ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 – ตอนที่ 574 ทารกน้อยที่ไม่ปกติ

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ตอนที่ 574 ทารกน้อยที่ไม่ปกติ

ตอนที่ 574 ทารกน้อยที่ไม่ปกติ

เซี่ยหลานอุ้มทารกน้อยกลับไปที่ห้องพักผู้ป่วย และวางหล่อนไว้บนเตียง แล้วมองหล่อนด้วยความงุนงง

ทารกก็มองหล่อนด้วยสายตาแบบเดียวกัน เมื่อเซี่ยหลานมองเข้าไปในดวงตาของเด็ก ก็รู้สึกเหมือนว่าทารกรู้จักหล่อน

ความคิดนี้ทำให้หัวใจของเซี่ยหลานสั่นสะท้านโดยพลัน

บางทีนี่อาจเรียกว่าความมหัศจรรย์ทางสายเลือดระหว่างญาติ

ถ้าเด็กคนนี้เป็นลูกที่เกิดมาในความสัมพันธ์ถูกกฎหมายระหว่างเสิ่นอวี้อิ๋งและอีกฝ่ายก็คงจะดีไม่น้อย

หล่อนเองก็สามารถเป็นคุณยายได้โดยไม่อับอาย

เมื่อนึกถึงชีวิตในอนาคตของทารกน้อย เซี่ยหลานก็รู้สึกอึดอัดระคนสับสน

นี่คือลูกสาวนอกสมรสและไร้บิดา แล้วต่อจากนี้ชะตากรรมของหล่อนจะเป็นอย่างไร?

ทารกน้อยมองเซี่ยหลานที่กำลังถอนหายใจ จากนั้นดวงตาก็ค่อยๆ หรี่ลงเช่นกัน

เนื่องจากเซี่ยหลานมีความจำฝังใจเรื่องที่ลูกถูกสับเปลี่ยนตัวเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ทำให้วันนี้หล่อนคอยปกป้องทารกทุกย่างก้าว และเมื่อออกไปดูเสิ่นอวี้อิ๋ง หล่อนก็อุ้มทารกไว้ในอ้อมแขนด้วยและไม่ยอมให้เด็กคลาดสายตาเลยสักวินาทีเดียว

แม้ว่าเด็กคนนี้จะเกิดขึ้นมาโดยที่หล่อนไม่คาดหวัง แต่หล่อนจะต้องปฏิบัติตัวตามฐานะผู้อาวุโส และรับผิดชอบเด็กคนนี้ให้เต็มที่

เซี่ยหลานยืนรออยู่ที่หน้าประตูห้องคลอดโดยมีทารกน้อยอยู่ในอ้อมแขน และเมื่อเสิ่นอวี้อิ๋งผ่านการสังเกตอาการแล้ว นางพยาบาลก็ส่งหล่อนกลับไปที่ห้องพักผู้ป่วย

เสิ่นอวี้อิ๋งดูอ่อนแอมาก ใบหน้าของหล่อนซีดเซียวและร่างกายก็สั่นเทาไม่มั่นคง

เพราะในช่วงที่ผ่านมานี้ หล่อนอุ้มท้องลูกเพียงลำพังในเมืองปินเฉิง ร่างกายก็ไม่ได้รับการดูแลที่ดีพอ หลังจากคลอดลูกแล้วยิ่งอ่อนแอลงไปอีก

เซี่ยหลานในฐานะแม่จึงรู้สึกหัวใจแหลกสลายเมื่อเห็นลูกสาวเป็นเช่นนี้ ทั้งรู้สึกเป็นทุกข์ รู้สึกตำหนิตัวเอง มีหลากหลายอารมณ์ปนเปกัน

หล่อนพูดว่า

“แม่จะวางทารกไว้บนเตียงแล้วลูกคอยดูหน่อยนะ เดี๋ยวแม่จะทำอาหารให้ลูกกิน”

ทางโรงพยาบาลมีเตาน้ำมันก๊าดให้ผู้ป่วยปรุงอาหารเอง และเมื่อวานนี้เซี่ยหลานได้ซื้อหม้อและชามขนาดเล็กมาสำหรับทำอาหาร

การปรุงซุปเองในโรงพยาบาลสะดวกกว่าไปซื้อข้างนอก และใช้เวลาสั้นกว่าด้วย

ทันทีที่เซี่ยหลานเดินออกไป เสิ่นอวี้อิ๋งก็มองทารกที่นอนอยู่ข้างๆ ด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความรังเกียจ

เมื่อมองอยู่เช่นนั้น ทันใดนั้นหล่อนก็ยกแขนที่อ่อนแรงขึ้นช้าๆ แล้วเอื้อมมือไปที่ลำคออันบอบบางของทารกน้อย

แต่ทว่าก่อนที่มือของเธอจะได้สัมผัสคอของทารก ทันใดนั้นทารกน้อยก็เริ่มร้องไห้เสียงแหลมเสียดแทงหัวใจ

เสียงร้องของหล่อนดังมาก ราวกับว่าได้ใช้พลังทั้งหมดของตนเค้นเสียงออกมา

ตอนนี้ในห้องพักผู้ป่วยมีหญิงท้องแก่มานอนรอคลอดบุตร และยังมีคุณแม่กับทารกเพิ่งคลอดเมื่อวานด้วย

เมื่อลูกของเสิ่นอวี้อิ๋งร้องไห้ดังลั่น จึงทำให้เด็กเตียงข้างๆ สะดุ้งตื่นและเริ่มส่งเสียงร้องไห้ตามไปด้วย

แม่เตียงข้างๆ แนะนำว่า “เธอต้องป้อนนมลูกนะ เด็กน่าจะร้องไห้เพราะหิว แต่ถ้าเพิ่งคลอดเธออาจไม่มีนม งั้นก็ให้ดื่มน้ำก่อนเถอะ”

ตอนนี้เสิ่นอวี้อิ๋งไม่มีแรงที่จะอุ้มลูกหรือให้นมลูกด้วยซ้ำ แน่นอนว่าหล่อนไม่อยากจะอุ้มลูกด้วย

หล่อนนอนอยู่บนเตียงเฉยๆ โดยไม่สนใจคำแนะนำของพี่สาวที่อยู่เตียงข้างๆ

ทางด้านทารกน้อยก็เอาแต่ร้องไห้ ส่งเสียงดังน่ารำคาญมาก

ยิ่งเสิ่นอวี้อิ๋งได้ยินเสียงร้องไห้ของเด็กมากเท่าไรก็ยิ่งรังเกียจมากเท่านั้น และอยากจะบีบคอเด็กน้อยให้ตาย

พี่สาวที่อยู่เตียงข้างๆ ก็รำคาญเสียงนี้ด้วย เพราะหล่อนเตือนเสิ่นอวี้อิ๋งด้วยความหวังดี แต่เสิ่นอวี้อิ๋งเพิกเฉยต่อหล่อน ทำให้หล่อนโกรธมาก และในขณะกล่อมลูกที่ตื่นขึ้นมาจากเสียงดังนั้น หล่อนก็มองเสิ่นอวี้อิ๋งพลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน “เธอท้องก่อนแต่งใช่ไหม? ถ้าไม่อยากมีลูกแล้วจะปล่อยให้ท้องทำไมล่ะ? ตอนที่เธอสนุกกับผู้ชายจนมีลูก ไม่คิดเหรอว่าจะต้องทนทุกข์ทรมานกับความน่าอับอายนี้”

“ถ้าผู้หญิงไม่รักตัวเอง สุดท้ายแล้วจะเป็นฝ่ายทุกข์ไม่ใช่เหรอ? เธอทำให้พวกเราอับอายมากแค่ไหน? และการที่เธอไม่สนใจลูก ทำให้ลูกของฉันตกใจตื่นไปด้วยนะ”

ในห้องพักผู้ป่วยนี้มีหกเตียง และมีผู้ป่วยนอนเต็มหมดทุกเตียง

เมื่อพี่สาวคนนั้นพูดจาเหน็บแนมเสิ่นอวี้อิ๋งว่าท้องก่อนแต่ง จึงทำให้คุณแม่รายอื่นและญาติๆ ต่างก็มองมาและนินทาหล่อนด้วย

พวกหล่อนยังพูดเสียงดังอีกด้วย

แต่พวกเธอก็ได้ยินว่าสามีของหญิงสาวคนนี้เสียชีวิตไปแล้ว

เสิ่นอวี้อิ๋งทำตัวเป็นหมูตายไม่กลัวน้ำร้อนลวก* โดยนอนอยู่บนเตียงพร้อมใบหน้าซีดเผือด ทั้งไม่เคลื่อนไหวและไม่ปฏิเสธ

(*หมูตายไม่กลัวน้ำร้อนลวก หมายถึง คนหน้าหนา ไม่รู้สึกสะท้านสะเทือนต่อคำด่า)

หล่อนเพิ่งคลอดลูกและไม่มีเรี่ยวแรงจริงๆ

เมื่อเซี่ยหลานกลับมาพร้อมซุปไข่ปรุงใหม่ ทันทีที่มาถึงหน้าประตู หล่อนก็เห็นผู้หญิงหลายคนในห้องกำลังพูดคำพูดที่ไม่พึงประสงค์ต่อเสิ่นอวี้อิ๋ง

ส่วนทารกน้อยที่อยู่ข้างๆ เสิ่นอวี้อิ๋งกำลังร้องไห้เสียงดังจนใบหน้าเล็กๆ แดงก่ำ

“ทำไมลูกไม่สนใจเวลาที่เด็กร้องไห้ล่ะ?” เซี่ยหลานวางชามซุปไว้บนโต๊ะแล้วรีบไปอุ้มทารกขึ้นมากล่อม

ตอนที่หล่อนเข้ามา พวกผู้หญิงเตียงข้างๆ ก็หยุดเช่นกัน

เสิ่นอวี้อิ๋งตอบว่า “ฉันไม่มีแรงจะสนใจลูกนี่คะ”

หล่อนไม่มีแรงพอที่จะดูแลเด็กคนนี้จริงๆ

ไม่ว่าจะตอนนี้หรือในภายหลังก็ไม่มี

“ค่อยๆ ลุกมานั่ง แล้วกินฟื้นพลังสักหน่อยนะ”

เซี่ยหลานอุ้มทารกอยู่ จึงไม่สามารถดูแลเสิ่นอวี้อิ๋งได้ เสิ่นอวี้อิ๋งจึงลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียงด้วยตัวเองและดื่มซุปไข่จนหมดด้วยความลำบาก

ทารกหยุดร้องไห้ทันทีที่อยู่ในอ้อมแขนของเซี่ยหลาน เมื่อหล่อนป้อนน้ำแก่ทารกน้อยเสร็จแล้วจึงกล่อมให้นอนหลับ

แต่ทันทีที่ถูกวางลง ทารกน้อยก็เริ่มร้องไห้เสียงดังลั่นอีกครั้ง

“ร้องไห้ทำนักหนา? น่ารำคาญชะมัด” เสิ่นอวี้อิ๋งยกมือปิดหูด้วยท่าทางหงุดหงิด

หล่อนจ้องมองทารกในห่อผ้าอ้อมด้วยความรังเกียจ และไม่อยากเห็นหน้าเด็กเลย

ซึ่งพฤติกรรมของหล่อนทำให้เซี่ยหลานโกรธมาก

เซี่ยหลานเตือนเสียงเย็นชาว่า “เสิ่นอวี้อิ๋ง ลูกต้องเข้าใจว่านี่คือลูกของตัวเอง!”

“ถ้ารู้ว่าจะเป็นแบบนี้ แล้วจะมีแต่แรกทำไม”

ทุกวันนี้ในโรงพยาบาล เมื่อต้องเผชิญกับคำถามซุบซิบจากผู้หญิงในห้องพักผู้ป่วย เซี่ยหลานก็ตอบได้เพียงว่าลูกเขยของหล่อนเสียชีวิตแล้ว

ไม่ได้อธิบายมากความ

แต่ความรังเกียจของเสิ่นอวี้อิ๋งที่มีต่อลูกแท้ๆ และความรำคาญของเสิ่นอวี้อิ๋งที่แสดงออกต่อหน้าเซี่ยหลาน ยังมีบางครั้งที่สองแม่ลูกกระซิบกระซาบกัน พูดคำบางคำอย่างเช่นเรื่องการทดสอบความเป็นพ่อ สิ่งเหล่านี้จึงทำให้แม้แต่ผู้หญิงที่โง่ที่สุดยังได้กลิ่นที่ผิดปกติ

ยิ่งในเวลานี้ได้เห็นทัศนคติของเสิ่นอวี้อิ๋งที่มีต่อเด็ก กลับช่วยยืนยันข้อสงสัยในใจได้ดีนัก

เซี่ยหลานมองไปที่รูปลักษณ์อ่อนแอของเสิ่นอวี้อิ๋งและทนตะคอกใส่หล่อนไม่ไหว จึงพูดเสียงอ่อนลงว่า

“เอาล่ะ พักผ่อนก่อนเถอะ แล้วลองดูว่ามีนมบ้างไหม ถ้ามีก็ป้อนนมลูกหน่อยนะ”

เสิ่นอวี้อิ๋งรีบพูดทันทีว่า “ฉันไม่มีน้ำนมหรอกค่ะแม่”

เซี่ยหลานยืนอยู่ข้างเตียงและถามว่า “ถ้าไม่ลองแล้วจะรู้ได้ยังไงว่าไม่มี? เดี๋ยวอีกสักพักลูกก็จะตื่นมากินนมแล้ว”

“ถ้าไม่อยากให้นมลูก แล้วคิดจะซื้อนมผงให้กินเหรอ? แต่แม่จะบอกไว้เลยนะ แม่จ่ายไม่ไหวหรอก”

เมื่อเซี่ยหลานบอกว่าไม่มีเงินซื้อนมผง ร่องรอยของความเกลียดชังก็แวบขึ้นในดวงตาของเสิ่นอวี้อิ๋ง ถามเซี่ยหลานด้วยน้ำเสียงที่อ่อนแอว่า

“แล้วพ่อของฉันหายไปไหน? ทำไมเขาไม่มาหาฉันล่ะ? ยังมีหลิวจื้อหมิงอีก พวกเขาไม่คิดจะสนใจฉันเลยเหรอคะ?”

ทำไมถึงปล่อยให้เซี่ยหลานที่ไม่รักมากที่สุดและรังเกียจหล่อนมาดูแลกันแบบนี้?

เพราะถ้าเสิ่นเถี่ยจวินมา เขาคงจะซื้อนมผงให้ตั้งนานแล้ว

เนื่องจากเสิ่นอวี้อิ๋งเพิ่งคลอด และเซี่ยหลานกลัวจะทำร้ายจิตใจ หล่อนจึงไม่อยากพูดความจริง

พ่อของหล่อนบอกหลิวจื้อหมิงว่าตอนที่หล่อนใกล้จะคลอดลูก ให้เขามาดูแลหล่อนที่เมืองปินเฉิง

แต่มีแค่เซี่ยหลานมาเท่านั้น

และนานแล้วที่ทั้งพ่อและหลิวจื้อหมิงไม่ได้เขียนจดหมายถึงหล่อน ซึ่งหล่อนก็ไม่กล้าที่จะส่งเพจเจอร์ไปหาพวกเขาด้วย

เซี่ยหลานยังไม่ตอบคำถามของหล่อน แต่กะพริบตาเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ลูกต้องดูแลสุขภาพให้ดีก่อน แล้วเราจะพูดเรื่องนี้หลังจากที่ลูกได้กลับบ้านแล้ว”

ทว่าจากปฏิกิริยาของเซี่ยหลานก็ทำให้เสิ่นอวี้อิ๋งคาดเดาเรื่องราวได้แล้ว

“แม่คะ เกิดอะไรขึ้นกับพวกเขาเหรอ?”

แต่เซี่ยหลานยังไม่ตอบตามตรง “พวกเขางานยุ่งน่ะ ลูกต้องดูแลตัวเองก่อนดีกว่านะ”

เซี่ยหลานเป็นคนดีมาก และปกติไม่พูดโกหก ทำให้เสิ่นอวี้อิ๋งรู้ได้จากสีหน้าของหล่อนว่าไม่ได้พูดความจริง

“แม่ อย่าปิดบังฉันเลยค่ะ ฉันมีสิทธิ์ที่จะรู้ว่าเกิดเรื่องใดขึ้นนะ”

หรือว่าเสิ่นเถี่ยจวินเห็นหล่อนเป็นตัวน่าอับอาย จึงไม่อยากมาพบหล่อนใช่ไหม?

เสิ่นอวี้อิ๋งถามซ้ำแล้วซ้ำอีก สุดท้ายเซี่ยหลานจึงไม่มีทางเลือกอื่นแล้วพูดความจริงว่า “พ่อของลูกถูกพาตัวเข้าไปในนั้นแล้ว”

……………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

สภาพจิตใจคนหลังคลอดต้องเป็นยังไงนะ เวลารู้ว่าพ่อตัวเองติดคุกแล้วน่ะ

ไหหม่า(海馬)

……………………………………

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

Status: Ongoing
เมื่อสวรรค์ได้ให้โอกาสเธอย้อนกลับมาแก้ขในสิ่งที่ผิดพลาด เธอจะใช้โอกาสนี้เป็นช่างเสริมสวยยอดฝีมือให้ได้ตามฝันอย่างไรกันนะ? เรื่องย่อ : ในชาติก่อน หลินเ เป็นสไตสต์คนโง่ผู้ร้ความคิดป็นของตัวเอง จึงถูกดาราดาวรุ่งผู้เป็นเพื่อนสนิทวางแผนทำลายชีวิตจนพังพินาศ ไร้ซึ่งเครดิต ไร้ซึ่งอำนาจ และหน้ามืดตามัวทิ้งสามีพ่อม่ายลูกติดที่คอยสนับสนุนมาตลอดได้ลงค แต่เหมือนสวรรค์ยังคงเห็นใจต่ชะตาชีวิตอันรันทดของเธอ จึงทำให้เธอได้ย้อนกลับมาเกิดใหม่ในปี 1988 อันเป็นปีที่ทุกอย่างยังไม่สายเกินกว่าแก้ หลินเชี่ยจะใช้โอกาสที่ได้มีชีวิตครั้งที่สองเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของตัวเองอย่างไรบ้าง?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท