ตอนที่ 3109 เปลี่ยนภัยให้แคล้วคลาด

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ตอนที่ 3109 เปลี่ยนภัยให้แคล้วคลาด

ฝ่ายอิงเทียนเซิงมีขั้นไร้ขอบเขตใหญ่ทั้งหมดยี่สิบคน

แม้ว่ากู่เชาจือและจอมมารหูยงถูกฆ่าตาย รวมอิงเทียนเซิงไปด้วยในนั้นก็ยังมีสิบแปดคน

เวลานี้พวกเขาโจมตีพร้อมกัน แค่คิดก็รู้ว่าอานุภาพระดับนั้นน่ากลัวปานใด

หลินสวินก็คิดไม่ถึงเช่นกันว่าอีกฝ่ายจะเด็ดขาดและดุดันเช่นนี้ แม้แต่ด่านนภาสี่ลักษณ์ยังละทิ้งไม่เอาแล้ว ลงมือตรงๆ เช่นนี้

ยามเขาตอบสนอง พวกอิงเทียนเซิงก็บุกเข้ามาแล้ว

หลินสวินหมุนตัวหนีในทันทีโดยไม่ลังเลใดๆ

หากถูกล้อมกรอบ เกรงว่าวันนี้เขาคงต้องทิ้งชีวิตไว้ที่นี่แล้ว

“สยบ!”

อิงเทียนเซิงโบกแขนเสื้อคราหนึ่ง ระฆังสำริดสีดำใบหนึ่งทะลวงอากาศออกไป

ห้วงอากาศสี่ทิศแปดทางโดยมีหลินสวินเป็นศูนย์กลางถูกพลังกฎระเบียบสีดำทั้งแถบกักขังในชั่วอึดใจ ส่วนหลินสวินก็เหมือนปลาที่ถูกผนึกแช่แข็งอยู่ในน้ำ ร่างนิ่งชะงัก

ตูม!

แต่เพียงอึดใจสั้นๆ พลังกักขังนี้ก็ถูกซัดระเบิด

เป็นสิงเจี้ยนสยาเร่งมาทันเวลา พาดกระบี่ขวางฟ้า ระหว่างที่เอาชนะพลังผนึกสีดำนั่น เจตกระบี่น่าสะพรึงพลันพุ่งไปทางสัตว์ประหลาดเฒ่าทั้งกลุ่มที่กรูเข้าหาหลินสวินจากไกลๆ

และพร้อมกันนั้นฟู่หนานหลี จอมมรรคซานเฟิงก็พุ่งไปข้างหน้าพร้อมกัน ร่วมมือโจมตีพร้อมกับสิงเจี้ยนสยา

เซียวเหอก็ถือโอกาสนี้พาหลินสวินหนีออกไปไกลๆ

ทุกอย่างล้วนเกิดขึ้นในเวลาชั่วแล่น รวดเร็วจนน่าเหลือเชื่อ

ตูม โครม!

พวกสิงเจี้ยนสยาสามคนลงมือ ทำให้พวกอิงเทียนเซิงถูกขัดขวางทันที แต่หลังจากถูกโจมตีพวกสิงเจี้ยนสยาก็ถูกซัดจนพลังขับเคลื่อนพลิกม้วน เงาร่างซวนเซ

สิ่งเดียวที่ทำให้พวกเขารู้สึกโชคดีคือหลินสวินถูกเซียวเหอช่วยไปแล้ว

“ฆ่าเจ้าเดรัจฉานตัวจ้อยนั่นไม่ได้ ยังจะฆ่าเฒ่าสารเลวอย่างพวกเจ้าไม่ได้อีกเชียวหรือ”

ไอสังหารฉายทั่วหน้าอิงเทียนเซิง ชักนำทุกคนหันหัวหอกไปทางพวกสิงเจี้ยนสยาสามคน

หากไม่มีเรื่องเหนือคาด ด้วยพลังของพวกเขาสิบแปดคนย่อมสามารถล้อมกรอบสังหารพวกสิงเจี้ยนสยาได้

แต่เวลานี้แม่เฒ่ากระเรียนเซียนกลับตะโกนดังลั่น “ทุกท่าน ร่วมกันบุกยึดด่านนภาสี่ลักษณ์พร้อมกับข้า!”

พลันนั้นบรรดาสัตว์ประหลาดเฒ่าในพื้นที่ใกล้เคียงล้วนเคลื่อนไหว

นี่ทำให้สีหน้าอิงเทียนเซิงเปลี่ยนเป็นไม่น่ามองยิ่งยวดทันควัน

การยึดครองด่านนภาแห่งหนึ่งง่ายดายนัก แต่หากคิดจะช่วงชิงกลับยากเย็น!

“แม่เฒ่ากระเรียนเซียน นี่พวกเจ้ารนหาที่ตายแท้ๆ!”

แม้ว่าอิงเทียนเซิงจะเดือดดาล แต่ยังคงตัดสินใจในทันที ล้มเลิกการล้อมจู่โจมสิงเจี้ยนสยา พาคนหันหลังพุ่งกลับไปด่านนภาสี่ลักษณ์

พวกสิงเจี้ยนสยาถอนหายใจโล่งอกทันที แต่ไม่ได้จากไปทั้งอย่างนี้

ก่อนหน้านี้พวกแม่เฒ่ากระเรียนเซียนลงมือผดุงธรรม พวกสิงเจี้ยนสยาไม่อาจมองพวกแม่เฒ่ากระเรียนเซียนประสบเคราะห์ตาปริบๆ ได้

กลับเห็นเงาร่างพวกแม่เฒ่ากระเรียนเซียน เพิ่งอยู่ครึ่งทางก็พุ่งปราดไปสี่ทิศแปดทาง

จะช่วงชิงด่านนภาสี่ลักษณ์เสียที่ไหน แค่ส่งเสียงบูรพาฝ่าตีประจิมเท่านั้น จุดประสงค์ก็เพื่อช่วยพวกสิงเจี้ยนสยาขจัดอันตราย

เมื่อสังเกตเห็นภาพนี้อิงเทียนเซิงโมโหจนแทบกระอักเลือด

เดิมทีพวกเขาจู่โจมฉับพลัน เพราะมั่นใจว่าแม้จะฆ่าหลินสวินไม่ตายก็ยังทำให้พวกสิงเจี้ยนสยาจ่ายค่าตอบแทนสาหัสได้

แต่การกระทำของพวกแม่เฒ่ากระเรียนเซียนกลับทำลายแผนทั้งหมด!

เวลานี้แม้ว่าด่านนภาสี่ลักษณ์ยังคงถูกพวกเขาครอบครอง เพียงแต่หากหมายจะไปจัดการหลินสวินและพวกสิงเจี้ยนสยาอีก กลับเห็นชัดว่าเป็นไปไม่ได้แล้ว

เว้นแต่…

พวกเขายินดีทิ้งด่านนภาสี่ลักษณ์!

เพียงแต่พวกอิงเทียนเซิงมีหรือจะยินยอม

“แม่เฒ่ากระเรียนเซียน นี่พวกเจ้าตั้งใจจะเป็นศัตรูกับพวกข้าโดยสมบูรณ์หรือ”

หลังกลับไปบนด่านนภาสี่ลักษณ์อีกครั้ง สีหน้าอิงเทียนเซิงเขียวคล้ำ เอ่ยปากเสียงกร้าว

เขาที่ก่อนหน้านี้มาดสง่าราศีจับ หน้าตาโอบเอื้อ แต่กลิ่นอายทั่วร่างในเวลานี้กลับแข็งกร้าวไร้ที่เปรียบ วาจาเย็นเยียบ ไอสังหารรุนแรงนั่นยังทำให้คนรู้สึกกดดันจากไกลๆ

“พวกข้าแค่ทนดูไม่ไหวก็เท่านั้น หากหนึ่งต่อหนึ่ง ไม่ว่าตัดสินเป็นตายหรือตัดสินแพ้ชนะ พวกข้าย่อมไม่สอดมือ แต่เจ้าอิงเทียนเซิงกลับพาคนไปจัดการขั้นสรรสร้างคนเดียว นี่ออกจะไร้ยางอายเกินไปแล้ว ไม่กลัวถูกสวรรค์ลงทัณฑ์บ้างหรือ”

แม่เฒ่ากระเรียนเซียนกล่าวด้วยสีหน้าราบเรียบ จริงอยู่ว่ากำลังพลที่พวกอิงเทียนเซิงมีอยู่พาให้คนกริ่งเกรง แต่แม่เฒ่ากระเรียนเซียนก็ไม่หวั่น

มีชีวิตอยู่มาไม่รู้กี่กาลเวลาแล้ว ถึงจะสู้ไม่ไหวแค่หนีออกจากโลกบัวชะตาแห่งนี้ตรงๆ ก็จบ อย่างมากแค่พลาดการชิงโอกาสไปแหล่งสถานอัศจรรย์ครั้งหนึ่งเท่านั้น

เมื่อก่อนก็ใช่ว่าไม่เคยพลาดโอกาสเสียหน่อย…

สีหน้าอิงเทียนเซิงยิ่งไม่น่ามองขึ้นเรื่อยๆ โมโหจนอกกระเพื่อม

ขั้นสรรสร้างคนหนึ่งหรือ

บนโลกนี้ยังมีขั้นสรรสร้างคนอื่นที่สามารถสังหารขั้นไร้ขอบเขตใหญ่ระดับปลายยอดได้อย่างหลินสวินอีกหรือ

“เหอะๆ แม่เฒ่ากระเรียนเซียนกล่าวถูกต้องยิ่งนัก หนึ่งต่อหนึ่งไม่ไหว พวกเขาจึงได้แต่ใช้วิธีต่ำช้าแบบคนหมู่มากรุมคนน้อยเช่นนี้”

สิงเจี้ยนสยาก็เอ่ยปากยิ้มเย็นชาเช่นกัน จากนั้นเขาก็หันไปประสานหมัดคารวะให้กับพวกแม่เฒ่ากระเรียนเซียนจากไกลๆ “ขอบคุณทุกท่านยิ่งนักที่ก่อนหน้านี้ลงมือช่วยผดุงธรรม บุญคุณครานี้สิงเจี้ยนสยาไม่มีวันลืมตลอดชีวิต วันหน้าต้องตอบแทนแน่นอน!”

“หากเจ้าสิงเจี้ยนสยามีโอกาสยึดครองด่านนภาแห่งหนึ่ง พวกข้าก็ไม่มีทางไม่ลงมือช่วงชิงเพราะเห็นแก่บุญคุณเล็กน้อยนี่หรอก” แม่เฒ่ากระเรียนเซียนกล่าวด้วยรอยยิ้มชอบใจ

“พวกเราแค่ตัดสินแพ้ชนะก็พอ”

สิงเจี้ยนสยาระเบิดหัวเราะออกมา

เวลานี้หลินสวินและเซียวเหอย้อนกลับมาพร้อมกัน ยามมองเห็นภาพนี้ล้วนถอนหายใจโล่งอก

“แต่ถ้าหากสหายน้อยหลินยึดครองด่านนภาได้แห่งหนึ่ง พวกข้าต้องชั่งใจสักหน่อยแล้ว”

แม่เฒ่ากระเรียนเซียนมองหลินสวินด้วยรอยยิ้มตาหยี ไม่ปิดบังความชื่นชมจากใจสักนิด

ทุกคนล้วนอดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้

และไกลออกไปบนด่านนภาสี่ลักษณ์ สีหน้าของพวกอิงเทียนเซิงยิ่งไม่น่าดูขึ้นเรื่อยๆ

การตายของกู่เชาจือและจอมมารหูยงทำให้กำลังพลของพวกเขาสูญเสียไปไม่น้อย โดยเฉพาะการร่วงหล่นของจอมมารหูยงยิ่งสร้างความเสียหายอย่างหนักให้พวกเขา

แต่ไม่ว่าอย่างไรกำลังพลอย่างพวกเขา ในโลกบัวชะตาตอนนี้ยังคงเรียกได้ว่ากร้าวแกร่งสุดขีด ขอเพียงเฝ้ารักษาที่นี่ คนทั่วไปย่อมไม่กล้าบุกมาท้าทายสักนิด

จนกระทั่งสิบวันให้หลัง ยามแท่นมรรคบัวชะตาตื่นจากการหลับใหล พลังกฎระเบียบโชคชะตาที่ผนึกบนแท่นมรรคบัวชะตาก็จะแผ่กว้างออกมาพร้อมกัน

ถึงตอนนั้นพวกเขาก็สามารถประชันกับผู้ฝึกปราณที่ครองด่านนภาอีกแปดแห่งที่เหลือ ไปแย่งชิงโอกาสไปแหล่งสถานอัศจรรย์นั่นได้!

ดังนั้นพวกอิงเทียนเซิงไม่มีทางทิ้งด่านนภาสี่ลักษณ์ในตอนนี้เด็ดขาด

“สิงเจี้ยนสยา พูดพล่ามให้น้อยหน่อย เจ้ากล้าตัดสินเป็นตายกับข้าหรือไม่”

ทันใดนั้นชายผอมแห้งคนหนึ่งข้างตัวอิงเทียนเซิงเอ่ยปาก เขาสวมชุดสีหมึกทั้งชุด ใบหน้าซูบตอบ แววตาคมกริบ สะพายค้อนทองแดงใหญ่ยักษ์เต้าหนึ่ง กลิ่นอายดุดันแข็งกร้าวสุดขีด

ฉิวเฟิ่งฉือ!

คนผู้นี้เป็นหนึ่งในมือซ้ายขวาของอิงเทียนเซิงเช่นเดียวกับจอมมารหูยง พลังต่อสู้ไม่ด้อยกว่าจอมมารหูยง

“ฮ่าๆ เจ้าคิดว่าข้าจะโง่เช่นเจ้าหรือ ก่อนหน้านี้อิงเทียนเซิงก็เล่นกลลักขื่อเปลี่ยนเสา เปลี่ยนจากนิ่งปู้ชวีเป็นจอมมารหูยงแล้ว ข้ากังวลว่าพอไปลานประลองเป็นตาย คู่ต่อสู้จะกลับกลายเป็นคนอื่นแทน”

สิงเจี้ยนสยาหัวเราะ ไม่ปกปิดแววเสียดสีของตนสักนิด

ท้าทายหรือไม่ล้วนขึ้นอยู่กับเขา

แต่หากเริ่มท้าทายเมื่อไร คู่ต่อสู้จะเป็นใครกันแน่ นั่นก็ต้องขึ้นอยู่กับอิงเทียนเซิง

“ทำไม เจ้าสิงเจี้ยนสยาก็กลัวพวกพ้องคนอื่นๆ ข้างกายข้าด้วยหรือ”

ฉิวเฟิ่งฉือไม่ยินยอม ยั่วยุต่อไป

กลับเห็นจอมมรรคซานเฟิงกลอกตา กล่าวขึ้นปุบปับ “คำพูดเหลวไหลเยอะจริงเชียว หากเจ้าไม่กลัวก็ไสหัวลงมาจากด่านนภาสี่ลักษณ์เพียงลำพัง ข้ารับรองว่าจะให้สิงเจี้ยนสยาสู้กับเจ้า กล้าหรือไม่”

ฉิวเฟิ่งฉือพูดไม่ออกทันที

หากอยู่ลานประลองเป็นตาย คนอื่นไม่มีโอกาสแทรกแซงสักนิด

แต่หากเขาออกจากด่านนภาสี่ลักษณ์เพียงลำพัง ยามต่อสู้โรมรันกับสิงเจี้ยนสยาแล้วถูกคนล้อมกรอบจะทำอย่างไร

ถึงตอนนั้นกลัวว่าพวกอิงเทียนเซิงคงไม่ทันได้เข้าช่วยเหลือด้วยซ้ำ

ความนิ่งเงียบของฉิวเฟิ่งฉือทำให้คนในที่นี้หัวเราะขึ้นมาตามๆ กัน

และนี่ทำให้อิงเทียนเซิงไม่ชอบใจฉิวเฟิ่งฉืออยู่บ้างอย่างไม่อาจเลี่ยง เวลาไหนแล้วยังมีแก่ใจตีฝีปากกับผู้อื่นอีก

ตอนนี้กลับดีนัก แม้แต่สงครามน้ำลายยังสู้ไม่ไหว ถูกคนหัวเราะเยาะโดยใช่เหตุอีก!

“พวกเราไปจากที่นี่ก่อน”

สิงเจี้ยนสยามองหลินสวินที่อยู่ข้างตัวปราดหนึ่ง ไม่กล้าโอ้เอ้อีก หมุนตัวจากไปทันที

พวกแม่เฒ่ากระเรียนเซียนไม่แปลกใจสักนิด

สุดท้ายกำลังพลของพวกสิงเจี้ยนสยายังห่างชั้นกับพวกอิงเทียนเซิงมาก หลินสวินสามารถกำจัดจอมมารหูยงและกู่เชาจือในศึกครั้งนี้ได้ กุญแจสำคัญคือไม่มีใครคาดคิดว่าขั้นสรรสร้างอย่างหลินสวินจะมีพลังต่อสู้เย้ยฟ้าถึงขั้นนี้

และตอนนี้ผู้คนล้วนตระหนักถึงความน่ากลัวของหลินสวินแล้ว เวลานี้แม้ว่าหลินสวินยังมีพลังไปต่อสู้ พวกอิงเทียนเซิงก็ไม่มีทางถูกโจมตีจนรับมือไม่ทันอย่างก่อนหน้านี้อีกแน่

ถึงขั้นที่หากหลินสวินเข้าลานประลองเป็นตายอีก เกรงว่าอิงเทียนเซิงจะเป็นฝ่ายลงมือด้วยตัวเอง!

“สหายยุทธ์ จะปล่อยพวกเขาไปทั้งอย่างนี้หรือ”

เมื่อเห็นเงาร่างของพวกหลินสวินค่อยๆ ไกลออกไป นิ่งปู้ชวีก็รู้สึกขัดใจอยู่บ้างอย่างอดไม่ได้

อิงเทียนเซิงกล่าวเย็นชา “ก่อนหน้านี้หากให้เจ้าลงมือ เจ้ายังจะมีชีวิตมาถามคำถามนี้อยู่อีกหรือ”

ประโยคเดียวทำเอาสีหน้านิ่งปู้ชวีบิดเบ้แดงก่ำ

เขารู้ดียิ่ง ในใจอิงเทียนเซิงตนไม่อาจเทียบจอมมารหูยง หากเป็นไปได้อิงเทียนเซิงอยากให้คนที่ตายก่อนหน้านี้คือเขานิ่งปู้ชวี!

“ไม่ต้องจมในความแค้นอีก นี่แก้ปัญหาไม่ได้ สิ่งที่พวกเราต้องทำก็แค่เฝ้าด่านนภาสี่ลักษณ์เพื่อไปชิงแท่นมรรคบัวชะตา”

อิงเทียนเซิงสูดหายใจลึกคราหนึ่ง กล่าวด้วยแววตาเย็นเยียบ “ยิ่งกว่านั้นในโลกบัวชะตาแห่งนี้ ศัตรูคู่อาฆาตของพวกสิงเจี้ยนสยาไม่ได้มีแค่พวกเรา!”

เขานึกถึงพวกยุคธรรมและยุคพ่อมดขึ้นมา

กองกำลังที่สองฝ่ายนี้ครอบครองไม่ด้อยกว่ายุคมารของพวกเขาสักนิด

หนึ่งถ้วยชาให้หลัง

ในเทือกเขาเวิ้งว้างแถบหนึ่ง ที่นี่ห่างจากด่านนภาสี่ลักษณ์หลายแสนจั้งแล้ว

“สหายน้อย เจ้าแค่สงบใจรักษาอาการบาดเจ็บที่นี่ก็พอ”

พวกสิงเจี้ยนสยาโบกมือ ช่วยหลินสวินสร้างถ้ำสถิตขึ้นมาแห่งหนึ่งและกางผนึกแน่นหนาไว้รอบบริเวณ นอกจากนี้พวกสิงเจี้ยนสยาล้วนนั่งเฝ้าในพื้นที่ใกล้เคียงด้วย

หลินสวินไม่ได้บอกปัด เข้าไปนั่งขัดสมาธิในถ้ำสถิตและล้วงโอสถเทพทุกชนิดออกมาเริ่มหลอม

การต่อสู้กับกู่เชาจือก่อนหน้านี้ไม่ได้ทำให้เขาบาดเจ็บ

แต่ในการต่อสู้กับจอมมารหูยงกลับทำให้เขาบาดเจ็บมากมาย แม้จะไม่ถึงขั้นอันตรายถึงชีวิต แต่ก็ส่งผลร้ายแรงต่อการปลดปล่อยพลังต่อสู้ของเขา

สิ่งสำคัญที่สุดคือหลังผ่านศึกเข่นฆ่าครั้งใหญ่ที่ดุเดือดสุดจะเปรียบสองครั้ง พลังทั้งตัวเขาแห้งเหือดปานน้ำมันขอดตะเกียงแล้ว

ฟู่!

หลินสวินสลัดความคิดฟุ้งซ่าน สภาวะจิตจมจ่อมสู้การฝึกปราณอย่างรวดเร็ว

และพร้อมๆ กาลเวลาที่เคลื่อนคล้อย ข่าวเกี่ยวกับหลินสวินสังหารกู่เชาจือและจอมมารหูยงต่อเนื่องหน้าด่านนภาสี่ลักษณ์ก็กระจายไปยังที่อื่นๆ ในโลกบัวชะตาเหมือนไฟลามป่า

เวลาเพียงไม่ถึงหนึ่งวัน เหล่าผู้ฝึกปราณที่กระจายอยู่ตามพื้นที่ต่างๆ โลกบัวชะตาล้วนแตกตื่น เรียกคลื่นใหญ่ซัดสาด

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท