ตอนที่ 3156 ลำดับระเบียบมรรควัฏจักร

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ตอนที่ 3156 ลำดับระเบียบมรรควัฏจักร

บรรพจารย์วานรมาอย่างรวดเร็วและจากไปรวดเร็วยิ่งกว่า

จอมมรรคชะตาสวรรค์เก้าคนในคฤหาสน์ใหญ่ล้วนสีหน้าต่างกันไป

คุณหนูถูกเจ้าลัทธิรั้งตัวไว้ข้างกายหรือ

หรือว่าเจ้าลัทธิมีความหวังจะหลุดพ้นจากโซ่กระบี่นั่นแล้ว

“ชิงหยางจื่อ ตอนนี้เจ้าก็เห็นแล้ว คุณหนูไม่มีโอกาสให้คำแนะนำใดๆ แก่พวกเราได้อีกแล้ว ตามความเห็นข้า เจ้าต้องเยือกเย็นไว้ก่อน ความรีบร้อนย่อมทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง”

มีคนกล่าวเสียงเบา

“แต่ข้ารอไม่ไหวแล้ว!”

ชิงหยางจื่อถอนใจยาวคราหนึ่งแล้วหมุนตัวไป

“ตามความเห็นข้า สิ่งที่ชิงหยางจื่อหวั่นใจก็ไม่อาจมองข้ามได้ หลินสวินนั่นถูกมองเป็นตัวแปรที่ไม่เคยมีมาก่อน หากสามารถกุมเขาไว้ในมือพวกเราได้โดยเร็วที่สุดย่อมเป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย”

ชายชราในชุดทองขู่เหอกล่าวเสียงขรึม

“ขู่เหอ กองกำลังภาคีอาคเนย์ของพวกเจ้ากระจายอยู่ในโลกชั้นที่สาม ‘โลกมืดมน’ ถึงตอนนั้นหากเจ้าหลินสวินนี่มีปัญญามาได้จริง จะสังหารเขาเลยก็ได้!”

มีคนเสนอ

โลกมืดมน โลกชั้นที่สามของแดนเทพสรรพวิญญาณ

ที่นั่นเป็นโลกขุ่นมัวที่ไม่อาจหยั่งสัมผัสได้แห่งหนึ่ง ทุกหนแห่งล้วนถูกพยับหมอกและไอชั่วร้ายปกคลุม แม้แต่ขั้นไร้ขอบเขตยังไม่อาจใช้จิตรับรู้ตรวจสอบและสัมผัสได้ แปลกประหลาดและอันตรายอย่างที่สุด

“นั่นก็ต้องดูว่าเขาหลินสวินจะมีชีวิตมาถึงโลกมืดมนได้หรือไม่”

ขู่เหอกล่าวเสียงเบา

หลินสวินในตอนนี้ยังอยู่ในโลกแปรปุถุชน แม้จะออกจากโลกแปรปุถุชนก็ต้องผ่านโลกชั้นที่สอง โลกภัยพิบัติออกมาก่อนจึงจะได้

กว่าจะทำได้ถึงขั้นนี้ก็ไม่รู้ว่าต้องใช่เวลานานเท่าไร

เวลาเคลื่อนคล้อย ผ่านไปอีกสองเดือนอย่างรวดเร็ว

โลกแปรปุถุชน

แม่น้ำใหญ่ที่ระลอกคลื่นไพศาลสายหนึ่ง หลินสวินบังคับเรือล่องคลื่น ดื่มสุราไปพลางขณะดูตำราหยกวิชามรรคในมือ

ลองคำนวณเวลา เขาท่องไปในโลกแปรปุถุชนแห่งนี้สามเดือนแล้ว

สามเดือนมานี้รอยเท้าของเขาเกือบกระจายทั่วสี่สิบเก้าอาณาจักรของโลกแปรปุถุชน รูปจำลองวิชามรรคที่พบเจอตลอดทางส่วนใหญ่ล้วนถูกเอาชนะ

มีรูปจำลองวิชามรรคเพียงสิบกว่าสายเท่านั้นที่ถูกหลินสวินละไว้

เหตุที่ไม่ได้ประมือกับรูปจำลองวิชามรรคสิบกว่าสายนี้ เป็นเพราะกลิ่นอายของรูปจำลองวิชามรรคเหล่านี้เหนือกว่าสายอื่นๆ แข็งแกร่งไร้ใดเปรียบ

แทบจะเป็นพวกน่าสะพรึงในระเบียบมรรควัฏจักรยี่สิบอันดับแรก

อย่างรูปจำลองวิชามรรคที่เจ้าแห่งคีรีดวงกมลอาจารย์ของหลินสวินทิ้งไว้เป็นศิลามรรคชิ้นหนึ่ง บนศิลาปรากฏภาพเสี้ยวจันทร์สามดารา เป็นลำดับที่หนึ่งในระเบียบมรรควัฏจักร!

เมื่อรู้เรื่องนี้หลินสวินยังอดสะท้านสะเทือนไม่ได้

แต่ต่อมาเขาสืบข้อมูลจึงรู้ว่า ไม่ว่าจะเป็นเจ้าลัทธิไท่ชู มือกระบี่ลึกลับคนนั้น หรือจะเป็นเฉินซี กลับไม่ได้ทิ้งรูปจำลองวิชามรรคไว้

ราวกับมหามรรคไร้นาม!

และเป็นเพราะเหตุผลนี้ ทำให้จิตใจหลินสวินหนักอึ้งอยู่บ้าง

ด้วยความสามารถของอาจารย์ การปรากฏในระเบียบมรรควัฏจักรเป็นลำดับหนึ่งดูเหมือนสะดุดตาและน่าทึ่งถึงขีดสุด

แต่เทียบกับไท่ชู เฉินซี และมือกระบี่คนนั้น กลับดูเหมือนยังด้อยกว่าอยู่ช่วงหนึ่ง…

ต่อมาหลินสวินพบรูปจำลองวิชามรรคที่จักจั่นทองทิ้งไว้อีก นั่นเป็นจักจั่นทองที่มีความสมจริงราวกับมีชีวิตตัวหนึ่ง ฟุบบนเมฆมงคลก้อนหนึ่ง ทำท่าเงยมองท้องฟ้า

จากนั้นหลินสวินจึงรู้ว่ารูปจำลองวิชามรรคของจักจั่นทองถึงกับอยู่อันดับหนึ่งในระเบียบมรรควัฏจักรของโลกแปรปุถุชนเช่นเดียวกัน!

และจากนั้นหลินสวินก็เจอรูปจำลองวิชามรรคของอีกาดำ บริวารอันดับหนึ่งของไท่ชู บรรพจารย์วานร และเฉินหลินคงสามคนติด ล้วนอยู่อันดับหนึ่งเช่นเดียวกัน

หรือกล่าวได้ว่า วิชามรรคของเจ้าแห่งคีรีดวงกมล จักจั่นทอง เฉินหลินคง อีกาดำ บรรพจารย์วานร ล้วนอยู่ลำดับหนึ่ง ไม่เด่นไม่ด้อยกว่ากัน!

เรื่องน่าเหลือเชื่อนี้ทำให้หลินสวินยังรู้สึกยากจะเชื่อ

ต้องเป็นสถานการณ์เช่นไรถึงทำให้บุคคลชั้นยอดห้าคนไม่อาจตัดสินสูงต่ำ คู่คีสูสีในการต่อสู้มหามรรคได้

หลินสวินคิดไม่ออก

หลังจากนี้เขายังพบรูปจำลองวิชามรรคของบรรพจารย์ทั้งสี่ อย่างหอบรรพจารย์ลัทธิแรกกำเนิด ลัทธิวิญญาณ ลัทธิพ่อมด ลัทธิฌาน ลำดับล้วนอยู่ในสิบอันดับแรก

นอกจากนี้ยังมีชื่อไม่คุ้นอีกส่วนหนึ่ง อย่างจอมมารจิ่วเย่ ตี้ชิง ต้วนเทียนหลิวเป็นต้น ล้วนอยู่ในยี่สิบอันดับแรก

แต่หลินสวินกลับพบเรื่องน่าตกใจบางส่วน

นั่นก็คือนับตั้งแต่จอมมารจิ่วเย่ที่อยู่ลำดับที่สิบเอ็ดเป็นต้นไป จนถึงต้วนเทียนหลิวลำดับที่ยี่สิบ รูปจำลองวิชามรรคที่พวกเขาทิ้งไว้ล้วนปรากฏ ‘ปราณมรณะ’!

นี่ก็หมายความว่า พวกน่าสะพรึงลำดับที่สิบเอ็ดถึงยี่สิบ ตั้งแต่จอมมารจิ่วเย่จนถึงต้วนเทียนหลิวล้วนร่วงหล่นลาโลกไปแล้ว!

พวกเขาตายได้อย่างไรกันแน่

ระหว่างเดินทางในช่วงนี้หลินสวินก็เคยสืบเรื่องนี้จากผู้ฝึกปราณมากมาย

แต่คำตอบที่ได้รับส่วนใหญ่เป็นข่าวลือ

บ้างบอกว่าพวกจอมมารจิ่วเย่ร่วงหล่นระหว่างทางพิฆาตมรรค

บ้างบอกว่าเพราะพวกเขาไม่ยอมอยู่ใต้อาณัติเจ้าลัทธิไท่ชู จึงถูกเจ้าลัทธิไท่ชูสังหารด้วยความเดือดดาล

ถึงขั้นลือว่าพวกจอมมารจิ่วเย่ตายเพราะประสบภัยร้ายแรงที่ไม่อาจหยั่งในระหว่างสืบเสาะความลับต้องห้ามบางอย่างของแหล่งสถานอัศจรรย์

สรุปแล้ว เกี่ยวกับปริศนานี้เรียกได้ว่ามีความเห็นต่างๆ นานา

สิ่งเดียวที่สามารถมั่นใจได้คือ พวกน่าสะพรึงอย่างพวกจอมมารจิ่วเย่ร่วงหล่นก่อนหน้านี้นานแล้ว เนิ่นนานจนทำให้คนรุ่นอาวุโสบางส่วนยังไม่อาจระบุเวลาได้

แน่นอนว่าที่หลินสวินไม่ได้ไปต่อสู้กับรูปจำลองวิชามรรคสิบกว่าอันดับต้นๆ เหล่านั้น ไม่ใช่เพราะเกรงกลัว

แต่เพราะตั้งใจจะเก็บไว้ต่อสู้ทีหลังในตอนท้ายสุด

ถึงอย่างไรถ้าหลังการต่อสู้เกิดชักนำผลมรรคแรกกำเนิดมาได้ เช่นนั้นเขาก็ไม่อาจไม่ออกจากโลกแปรปุถุชนแห่งนี้ มีหรือยังจะไปต่อสู้กับรูปจำลองวิชามรรคอื่นๆ ได้

แม่น้ำใหญ่ที่หลินสวินบังคับเรือล่องในเวลานี้มีนามว่า ‘แม่น้ำท่องอดีต’ ไหลผ่านในอาณาจักรซ่ง บนแม่น้ำท่องอดีตนี้มีรูปจำลองวิชามรรคที่แข็งแกร่งสุดขีดสายหนึ่ง

นั่นคือโซ่ตรวนเส้นหนึ่ง วางพาดบนแม่น้ำท่องอดีต

โซ่ตรวนเป็นสิ่งที่เพ่ยถู จอมมรรคชะตาสวรรค์ภาคีพายัพหนึ่งในเก้าภาคีไท่ชูทิ้งไว้

ในข้อมูลที่หลินสวินสืบมาได้ วิชามรรคของเพ่ยถูอยู่ในระเบียบมรรควัฏจักรลำดับที่ยี่สิบเอ็ด!

ในจอมมรรคชะตาสวรรค์เก้าคนของเก้าภาคีไท่ชู ลำดับของเพ่ยถูสูงที่สุด

รูปจำลองวิชามรรคของจอมมรรคชะตาสวรรค์แปดคนที่เหลือถูกหลินสวินเอาชนะทั้งหมดตั้งแต่ก่อนหน้านี้นานแล้ว

‘รอหลังจากต่อสู้กับเพ่ยถูนี่แล้วยังเรียกผลมรรคแรกกำเนิดมาไม่ได้อีก ก็ไปสู้กับรูปจำลองวิชามรรคที่บรรพจารย์จากสี่หอบรรพจารย์ทิ้งไว้’

หลินสวินลอบกล่าวในใจ

รูปจำลองวิชามรรคของผู้มากสามารถที่ร่วงหล่นไปนานแล้วอย่างจอมมารจิ่วเย่ ต้วนเทียนหลิว หลินสวินไม่คิดจะไปต่อสู้ด้วยแล้ว

ถึงอย่างไรพลังวิชามรรคเหล่านี้ก็ถือเป็นของเพียงหนึ่งเดียวที่พวกเขาทิ้งไว้บนโลกนี้ หากสูญหายไปเช่นนี้ออกจะน่าเสียดายเกินไป

แต่แม้ว่าหลินสวินจะเอาชนะรูปจำลองวิชามรรคมากมายตลอดทาง ก็ไม่กล้ารู้สึกภูมิใจเท่าไรนัก

ถึงอย่างไรรูปจำลองวิชามรรคเหล่านี้ล้วนถูกทิ้งไว้ก่อนหน้านี้นานแล้ว เป็นเพียงตัวแทนมรรควิถีในโลกแปรปุถุชนของบรรดาผู้มากสามารถในตอนนั้นเท่านั้น

ตอนนี้กาลเวลาผ่านไปนานนับไม่ถ้วนแล้ว ผู้มากสามารถเหล่านั้นผ่านประตูสวรรค์เก้าชั้น ผ่านเส้นทางพิฆาตมรรค ผลมรรคแรกกำเนิดที่ได้รับตลอดทางย่อมไม่น้อย มรรควิถีที่ครอบครองในปัจจุบันก็ย่อมไม่ใช่สิ่งที่เมื่อก่อนจะเทียบติดนานแล้วอย่างแน่นอน

อีกอย่าง ลำดับสูงต่ำในระเบียบมรรควัฏจักรของโลกแปรปุถุชน ไม่ได้ส่งผลต่อความสำเร็จในภายหลังของพวกผู้ยิ่งใหญ่เหล่านั้น พวกลำดับท้ายๆ ใช่ว่ามรรควิถีในปัจจุบันจะไม่แข็งแกร่ง

‘นั่นก็คือรูปจำลองวิชามรรคของเพ่ยถูหรือ’

บนเรือน้อย ในครรลองสายตาหลินสวินมองเห็นโซ่ตรวนที่พาดข้ามผิวน้ำ หนาราวถังน้ำ ดำสนิทมันเงา บนโซ่ตรวนมีเงาแสงสีเขียวครามไหลเวียน

มองจากไกลๆ เส้นเหล็กพาดข้ามแม่น้ำใหญ่ ยิ่งเหมือนปราการธรรมชาติแห่งหนึ่ง สามารถปิดกั้นฟ้าดินทั้งหมด อานุภาพแน่นหนาหนักทึบถึงขีดสุด

สองฝั่งแม่น้ำท่องอดีตมีเงาร่างผู้ฝึกปราณมากมายรวมตัวกันอยู่ก่อนแล้ว

ราวกับเฝ้ารอนานแล้ว

ยามเห็นเรือลำนั้นบรรทุกหลินสวินเข้ามา ผู้ฝึกปราณเหล่านี้ล้วนนัยน์ตาวาววับ

พวกเขารอที่นี่มานานแล้วจริงๆ!

สามเดือนนี้หลินสวินกรำศึกขึ้นเหนือล่องใต้ ต่อสู้ทั่วหล้า กวาดล้างจนบัดนี้ ตลอดทางยังไม่เคยพ่ายแพ้สักครั้ง เรียกคลื่นใหญ่มหึมาในโลกแปรปุถุชนแห่งนี้นานแล้ว ดึงดูดความสนใจนับไม่ถ้วน

ไม่จำเป็นต้องคิดมากสักนิด พวกเขารู้แล้วว่าหลินสวินต้องมาที่แม่น้ำท่องอดีตแห่งนี้แน่นอน

ดังคาด ตอนนี้หลินสวินมาแล้ว

“ตระเวนต่อสู้ตลอดทางจนบัดนี้ รูปจำลองวิชามรรคที่พ่ายแพ้ใต้น้ำมือหลินสวินมีจำนวนแปดร้อยสายแล้ว รูปจำลองวิชามรรคหลังจากร้อยลำดับหลังไม่ถูกหลินสวินเห็นในสายตาแล้ว…”

มีคนทอดถอนใจ

เรื่องที่เกิดในสามเดือนนี้มากมายเกินไป สามารถทำให้ใครก็ตามยากจะลืมเลือนไปชั่วชีวิต

“อยู่ขั้นไร้ขอบเขตเหมือนกัน หากเปลี่ยนเป็นข้าเอาชนะรูปจำลองวิชามรรคหนึ่งในนั้น เกรงว่าคงเรียกผลมรรคแรกกำเนิดมา เข้าประตูสวรรค์แล้วจากไปนานแล้ว แต่จนบัดนี้หลินสวินกลับไม่เคยชักนำผลมรรคแรกกำเนิด เมื่อเทียบกัน… ช่างทำให้คนได้แต่ก้มหน้าเจียมตัว ละอายที่เทียบไม่ติดจริงๆ”

มีคนถอนใจยาว

โลกแปรปุถุชนแห่งนี้มีผู้ฝึกปราณขั้นไร้ขอบเขตกระจายอยู่นับหมื่น แต่จนบัดนี้กลับมีน้อยคนที่สามารถสั่นคลอนรูปจำลองวิชามรรคเหล่านั้นได้ ทว่าเพียงสามเดือนสั้นๆ หลินสวินกลับกวาดล้างรูปจำลองวิชามรรคมากมายไปแปดร้อยสาย เทียบกันแล้วใครจะไม่ก้มหน้างุดบ้าง

“ทุกท่านไม่ต้องท้อแท้ คนอย่างหลินสวิน เสาะหาในกาลเวลาไร้สิ้นสุดที่ผ่านมาก็มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น ย่อมต้องต่างจากพวกเราอยู่แล้ว”

และมีคนปลอบใจพวกพ้องข้างตัวเสียงเบา

สำหรับผู้ฝึกปราณทุกคนในโลกนี้ หลินสวินก็คือตำนานที่ได้แต่แหงนมองคนหนึ่ง แม้แต่ความคิดริษยายังอาจมี เพราะความแตกต่างห่างกันเกินไป อย่าว่าแต่ไล่ตาม กระทั่งการเฉียดใกล้ยังยาก

ระหว่างส่งเสียง สายตาของผู้ฝึกปราณที่อยู่สองฝั่งของแม่น้ำใหญ่ล้วนจับจ้องการเคลื่อนไหวของหลินสวิน

ไม่ว่าใครล้วนรู้ดี หลังจากนี้ต้องมีการต่อสู้น่าตะลึงเกิดขึ้นอีกครั้ง!

ขณะเดียวกันหลินสวินก็สังเกตเห็นบรรดาผู้ฝึกปราณที่สองฝั่งแม่น้ำใหญ่แล้ว ทว่าเขาชินกับภาพเช่นนี้นานแล้ว

ไม่กี่วันมานี้ไม่ว่าเขาปรากฏตัวขึ้นที่ใด เป็นต้องมีผู้ชมการต่อสู้มารอข้างทางอยู่ก่อนแล้ว

หลินสวินเก็บกาสุรา ปัดแขนเสื้อเบาๆ ยามหันมองเส้นเหล็กนั่นอีกครา พลังขับเคลื่อนทั้งตัวก็เปลี่ยนไปเงียบๆ แล้ว

ฮูม…

ทันใดนั้นเส้นเหล็กใหญ่หนาดำสนิทพลิกม้วนส่ายไหว แสงมรรคหนาแน่นน่าเกรงขามอุบัติออกมา จากนั้นกลายเป็นชายรูปร่างสูงโปร่ง สวมชุดยาวสีเขียวทึบคนหนึ่ง

เท้าของเขาเหยียบอาทิตย์ดวงใหญ่สีดำ เบื้องหน้าปรากฏโซ่เทพสีดำที่แปลงมาจากพลังกฎระเบียบ ลอยเอื่อยวนเวียนราวกับมังกรสีดำ อานุภาพทั้งตัวสะเทือนเก้าชั้นฟ้าสิบแผ่นดิน

เพ่ยถู!

จอมมรรคชะตาสวรรค์ภาคีพายัพ ออกจากโลกแปรปุถุชนเมื่อสองแสนปีก่อน วิชามรรคที่เขาทิ้งไว้ในตอนนั้นเป็นลำดับที่ยี่สิบเอ็ดในระเบียบมรรควัฏจักร

ทั่วบริเวณเงียบกริบ สภาวะจิตของผู้ฝึกปราณทั้งหมดล้วนถูกดึงดูด

การต่อสู้ครั้งใหญ่กำลังจะปะทุขึ้น

เมื่อตระหนักถึงอานุภาพที่แผ่ออกมาจากตัวเพ่ยถู หลินสวินเลิกคิ้วน้อยๆ

เจ้าหมอนี่แข็งแกร่งยิ่ง!

แข็งแกร่งกว่าฉือเชียนจี เทียนซิงจื่อหนึ่งช่วง เป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาคู่ต่อสู้ที่หลินสวินประมือด้วยในช่วงสามเดือนมานี้

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท