บทที่ 518 ตอนพิเศษ แต่งงาน
บทที่ 518 ตอนพิเศษ แต่งงาน
แม้ตระกูลหนานกงจะลอบชิงชังที่ตนชักนำหมาป่าเข้าบ้าน แต่ไม่ยอมรับก็ไม่ได้ สิ่งที่เยว่หลีพูดนั้นน่าดึงดูดใจเสียจริง
หลังจากร่วมกันประณาม พวกเขาก็เริ่มสนทนาหารือกันอย่างจริงจัง
ข้อมูลตั้งแต่เล็กจนโต รวมถึงสมาชิกในครอบครัวถูกนำมาถกเถียงร่วมด้วย
การเลือกคู่ครองให้เสี่ยวเป่า พวกเขาปฏิบัติด้วยความจริงจังราวกับกำลังปรึกษาเรื่องราชกิจสำคัญ
“ทั่นฮวาผู้นั้นมีลูกพี่ลูกน้องอยู่ในบ้าน ทั้งยังเป็นเหมยเขียวม้าไม้ไผ่ยุ่งยากอย่างถึงที่สุด คนผู้นี้ไม่จำเป็นต้องพิจารณาแล้ว”
จุดประสงค์ของพวกเขาทำเพื่อให้เสี่ยวเป่ามีความสุขไปตลอดชีวิตที่เหลือ ข้างกายคนผู้นั้นไม่สะอาด มีลูกพี่ลูกน้องอันเป็นเหมยเขียวม้าไม้ไผ่ ย่อมไม่อยู่ในการพิจารณา
“ร่างกายของจอหงวนเป็นผลจากอาการป่วยครั้งเยาว์ที่หลงเหลือทิ้งไว้ ระหว่างสอบก็เกือบสิ้นชีวิตมาแล้ว ไม่จำเป็นต้องพิจารณา”
เนื่องจากไม่ขาดแคลนเงิน ทั้งยังเพิ่งเริ่มจัดการสอบเคอจวี่ทั่วทั้งต้าเซี่ย สถานที่ห้องสอบและเสบียงอาหารล้วนได้รับการจัดเตรียมอย่างดีที่สุด ช่วงฤดูหนาวยังมีกระถางไฟให้ผู้เข้าสอบทุกคนอีกด้วย
กระถางไฟเหล่านั้นไม่ใช่ของดีที่สุด แต่ยังนับว่ามีคุณภาพได้มาตรฐาน
ท่ามกลางสภาพแวดล้อมเช่นนี้ยังล้มป่วยจนเกือบสิ้นชีพได้ แสดงให้เห็นว่าจอหงวนผู้นี้สุขภาพร่างกายย่ำแย่เพียงใด อีกทั้งในเรือนยังมีมารดาหญิงหม้ายที่เลี้ยงดูเขามาเพียงลำพังจนเติบใหญ่
หลังจากนี้หากมีความขัดแย้งระหว่างแม่สามีลูกสะใภ้ขึ้นมา ไม่รู้ว่าคนผู้นี้จะเลือกช่วยเหลือใคร
ดังนั้นย่อมไม่ต้องพิจารณาเช่นกัน
คนอื่น ๆ หากไม่ใช่คนในบ้านที่มีปัญหายุ่งยากมากเกินไป ก็เป็นตัวของคนเหล่านั้นเองที่มีปัญหา
สำหรับเหล่าทายาทอาณาจักรอื่น ๆ ที่ห่างไกลต้าเซี่ยออกไป คนตระกูลหนานกงล้วนไม่นำมาพิจารณา
สุดท้ายหลังคัดไปคัดมาแล้ว เยว่หลีก็ยังคงดูเข้าตาที่สุด
แน่นอนว่าบนตัวเยว่หลีเองก็ไม่ได้ไร้ข้อบกพร่อง อย่างเช่นคนผู้นี้หลงตัวเองมากเกินไป
ทว่า…
ตัวเขานั้นยอดเยี่ยมเพียงพอ ในบ้านไร้ซึ่งญาติต้องดูแล นับได้ว่าเป็นเหมยเขียวม้าไม้ไผ่กับเสี่ยวเป่า รู้จักกันอย่างลึกซึ้ง ซ้ำยังทราบความลับทั้งหมดของเสี่ยวเป่าด้วย อีกทั้งเพราะมาจากโลกอนาคตความคิดจึงเปิดกว้าง ไม่คิดจำกัดเสี่ยวเป่าเอาไว้เพียงในเรือน
คิดเช่นนี้แล้ว เขาก็เป็นผู้ที่เหมาะสมที่สุดอย่างแท้จริง
“แม้จะเป็นเช่นนี้… แต่พวกเราต้องถามความเห็นของเสี่ยวเป่าก่อน”
ถึงจะเหมาะสมจริง แต่ไม่อาจยอมง่าย ๆ เช่นนี้!
เสี่ยวเป่าที่สวมเสื้อสีเรียบกำลังขุดดินได้ยินสิ่งที่ท่านพ่อและเหล่าพี่ชายพูด
“อะไรนะ เยว่หลี???”
กล่าวตามตรง นางไม่คาดคิดว่าเยว่หลีจะเข้าร่วมด้วย
ใบหน้างดงามแดงก่ำขึ้นมาเล็กน้อย สิ่งที่มากกว่านั้นคือความตกใจระคนหวั่นไหว
“เยว่หลี เขา…”
เสี่ยวเป่าพูดไม่ถูกอยู่บ้าง ก่อนหน้านี้… ก่อนหน้านี้นางถือว่าเขาเป็นญาติมิตรสหายมาโดยตลอด การเปลี่ยนแปลงฐานะกะทันหันเช่นนี้ทำให้นางตั้งตัวไม่ทันเล็กน้อย
แต่เมื่อขบคิดดูแล้ว นางก็ไม่ได้มีความรู้สึกขัดข้องรังเกียจแต่อย่างใด
เห็นใบหน้าแดงก่ำของเสี่ยวเป่าแล้ว สีหน้าหนานกงสือเยวียนพลันไร้ความรู้สึก ยามนี้เขาต้องการทุบตีเยว่หลียิ่งกว่าสิ่งใด
ในฐานะบิดาของเสี่ยวเป่าที่อยู่ด้วยกันมานานถึงเพียงนี้ เขาย่อมมองออกว่าบุตรสาวของตนตั้งตัวไม่ถูกและตื่นตะลึง ทว่ายังมีความเขินอายอยู่
ชิ… ตอนนี้เขาไปหักขาเยว่หลีทิ้งได้หรือไม่
“เจ้าไม่ชอบเขาหรือ ได้ เช่นนั้นพวกข้า…”
หนานกงฉีโม่ยังไม่ทันพูดจบ เสี่ยวเป่าก็คว้าจับชายเสื้อของเขาเอาไว้
“ท่าน ท่านพี่…”
ทุกคนหันมามองนางเป็นตาเดียว
ใบหน้างดงามของเสี่ยวเป่าแดงก่ำระหว่างเอ่ยออกมาด้วยความเอียงอาย
“ไม่ใช่เช่นนั้น ความจริงข้าไม่ได้ไม่ชอบ”
นางรวบรวมความกล้าเอ่ยออกมา “เทียบกับคนแปลกหน้าที่ไม่รู้จักแม้แต่น้อย ความจริง… ความจริงเยว่หลีนับว่าดีมาก”
เสี่ยวเป่าเพียงรู้สึกว่าการเปลี่ยนแปลงสถานะมาอย่างกะทันหันเกินไป นางจึงปรับตัวไม่ทันอยู่บ้าง
คนตระกูลหนานกงต่างมีสีหน้าเรียบนิ่ง ต้องการทุบตีเยว่หลีขึ้นมา
สมบัติล้ำค่าของพวกเขา กำลังจะถูกแย่งชิงไปหรือ
ยอมไม่ได้!
หลังจากนี้ยังมีการทดสอบอีกมาก ในเมื่อเยว่หลีเข้าร่วมแล้ว เช่นนั้นก็ต้องยกระดับความยากขึ้นไปอีก
ทั้งยังเป็นความยากระดับนรก
ทว่าเยว่หลีที่มีทั้งสมองอันชาญฉลาดและร่างกายแสนแข็งแกร่งไร้ซึ่งความหวาดเกรง
ยิ่งได้เห็นว่าระหว่างการทดสอบมีคนรอบกายน้อยลงไปเรื่อย ๆ เขาก็พลันเกิดความภาคภูมิใจขึ้นมา
ปลาซิวปลาสร้อยเหล่านี้จะเทียบเขาได้อย่างไร
คนอื่น ๆ ที่ถูกคัดออก : …
“ทดสอบด้านบุ๋นก็ว่าไปเถิด เหตุใดยังต้องทดสอบด้านบู๊ด้วย”
“นี่ยากเสียยิ่งกว่าการสอบเคอจวี่มากนัก”
“ยากเกินไปแล้ว… ขออภัยองค์หญิง ข้าไม่สามารถทำตามความคาดหวังของท่านได้”
จนสุดท้ายเหลืออยู่เพียงสามคน
หนึ่งในนั้นย่อมเป็นเยว่หลี อีกคนเป็นชายหนุ่มต่างอาณาจักรผู้หนึ่งที่ดูแล้วมีบรรยากาศความเป็นอัจฉริยะอันไม่ธรรมดา และยังมีคุณชายจากตระกูลขุนนางตกต่ำที่เติบโตมาในกองทัพจนเก่งกาจทั้งด้านบู๊บุ๋น
กล่าวตามตรงแล้ว ยามนี้ภายใต้การกดข่มจากตระกูลหนานกง ไม่มีตระกูลขุนนางใดไม่ตกต่ำลง
ทว่าก็เพียงกดข่ม หนานกงสือเยวียนไม่ได้หมายมั่นจะทำลายล้างพวกเขาจนสิ้น เพียงแค่ไม่ต้องการให้เหล่าตระกูลขุนนางมีอำนาจมากเกินไปจนส่งผลกระทบต่อทั่วทั้งต้าเซี่ยได้
หนานกงสือเยวียนชื่นชอบผู้มีความสามารถ คนรุ่นหลังทั้งหมดล้วนต้องอาศัยความสามารถของตนเองเพื่อรับตำแหน่งในราชสำนัก
เช่นผ่านการสอบเคอจวี่ หรือทำความดีความชอบในกองทัพเป็นต้น…
หนานกงสือเยวียนยังคิดจะจัดตั้งสถาบันการทหารอีกด้วย หลังจากนี้ด้านบู๊เองก็จำเป็นต้องมีการทดสอบความรู้ความสามารถ
คนที่เหลืออยู่ทั้งสาม ไม่ว่าด้านใดต่างก็ล้วนเป็นเลิศ
เยว่หลีมองไปทางสองคนที่อยู่ด้านข้างอย่างเกลียดชัง ต้องการตัดพวกเขาออกไปเสียเดี๋ยวนี้
“การทดสอบครั้งสุดท้าย ให้องค์หญิงมาทดสอบพวกเจ้าด้วยตนเอง”
ได้ยินเช่นนี้แล้ว ทุกคนต่างพากันฮือฮาขึ้นมา
เหล่าผู้ที่ถูกคัดออกเองก็ล้วนจัดแต่งรูปลักษณ์ของตน บางที บางทีองค์หญิงอาจตกหลุมรักตั้งแต่แรกพบ อย่างไรเสียพวกเขาก็ไม่ได้ย่ำแย่ถึงเพียงนัก
เสี่ยวเป่าท่ามกลางผู้คนรายล้อมสวมใส่ชุดฝ่ายในสีม่วงหม่น
หญิงสาวที่เติบโตอย่างเต็มที่สามารถใช้คำว่างามล่มบ้านล่มเมืองมาบรรยายได้อย่างไร้ปัญหาใด สง่า สุภาพเยือกเย็น ทั้งยังมีชีวิตชีวา ไม่ว่ายืนอยู่ที่ใดประหนึ่งมีแสงสว่างเรืองรองดึงดูดสายตาผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วน
นางสวมผ้าคลุมหน้า ด้านข้างตามติดด้วยเสือสีขาวและดำ ยิ่งขับให้นางสูงส่งขึ้นเป็นเท่าทวี
หลายปีมานี้เสี่ยวเป่าปรากฏตัวน้อยลงเรื่อย ๆ แต่ข่าวลือของนางกลับมีความลึกลับขึ้นไม่หยุด
ก่อนหน้านี้ก็มีผู้มาสมัครคัดเลือกเป็นราชบุตรเขย บางคนมาเพราะได้ยินข่าวลือเรื่องสาวงามอันดับหนึ่ง บางคนมาเพราะฐานะของนาง
ทว่ายามนี้ได้พบเข้าจริง ๆ แม้ใบหน้าครึ่งหนึ่งจะถูกผ้าคลุมบดบังเอาไว้ แต่เพียงแค่นั้นก็พอจะดึงดูดให้คนจำนวนมากตกหลุมรัก
เหล่าผู้ที่ถูกคัดออกได้แต่ชิงชังตนเองว่าเหตุใดจึงไม่พยายามมากกว่านี้ หากพยายามมากขึ้น องค์หญิงก็ยิ่งมีโอกาสเห็นพวกเขาอยู่ในสายตามากขึ้น!
เมื่อเสี่ยวเป่ามาถึงก็ปรายตามองเยว่หลี
ไม่เจอกันพักเดียว เจ้ากลับวิ่งโร่มาสมัครเป็นแฟนหนุ่มของข้า!
เยว่หลียิ้มให้เสี่ยวเป่าอย่างหน้าไม่อาย
เช่นนั้นให้ทำอย่างไร เฝ้ามองเจ้าแต่งงานกับผู้อื่นหรือ
ทั้งสองลอบโต้ตอบผ่านสายตา ก่อนเสี่ยวเป่าจะนั่งลงด้านข้างท่านพ่อของตน
เหล่าหลานชายตัวน้อยรีบเข้าใกล้ด้วยดวงตาเปล่งประกายทันที
นางลูบหัวเหล่าเด็กน้อย
“การทดสอบครั้งสุดท้าย ข้ามีคำถามข้อหนึ่งจะถามพวกท่าน”
เสี่ยวเป่าหน้าแดงเล็กน้อยระหว่างเอ่ยคำถามออกมาด้วยความเขินอาย
“ถ้าหาก ข้าหมายถึงสมมติขึ้นมา เมื่อข้ากับมารดาของพวกท่านตกน้ำพร้อมกัน พวกท่านจะเลือกช่วยผู้ใดก่อน โดยที่พวกท่านจำเป็นต้องไปช่วยเหลือด้วยตนเอง”
กล่าวจบแล้ว ใบหน้าใต้ผ้าคลุมของเสี่ยวเป่าก็พลันเก้อเขินขึ้นมาบ้าง
แค่ก… นี่เป็นคำถามที่สร้างความลำบากใจให้กระทั่งกับคนยุคหลังจำนวนนับไม่ถ้วน ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงยุคสมัยนี้ที่ถือความกตัญญูยิ่งใหญ่กว่าผืนฟ้า
ทว่าแม้นางจะรู้ก็ยังสร้างความลำบากใจขึ้นมา
ความจริงเสี่ยวเป่ามีคำตอบอยู่ในใจตั้งแต่แรกแล้วว่าจะเลือกผู้ใด แต่ไม่ว่าอย่างไรท่านพ่อและเหล่าท่านพี่ทั้งหลายต่างต้องการทดสอบเยว่หลี การทดสอบคัดเลือกยังต้องดำเนินต่อไป
ไม่เพียงแค่ดำเนินต่อ ระดับความยากยังถูกเพิ่มเข้าไปด้วย
ท้ายที่สุดนอกจากเยว่หลีแล้วกลับยังมีอีกสองคนที่สามารถผ่านมาได้
นี่นับเป็นการคัดเลือกที่มีเบื้องหลัง ไม่ยุติธรรมกับคนอื่นอย่างแท้จริง
ผลเป็นดั่งที่คาดไว้ หลังเสี่ยวเป่าเอ่ยคำถามไปแล้ว ทุกคนต่างตกลงไปในความเงียบอันแปลกประหลาด
คำถามนี้ไม่ว่าตอบเช่นใดก็ล้วนแล้วแต่ผิด
หากช่วยมารดา เช่นนั้นจะต้องถูกคัดออกอย่างแน่นอน แต่ถ้าช่วยองค์หญิง เช่นนั้นจะถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าไร้ความกตัญญู
ผู้ใดคิดคำถามนี้ขึ้นมากัน สร้างความลำบากใจให้คนเกินไปแล้ว!
ทว่าท่ามกลางความเงียบงัน กลับมีผู้หนึ่งกำลังข่มกลั้นรอยยิ้มเอาไว้
เสี่ยวเป่าถึงกับคิดคำถามใจคอคับแคบขึ้นมา ฮ่า ๆ ๆ…
เมื่อเห็นเยว่หลีกำลังกลั้นหัวเราะ เสี่ยวเป่าพลันถลึงตาใส่อย่างดุดัน
นางทำเพื่อผู้ใดกันเล่า!
เยว่หลีกระแอมไอสองครั้งก่อนยืนขึ้น
สายตาทุกคนต่างหันไปจับจ้องเขาทันที
“ข้าเลือกช่วยองค์หญิง”
ทุกคนมองเขาด้วยสายตาประณามโดยพลัน
บางคนถึงกับเอ่ยออกมาอย่างอดไม่ได้ “นั่นคือมารดาของเจ้า เจ้าจะไม่ช่วยเชียวหรือ”
เยว่หลีผายมือออกเอ่ยด้วยท่าทางไร้พันธะเต็มที่ “ขออภัย ข้าไม่มีมารดา ทั้งครอบครัวมีข้าเพียงผู้เดียว”
ทุกคน : …
บัดซับ! เจ้าถึงกับกล่าวออกมาอย่างภาคภูมิเช่นนี้!
อีกสองคนที่เหลือยักไหล่ คุณชายตระกูลขุนนางประสานมือเข้าหากัน “ขออภัยองค์หญิง คำถามนี้ข้าไม่อาจตอบได้”
คนจากต่างอาณาจักรกล่าว “ข้าเองก็ไม่รู้จะตอบคำถามท่านเช่นไร”
เสี่ยวเป่ายิ้มขอโทษให้ทั้งสอง จากนั้นจึงเดินเข้าไปจับมือเยว่หลี
“เช่นนั้น ราชบุตรเขยก็ถูกเลือกเรียบร้อยแล้ว”
เยว่หลียกยิ้ม พลางกุมมือนางเอาไว้
แม้ดวงตาของเหล่าผู้ที่อยู่ด้านหลังจะจับจ้องมองมือเขาอย่างแผดเผา แต่เขาไม่ยอมปล่อยหรอก!
ส่วนเหล่าผู้เข้าร่วมการคัดเลือกราชบุตรเขยก็ไม่ใช่ไม่ได้รับผลประโยชน์ใด
การคัดเลือกครั้งนี้ทดสอบความสามารถในทุกด้าน
แม้จะถูกคัดออก แต่ผู้ที่ผ่านเข้ามารอบหลังได้ย่อมต้องมีความสามารถ
เหล่าคนต่างอาณาจักรที่มาถึงต้าเซี่ยก็ได้รับของตอบแทน ทั้งยังได้โอกาสผูกสัมพันธ์สร้างสะพานแห่งมิตรภาพ
นี่นับว่ามากเพียงพอแล้ว
ส่วนคนอื่นได้รับมอบหมายในตำแหน่งหน้าที่อันเหมาะสม จอหงวนและทั่นฮวาที่เดิมสมควรเงียบหายไป สักพักก็ถูกดึงตัวออกมาทำงานล่วงหน้าเช่นกัน
ดังนั้นผลของการคัดเลือกราชบุตรเขยครั้งนี้จึงเป็นที่พึงพอใจของทุกคน
ผ่านไปหนึ่งปี สุดท้ายก็ถึงวันที่เสี่ยวเป่าได้แต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝา
ปีก่อนเยว่หลีและเสี่ยวเป่าทำให้สองข้างทางถนนของเมืองหลวงเต็มไปด้วยต้นท้อ ทอดยาวไปจนถึงหมู่บ้านด้านนอกแถบชานเมือง
รอบนาหลวงเองก็มีต้นท้อจำนวนนับไม่ถ้วน รอจนถึงฤดูดอกท้อผลิบาน ทั่วทั้งเมืองหลวงพลันเต็มไปด้วยบุปผาสีชมพูงดงามเป็นอย่างยิ่ง
และยามฤดูดอกท้อบานสะพรั่ง ก็ถึงเวลาที่องค์หญิงเพียงหนึ่งเดียวของต้าเซี่ยได้อภิเษกสมรส
สินสอดยาวนับสิบลี้ ผ้าแดงถูกแขวนติดทุกหนแห่งเป็นการเฉลิมฉลอง สินเดิมเจ้าสาวรวมแล้วนับสองร้อยหีบ เกินมาตรฐานสูงสุดของการแต่งองค์หญิงนัก
ทุกหีบสินเดิมเจ้าสาวใหญ่กว่าขนาดทั่วไปมาก ต้องใช้คนกว่าแปดคนจึงจะแบกได้ ทั้งยังถูกน้ำหนักกดเสียจนหลังโก่งงอ
ทุกคนที่เห็นต่างอดอิจฉาไม่ได้
บางคนอิจฉาเจ้าบ่าว นี่เป็นการแต่งงานกับองค์หญิงทองคำโดยแท้ ชีวิตหลังจากนี้ไม่จำเป็นต้องกลัดกลุ้มทุกข์ทนอีกแล้ว
บางคนอิจฉาเจ้าสาวอย่างองค์หญิง ฝ่าบาทและเหล่าองค์ชายต่างรักเอ็นดูองค์หญิงยิ่งนัก ถึงกับมอบสินเดิมให้มากเพียงนี้
และยามนี้ผู้ที่ถูกอิจฉา คนหนึ่งหล่อเหลาสง่างามกำลังขี่ม้านำหน้าขบวน ดูมีราศียิ่งกว่าพวกจอหงวนเสียอีก
อีกคนกำลังนั่งอย่างสงบนิ่งในเกี้ยวเจ้าสาว ในมือถือพัดทรงกลมขึ้นปิดใบหน้า
วันนี้ทั่วทั้งเมืองหลวงคึกคักมีชีวิตชีวาอย่างยิ่ง ขบวนแต่งงานโปรยถุงแดงนำโชคและลูกกวาดมงคลตลอดเส้นทาง ชาวบ้านทุกคนรวมถึงเหล่าเด็ก ๆ พากันคว้าจับเอาไว้ เมื่อได้รับก็กระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ
งานแต่งแสนยิ่งใหญ่ครั้งนี้ถูกบันทึกลงไปในประวัติศาสตร์ตลอดกาล
………………………………………