ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 – ตอนที่ 582 ฝันร้ายที่ตามหลอกหลอน

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ตอนที่ 582 ฝันร้ายที่ตามหลอกหลอน

ตอนที่ 582 ฝันร้ายที่ตามหลอกหลอน

เซี่ยหลานถอนหายใจ “พวกเราค่อยวางแผนเรื่องนี้ตอนเด็กอายุครบหนึ่งเดือนเถอะ ยังไงซะเสิ่นอวี้อิ๋งก็โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว หล่อนจะต้องเป็นคนดูแลเด็กนั่นด้วยตนเอง แล้วอีกอย่างตาของลูกก็ช่วยแม่ดูแลอวี้หลง ตอนนี้ชีวิตแม่เลยสบายขึ้นน่ะ”

เซี่ยหลานไม่ได้บอกหลินเซี่ยเกี่ยวกับแผนการที่พวกหล่อนจะส่งเด็กคนนั้นไปที่สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า และพวกหล่อนก็ไม่ต้องการให้ใครรู้แผนการนี้เด็ดขาด

หลินเซี่ยกล่าว “แม่คะ อย่าเป็นห่วงเลย ต่อไปนี้ถ้ามีเวลาว่าง ฉันจะไปเยี่ยมอวี้หลงบ่อย ๆ พวกเรามาช่วยกันดูแลให้เขาฟื้นเร็ว ๆ กันเถอะค่ะ”

เสิ่นอวี้อิ๋งเป็นปีศาจก็จริง แต่หลินเซี่ยยังคงมีความรู้สึกดีต่อเสิ่นอวี้หลงผู้เป็นน้องชาย เพราะถึงอย่างไรทั้งสองคนก็เติบโตมาด้วยกันมาหลายปี

และตอนนี้เสิ่นอวี้หลงยังคงไม่รู้สึกตัวหรือรับรู้อะไรใดๆ

รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนริมฝีปากของเซี่ยหลาน “ขอบใจมากจ้ะ แม่เห็นเครื่องบันทึกเสียงและเทปที่ลูกซื้อให้น้องแล้ว เพลงพวกนั้นคือเพลงที่น้องชอบทั้งหมด ลูกช่างใส่ใจน้องจริง ๆ”

“แม่อย่าเกรงใจเลยค่ะ เขาเป็นน้องชายของฉันมาสิบกว่าปี เป็นใครก็ต้องรู้ว่าเขาชอบอะไร ฉันได้แต่ภาวนาให้เขาได้ฟื้นขึ้นมาและกลับไปใช้ชีวิตเหมือนคนอื่นเร็ว ๆ”

เมื่อนึกถึงชะตากรรมของเสิ่นอวี้หลงในชาติก่อนของเธอ หลินเซี่ยก็อยากจะเตือนเซี่ยหลานเอาไว้ โดยหวังว่าอีกฝ่ายจะคอยจับตาดูเสิ่นอวี้อิ๋งเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอันตรายต่อเสิ่นอวี้หลง

แต่หลินเซี่ยก็กลืนคำพูดเหล่านั้นลงคอก่อนที่จะเอ่ยออกมา

เสิ่นอวี้อิ๋งเป็นลูกสาวแท้ ๆ ของเซี่ยหลาน ตอนนี้หล่อนให้กำเนิดลูกสาวนอกสมรสซึ่งทำให้เซี่ยหลานอับอายมากพอแล้ว แต่ผู้หญิงคนนี้ก็ยังอดกลั้นและดูแลลูกและหลานสาวต่อไป

หากพูดเรื่องฉาวโฉ่ของเสิ่นอวี้อิ๋งต่อหน้าเซี่ยหลานที่เป็นแม่ผู้ให้กำเนิด หล่อนคงไม่อยากได้ยินในอย่างแน่นอน

ตอนนี้เธอรู้สึกว่าตนเองกำลังหว่านความขัดแย้งให้คนอื่น คนที่รับหน้าที่ดูแลเสิ่นอวี้หลงหลังจากที่หลินเซี่ยย้ายออกไปคือผู้เฒ่าเซี่ยและเอ้อร์เลิ่ง ดังนั้นหลินเซี่ยจึงคิดว่าหากจะต้องเตือนใครสักคน เธอควรจะเตือนเสิ่นอวี้หลงให้ดูแลตัวเองมากกว่า

“แม่คะ ถ้าอย่างนั้นฉันขอตัวกลับก่อน แม่ต้องดูแลตัวเองด้วยนะ”

เซี่ยหลานเดินไปส่งหลินเซี่ยที่ชั้นล่าง “เอาล่ะ ขับรถช้า ๆ ล่ะ ตอนนี้ลูกท้องอยู่ก็อย่าไปไหนมาไหนคนเดียว ถ้าจะออกไปไหนก็โทรมาหาแม่ให้ออกไปเป็นเพื่อนจะปลอดภัยกว่า”

“ค่ะ ฉันเข้าใจแล้ว”

รถมอเตอร์ไซค์ของหลินเซี่ยจอดอยู่ในโรงพยาบาล เธอจึงขี่มันกลับบ้าน

เมื่อมาถึงบ้านหลังใหม่ เธอนอนพักบนโซฟาทั้งที่ยังคงรู้สึกสับสนและพูดไม่ออก

อาจเป็นเพราะว่าวันนี้ได้พบกับลูกของเสิ่นอวี้อิ๋ง เธอจึงฝันร้ายในตอนกลางคืน

ในความฝันนั้น หลินอวี้ยืนอยู่ตรงหน้าและเรียกเธอว่าแม่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทั้งยังพร่ำบอกว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในอดีตเป็นความผิดของหล่อน ดังนั้นหล่อนจึงหวังว่าหลินเซี่ยจะให้อภัย

ความฝันของเธอกระจ่างชัดอย่างมาก รูปร่างหน้าตา น้ำเสียง และสายตาเศร้าเสียใจของหลินอวี้ล้วนปรากฏชัดเจน

หลินเซี่ยสะดุ้งตื่นกลางดึกเพราะความฝันนี้ เธอลุกขึ้นนั่งบนเตียงด้วยร่างกายที่เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ

หัวใจของเธอเต้นแรงขณะหอบหายใจอย่างหนัก ขณะที่เหงื่อไหลไม่หยุด

เด็กปีศาจตัวนั้นเข้ามาอยู่ในความฝันของเธอได้อย่างไร?

ยิ่งไปกว่านั้นความฝันนี้ยังเหมือนจริงมาก นอกจากการปรากฏตัวของหลินอวี้ในตอนโตแล้ว เธอยังเห็นหลินอวี้วัยเด็กกำลังจ้องมองตนเองด้วยสายตากระตือรือร้นอีกด้วย

เมื่อเด็กทารกหลับ เธอก็ยิ่งรู้สึกสยดสยองมากกว่าเดิม

เฉินเจียเหอรู้สึกตัวว่าภรรยาที่นอนอยู่ข้าง ๆ กำลังชันตัวลุกขึ้นนั่ง เขาจึงรีบลุกขึ้นแล้วเปิดไฟ จากนั้นสวมกอดหลินเซี่ยแล้วกระซิบถามว่า “เกิดอะไรขึ้น? คุณอยากไปเข้าห้องน้ำเหรอ?”

หลินเซี่ยส่ายหน้า

เฉินเจียเหอแตะหน้าผากภรรยาพลางจับมือของเธอ ตอนนี้เองเขาก็พบว่าฝ่ามือของเธอเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ จึงถามด้วยความเป็นห่วง “เซี่ยเซี่ย เกิดอะไรขึ้น? คุณรู้สึกไม่สบายเหรอ?”

หลินเซี่ยส่ายหน้า “ไม่ค่ะ ฉันแค่ฝันร้าย”

“ฝันร้ายเหรอ?” เฉินเจียเหอรีบคว้าเธอเข้าไปในอ้อมแขน “ไม่ต้องกลัวนะ ผมอยู่นี่แล้ว ตื่นมาดื่มน้ำแล้วค่อยนอนต่อเถอะ”

เฉินเจียเหอยกแก้วน้ำบนโต๊ะข้างเตียงมาให้เธอดื่ม

“คุณฝันถึงอะไรเหรอ?” เขาถามด้วยความสงสัย

โบราณกล่าวไว้ว่าหากเล่าฝันร้ายให้คนอื่นฟัง มันก็จะไม่ส่งผลต่อชีวิต ซึ่งตรงกันข้ามกับฝันดีที่ควรเก็บงำเอาไว้

หลินเซี่ยดื่มน้ำแล้วสงบสติอารมณ์ ก่อนหันมองเฉินเจียเหอ “ฉันเคยเล่าให้คุณฟังก่อนหน้านี้ว่าครั้งหนึ่งฉันเคยฝันว่ารับเลี้ยงลูกสาวของเสิ่นอวี้อิ๋ง แต่เด็กคนนั้นกลับโตมาเป็นคนเนรคุณใช่ไหมคะ”

“อืม” เฉินเจียเหอจำความฝันที่หลินเซี่ยเคยเล่าให้ฟังได้ดี

หลินเซี่ยเล่าต่อ “ตอนนี้เสิ่นอวี้อิ๋งคลอดลูกแล้ว วันนี้ฉันไปที่โรงพยาบาลไห่เฉิงเพื่อส่งลูกอมแต่งงานให้กับแม่บุญธรรม และฉันก็ได้เจอกับเสิ่นอวี้อิ๋งและลูกสาวของหล่อนที่นั่น”

“คุณแค่เก็บมันมาฝันน่ะ” เฉินเจียเหอดึงเธอให้นอนลง “ไม่เป็นไรนะ มันเป็นแค่ความฝัน บางครั้งความฝันก็ทำหน้าที่เตือนให้เราใช้ชีวิตอย่างไม่ประมาท ไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวและอยู่ให้ห่างจากพวกคนเลวที่มีความคิดชั่วร้ายเหล่านั้น”

“ฉันเข้าใจแล้วค่ะ”

หลังจากที่หลินเซี่ยฝันอย่างนั้นแล้ว เธอก็รู้สึกเสียใจเล็กน้อยที่ตนเองยืนกรานที่จะพบปีศาจตนนั้น ไม่อย่างนั้นก็คงไม่ต้องถูกฝันร้ายตามหลอกหลอน

ยิ่งไปกว่านั้นเธอยังจำสายตาที่ปีศาจตัวน้อยจ้องมองเธอตอนอยู่ในโรงพยาบาลเมื่อตอนหัววันได้เป็นอย่างดี ซึ่งมันทำให้เส้นขนของเธอลุกชัน

แววตาคู่นั้น… เธอไม่รู้ว่าจะอธิบายอย่างไร หลินเซี่ยรู้สึกเหมือนกับว่าปีศาจน้อยรู้จักเธอ

หลังจากที่เธอเดินเข้าไปในห้องผู้ป่วย เด็กที่กำลังร้องไห้ราวกับจะขาดใจกลับหยุดร้องไห้ทันที

ในตอนนั้นเธอต้องการเพียงเยาะเย้ยเสิ่นอวี้อิ๋งเท่านั้น จึงไม่ได้สนใจสิ่งอื่น

แต่เมื่อคิดถึงมัน เธอก็รู้สึกเสียวสันหลังขึ้นมาทันที

บางทีมันอาจจะเป็นสิ่งที่ผู้คนเรียกว่าเวรกรรม

“นอนกันเถอะ หลังจากนี้อย่าไปเจอคนพวกนั้นและพยายามหลีกเลี่ยงให้มากที่สุด ตอนนี้คุณมีลูกอยู่ในท้องแล้ว บางครั้งผมต้องทำงานอยู่ในโรงงาน ทำให้ดูแลคุณไม่ได้ ดังนั้นผมจึงไม่อนุญาตให้คุณออกไปไหนคนเดียวอีก”

เฉินเจียเหอเคยมีเรื่องฝังใจกับคนตระกูลเสิ่น เสิ่นเสี่ยวเหมยและเสิ่นอวี้อิ๋งผู้หญิงสองคนนั้นเป็นบ้าไปแล้ว

คนพวกนี้เสียสติจนแยกแยะอะไรไม่ได้แล้ว

หลินเซี่ยตอบอย่างเชื่อฟัง “ค่ะ ฉันจะจำไว้”

หลินเซี่ยเชื่อฟังเฉินเจียเหอ นับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาเธอก็ไม่เคยไปที่โรงพยาบาลไห่เฉิงและไม่สืบหาข่าวเกี่ยวกับเสิ่นอวี้อิ๋งอีกต่อไป

หลังจากที่ถูกปีศาจตัวน้อยจ้องมองเธอในวันนั้นด้วยสายตาที่ไม่เหมือนทารกคนอื่น ๆ หลินเซี่ยจึงกลัวว่าตนเองจะเข้าไปพัวพันและต้องแบกรับชะตากรรมเลวร้ายเหล่านั้นอีก

ขณะที่กำลังตั้งครรภ์ เธอก็ทำงานที่สถาบันฝึกอบรมไปด้วย

เฉินเจียเหอถูกย้ายไปทำงานที่โรงงานแห่งใหม่ ซึ่งกำลังพัฒนาและผลิตหัวรถจักรรุ่นใหม่ เป้าหมายคือการเพิ่มความเร็วขึ้นยี่สิบเปอร์เซ็นต์จากรถรุ่นเดิม ดังนั้นในฐานะสมาชิกหลักของทีมวิจัยและพัฒนา ภาระงานของเฉินเจียเหอจึงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้บางครั้งเขาต้องทำงานล่วงเวลาในตอนกลางคืนรวมไปถึงต้องเดินทางไปต่างเมืองเพื่อประชุมงานอีกด้วย

ไม่นานมานี้หู่จือพักอยู่ในบ้านตระกูลเซี่ยที่อยู่ใกล้กับโรงเรียนอนุบาล เพื่อที่เด็กน้อยจะได้ไม่ต้องตื่นเช้าเกินไป ทำให้เขาตื่นสายได้และจะได้ช่วยเหลือหลินเซี่ยในตอนที่เธอปวดท้องใกล้คลอด

เฉินเจียเหอขอให้ใครสักคนหาห้องฝึกอบรมในอาคารสำนักงานใกล้กับโรงงานแห่งใหม่

ชั้นสามของอาคารแห่งนี้ยังว่างอยู่ เฉินเจียเหอจึงวางแผนที่จะเช่าชั้นนี้เพื่อใช้เป็นห้องเรียนฝึกอบรมสำหรับหลินเซี่ย

“เซี่ยเซี่ย ผมว่าตึกนี้ไม่เลวเลย คุณมาดูมันกับผมเถอะ ถ้าคุณไม่ชอบ ผมจะได้หาที่ใหม่ มันอยู่ใกล้บ้านของเราและค่อนข้างเงียบสงบ อีกอย่างชั้นหนึ่งก็ยังว่างอยู่ ดูเหมือนว่ามันจะเคยเป็นโรงเรียนสอนวาดรูปมาก่อนน่ะ แต่ตอนนี้พวกเขาย้ายออกไปหมดแล้ว ถ้านักเรียนของคุณมีไม่เยอะ ผมว่าเราใช้ชั้นหนึ่งเป็นสำนักงานและใช้อีกชั้นหนึ่งเป็นห้องเรียนได้นะ”

เมื่อเฉินเจียเหอกลับมาถึงบ้าน หลินเซี่ยก็ดีใจอย่างมาก “ฉันเจอที่ที่ถูกใจแล้วค่ะ ถ้าอย่างนั้นฉันจะไปดูที่นั่นกับคุณหลังเลิกงานก็แล้วกัน”

ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ เฉินเจียเหอพาหลินเซี่ยตระเวนดูอาคารสำนักงานหลายแห่ง

หลินเซี่ยคิดว่าการเช่าชั้นหนึ่งและชั้นสามของอาคารเป็นเรื่องที่เข้าท่าที่สุด

ดังนั้นเธอจึงขอให้เฉินเจียเหอรีบทำสัญญากับเจ้าของอาคารโดยเร็วที่สุด ก่อนที่จะเริ่มดำเนินการทีละขั้นตอน

สิ่งต่อมาก็คือการโฆษณา

เธอตั้งชื่อสถาบันเสริมสวยและโรงเรียนสอนตัดผมให้สอดคล้องกับสังคมในยุคนี้คือสถาบันเสริมสวยและโรงเรียนสอนตัดผมสำหรับเจ้าสาว

ใบปลิวถูกตีพิมพ์ตั้งแต่เนิ่น ๆ และเวลาเริ่มเรียนก็ถูกระบุไว้ในใบปลิวแล้ว ซึ่งการลงทะเบียนตรงกับช่วงฤดูใบไม้ผลิ

ในตอนนี้เธอเริ่มวางแผนเกี่ยวกับการตลาดและการโฆษณา เมื่อเปิดสอนหลักสูตร หลินเซี่ยก็สามารถสอนนักเรียนได้ทันที และหลินเยี่ยนกับชุนฟางก็สามารถสอนในส่วนของการปฏิบัติได้เช่นกัน

เสิ่นอวี้อิ๋งทนทุกข์กับการอยู่เดือนมาหนึ่งเดือนเต็ม ในที่สุดหล่อนก็ได้ออกจากการอยู่เดือนเสียที

เซี่ยหลานสัญญาว่าเมื่อเด็กอายุหนึ่งเดือน หล่อนจะหาสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าที่เหมาะสมให้เด็กคนนี้

ในช่วงสิ้นปี งานที่โรงพยาบาลจะยุ่งเป็นพิเศษ ดังนั้นเซี่ยหลานจึงต้องออกบ้านตั้งแต่เช้ามืดและกลับบ้านดึกดื่น บางครั้งก็ต้องทำงานกะดึกต่อและไม่ได้กลับบ้าน

เสิ่นอวี้อิ๋งเก็บตัวเงียบอยู่ที่บ้านเป็นเวลาหนึ่งเดือนจนแทบจะเฉาตายอยู่แล้ว หล่อนจำเป็นต้องออกไปสูดอากาศข้างนอกเดี๋ยวนี้

เด็กทารกถูกวางลงบนเปล ตอนนี้เสิ่นอวี้อิ๋งรู้แล้วว่าชีวิตประจำวันของเด็กทารกมีแค่กินและนอน ตราบใดที่หล่อนไม่สาปแช่ง แต่กอดและป้อนนม เด็กน้อยก็จะไม่ร้องงอแง

วันนี้คือวันครบกำหนดอยู่เดือนของเสิ่นอวี้อิ๋งแล้ว หล่อนจึงรีบออกจากบ้านไปซื้อแป้งแช่น้ำแกงแพะมากิน

จากนั้นนั่งเล่นอยู่ที่สวนสาธารณะเพื่ออาบแดดและสูดอากาศบริสุทธิ์

หล่อนเห็นหนังสือพิมพ์ถูกโยนลงบนม้านั่งในสวนสาธารณะ จึงหยิบขึ้นมาดู

เดิมทีมันถูกใช้อ่านเพื่อฆ่าเวลา แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นรางวัลที่คาดไม่ถึง

เพราะหล่อนเห็นโฆษณาเล็ก ๆ ในมุมล่างซ้ายของหน้ากระดาษหนังสือพิมพ์

มันคือโฆษณาการเปิดรับนักเรียนของสถาบันเสริมสวยและโรงเรียนสอนตัดผม

ผู้ที่มีสิทธิสมัครคนหนุ่มสาวที่อายุมากกว่าสิบห้าปี แต่ไม่เกินสามสิบปี วุฒิการศึกษาระดับประถมศึกษาขึ้นไป

ว่ากันว่าหลักสูตรนี้สอนโดยอาจารย์ที่มีชื่อเสียงและสามารถออกใบรับรองการสำเร็จหลังสูตรหลังจากเรียนไปแล้วครึ่งปี

เมื่อเห็นโฆษณานี้ ดวงตาของเสิ่นอวี้อิ๋งก็เปล่งประกายทันที

หล่อนรีบฉีกส่วนของโฆษณาในหน้าหนังสือพิมพ์ออกแล้วเก็บไว้ในกระเป๋ากางเกงก่อนเดินกลับบ้าน

………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

น่าจะเป็นฝันบอกเหตุล่ะนะว่าให้ระวังตัวไว้ดีๆ หาทางป้องกันไว้แต่เนิ่นๆ

ไม่ใช่ว่าโลกกลม ยัยอวี้อิ๋งกลายเป็นนักเรียนของเซี่ยเซี่ยนะ?

ไหหม่า(海馬)

……………………………………

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

Status: Ongoing
เมื่อสวรรค์ได้ให้โอกาสเธอย้อนกลับมาแก้ขในสิ่งที่ผิดพลาด เธอจะใช้โอกาสนี้เป็นช่างเสริมสวยยอดฝีมือให้ได้ตามฝันอย่างไรกันนะ?เรื่องย่อ : ในชาติก่อน หลินเ เป็นสไตสต์คนโง่ผู้ร้ความคิดป็นของตัวเอง จึงถูกดาราดาวรุ่งผู้เป็นเพื่อนสนิทวางแผนทำลายชีวิตจนพังพินาศ ไร้ซึ่งเครดิต ไร้ซึ่งอำนาจ และหน้ามืดตามัวทิ้งสามีพ่อม่ายลูกติดที่คอยสนับสนุนมาตลอดได้ลงค แต่เหมือนสวรรค์ยังคงเห็นใจต่ชะตาชีวิตอันรันทดของเธอ จึงทำให้เธอได้ย้อนกลับมาเกิดใหม่ในปี 1988 อันเป็นปีที่ทุกอย่างยังไม่สายเกินกว่าแก้ หลินเชี่ยจะใช้โอกาสที่ได้มีชีวิตครั้งที่สองเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของตัวเองอย่างไรบ้าง?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท