ดีที่สุด
“ในขณะเดียวกัน แม้ต้นกำเนิดของแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์จะแห้งเหือด แต่ขอเพียงภูเขาห้าลูกนี้ยังอยู่ก็ไม่มีทางถูกผู้บงการหลังม่านยึดครอง”
หลิงเสวียนจื่อพูดต่อ “และในแหล่งสถานคุนหลุนก็มีพลังต้นกำเนิดกระจายอยู่เช่นกัน พลังต้นกำเนิดนี้เกี่ยวข้องกับแหล่งสถานอัศจรรย์ ถึงได้มอบโอกาสการมุ่งหน้าไปแหล่งสถานอัศจรรย์กับระดับนิรันดร์เหล่านั้นได้”
หลินสวินกล่าวอย่างตกใจ “พูดเช่นนี้ จตุโบราณสถานไม่ได้ตั้งอยู่เดี่ยวๆ แต่มีความเกี่ยวข้องกันหรือ”
ระดับนิรันดร์ที่ร่วงหล่นในแหล่งสถานคุนหลุน ศพของพวกเขาจะปรากฏในแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์
ส่วนระดับนิรันดร์ที่แย่งชิงโอกาสในแหล่งสถานคุนหลุนสำเร็จ ก็จะมีโอกาสไปเยือนแหล่งสถานอัศจรรย์!
นี่ทำให้หลินสวินอดประหลาดใจไม่ได้ แหล่งสถานศุภโชคก็คงจะมีส่วนเกี่ยวข้องบางอย่างกับอีกสามแห่งเช่นกัน
ดังคาด ครู่ต่อมาหลิงเสวียนจื่อก็พยักหน้ายืนยัน
“จตุโบราณสถานนี้ลึกลับจริงๆ ยิ่งรู้จักก็ยิ่งทำให้รู้ถึงไม่ธรรมดา และมักจะล้มล้างการรับรู้ของผู้คน”
หลินสวินถอนหายใจ
หลิงเสวียนจื่อยิ้มพูด “ตอนนี้ศิษย์น้องมีอะไรอยากถามอีก”
หลินสวินนึกถึงเรื่องหนึ่ง เอ่ยว่า “ศิษย์พี่ เหตุใดเจดีย์มหามรรคไร้สิ้นสุดจึงไปอยู่ในมือของท่านได้”
รอยยิ้มของหลิงเสวียนจื่อแข็งทื่อ กล่าวอย่างระมัดระวัง “ศิษย์น้อง นี่คือสิ่งที่อาจารย์มอบให้ข้าใช้เองกับมือ เพื่อให้ข้ามีต้นทุนพอไปช่วงชิงวาสนาในแดนฝังมรรคนี้ เจ้าจะแย่งไปไม่ได้”
เขาย่อมรู้เรื่องที่หลินสวินได้รับความช่วยเหลือจากเจดีย์มหามรรคไร้สิ้นสุด มีความผูกพันลึกซึ้งกับสมบัติชิ้นนี้
หลินสวินขานรับว่าอ่อคำหนึ่งแล้วกล่าวว่า “กังวลอะไรกัน ข้าเพียงแค่ประหลาดใจว่าเงามายาที่สมบัตินี้กำราบเมื่อครู่นี้คืออะไร”
หลิงเสวียนจื่อถอนหายใจทันที กล่าวว่า “นั่นเป็นวิญญาณร้ายโลหิตสายหนึ่งบนภูเขาอิ๋งโจว แปลงจากพลังเลือดวิญญาณของระดับนิรันดร์คนหนึ่ง พลังต่อสู้วิปริตดุดันอย่างที่สุด แข็งแกร่งกว่ารูปจำลองเจตจำนงของระดับนิรันดร์สิบเท่าร้อยเท่า ในหลายปีมานี้หากไม่ใช่เพราะเจดีย์ไร้สิ้นสุด ข้าคงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของสิ่งชั่วร้ายพวกนี้”
“วิญญาณร้ายโลหิตหรือ ไม่ใช่บอกว่าพลังที่ระดับนิรันดร์ทิ้งเอาไว้ ล้วนจะถูกพลังกฎระเบียบของภูเขาอิ๋งโจวทำให้กลายเป็นพลังมหามรรคที่ดั้งเดิมที่สุดหรือ”
หลินสวินงงงัน
หลิงเสวียนจื่อหัวเราะฮ่าๆ กล่าวว่า “ศิษย์น้อง การเปลี่ยนแปลงของแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์เพิ่งดำเนินมายี่สิบกว่าปีเท่านั้น พลังที่ระดับนิรันดร์เหล่านั้นทิ้งไว้จะถูกหลอมจนหมดอย่างง่ายดายได้อย่างไร หากเจ้ามาช้ากว่านี้อีกไม่กี่สิบปี คงไม่ได้เห็นวิญญาณร้ายโลหิตเหล่านี้แล้ว”
เขาเว้นช่วงไปแล่วเอ่ยต่อ “และตอนนี้ สำหรับพวกเรา ไม่เพียงแค่วิญญาณร้ายโลหิตบนภูเขาอิ๋งโจว แม้แต่ ‘ศพคลั่งนิรันดร์’ บนภูเขาเผิงไหล ‘วิญญาณร้ายไร้ดับ’ บนภูเขาฟางหู ‘ภูตมหามรรค’ บนภูเขาไต้อวี่ ;ศาสตราร้ายนิรันดร์’ บนภูเขาหยวนเจี้ยวล้วนเป็นมหาศุภโชค!”
“คำพูดนี้หมายความว่าอย่างไร”
หลินสวินถาม
หลิงเสวียนจื่อกว่า “เพราะการกำราบและหลอมพวกมัน ก็จะได้รับพลังมหามรรคของระดับนิรันดร์”
ว่าพลางเขาหยิบเจดีย์มหามรรคไร้สิ้นสุดออกมา ในใจขยับไหว
วัตถุที่ราวกับหินสีเลือดโปร่งแสงเป็นประกายชิ้นหนึ่งปรากฏออกมา ขนาดประมาณหินไข่หาน ส่องแสงสว่างไสว คลื่นกลิ่นอายนิรันดร์พลุ่งพล่าน
หลิงเสวียนจื่อพูดอย่างย่ามใจ “ศิษย์น้องเจ้าดู นี่ก็คือพลังต้นกำเนิดนิรันดร์ที่บริสุทธิ์ที่สุดซึ่งแปลงจากวิญญาณร้ายโลหิตที่ถูกเจดีย์ไร้สิ้นสุดกำราบเมื่อครู่นี้ มีประโยชน์อย่างไม่อาจประเมินต่อพลังปราณของพวกเรา สมบัติเช่นนี้กระทั่งในโลกยอดนิรันดร์ยังหาไม่เจอ!”
หลินสวินยื่นมือหยิบมาพินิจคร่าวๆ แล้วอดหวั่นไหวไม่ได้ กลิ่นอายเจืออยู่ในที่สมบัตินี้ไม่ถึงกับยิ่งใหญ่ แต่กลับหนาแน่นบริสุทธิ์หาใดเปรียบ
“นี่คือศิลาโลหิตนิรันดร์ มีประโยชน์อย่างไม่อาจคาดเดาต่อการหลอมพลังระดับนิรันดร์”
หลิงเสวียนจื่อรีบพูดว่า “อย่างศพคลั่งนิรันดร์ วิญญาณร้ายไร้ดับ ภูตมหามรรค ศาสตราร้ายนิรันดร์ สามารถถูกหลอมเป็นสมบัติสี่ชิ้นอย่างกฎเกณฑ์นิรันดร์ ผลึกจิตนิรันดร์ หินมรรคนิรันดร์ วัตถุดิบนิรันดร์ สมบัติทุกชิ้นล้วนมีความมหัศจรรย์แตกต่างกัน”
“สมบัติระดับนี้ แม้ระดับนิรันดร์เห็นยังต้องอิจฉาตาร้อน!”
ว่าพลางหลิงเสวียนจื่อก็คล้องแขนหลินสวินไว้ พูดอย่างภาคภูมิใจ “และตอนนี้วาสนาเหล่านี้ล้วนเป็นของพวกเราศิษย์พี่ศิษย์น้องแล้ว มีพวกมัน จะห่วงว่าไม่สามารถแจ้งมรรคนิรันดร์ไปทำไมอีก”
ในใจหลินสวินกระเพื่อมไหวระลอกหนึ่ง ทั้งหมดนี้ล้วนเรียกได้ว่าเป็นมหาศุภโชคที่น่าตกตะลึงอย่างไม่ต้องสงสัย
เพียงแต่…
สายตาของเขาพินิจมองหลิงเสวียนจื่อครู่หนึ่ง กล่าวว่า “ศิษย์พี่อยู่ที่นี่มานานปี จะต้องได้ศุภโชคมาได้ไม่น้อยแน่ แต่เหตุใดจนตอนนี้พลังปราณกลับหยุดอยู่ในขั้นหลุดพ้นสัมบูรณ์”
หลิงเสวียนจื่อสีหน้าชะงักไป พูดอย่างจริงจัง “ศิษย์น้อง ไม่ว่าวาสนาจะมากแค่ไหนก็เพียงมีส่วนช่วยในการแจ้งมรรคนิรันดร์เท่านั้น มีเพียงมรรควิถีแห่งตนมั่นคง สภาวะจิตไร้ข้อบกพร่อง จึงจะเป็นจุดหลักของการแจ้งมรรคนิรันดร์”
หลินสวินหัวเราะฮ่าๆ กล่าวว่า “ศิษย์พี่พูดถูก”
หลิงเสวียนจื่อถูกหัวเราะเยาะจนทนไม่ไหวแล้ว กล่าวว่า “พอแล้ว มาว่ากันว่าเจ้าจะร่วมมือชิงวาสนากับข้าหรือไม่”
หลินสวินพูดโดยไม่คิดด้วยซ้ำ “แน่นอน”
“ไป ข้าพาเจ้าไปภูเขาอิ๋งโจว”
หลิงเสวียนจื่อลุกขึ้นทันที เดินออกจากถ้ำสถิต
……
ตรงหน้าภูเขาอิ๋งโจว
หลิงเสวียนจื่อหยุดเท้าสื่อจิตว่า ‘ศิษย์น้องเจ้าดู บนภูเขานี้หมอกหนา แสงเลือดพวยพุ่ง เงามายาที่เห็นเป็นระยะๆ ล้วนเป็นวิญญาณร้ายโลหิต การจัดการเจ้าพวกนี้จะทำให้แตกตื่นไม่ได้ ไม่เช่นนั้นพวกมันจะรวมกลุ่มบุกโจมตีมา’
เขาเว้นช่วงไปแล้วพูดว่า ‘ที่ผ่านมาข้าเฝ้าอยู่หน้าภูเขาอิ๋งโจว ใช้พลังขับเคลื่อนแห่งตนไปล่อวิญญาณร้ายโลหิตตนหนึ่งเหมือนตกปลา จากนั้นยามมันออกมาจากภูเขาอิ๋งโจวก็จะใช้เจดีย์ไร้สิ้นสุดกำราบมัน เช่นนี้ก็ไม่ต้องเสียแรงและไม่ต้องกังวลว่าจะประสบอันตราย’
พูดจบเขาเหลือบมองหลินสวินแวบหนึ่ง เหมือนอยากฟังคำชื่นชมของหลินสวิน
กลับเห็นหลินสวินขมวดคิ้วพูด ‘เช่นนี้หากวิญญาณร้ายโลหิตไม่กินเบ็ดจะทำอย่างไร’
หลิงเสวียนจื่อกล่าว ‘รอ ย่อมมีตอนที่ติดเบ็ด’
หลินสวินส่ายหน้าพูด ‘ช้าเกินไปแล้ว และเสียเวลามาก’
หลิงเสวียนจื่อพูดอย่างไม่อภิรมย์ ‘นั่นเป็นถึงวิญญาณร้ายโลหิตที่แปลงจากพลังเลือดลมของระดับนิรันดร์เชียวนะ สามารถฆ่าพวกเราได้อย่างง่ายดาย ไม่ทำเช่นนี้ หรือเจ้าคิดว่าจะโจมตีใส่ภูเขาอิ๋งโจวนั่น’
ใครจะคิดว่าหลินสวินดันพยักหน้ากล่าว ‘หากทำเช่นนี้สามารถกำราบวิญญาณร้ายโลหิตได้มากกว่า เหตุใดจะไม่ทำเล่า’
หลิงเสวียนจื่อเบิกตาโพลง เหมือนไม่รู้จักหลินสวินอย่างไรอย่างนั้น ‘ศิษย์น้องเล็ก ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่เจ้าเปลี่ยนเป็นอวดดีกว่าข้าแล้ว’
หลินสวินยิ้มพูด ‘ศิษย์พี่ ข้าขอถามท่านหน่อยว่าวิญญาณร้ายโลหิตมีสติปัญญาหรือไม่’
หลิงเสวียนจื่อส่ายหน้าพูด ‘ไม่มี พวกมันแปลงจากเลือดลม แม้ร้ายกาจแต่กลับมีเพียงไอสังหารที่โหดเหี้ยมหาใดเปรียบ ไม่ถึงกับมีสติปัญญาอะไร’
หลินสวินยิ้มกล่าว ‘เช่นนั้นก็ไม่มีปัญหาแล้ว ไป พวกเราขึ้นเขาไปดูสักหน่อย’
พูดจบก็ก้าวเท้าเดินไปเบื้องหน้า