ตอนที่ 3157 มรรคาทั้งปวง ข้าสืบเสาะมาเอง

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ตอนที่ 3157 มรรคาทั้งปวง ข้าสืบเสาะมาเอง

แม้ว่าเพ่ยถูจะแข็งแกร่ง แต่แรงกดดันที่มอบให้หลินสวิน แม้จะมีอยู่บ้างทว่าไม่ถึงขั้นมากเท่าไรนัก

‘ภายใต้การโจมตีเต็มกำลังครั้งเดียวย่อมตัดสินแพ้ชนะได้ แต่ยังต้องดูรากฐานพลังของเจ้าหมอนี่สักหน่อยน่าจะดี หากเจอกันภายหน้าจะได้ดึงมาใช้ประโยชน์’

หลินสวินพึมพำในใจ

ฮูม…

ในมือเพ่ยถู โซ่ยาวสีดำระบำคลั่ง ซัดพายุสีดำทั่วฟ้าขึ้นมา พุ่งโจมตีเข้าใส่หลินสวิน

หลินสวินวาดมือเรียกปราณกระบี่แถบหนึ่งมาปะทะกับมัน

ตูม โครม!

ทั้งคู่สู้ศึกใหญ่เหนือแม่น้ำท่องอดีต ดึงดูดสายตาของเหล่าผู้ฝึกปราณในที่นี้

สิบกระบวน

ร้อยกระบวน

สามร้อยกระบวน

…พร้อมกับเวลาเคลื่อนคล้อย สถานการณ์การต่อสู้ยิ่งดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ ทำเอาในที่นี้เกิดเสียงร้องตกใจเป็นระลอกๆ

แต่ก็มีผู้ฝึกปราณส่วนหนึ่งสงบยิ่ง

พวกเขาล้วนเคยเห็นหลินสวินต่อสู้หลายครั้ง พอจะสันนิษฐานได้ว่าหลินสวินในขณะนี้ไม่ได้ใช้กำลังทั้งหมด หากแต่กำลังรับมือกับพลังวิชามรรคของเพ่ยถู

เป้าหมายง่ายดายยิ่ง นั่นก็คือทำเพื่อหยั่งพลังมหามรรคของเพ่ยถู!

ดังคาด กระทั่งยามต่อสู้จนถึงแปดร้อยกระบวน จู่ๆ ปราณกระบี่สายหนึ่งพุ่งออกจากตัวหลินสวิน ฟันฉับกลางห้วงอากาศ

พรูด!

เงาร่างของเพ่ยถูถูกฟันสังหารสลายไร้รูป

“ชนะอีกแล้ว…”

ผู้คนอึ้งงัน สภาพจิตใจซับซ้อนและอ่อนไหว

“แต่ผลมรรคแรกกำเนิดก็ยังไม่ได้ปรากฏ…”

และมีคนตระหนักได้ว่าหลังจากเอาชนะพลังวิชามรรคของพวกน่าสะพรึงอย่างเพ่ยถู หลินสวินยังคงไม่อาจชักนำผลมรรคแรกกำเนิดมาได้เช่นเคย

นี่ทำให้ผู้คนล้วนตกใจยิ่งอย่างไม่อาจเลี่ยง

หลินสวินไม่มีใจมาสนใจเรื่องพวกนี้ การเอาชนะพลังวิชามรรคของเพ่ยถูเดิมก็อยู่ในความคาดหมายของเขา

เขาตั้งใจจะจากไป หลังพักผ่อนระยะหนึ่งค่อยไปต่อสู้กับพวกสิบลำดับแรกเหล่านั้น!

“สหายยุทธ์หลิน ขอบังอาจถามว่าต่อไปเจ้าจะไปสู้กับรูปจำลองวิชามรรคที่ผู้มากสามารถคนไหนทิ้งไว้หรือ”

เห็นว่าหลินสวินใกล้จากไปก็มีคนรวบรวมความกล้าถามขึ้น

“เทียนอู”

หลินสวินกล่าวชื่อหนึ่งทิ้งไว้แล้วจากไปอย่างผ่าเผย

เทียนอู!!

ทุกคนในที่นี้ล้วนตกใจ สูดหายใจสะท้านไม่หยุด

วิชามรรคของเพ่ยถูอยู่ลำดับยี่สิบเอ็ดในระเบียบมรรควัฏจักร

ส่วนวิชามรรคของเทียนอูอยู่ลำดับที่เก้า!

จากความห่างของลำดับก็รู้ว่ารูปจำลองวิชามรรคที่เทียนอูทิ้งไว้ปีนั้นน่ากลัวปานใด ย่อมไม่ใช่สิ่งที่รูปจำลองของเพ่ยถูจะเทียบติดแน่นอน

เหล่าผู้ฝึกปราณในที่นี้ล้วนรู้ดี เทียนอูในตอนนี้เป็นถึงจอมมรรคไร้ขอบเขตที่ชื่อเสียงสมคำเล่าลือ เข้าสู่แดนเทพมากเร้นตั้งแต่ก่อนหน้านี้นานมาแล้ว

ส่วนเพ่ยถูคนนี้ แม้จะเป็นจอมมรรคไร้ขอบเขตเช่นกัน แต่เทียบกับเทียนอู สุดท้ายยังขาดรากฐานพลังและคุณวุฒิอยู่บ้าง

“ไป พวกเราไปเขาพันวิหคอาณาจักรโจว รูปจำลองวิชามรรคของเทียนอูอยู่ที่เขานี้”

ทันใดนั้นก็มีคนจากไปอย่างรีบร้อน

และในวันนั้น ข่าวเกี่ยวกับหลินสวินจะไปต่อสู้กับรูปจำลองวิชามรรคของเทียนอูก็กระจายไปทั่วโลกแปรปุถุชนทันที

ในเขาลึกลูกหนึ่ง

หลินสวินนั่งบนพื้น สงบจิตหยั่งรู้พลังขับเคลื่อนในตัว

สามเดือนนี้เขาต่อสู้แปดร้อยกว่าครั้ง คู่ต่อสู้ที่ปะทะด้วยแต่ละครั้งล้วนเป็นผู้มากสามารถที่เหยียบมรรคานิรันดร์ มรรคาที่พวกเขาเสาะหาล้วนแตกต่างกัน แต่กลับอัศจรรย์ไม่ซ้ำกัน

ต่อสู้กับพวกเขา แพ้ชนะเป็นเรื่องรอง ที่หายากคือการทำให้หลินสวินสัมผัสมหามรรคสูงสุดน่าเหลือเชื่อมากมาย

นี่สร้างแรงบันดาลใจมากมายให้แก่เขา ในใจเกิดการหยั่งรู้จำนวนมาก

และตอนนี้หลินสวินกำลังเรียบเรียงแรงบันดาลใจและการหยั่งรู้ที่สั่งสมมาในระยะนี้

เมื่อเวลาเคลื่อนคล้อย บนตัวหลินสวินมรรคาสูงสุดอย่างหนึ่งค่อยๆ ไหลหลั่ง ห้าวหาญรุนแรง อหังการกำแหง ปลดปล่อยนัยเร้นลับอัศจรรย์ไร้สิ้นสุดออกมา

นี่คือมรรคาที่อยู่ในเตาทองแดงหน้าอารามมรรคเมืองหลวงอาณาจักรสมโภช เป็นมรรคาที่เหิงชิวเสาะหา!

ภาพเช่นนี้หากถูกผู้อื่นเห็นเกรงว่าต้องตกใจแน่นอน

ถึงอย่างไรมรรคาที่ขั้นไร้ขอบเขตคนหนึ่งครอบครอง ยากเย็นและลึกลับปานใด นอกจากเจ้าตัว คนอื่นไม่อาจสอดส่องนัยเร้นลับในนั้นได้สักนิด

แต่ตอนนี้มรรคาของเหิงชิวกลับถูกหลินสวินอนุมานและตีความออกมาทั้งหมด…

และไม่นานนักเลือดลมบนตัวหลินสวินเปลี่ยนแปลงไปกะทันหัน มีมรรคาชั้นสูงชนิดใหม่ปรากฏอีกครั้ง รับและเข้าแทนที่มรรคาของเหิงชิว

มรรคาใหม่นี้เต็มไปด้วยพลังชีวิตที่สดใสเดือดพล่าน เสมือนต้นไม้ใหญ่ผลัดใบ อุ้มหยินแบกหยาง มีแหล่งกำเนิดไร้สิ้นสุด นัยเร้นลับมีชีวิตชีวาไม่รู้จบ

นี่คือมรรคาของเนี่ยนตงเยวี่ย เจ้าของต้นไม้โบราณหน้าประตูบูรพาของวังหลวงอาณาจักรสมโภช!

จากนั้นในเวลาถัดมา มรรคาชั้นยอดมากมายไหลหลั่งบนตัวหลินสวิน นัยเร้นลับที่ซ่อนเร้นในนั้นถูกเขาใช้พลังขับเคลื่อนในตัวอนุมานและสำแดงออกมาทั้งหมด

ภาพเหล่านั้นน่าเหลือเชื่อสุดจะเปรียบ หากกระจายออกไปต้องสะเทือนสิบทิศ เรียกความปั่นป่วนทั่วหล้า ถึงขั้นทำให้คนระดับเดียวกันเหล่านั้นตกใจเป็นแน่

ถึงอย่างไรหลินสวินก็แค่เคยต่อสู้กับรูปจำลองวิชามรรคเหล่านั้นเท่านั้น แต่กลับเหมือนมองทะลุจุดหลักสำคัญของมรรคาฝ่ายตรงข้าม ครอบครองและถอดความออกมาทั้งหมด!

นี่น่ากลัวปานใด

และนี่ก็คือสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากเปลี่ยนแปลงนัยเร้นลับนิพพานมาถึงปัจจุบัน สามารถแปลงนัยเร้นลับหมื่นมรรคไว้ในจิต แปรหลักการทั่วหล้าไว้ในมรรค!

และเป็นในโลกแปรปุถุชนแห่งนี้ ที่หลินสวินสามารถขุดความสามารถต้องห้ามเช่นนี้ออกมาจากนัยเร้นลับนิพพานได้ ทำให้เขาสามารถศึกษามรรคของคู่ต่อสู้ได้ทั้งหมด และผสานไปกับมรรคแห่งตนแล้วสำแดงออกมา

แน่นอนว่าเงื่อนไขตั้งต้นคือต้องเอาชนะคู่ต่อสู้ให้ได้ก่อน

หนึ่งเดือนเต็มให้หลัง

อานุภาพบนตัวหลินสวินเปลี่ยนแปลงไป วิวัฒน์มรรคาของจอมมรรคชะตาสวรรค์ภาคีพายัพเพ่ยถูออกมา

จนกระทั่งสุดท้ายพร้อมกับเสียงอึงอลระลอกหนึ่ง เลือดลมในตัวหลินสวินค่อยๆ สงบนิ่งลงมา

จนบัดนี้นัยเร้นลับมรรคานิรันดร์แปดร้อยกว่าชนิด ถูกหลินสวินผสานเข้าสู่มรรคแห่งตนอย่างหมดจดแล้ว

คัดแก่นสำคัญของมัน กําจัดกากทิ้ง สุดท้ายก็ผสานเข้าด้วยกัน

และเป็นเวลานี้เช่นกันที่หลินสวินสัมผัสได้ว่ามรรควิถีของตนรุดหน้าขึ้นอีกช่วงใหญ่ พลังทั่วร่างไม่ใช่สิ่งที่ตนยามเพิ่งเข้าโลกแปรปุถุชนจะเทียบติดแล้ว

ลองคำนวณเวลาโดยละเอียด เขามาถึงโลกแปรปุถุชนจนบัดนี้เพิ่งสี่เดือนเศษเท่านั้น

‘แม้จะไม่เคยชักนำผลมรรคแรกกำเนิด แต่สามารถได้รับนัยเร้นลับมรรคามากมายเช่นนี้ในการต่อสู้มหามรรคได้ สำหรับข้าก็ไม่ด้อยไปกว่าศุภโชคครั้งหนึ่งแล้ว…’

หลินสวินพึมพำในใจ

ครู่ต่อมาเขาหยัดตัวลุกขึ้น สองมือไพล่หลังเดินออกไปเนิบๆ ก็ถึงคราวต้องไปสู้กับรูปจำลองวิชามรรคของบรรพจารย์ลัทธิพ่อมดแล้ว

สองวันให้หลัง

อาณาจักรโจว เขาพันวิหค

เขานี้ได้ชื่อมาจากรูปร่างคล้ายนกพันตัวกางปีกร่อนเวหา เป็นสถานที่ชื่อดังชั้นหนึ่งของอาณาจักรโจว

บนยอดเขาพันวิหคมีแท่นบูชากระดูกขาวแท่นหนึ่ง สูงราวเก้าฉื่อ บนนั้นสลักสัญลักษณ์เทพมารดึกดำบรรพ์เป็นรูปๆ ปลดปล่อยกลิ่นอายน่าสะพรึงประหนึ่งเก่าแก่ โกลาหล และปั่นป่วนออกมา

นี่ก็คือรูปจำลองวิชามรรคของบรรพจารย์ลัทธิพ่อมดเทียนอู!

ยามเงาร่างหลินสวินปรากฏตัวกลางอากาศ ก็เห็นในบริเวณใกล้เคียงเขาพันวิหคมีผู้ฝึกปราณไม่รู้เท่าไรรวมตัวกันอยู่ก่อนแล้ว

เห็นชัดว่าเฝ้ารออยู่ที่นี่ตั้งแต่ก่อนหน้านี้นานมากแล้ว

เวลานี้สายตาของทุกคนล้วนหันมองหลินสวินเป็นจุดเดียว ประหนึ่งมองดูตำนานไร้ทัดเทียมมาเยือน

หลินสวินไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้

เขาเลื่อนสายตามองแท่นบูชากระดูกขาวแท่นนั้น

ตูม!

แท่นบูชากระดูกขาวส่งเสียงกังวานทันควัน เผยเงาร่างสูงใหญ่ทรงอานุภาพสายหนึ่ง สวมชุดหนังสัตว์ ผมเคราดุจหอก บนผิวหนังมีสัญลักษณ์แสงมรรคที่คลุมเครือหยาบกระด้าง

เพียงยืนง่ายๆ ก็เสมือนเทพมารสูงสุดที่กำราบแดนดึกดำบรรพ์

เทียนอู!

บรรพจารย์ลัทธิพ่อมด วิชามรรคเป็นลำดับที่เก้าในระเบียบมรรควัฏจักร

หากอยู่แหล่งสถานอัศจรรย์ นี่ก็เป็นพวกปลายยอดที่กร้าวแกร่งจนรู้จักกันทั่วหล้าคนหนึ่ง

แม้ว่าสิ่งที่ปรากฏตอนนี้เป็นเพียงพลังวิชามรรคที่เขาทิ้งไว้ที่โลกนี้เมื่อปีนั้น แต่กลิ่นอายที่ปลดปล่อยออกมายังคงทำให้ผู้ฝึกปราณทั้งกลุ่มในบริเวณใกล้เคียงล้วนกลั้นหายใจ ในใจสั่นสะท้านไม่หยุด

“ไป!”

ทันทีที่เทียนอูปรากฏ ห้านิ้วราวพัด โบกกลางห้วงอากาศคราหนึ่ง

ตูม!

ฟ้าดินดุจย้อนกลับไปยังยุคดึกดำบรรพ์ โลกปั่นป่วน หมื่นลักษณพลิกม้วน มีเทพมารขวางฟ้า คำรามก้องนภาดารา สะเทือนบดขยี้ตะวันจันทรา มีสัตว์ปีกชั่วร้ายมาเยือน กางปีกคลุมครอบแปดหมื่นลี้ ทำเอาภูผาธาราถล่มทลาย

ภาพปั่นป่วนมากมายล้วนเผยกลิ่นอายทำลายล้างออกมา!

นี่คือมรรคาของเทียนอู ผงาดผยองท่ามกลางความปั่นป่วน แจ้งมรรคกลางความวุ่นวาย บรรลุนิรันดร์ในการทำลายล้าง!

เวลานี้โลกปั่นป่วนดุจยุคดึกดำบรรพ์อุบัติขึ้น เสมือนม่านมรรคสวรรค์สูงสุดกำราบลงมา น่ากลัวจนถึงขั้นไม่อาจจินตนาการ

กลับเห็นหลินสวินแขนเสื้อปลิวสะบัด กระโจนตัวพุ่งเข้าไปในโลกมรรคสวรรค์ที่ราวดึกดำบรรพ์นั่น

พริบตานั้นเสมือนนายเหนือหัวนั่งปกครอง ฟ้าดินดึกดำบรรพ์ที่วุ่นวายกลับสู่ความสงบ ภูผาธารากระจ่างชัด ประกายแสงไหลริน สรรพสิ่งเจริญรุ่งเรือง

มีเทพมารคำรามทะยานฟ้าดาราเข้ามา แต่พลังรุนแรงนั้นกลับสลายไปต่อหน้าหลินสวิน ค้อมกายกราบกราน

มีสัตว์ปีกดุร้ายโฉบขวางห้วงอากาศ แต่กลับกลายเป็นนกน้อยแสนเชื่องบินห้อมล้อมหลินสวิน เสียงร้องใสกังวานร่าเริง…

โลกดึกดำบรรพ์กว้างใหญ่ปรากฏภาพสันติร่มเย็นทันใด

จากนั้นหลินสวินโบกแขนเสื้อคราหนึ่ง เสียงดังโครมคราม ทั้งโลกมรรคสวรรค์ดั้งเดิมแปลงเป็นหนึ่งแสงมรรค เลือนหายไปกลางนิ้วมือ

ผู้ชมการต่อสู้ไกลๆ ล้วนปากอ้าตาค้าง ตกใจสะท้านสะเทือน

การโจมตีนั้นของเทียนอู กฎระเบียบมหามรรคที่สำแดงออกมาน่าสะพรึงปานใด กลิ่นอายทำลายล้างสะท้านโลก สามารถกำราบขั้นไร้ขอบเขตส่วนใหญ่ในโลกนี้ได้อย่างง่ายดาย

แต่การโจมตีเช่นนี้กลับถูกหลินสวินสลายได้สบายๆ จางหายไปกลางนิ้วมือ!

“นี่คือการต่อสู้มหามรรคชั้นยอด ราวการปะทะกันระหว่างระเบียบมรรควัฏจักร พลังของทุกการเคลื่อนไหวดุจดั่งอานุภาพมรรคสวรรค์ ไม่อาจพรรณนา!”

มีคนสะเทือนไหวร้องเสียงหลง ตื่นเต้นจนยากจะควบคุมตัวเอง

“ทะยาน!”

ใต้เวิ้งฟ้าเงาร่างสูงกำยำของเทียนอูสองมือชูขึ้น ต้นกำเนิดทำลายล้างทั้งแถบปรากฏ ชั่วขณะเดียวลมคลั่งพัดกรรโชก อสนีฟาดกระหน่ำ หายนะดุจวันสิ้นโลกทะลักออกมาราวห่าฝน มีภาพปวงเทพหลั่งเลือดอยู่รางๆ มีหมื่นวิญญาณสรรพชีวิตกำลังกลายเป็นทะเลือดโครงกระดูกท่ามกลางการทำลายล้าง…

ผู้ฝึกปราณที่อยู่ใกล้เคียงไม่มีใครไม่ถอยหลีกอย่างหวาดหวั่น หลบออกไปไกลๆ

หลินสวินเลิกคิ้วน้อยๆ ยื่นมือคว้าจับ

สวบ!

หนึ่งแสงมรรคราวคมกระบี่ปรากฏทันควัน

จากนั้นภาพประหลาดทั้งหมดที่แปลงจากพลังต้นกำเนิดประหนึ่งทำลายล้างแถบนั้นเสมือนผืนภาพวาดถูกฉีกทึ้ง พังหายเกลี้ยงอย่างง่ายดาย ปลิวสลายราวสายฝน

ตูม โครม!

เทียนอูเหยียบอากาศบุกเข้ามา ใช้พลังวิชามรรคในตัว

และหลินสวินก็ไม่ออมมืออีก ใช้มรรคในตัวปะทะตรงๆ

ก็เห็นกลางฟ้าดินเทียนอูดุจเทพทำลายล้าง ยามยกมือย่างเท้าปรากฏภาพประหลาดอย่างฟ้าถล่มดินทลาย สรรพสิ่งแหลกกระจุย ทุกชีวิตร่วงโรย พลังระดับนั้นทำให้คนที่มองอยู่ไกลๆ ยังตกใจหวาดผวายิ่งยวด

แต่ทั้งหมดนี้กลับถูกหลินสวินสลายสิ้นซาก

การเคลื่อนไหวของเขาง่ายดาย หมดจด ไม่ว่าหนึ่งกระบี่ที่ฟันออกไป หนึ่งดรรชนีที่ทิ่มแทง หนึ่งฝ่ามือตบปะทะ หรือหนึ่งหมัดกระแทกออกไป… ทุกการโจมตีล้วนมีนัยเร้นลับไร้สิ้นสุดซุกซ่อนอยู่ในนั้น ยินเสียงท่วงทำนองศักดิ์สิทธิ์ที่ประหนึ่งกำราบอดีต ปัจจุบัน อนาคตรางๆ

เรียบง่ายรวมเป็นหนึ่ง ไร้ศัตรูทัดเทียม!

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท