ตอนที่ 3088 ความยินดีของการพบกัน

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ตอนที่ 3088 ความยินดีของการพบกัน

สิงเจี้ยนสยาเป็นศิษย์ของ ‘หยวนชู’ บรรพจารย์ลัทธิแรกกำเนิด

ฟู่หนานหลีเป็นศิษย์ของ ‘ซวีอิ่น’ บรรพจารย์ลัทธิวิญญาณ

ทั้งสองล้วนเป็นผู้อาวุโสที่แจ้งมรรคขั้นไร้ขอบเขตใหญ่มาไม่รู้กี่หมื่นปี ในโลกวิญญาณยุทธ์นี้ยังเป็นบุคคลชั้นผู้นำของลัทธิแรกกำเนิดและลัทธิวิญญาณด้วย

แต่เวลานี้กลับโค้งคำนับขอบคุณหลินสวินอย่างจริงจังพร้อมกัน!

นี่ทำให้หลินสวินชะงักไป จากนั้นรีบก้าวมาข้างหน้าพยุงผู้อาวุโสทั้งสองขึ้นมาแล้วยิ้มขื่น “การกระทำนี้ของผู้อาวุโสทั้งสองเป็นการให้เกียรติข้าเกินไปแล้ว”

สิงเจี้ยนสยาหัวเราะลั่นพลางกล่าว “อย่าถ่อมตัวเลย แค่การต่อสู้ในวันนี้เจ้าก็ควรได้รับการคารวะจากพวกเราสองคนแล้ว”

“ไม่ผิดๆ”

ฟู่หนานหลีก็อมยิ้มกล่าว

ในการต่อสู้ตรงหุบเขา พวกซินอิ้ง เหวินไจ้ สิงเทียนหยวนซึ่งเป็นขั้นไร้ขอบเขตใหญ่สามคน และเหล่าผู้แข็งแกร่งคนอื่นพินาศทั้งกองทัพ

การต่อสู้บนภูเขาเทพรกร้างเวลานี้ เมื่อพวกอูหงจื่อสิ้นชีพ ผู้แข็งแกร่งของขุมอำนาจศัตรูที่กระจายอยู่ในโลกวิญญาณยุทธ์ก็เท่ากับมลายสิ้น!

ชัยชนะครั้งใหญ่นี้สามารถเกริกก้องชั่วกาล คงเกียรติคุณไว้ชั่วนิรันดร์

ส่วนหลินสวินก็เป็นกุญแจสำคัญและมีส่วนช่วยอย่างมากในการตัดสินศึกนี้!

“ผู้อาวุโสทั้งสอง แม้ว่าศึกนี้จะสิ้นสุดแต่ศัตรูพวกนั้นยังไม่ดับสูญอย่างแท้จริง”

หลินสวินเงยหน้ามองทะเลโชคชะตาบนเวิ้งฟ้า “รอกำจัดพวกเฒ่าชราอย่างซินหูกับเหลยซ่งได้เมื่อไร สถานการณ์ของโลกวิญญาณยุทธ์นี้จึงจะนับว่ามั่นคงอย่างแท้จริง”

สามวันก่อนพวกอมิตาพุทธซินหูแห่งลัทธิฌานกับบรรพจารย์พ่อมดเหลยซ่งแห่งลัทธิพ่อมดสองคน พาขั้นไร้ขอบเขตใหญ่อีกหกคนกับขั้นไร้ขอบเขตเล็กสามคนมุ่งหน้าไปแก่งแย่งในโลกบัวชะตาด้วยกัน

ในสายตาของหลินสวิน มีเพียงกำจัดเฒ่าชราพวกนี้จึงจะถือว่าชนะอย่างแท้จริง

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้สิงเจี้ยนสยากับฟู่หนานหลีก็เก็บรอยยิ้ม

“ซินหูกับเหลยซ่งเป็นบุคคลระดับเดียวกับพวกเรา พลังต่อสู้แข็งแกร่งยิ่ง ไม่อาจดูถูกง่ายๆ เทียบกับเจ้าเฒ่าสองคนนี้แล้ว พวกซินอิ้ง อูหงจื่อก็ด้อยกว่าเล็กน้อย”

สิงเจี้ยนสยาเอ่ยเสียงเบา “ส่วนขั้นไร้ขอบเขตใหญ่หกคนที่ไปโลกบัวชะตาพร้อมพวกเขาคือพวกที่มาจากเผ่าเทพนิรันดร์ พลังต่อสู้แข็งแกร่งอย่างยิ่งเช่นกัน ไม่ด้อยไปกว่าพวกซินอิ้งกับอูหงจื่อเลย ‘เย่เจวี๋ย’ ผู้อาวุโสตระกูลเย่ก็เป็นพวกร้ายกาจคนหนึ่งที่เคยข้ามเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพมาห้าครั้ง”

ฟู่หนานหลีที่อยู่ด้านข้างก็กล่าวเช่นกัน “ขั้นไร้ขอบเขตเล็กสามคนนั้นก็ไม่ธรรมดามาก ได้แก่เย่อู๋เฮิ่นแห่งตระกูลเย่ จื่อเชอชงแห่งตระกูลจื่อเชอ จี้เทียนชิงแห่งตระกูลจี้ ทุกคนล้วนเป็นพวกเย้ยฟ้าในขั้นไร้ขอบเขต สหายน้อยหลินยังจำเจวี๋ยอู๋เทียนนั่นได้ไหม”

หลินสวินพยักหน้า แน่นอนว่าเขาจำได้

“สามคนนี้แต่ละคนล้วนมีรากฐานพลังน่ากลัวที่เทียบกับเจวี๋ยอู๋เทียนแล้วมีแต่จะเหนือกว่า”

ฟู่หนานหลีกล่าว “ด้วยเหตุนี้พวกซินหูกับเหลยซ่งจึงตัดสินใจ ว่าหากชิงโอกาสมุ่งหน้าไปแหล่งสถานอัศจรรย์สำเร็จจะส่งสามคนนี้ไปก่อน”

หลินสวินเอ่ยอย่างกระจ่างแจ้ง “ที่แท้เป็นเช่นนี้”

เขาเข้าใจแล้ว หากคว้าโอกาสได้แล้วให้บุคคลชั้นยอดอย่างซินหูกับเหลยซ่งจากไปก่อน ขุมอำนาจของพวกเขาในโลกวิญญาณยุทธ์นี้ก็จะเสื่อมโทรมไปมากโดยปริยาย

ในสถานการณ์เช่นนี้ถ้าให้ขั้นไร้ขอบเขตเล็กอย่างเย่อู๋เฮิ่น จื่อเชอชง จี้เทียนชิงจากไปก่อน ย่อมเป็นวิธีชาญฉลาดที่สุดโดยไม่ต้องสงสัย

“แต่สถานการณ์ตอนนี้ต่างออกไปแล้ว ปัจจุบันมีสหายน้อยหลินอยู่ กำลังพลที่พวกเรามีสามารถไปประลองตัดสินกับอีกฝ่ายได้แล้ว!”

สิงเจี้ยนสยาพูดถึงตรงนี้แล้วอดฮึกเหิมไม่ได้

หลายปีก่อนพวกเขาติดอยู่บนภูเขาเทพใบบัวมาตลอด กำลังพลที่มีสู้กับขุมอำนาจศัตรูไม่ได้

แต่นับจากวันนี้ไปทุกอย่างนี้จะพลิกผันเปลี่ยนแปลงแล้ว!

หลินสวินใคร่ครวญในใจครู่หนึ่งก่อนลอบพยักหน้า

ตอนนี้ฝ่ายตนมีขั้นไร้ขอบเขตใหญ่สามคนได้แก่สิงเจี้ยนสยา ฟู่หนานหลี เหรินฟู่เทียน

ส่วนในฝั่งศัตรูกลับมีแปดคน

ทว่าเมื่อวิเคราะห์อย่างจริงจังก็จะพบว่าในฝั่งศัตรูนั้น ขั้นไร้ขอบเขตใหญ่ที่แข็งแกร่งที่สุดมีแค่สองคนคือซินหูกับเหลยซ่ง

มีสิงเจี้ยนสยากับฟู่หนานหลีอยู่ ย่อมต้านทานพวกเขาได้

ส่วนเย่เจวี๋ยกับขั้นไร้ขอบเขตใหญ่อีกหกคน ล้วนเป็นผู้แข็งแกร่งระดับเดียวกับพวกอูหงจื่อและเหวินไจ้

ด้วยพลังของหลินสวินย่อมสกัดผู้แข็งแกร่งเช่นนี้ได้สามคน

ถึงขั้นว่าหากสู้ตัวต่อตัวก็สังหารพวกเขาได้!

กล่าวอีกนัยคือ แม้ว่าหลินสวินมีพลังปราณขั้นสรรสร้างสัมบูรณ์ แต่หากร่างต้นกับห้ากายมรรคของเขาลงมือพร้อมกัน ย่อมเทียบกับผู้ยิ่งใหญ่ระดับเดียวกับสิงเจี้ยนสยาและฟู่หนานหลีได้

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ต่อให้จำนวนผู้แข็งแกร่งขั้นไร้ขอบเขตใหญ่ที่ฝั่งศัตรูมีมากกว่าฝ่ายตนเล็กน้อย แต่เมื่อต่อสู้กันจริงก็ใช่ว่าจะเป็นฝ่ายได้เปรียบ

หากเปรียบเทียบขั้นไร้ขอบเขตเล็กอีก ฝ่ายตนมีกู่เยวี่ยหมิง ซุ่นไหวเจี่ย เสวี่ยเย่สามคน

ฝั่งศัตรูก็มีเย่อู๋เฮิ่น จื่อเชอชง จี้เทียนชิง

จำนวนคนสูสี

หลินสวินยังไม่รู้แน่ชัดว่าพลังต่อสู้ของกู่เยวี่ยหมิง ซุ่นไหวเจี่ย เสวี่ยเย่สามคนเป็นอย่างไร

แต่กลับรู้ว่าหากพลังต่อสู้ของพวกเย่อู๋เฮิ่น จื่อเชอชง จี้เทียนชิงสามคนไม่ด้อยไปกว่าเจวี๋ยอู๋เทียน พวกกู่เยวี่ยหมิงคิดจะสู้กับอีกฝ่ายก็เป็นปัญหาแล้ว

นอกเสียจากว่าพวกกู่เยวี่ยหมิงจะมีพลังต่อสู้พลิกฟ้าเช่นกัน

แน่นอนว่านี่เป็นแค่การวิเคราะห์จำนวนผู้แข็งแกร่งที่ฝั่งศัตรูกับฝั่งตนมี เมื่อสู้กันจริงสถานการณ์ย่อมแปรเปลี่ยนชั่วพริบตา มีตัวแปรมากเกินไป ไม่อาจพูดเพ้อเจ้อเรื่องผลแพ้ชนะโดยง่าย

แต่เมื่อพูดโดยรวมแล้วก็เหมือนที่สิงเจี้ยนสยากล่าว พวกเขามีกำลังพลที่สามารถเปิดศึกตัดสินกับฝั่งศัตรูได้แล้ว!

“ไป พวกเรากลับไปภูเขาเทพใบบัวก่อน”

ฟู่หนานหลีเอ่ยปาก

“ไปๆ กลับไปดื่มเหล้ากันสักยก เกรงว่าสหายน้อยหลินคงรีบร้อนอยากเจอพวกศิษย์พี่ของเขาแล้ว”

สิงเจี้ยนสยายิ้มแย้มกล่าว

หลินสวินก็ยิ้มเช่นกัน

พวกเขาหันหลังมุ่งไปทางภูเขาเทพใบบัวทันที

ภูเขาเทพใบบัว

บนลานมรรคมหึมาแห่งหนึ่ง

พวกเหรินฟู่เทียน กู่เยวี่ยหมิงแห่งลัทธิแรกกำเนิด พวกซุ่นไหวเจี่ย เสวี่ยเย่แห่งลัทธิวิญญาณ รวมถึงพวกจ้งชิว รั่วซู่ หลี่เสวียนเวยแห่งคีรีดวงกมลต่างชะเง้อคอรอ

ตอนนี้พวกจ้งชิวล้วนรู้เรื่องศึกใหญ่ซึ่งเกิดขึ้นตรงหุบเขาที่ห่างออกไปแล้ว ทั้งรู้ด้วยว่าพลังต่อสู้ของหลินสวินตอนนี้เย้ยฟ้าระดับใด

เวลานี้ศิษย์พี่อย่างพวกเขาล้วนตื่นเต้น ไม่อาจสงบใจ

ใช่ แม้แต่พวกเขาก็คิดไม่ถึงว่าหลายปีที่ผ่านมา ผู้เปลี่ยนภาวะคับขันที่พวกเขาติดอยู่ ถึงกับเป็นศิษย์น้องเล็กของพวกเขา!

เมื่อรู้ข่าวเหล่านี้จากปากพวกกู่เยวี่ยหมิง พวกเขาล้วนรู้สึกเหมือนฝันไปจริงๆ

ศิษย์น้องเล็กแจ้งมรรคนิรันดร์เมื่อไหร่

ศิษย์น้องเล็กแจ้งมรรคขั้นสรรสร้างเมื่อไหร่

พลังต่อสู้ของศิษย์น้องเล็กเย้ยฟ้าถึงขั้นสกัดขั้นไร้ขอบเขตใหญ่สามคนได้แล้วหรือ

หลายปีนี้ศิษย์น้องเล็กเขาผ่านเรื่องอะไรมากันแน่

ศิษย์น้องเล็ก…

ทุกข้อสงสัยผุดขึ้นในใจพวกเขาทุกคนเหมือนกระแสน้ำ

ถึงอย่างไรในหมู่พวกเขาก็มีคนจำนวนมากไม่ได้เจอหลินสวินมาหลายปีแล้ว ภาพจำส่วนมากที่มีต่อหลินสวินล้วนเป็นเรื่องนานมาแล้ว

จิตใต้สำนึกของเหล่าศิษย์พี่ชายหญิงอย่างพวกเขาล้วนเห็นศิษย์น้องเล็กอย่างหลินสวินเป็นบุคคลที่ต้องดูแลและปกป้อง

ไหนเลยจะคิดว่าตอนนี้เขากลับเปลี่ยนไปเช่นนี้แล้ว

“ศิษย์พี่รั่วซู่ ท่านรู้ทุกการกระทำของศิษย์น้องเล็กยามอยู่โลกยอดนิรันดร์มากที่สุด เคยคิดไหมว่าศิษย์น้องเล็กจะแจ้งมรรคขั้นสรรสร้างได้เร็วเช่นนี้”

การเฝ้ารอคือความทรมานอย่างไม่ต้องสงสัย หลี่เสวียนเวยเอ่ยถามอย่างอดไม่ได้

ปีนั้นเขากับพวกศิษย์พี่ใหญ่ติดอยู่ในแดนยอดจักรวาลโดยตลอด จนกระทั่งออกมาได้ก็มุ่งหน้ามาแหล่งสถานคุนหลุนนี้

เรื่องเกี่ยวกับศิษย์น้องเล็กหลินสวิน พวกเขาก็ได้ยินมาจากปากของพวกรั่วซู่

“ไม่เคยคิด”

รั่วซู่ส่ายศีรษะเล็กน้อย

ปีนั้นแม้ว่ารั่วซู่กับเหล่าศิษย์น้องชายหญิงอย่างเฉิงอวี๋ จิ่งจงเยวี่ยจะปักหลักอยู่ในลัทธิวิญญาณ แต่ก็รู้แค่เรื่องก่อนหลินสวินแจ้งมรรคนิรันดร์

นางยิ้มกล่าว “รอศิษย์น้องเล็กมาแล้วค่อยถามเขาก็รู้”

คนอื่นต่างพยักหน้า

เวลานี้เหรินฟู่เทียนพลันยิ้มพลางกล่าว “พวกเขากลับมาแล้ว!”

ฟุ่บ!

ทุกสายตาล้วนมองไปพร้อมกัน

ก็เห็นว่าใต้เวิ้งฟ้าที่ห่างออกไป แสงเคลื่อนไหวสามสายพุ่งวาบมากลางอากาศ ผู้นำคือสิงเจี้ยนสยากับฟู่หนานหลี เมื่อเห็นเงาร่างที่อยู่ข้างกายสองคนนั้น

รั่วซู่ หลี่เสวียนเวย ผู่เจินล้วนตื่นเต้นขึ้นมาอย่างอดไม่ได้

“เป็นศิษย์น้องเล็กดังคาด!”

“ฮ่าๆ เร็วเข้า พวกเราไปต้อนรับกัน”

“ไป!”

เหล่าผู้สืบทอดคีรีดวงกมลห้ามความรู้สึกไม่อยู่ ล้วนพุ่งตัวออกไปจากภูเขาเทพใบบัว

พวกเหรินฟู่เทียนกับกู่เยวี่ยหมิงเห็นดังนี้แล้วอดยิ้มไม่ได้ เคลื่อนตัวตามไปเช่นกัน

“หลินสวินคารวะศิษย์พี่ทุกท่าน!”

เมื่อเห็นพวกรั่วซู่ หลี่เสวียนเวย ในใจหลินสวินรู้สึกยินดีอย่างยากปกปิด ยิ้มพลางคารวะ

ไม่เจอกันนานมากจริงๆ!

บนภูเขาเทพใบบัวเปลี่ยนเป็นคึกคักขึ้นมา

เหล่าผู้สืบทอดคีรีดวงกมลกับหลินสวินนั่งบนพื้น ดื่มกินสนทนา เบิกบานปรองดอง

ภายใต้การถามอย่างต่อเนื่องของพวกศิษย์พี่ หลินสวินเล่าประสบการณ์ยามอยู่ในโลกยอดนิรันดร์เมื่อหลายปีก่อนออกมาทั้งหมด ก่อให้เกิดเสียงตกตะลึงทอดถอนใจในที่นั้นเป็นระลอก

แต่ในใจหลินสวินสะท้านไหวยิ่งกว่า

จากคำพูดของเหล่าศิษย์พี่ทำให้เขารู้เรื่องมากมายเช่นกัน

อย่างเช่นปีนั้นหลังจากจักจั่นทองพาพวกไท่เสวียน เหยียนจี้ โหยวเป่ยไห่แห่งลัทธิแรกกำเนิดมาโลกวิญญาณยุทธ์แล้ว รูปจำลองเจตจำนงของเขาก็หายไปเพราะใช้พลังมากเกินไป

กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ปีนั้นผู้กอบกู้สถานการณ์อันตราย กวาดล้างเหล่าศัตรูนอกประตูเขาลัทธิแรกกำเนิด เป็นแค่รูปจำลองเจตจำนงของจักจั่นทอง!

หรืออย่างรูปจำลองเจตจำนงที่เจ้าแห่งคีรีดวงกมลเหลือไว้ในโลกวิญญาณยุทธ์ เมื่อสิบกว่าปีก่อนก็สลายไปเพราะต้านทานขุมอำนาจศัตรูที่บุกมาถึงหน้าประตู

ตอนนั้นเป็นเพราะมีรูปจำลองเจตจำนงของเจ้าแห่งคีรีดวงกมลลงมือต้านไว้ ถึงทำให้กำลังพลของลัทธิแรกกำเนิดและคีรีดวงกมลมาถึงภูเขาเทพใบบัวอย่างราบรื่น รวมตัวกับกำลังพลของลัทธิวิญญาณได้โดยสมบูรณ์

หรืออย่างปัจจุบันที่พวกอาจารย์อาคงเจวี๋ย ไท่เสวียน เหยียนจี้ โหยวเป่ยไห่กำลังปิดด่านบนภูเขาเทพใบบัวนี้เพื่อเตรียมทะลวงปราณ

นอกจากนี้ยังมีผู้สืบทอดคีรีดวงกมลบางส่วนปิดด่านด้วย เช่นศิษย์พี่ห้าชื่อจวิน ศิษย์พี่หกซิงเชวีย ศิษย์พี่แปดปู่ซ่วนจื่อ ศิษย์พี่สิบสองเซิ่นเหยียน ศิษย์พี่จวินหวนเป็นต้น

ระหว่างพูดคุยหลินสวินยังค้นพบเรื่องหนึ่ง ในเหล่าผู้สืบทอดคีรีดวงกมล มีแค่ศิษย์พี่รั่วซู่ที่แจ้งมรรคขั้นล่วงกฎ ศิษย์พี่คนอื่นล้วนยังอยู่ในมรรคาอมตะ

ใช่ว่าพรสวรรค์กับรากฐานพลังของเหล่าศิษย์พี่ไม่ได้ความ ความจริงคือความเร็วในการทะลวงระดับปราณของหลินสวินเร็วเกินไป เวลาอันสั้นแค่ไม่กี่ร้อยปีก็แจ้งมรรคขั้นสรรสร้างสัมบูรณ์แล้ว กวาดสายตามองในกาลเวลาที่ผ่านมา เหลือบแลใต้หล้าแล้วคงหาไม่ได้สักคน

“จริงสิ”

ระหว่างพูดคุยหลินสวินนึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมา สายตามองไปทางจ้งชิว “ศิษย์พี่รอง พลังชีวิตที่เหลืออยู่ของศิษย์พี่ใหญ่อยู่ในมือท่านหรือไม่”

……………………

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท