ปลายจวักครองใจ – ตอนที่ 415 สามี

ปลายจวักครองใจ

ตอนที่ 415 สามี

ลั่วเซิงอารมณ์ดี น้ำเสียงจึงนุ่มนวลกว่ายามปกติ “ท่านอ๋องอยากกินอะไร”

“บะหมี่เครื่องผัด” เว่ยหานหลุดปากเอ่ย

“เช่นนั้นท่านอ๋องรอสักครู่ บะหมี่เครื่องผัดนั้นทำง่าย ใช้เวลาไม่นานก็เสร็จแล้ว”

ตอนที่เดินไปทางห้องครัว ลั่วเซิงยังคิดว่า นึกว่าไคหยางอ๋องจะเรียกร้องเกินเหตุ คิดไม่ถึงว่าข้อเรียกร้องจะน้อยมาก

เว่ยหานมองเงาร่างที่หายลับไปจากประตูห้องครัวอย่างงุนงง

เมื่อครู่เขาพูดว่าอะไรนะ

สือเยี่ยนเดินเข้ามาเอื่อยๆ ด้วยสีหน้าเจ็บใจที่ไม่สามารถหลอมเหล็กให้กลายเป็นเหล็กกล้าได้[1] “นายท่าน คุณหนูลั่วให้ท่านสั่งอาหารตามใจชอบ ท่านดันสั่งแค่บะหมี่เครื่องผัดชามหนึ่งหรือขอรับ”

เว่ยหานมององครักษ์ด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกแวบหนึ่ง ขณะรู้สึกหนักใจมาก

นี่คือการขาดทุนของบะหมี่เครื่องผัดชามเดียวอย่างนั้นหรือ

เขาเพิ่งจะปลุกความกล้าขึ้นมา เดิมคิดจะหยั่งเชิงคุณหนูลั่วว่า ต้องการจะเป็นภรรยาของเขาหรือไม่ แต่ตอนนี้คุณหนูลั่วไปทำบะหมี่เครื่องผัดให้เขาแล้ว หากเอ่ยข้อเรียกร้องออกไปอีก จะถูกคุณหนูลั่วมองว่า ได้คืบจะเอาศอกหรือไม่

ไม่แน่ว่าอาจจะคว่ำบะหมี่เครื่องผัดใส่หน้าเขาก็ได้

“นายท่านขอรับ…”

สือเยี่ยนยังอยากจะพูดอีก แต่ถูกเว่ยหานไล่ไป “ไสหัวไป”

องครักษ์กลอกตา เดินจากไป

เว่ยหานนั่งอยู่ข้างโต๊ะหินคนเดียว ให้ความรู้สึกโดดเดี่ยวเดียวดายหลายส่วน

ในไม่ช้ากลิ่นหอมที่ทำให้คนน้ำลายไหลก็ล่องลอยมา

เขาเบนสายตามองไปทางห้องครัว ความคิดหนึ่งวนเวียนในใจ บะหมี่เครื่องผัดชามหนึ่งนั้นขาดทุนจริงๆ ทำไมเมื่อครู่นี้เขาถึงได้เอ่ยออกไปอย่างคล่องปากกันนะ

ลั่วเซิงเดินเข้ามา วางถาดลงบนโต๊ะหิน

บนถาดคือบะหมี่เครื่องผัดที่มีไอร้อนกรุ่นสองชาม บะหมี่ขาวแต่บาง น้ำแกงรสเปรี้ยวสีแดงเข้ม ด้านบนราดน้ำจากหมูสามชั้นที่นำไปผัด โรยด้วยไข่ เห็ดหูหนู และเครื่องปรุงต่างๆ แค่เห็นก็ทำให้ผู้คนน้ำลายสอ

เว่ยหานเม้มปาก เอ่ยในใจว่า บะหมี่เครื่องผัดสองชามไม่พอกิน คล้ายจะขาดทุนกว่าเดิมเสียแล้ว

ลั่วเซิงนั่งลง วางบะหมี่หนึ่งชามลงตรงหน้าเขา จากนั้นก็หยิบตะเกียบขึ้นมา

เว่ยหานอึ้ง

คุณหนูลั่วจะกิน…กับเขาหรือ

เมื่อเห็นเว่ยหานนิ่งอึ้ง ลั่วเซิงก็ไม่เข้าใจอยู่บ้าง “ท่านอ๋องไม่กินหรือ”

“กินสิ” เว่ยหานได้สติคืนมา จ้องมือขาวเนียนที่จับตะเกียบคู่นั้น “คุณหนูลั่วก็หิวหรือ”

อาศัยความเข้าใจที่เขามีต่อคุณหนูลั่ว คุณหนูลั่วล้วนรอหอสุราปิดก่อน ถึงจะกินอาหาร

มือที่จับตะเกียบของลั่วเซิงจับแน่นขึ้น เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย

นี่ไคหยางอ๋องเสียดายบะหมี่เครื่องผัดหรือ

“แค่กๆๆ…” เสียงไอรุนแรงดังลอยมา

หางตาเว่ยหานกวาดมองสือเยี่ยนแวบหนึ่ง พลันรู้สึกตัวขึ้นมา คุณหนูลั่วจะกินข้าวเป็นเพื่อนเขา

เมื่อคิดเช่นนี้ก็พลันสุขล้นใจ

“คุณหนูลั่ว”

ลั่วเซิงรอฟังวาจาต่อไปเงียบๆ

“หลังจากนี้ข้ายังอยากกินอย่างอื่น สามารถสั่งอาหารได้หรือไม่”

ลั่วเซิงเห็นความระมัดระวังเล็กน้อยจากภายนอกที่สงบนิ่งก็พยักหน้าเล็กน้อย

แม้ว่าไคหยางอ๋องจะเป็นคนตระกูลเว่ย แต่กลับช่วยนางอย่างมาก ย่อมไม่มีทางปฏิเสธเงื่อนไขที่เสนอออกมาภายในขอบเขตที่นางสามารถทำได้

“เช่นนั้น…คุณหนูลั่วเข้าครัวได้หรือไม่”

ลั่วเซิงลังเลเล็กน้อยแล้วพยักหน้า “หากข้ามีเวลาว่างล่ะก็ได้”

เว่ยหานแย้มรอยยิ้ม

ทุกวันสามารถได้พบคุณหนูลั่ว ได้กินอาหารที่คุณหนูลั่วทำ ยังมีคุณหนูลั่วกินอาหารเป็นเพื่อนเขา

เมื่อคิดเช่นนี้ก็คล้ายจะไม่ขาดทุนเช่นกัน

ความในใจก็ต้องแสดงออกให้ชัด ทว่าสามารถรอได้

วันนี้เขาเรียกร้องไปเยอะขนาดนี้ หากเอ่ยเรื่องนี้อีก หากคุณหนูลั่วรู้สึกว่า เขาใช้บุญคุณมาทำให้ผู้อื่นตอบแทนตัวเองจะทำอย่างไร

“บะหมี่น่าจะอืดแล้ว ท่านอ๋องรีบกินเถอะ”

เว่ยหานก็ไม่พูดอะไรอีก หยิบตะเกียบขึ้นมากินคำโต

ทั้งสองคนกินบะหมี่กันเงียบๆ ข้างต้นพลับ

สือเยี่ยนมองภาพเหตุการณ์นี้แล้วก็หัวเราะเหอะๆ

จวนผิงหนานอ๋องกลายเป็นสถานที่ที่ผู้คนหลีกเลี่ยงด้วยความหวาดกลัว ตามข่าวคราวองค์รัชทายาทถูกปลดที่แพร่ไปทั่ว

จักรพรรดิหย่งอันเริ่มต้นกวาดล้างขุนนางคนสนิทขององค์รัชทายาทที่ถูกปลด บ้างก็ลดตำแหน่ง บ้างก็ปลดออกจากตำแหน่งและยังมีการเนรเทศไปชายแดนด้วย

ยกตัวอย่างเช่น หัวหน้าของซูเย่าที่ถ่ายทอดวาจาแทนจวนผิงหนานอ๋องท่านนั้นก็ถูกลดขั้น ออกจากเมืองหลวงและไม่ได้ปรากฎตัวขึ้นที่ราชบัณฑิตยสภาฮั่นหลินอีก

สถานการณ์ของซูเย่า บัณฑิตจอหงวนคนใหม่ซึ่งมีเกียรติไม่มีที่สิ้นสุดในราชบัณฑิตยสภาฮั่นหลินพลันกระอักกระอ่วนขึ้นมา

ท่านนี้คือเขยของจวนผิงหนานอ๋อง ในภายภาคหน้าจะยังมีอนาคตอันใดอีก

จุ๊ๆ เดินพลาดก้าวหนึ่งก็พลาดทุกก้าวจริงๆ น่าเสียดายบัณฑิตจอหงวนคนใหม่ที่อายุยังน้อยท่านนี้จริงๆ

มีคนเกลี้ยกล่อมซูเย่าอ้อมๆ ว่าให้ถอนหมั้น

ซูเย่าได้ยินวาจาเกลี้ยกล่อมเหล่านี้แล้วก็ยิ้มเรียบๆ “ข้ากับท่านหญิงน้อยหมั้นหมายกันก่อนหน้านี้ จวนผิงหนานอ๋องประสบกับเรื่องราวนี้ในภายหลัง หากถอนหมั้นจะไม่กลายเป็นคนฉวยโอกาสซ้ำเติมผู้อื่นหรอกหรือ ผู้แซ่ซูไม่มีทางทำแน่นอน”

เมื่อวาจาเหล่านี้แพร่ออกไป บัณฑิตจอหงวนคนใหม่ที่เดิมเลือนหายไปจากสายตาผู้คนก็ถูกคนวิพากษ์วิจารณ์อย่างครึกครื้นอีกครั้ง

บัณฑิตจอหงวนไม่เพียงมีความสามารถและรูปโฉมหล่อเหลา ยังมีบุคลิกประจำตัวเช่นนี้ ช่างหาได้ยากจริงๆ

ชั่วขณะหนึ่ง เมื่อผู้คนเอ่ยถึงบัณฑิตจอหงวนซูเย่าล้วนชื่นชมไม่ขาดสาย ว่ากันว่า กระทั่งฝ่าบาทได้ยินแล้วก็ยังเผยความชื่นชมออกมาหลายส่วน

เมื่อข่าวแพร่ไปถึงจวนผิงหนานอ๋อง เว่ยเหวินก็พุ่งขึ้นไปร้องไห้ด้วยความเจ็บปวดบนตั่งรอบหนึ่ง ความทุกข์ที่ปกคลุมติดต่อกันหลายวันกลับจางหายไปครึ่งหนึ่ง

“ท่านหญิงอย่าร้องไห้เลยเจ้าค่ะ หลังจากนี้ชีวิตที่ดีของท่านจะต้องดีกว่านี้แน่นอน” สาวใช้คนสนิทเกลี้ยกล่อม

เว่ยเหวินเช็ดน้ำตา ถอนหายใจเบาๆ “หวังว่าจะได้พบเจอเรื่องราวดีๆ หลังจากเรื่องเลวร้ายสุดขีด ข้าทนกับชีวิตเช่นนี้มาพอแล้วจริงๆ”

โชคดีที่ชะตากรรมของนางไม่ได้แย่ขนาดนั้น อย่างน้อยก็ไม่ได้แต่งงานกับคนที่ไม่คู่ควรกับความรักของนาง

สาวใช้สองมือพนม นัยน์ตาคลอด้วยน้ำตา “จะต้องได้พบเจอเรื่องราวดีๆ หลังจากเจอเรื่องเลวร้ายแน่นอนเจ้าค่ะ ไม่รู้ว่ามีแม่นางน้อยเท่าใดในเมืองหลวงที่อิจฉาท่านหญิงนะเจ้าคะ”

เว่ยเหวินหน่วยตาแดง เผยรอยยิ้มแรกออกมาในหลายวัน

ในฐานะสตรี ยังมีเรื่องใดสำคัญไปกว่าการได้แต่งงานกับคนมีคุณธรรมความสามารถอีกกัน สุดท้ายสวรรค์ก็ไม่ได้โหดร้ายกับนางขนาดนั้น

หัวใจที่ทรมานด้วยความกระวนกระวายดวงนั้นของเว่ยเหวินสงบลงและยิ่งปรนนิบัติบิดามารดาอย่างแข็งขัน

หากบิดามารดาทนต่อไปไม่ไหว นางก็ต้องไว้ทุกข์สามปี เวลานานขนาดนี้ ไม่กล้าคิดหรอกว่าเรื่องการแต่งงานจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง

ในไม่ช้าชื่อเสียงด้านความกตัญญูอย่างบริสุทธิ์ใจของท่านหญิงน้อยแห่งจวนผิงหนานอ๋องก็แพร่ออกไป คนในเมืองหลวงเอ่ยถึงก็ล้วนบอกว่าซูเย่า บัณฑิตจอหงวนกับท่านหญิงน้อยแห่งจวนผิงหนานอ๋องคือคู่ที่สวรรค์ส่งมาให้เป็นคู่กันคู่หนึ่ง

ห้องส่วนตัวในหอสุรา คุณชายรองเซิ่งยกจอกดื่มให้ซูเย่า “น้องรองซู ข้านับถือเจ้าจริงๆ มิน่าตั้งแต่เล็กจนโต ผู้อาวุโสในตระกูลล้วนให้พวกเราเรียนรู้จากเจ้า”

ซูเย่ายกจอกขึ้นมาชน เอ่ยเรียบๆ ว่า “พี่รองเซิ่งเอ่ยเช่นนี้ ทำให้ข้าละอายใจแล้ว ข้าไม่ได้ทำเรื่องพิเศษอันใด เปลี่ยนเป็นผู้อื่นก็ต้องทำแบบนี้เช่นกัน”

คุณชายรองเซิ่งหัวเราะเยาะ “น้องรองซูมองคนดีเกินไปแล้ว เอาเรื่องที่เกิดขึ้นในระยะนี้แล้วกัน ช่วงเวลาที่เกิดเรื่องขึ้นกับท่านลุงเขย ดูสิว่าตระกูลเถาที่หมั้นหมายกับญาติผู้น้องคนโตทำอย่างไร”

ซูเย่ายิ้มๆ

คุณชายสามเซิ่งบีบจอกสุรา อึกอัก อยากจะพูด แต่ก็ไม่พูด

ความกตัญญูอย่างบริสุทธิ์ใจของท่านหญิงน้อยแห่งจวนผิงหนานอ๋องแพร่กระจายไปทั่วด้านนอก แต่ทำไมเขาถึงได้รู้สึกว่า ตอนที่ท่านหญิงน้อยมาก่อความวุ่นวายที่หอสุราในครั้งนั้น คืออีกโฉมหน้าหนึ่งของนางกันนะ

จะเตือนพี่รองซูสักหน่อยไหมนะ

คุณชายสามเซิ่งจมอยู่ในความว้าวุ่นใจ

“สุราส้ม!” หงโต้วนำกาสุราวางลงบนโต๊ะสุราแล้วเบ้าปากเดินออกไป ก่อนไปก็กระซิบกระซาบกับโค่วเอ๋อร์

“ไม่รู้ว่าซูเย่าคนนั้นมีความสามารถอะไร ทำให้แม่นางน้อยนับไม่ถ้วนในเมืองหลวงหลงใหลก็ช่างเถอะ ถึงกับทำให้เหล่าคุณชายสามเซิ่งคลั่งไคล้เสียจนหัวหมุนไปด้วย”

คุณชายสามเซิ่งเดินออกมา ได้ยินวาจานี้เกือบจะล้มคะมำ

ใครถูกซูเย่าทำให้คลั่งไคล้จนหัวหมุนกัน เขายังมีสติอยู่นะ!

[1] เจ็บใจที่ไม่สามารถหลอมเหล็กให้กลายเป็นเหล็กกล้าได้ หมายถึง ไม่พอใจที่คนไม่มุมานะบากบั่นสู่ความก้าวหน้าอย่างที่หวัง

ปลายจวักครองใจ

ปลายจวักครองใจ

Status: Ongoing
อาหารแม้เลิศรสเพียงไหน แต่หากซ่อนไว้ซึ่งพิษร้ายเล่า? แม้เขาจะดีเพียงใด แต่หากแซ่ ‘เว่ย’ แล้วไซร้ พวกเขาคงถูกลิขิตให้ไม่อาจร่วมโลก! จากผู้เขียน ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ยนิยายโรแมนติก เข้มข้นสอดแทรกความตลกอย่างลงตัว จากผู้เขียน ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ยสิบสองปีก่อนจวนเจิ้นหนานอ๋องถูกราชสำนักสั่งกวาดล้าง คนในจวนทั้งหมดโดนสังหาร โลหิตย้อมจนพื้นเป็นสีแดงฉานท่านหญิงชิงหยางที่ออกเรือนไปในวันเดียวกันนั้นพอทราบข่าวก็เร่งรุดกลับมาที่จวนกลับถูกสามีหมาดๆ อย่างผิงหนานอ๋องซื่อจื่อยิงธนูใส่จนสิ้นใจผิงหนานอ๋องซื่อจื่อ เว่ยเชียง คือผู้ที่รวบรวมหลักฐานการก่อกบฏของจวนเจิ้นหนานอ๋องรายงานต่อราชสำนัก ได้รับการยกย่องในความสามารถและถูกแต่งตั้งขึ้นเป็นรัชทายาทองค์ปัจจุบัน…สิบสองปีต่อมาท่านหญิงชิงหยางกลับฟื้นขึ้นอีกครั้งในร่างของ ลั่วเซิง คุณหนูสายตรงผู้เป็นดวงใจของแม่ทัพใหญ่ลั่ว เพราะนิสัยมักมากในกามของร่างเดิมจึงล่วงเกิน ไคหยางอ๋อง พระอนุชาในฮ่องเต้องค์ปัจจุบันผู้มีฉายาว่าเทพสงครามเข้า บิดาจึงจำใจส่งนางมาอยู่ที่บ้านท่านตาที่จินซาชื่อเสียงของแม่นางลั่วนั้นเรียกได้ว่าฉาวโฉ่ เอาแต่ใจ หยาบคาย มักมาก เจ้าอารมณ์ ถือว่ามีบิดาคอยให้ท้ายไม่มีสิ่งใดไม่กล้าทำหลังกลับคืนเมืองหลวงนางและ ไคหยางอ๋อง กลับมีเรื่องราวให้ต้องเกี่ยวพันกันอยู่เรื่อยๆแม้เขาจะเป็นคนซื่อสัตย์เพียงไร แต่ในเมื่อเขาแซ่ ‘เว่ย’ นางและเขาก็ถูกลิขิตมาให้ไม่อาจอยู่ร่วมโลก!“ข้ากับแม่นางลั่วไม่ถือว่าเป็นคนแปลกหน้า” ชายชุดสีแดงเข้มเดินเข้ามาและสบตากับลั่วเซิง “ไม่ทราบว่าแม่นางลั่วจำข้าได้หรือยัง”“ก็นึกถึงเรื่องบางเรื่องขึ้นมาได้ แต่ไม่รู้จำผิดหรือไม่ คุณชายจะให้ข้าพูดออกมาตอนนี้เลยหรือ”เวลานี้เอง เว่ยหานเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ข้าคิดว่าหลังจากแม่นางลั่วปลดเข็มขัดข้าแล้วจะจำข้าได้เสียอีก”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท