ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน – บทที่ 256 ที่พวกเราอยู่ไม่ใช่ชั้นที่สามนั้น

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

บทที่ 256 ที่พวกเราอยู่ไม่ใช่ชั้นที่สามนั้น

บทที่ 256 ที่พวกเราอยู่ไม่ใช่ชั้นที่สามนั้น

พลังมารสีดำดุจหมึกแผ่ขยายไปทั่วชั้นที่สาม มันพยายามแทรกซึมเข้าไปในร่างของผู้บุกรุก ทำให้พวกเขากลายเป็นมาร

“อา! ไม่นะ!”

“ข้าจะฆ่าเจ้า!”

“สมบัติพวกนี้เป็นของข้าทั้งหมด ฮ่า ๆ ๆ เป็นของข้าทั้งสิ้น!”

ผู้บำเพ็ญส่วนน้อยที่เข้ามาในชั้นสามไม่ทันระวังตัว ปล่อยให้พลังมารเข้าสู่ร่างกายของพวกเขา พลังมารจะทำให้คนสูญเสียสติ ตกอยู่ในภวังค์ และยังขยายความหวาดกลัวหรือความปรารถนาในใจให้ใหญ่โตขึ้นนับพันเท่า…

พวกเขาเสียสติไปแล้ว

สองต้นหญ้าเล็ก ๆ ไม่เป็นที่สังเกตซ่อนตัวอยู่ในมุมด้วยร่างสั่นเทิ้ม ความจริงแล้วมีแค่หลิงเยว่เท่านั้นแหละ ส่วนผู่ตานนั้นใจเย็นมาก

“ของล้ำค่าของข้าหายไปไหน!”

ร่างแยกของปีศาจดอกเบญจมาศขึ้นมาค้นหาร่างของหลิงเยว่อย่างบ้าคลั่ง แต่ไม่รู้เลยว่าเมื่อครู่ร่างแยกของมันเพิ่งเดินผ่านต้นหญ้าสองต้นไป

งูทะเลปีศาจที่มีความยาวเกือบพันเมตรขดตัวอยู่ที่หนึ่ง มันจ้องมองด้วยดวงตามุ่งมั่น พลางปล่อยจิตวิญญาณออกมาสำรวจทุกซอกทุกมุมของชั้นที่สาม

หลิงเยว่ที่ถูกจิตวิญญาณเย็นยะเยือกสำรวจผ่าน ร่างกายของนางพลันแข็งทื่อ ตอนที่นางคิดว่าตัวเองกำลังจะถูกเปิดเผยแล้ว โม่จวินเจ๋อที่ไม่รู้ว่าเป็นบ้าอะไร กลับโจมตีแมงมุมดำ ปีศาจดอกเบญจมาศ และงูทะเลปีศาจพร้อมกันอย่างกะทันหัน

การต่อสู้นั้นทำให้แผ่นดินสะเทือน ภูเขาถล่มทลาย

เขาคงไม่ได้ถูกพลังมารแทรกซึมเข้าไปใช่ไหม?

หลิงเยว่ตกใจ นี่มันไม่ดีแน่ ๆ!

ไม่สิ สุราปราบมารก่อนหน้านี้ที่นางให้ไปหนึ่งไหเขาก็ดื่ม หรือว่าฤทธิ์ยาจะหมดแล้ว?

โม่จวินเจ๋อผู้ต่อสู้กับเหล่าปีศาจเพียงลำพัง ตกอยู่ในสถานการณ์ที่เสียเปรียบอย่างยิ่ง เขาถูกหางของงูทะเลปีศาจตวัดจนกระเด็นไปไกล แต่ในไม่ช้าเขาก็ถือกระบี่แล้วกลายเป็นแสงสีขาว กระบี่และคนรวมเป็นหนึ่งเดียวแทงทะลุปลายหางของงูทะเลปีศาจ

“ฟ่อ…”

งูทะเลปีศาจอ้าปากร้อง ลิ้นงูตรงเป็นแท่ง ชัดเจนว่าการโจมตีครั้งนี้เจ็บปวดมาก

เด็กหนุ่มตาแดงก่ำ หลิงเยว่มองเห็นบาดแผลบนร่างของเขามากขึ้นเรื่อย ๆ นางร้อนใจยิ่งนัก แต่เวลาของชารู้แจ้งยังไม่หมด นางจึงไม่มีทางช่วยได้

ใช่แล้ว!

หลิงเยว่หยิบโอ่งสุราใบใหญ่กว่าร่างต้นหญ้าของนางออกมา ก้าวเดินไปทีละก้าว ผู่ตานเห็นศิษย์น้องกำลังจะไปตายก็รีบดึงตัวกลับมา

พืชสองต้นที่พูดไม่ได้สบัดกันไปมา หลิงเยว่โกรธจนกระโดดขึ้นไปบนอากาศ พลันสะบัดรากไปมา ตวัดผู่ตานให้ลอยหวือไปในทันที จากนั้นก็ถือโอ่งสุราบุกเข้าสนามรบ

หญ้าต้นหนึ่งถือโอ่งสุราวิ่งไป ถ้าเป็นสถานที่ปกติก็จะเด่นสะดุดตามาก แต่ตอนนี้ไม่ใช่ เหล่าคนฉลาดกำลังปวดหัวหาทางออก ผู้ที่ถูกพลังปีศาจรุกรานต่างบ้าคลั่งกันไปแล้ว มีเพียงผู่ตานที่ถูกเตะปลิวไปเท่านั้นที่สังเกตเห็นต้นหญ้านั้นได้

หลิงเยว่ถือโอ่งสุรา พลางจ้องมองร่างของโม่จวินเจ๋ออย่างไม่ละสายตา คอยหาโอกาสขว้างใส่เขา แต่คนผู้นี้เร็วเกินไป สถานการณ์การต่อสู้ก็ยุ่งเหยิงเกินไป นางไม่แน่ใจว่าจะขว้างโดนเด็กหนุ่มได้อย่างแม่นยำหรือไม่

“อีกาสุริยันตัวน้อย เจ้าช่วยข้าส่งเสียงบอกโม่จวินเจ๋อให้เขาหยุดสักครู่เถิด”

ครั้งนี้อีกาสุริยันตัวน้อยยังพอช่วยได้ มันไม่ได้ส่งเสียง แต่เลือกที่จะยืมใบไม้สองใบของหลิงเยว่ แล้วกอดโอ่งสุราขว้างเข้าไปในกลุ่มคนที่กำลังต่อสู้อย่างดุเดือด

โม่จวินเจ๋อที่ถูกโอ่งสุราหล่นใส่หัวอย่างจัง เขาอ้าปากคายของเหลวออกมาโดยไม่ตั้งใจ แต่กลับพบว่ารสชาตินี้คุ้นเคยมาก เพิ่งจะหันหลังกลับไปใยแมงมุมสีดำก็เข้าปกคลุมท้องฟ้า ตามมาด้วยพิษของปีศาจดอกเบญจมาศ

โม่จวินเจ๋อยกกระบี่โต้กลับ แต่กลับพบว่ามือของเขาหายไปแล้ว…

ทั้งมือและมุมมองของเขาต่างเปลี่ยนไป ตามสัญชาตญาณร่างกายได้กางปีกที่งอกออกมาจากด้านหลังบินหนีออกจากใยแมงมุม และหลบหลีกพิษได้อย่างหวุดหวิด

“หัวหน้า!?”

เมื่อตะขาบมรกตตัวที่สองเพิ่งบินขึ้นไปบนชั้นสาม มันกะพริบตาปริบ ๆ เมื่อยืนยันว่าผู้ที่กำลังต่อสู้กับสัตว์ประหลาดสามตัวนั้นคือหัวหน้าของมัน มันจึงร้องด้วยความตื่นเต้นและเข้าร่วมการต่อสู้ด้วย

“หัวหน้า ข้าไม่คิดว่าท่านจะเข้ามากับเจ้ามนุษย์เปราะบางด้วย ทำไมไม่บอกข้าสักคำ!”

“หัวหน้า เจ้ามนุษย์เปราะบางพาท่านเข้ามาได้อย่างไร? หรือว่าพวกท่านทำสัญญากันแล้ว? เป็นไปไม่ได้!”

“หัวหน้า ท่านรอก่อน ข้าจะไปจับงูตัวนั้นมาให้เจ้ามนุษย์เปราะบางทำเป็นอาหารอร่อย ๆ…”

พลังการต่อสู้ของตะขาบมรกตที่สองพุ่งสูงขึ้นทันที ร่างกายมันเริ่มขยายใหญ่ขึ้น จากนั้นก็พุ่งลงไปสู้กับงูทะเลปีศาจที่เหลือครึ่งตัว ระหว่างนั้นยังแบ่งสมาธิพ่นน้ำลายใส่ปีศาจดอกเบญจมาศไปด้วย

สิ่งนี้ดูยังไงก็กินไม่ได้ ละลายมันซะ!

โม่จวินเจ๋อในร่างหัวหน้าตะขาบมรกต “…”

เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าตัวเองจะกลายเป็นแมลงปีกสีเขียวสี่ปีก

หลิงเยว่รู้สึกอึดอัดยิ่งนัก เหมือนนางจะหยิบโอ่งสุราผิด เอาสุราปราบมารมาแทนที่จะเป็นชารู้แจ้ง

โม่จวินเจ๋อที่แปลงร่างเป็นหัวหน้าตะขาบมรกตมีพลังการต่อสู้พุ่งสูงขึ้น แม้ในตอนแรกจะบินโซเซและสืบทอดพลังของหัวหน้าตะขาบมรกตได้แค่ครึ่งเดียว แต่เพียงเท่านี้ก็เพียงพอที่จะกำจัดแมงมุมดำและปีศาจดอกเบญจมาศได้แล้ว

หลิงเยว่ถูกผู่ตานที่วิ่งมาลากตัวไปอีกครั้ง พวกเขาเพิ่งจะจากไป แมงมุมดำก็ถูกทุบลงพื้น มันดิ้นรนลุกขึ้น สุดท้ายมันก็แน่นิ่งไป

ส่วนงูทะเลปีศาจนั้นถูกตะขาบมรกตตัวที่สองนั่งทับจนตาย

สองตัวทำงานประสานกันอย่างลงตัว และคอยโจมตีปีศาจดอกเบญจมาศที่กำลังจะหนีไปพร้อมกัน โม่จวินเจ๋อที่เพิ่งปรับตัวเข้ากับร่างของหัวหน้าตะขาบมรกตกำลังจะลองพ่นน้ำลาย แต่เมื่อเปิดปากกำลังจะพ่น วินาทีถัดไปเขาก็กลับคืนสู่ร่างมนุษย์เช่นเดิม

โม่จวินเจ๋อค่อย ๆ หุบปากลง

ตะขาบมรกตตัวที่สอง “???”

ด้วยความตกใจ เกือบจะสำลักน้ำลายตายแล้ว!

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ปีศาจดอกเบญจมาศมีโอกาสวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว ร่างแยกก็กลายเป็นหมอกปีศาจทันที

การต่อสู้ครั้งใหญ่จบลงแล้ว แต่การฆ่ากันเองระหว่างผู้บำเพ็ญยังคงดำเนินต่อไป…

ดูเหมือนว่าถ้าไม่ฆ่ากันจนหมด พวกเขาจะไม่หยุดบ้าคลั่ง

เวลาของชารู้แจ้งมาถึงแล้ว หลิงเยว่รีบวิ่งไปปลอบโยนโม่จวินเจ๋อ ไม่เพียงแต่ปลอบโยนเท่านั้น นางยังมอบโอสถและอาหารวิเศษที่มีผลในการรักษาจำนวนมากอีกด้วย

ด้านหน้ากำลังฆ่ากันเอง ส่วนด้านหลังนั้นมีชายสองหญิงหนึ่งและแมลงอีกหนึ่งตัวกำลังทำอาหารกันอยู่

“ศิษย์พี่ ไม่ได้เข้าไปในชั้นที่สามแล้วหรือ? ทำไมไม่เห็นใครเลย”

หลิงเยว่รู้สึกไม่สบายใจอย่างบอกไม่ถูก

“ที่พวกเราอยู่ไม่ใช่ชั้นที่สามนั้น”

ประตูหินแต่ละบานนำไปสู่ชั้นที่สองและสามแตกต่างกัน ติงหลิวหลิ่วกับอีกสี่คนน่าจะอยู่ในชั้นที่สามข้าง ๆ

หลิงเยว่เข้าใจแล้ว

“สองคนนั้นก็มาด้วยหรือ?” ผู่ตานขมวดคิ้ว

“ข้าไม่ได้กลิ่นของตะขาบมรกตตัวที่สาม สี่ และห้าเลย!”

ตะขาบมรกตที่สองที่กำลังกินอย่างเอร็ดอร่อยเงยหน้าขึ้น ดวงตาเม็ดถั่วแดงเล็ก ๆ เต็มไปด้วยความงุนงง

“ระบบ มีของที่สามารถซ่อนกลิ่นของข้าได้ไหม?”

หลิงเยว่เบื่อที่ถูกไล่ล่า และยอมรับความจริงที่ว่าตนเองไม่ใช่คน เรื่องนั้น… น่าจะเป็นความจริงใช่ไหม?

[ปิ่นปักผมเร้นกาย : สามารถซ่อนพลังชีวิตได้ ราคาหนึ่งหมื่นล้าน]

ซ่อนพลังชีวิต?

แม้หลิงเยว่จะไม่เข้าใจ แต่นางก็ซื้อมันมาอยู่ดี

ทันใดนั้นก็มีของชิ้นหนึ่งปรากฏขึ้นในมือ เป็นกิ่งไม้เล็ก ๆ สีน้ำตาล… ถึงชื่อจะฟังดูไพเราะ แต่รูปลักษณ์มันแตกต่างจากกิ่งไม้แห้งที่ร่วงหล่นบนพื้นตรงไหนกัน?

หลิงเยว่มองอย่างรังเกียจ แล้วเอามันมาเสียบไว้ที่ผมตัวเอง

“ศิษย์น้องห้า เจ้า…” ผู่ตานมองกิ่งไม้แห้งแล้วพูดไม่ออก

โม่จวินเจ๋อนิ่งเงียบ พลางหยิบปิ่นหยกขาวอันหนึ่งส่งให้หลิงเยว่

หลิงเยว่ไม่เขินอาย รับปิ่นหยกขาวมาเสียบผมอย่างสบายใจ กิ่งไม้แห้งกับปิ่นหยกที่ประณีต ส่องประกายสีขาวอ่อน ๆ นั้นช่างแตกต่างกันยิ่งนัก

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

Status: Ongoing
‘หลิงเยว่’ ผู้ฝึกตนสำนักฝ่ายนอกแสนอ่อนหัด ทั้งยังถูกกลั่นแกล้งจากศิษย์ร่วมสำนัก ทว่ายังโชคดีได้ระบบนี้มาช่วยชีวิต มอบหมายภารกิจให้นางสามารถแข็งแกร่งขึ้นโดยใช้ทักษะการทำอาหารให้เกิดประโยชน์ แม้เส้นทางการเป็นยอดเซียนจะหริบหรี่ ทว่าโชคชะตาของยอดแม่ครัวได้เปิดทางให้ ‘หลิงเยว่’ ได้พบหนทางที่จะช่วยให้ตนรอดจากวิกฤติในครั้งนี้ไปได้ ‘ลิขิตฟ้าหรือจะสู้ตะหลิว เอ้ย! มานะตน หากนางไม่ยอมแพ้ ย่อมต้องมีหนทางสดใสรออยู่ข้างหน้าแน่’

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท