ปลายจวักครองใจ – ตอนที่ 441 ตัวแทน

ปลายจวักครองใจ

ตอนที่ 441 ตัวแทน

หลายเดือนก่อนหน้า ตอนที่ซูเย่า เด็กหนุ่มยังไม่ถึงวัยสวมกวาน ผู้เป็นบัณฑิตจอหงวนคนใหม่สวมชุดสีแดง เสียบดอกไม้แดง ขี่ม้าเดินขบวน ไม่รู้ว่าสร้างความตื่นตะลึงในความงามให้กับบุรุษสตรี ผู้เฒ่าและเด็กไปเท่าใด

ในภายหลังจอหงวนซูกลายเป็นอาลักษณ์ซู สวมชุดขุนนางสีเขียว ก็ยิ่งขับให้เขาสะอาดหล่อเหลาไร้ผู้ใดเทียบเทียม ทำให้ผู้คนต้องชำเลืองมอง

ตอนนี้เห็นได้ชัดว่าเด็กหนุ่มในชุดเขียวซึ่งตกจากรถม้าลงบนถนน คือบัณฑิตจอหงวน!

เมื่อมองไปที่รถม้าอีกครั้ง…

ก็มีคนที่สายตาดีร้องขึ้นมาอย่างตะลึงว่า “สวรรค์ รถม้าของคุณหนูลั่ว!”

ทุกคนเพ่งมองดูก็พากันสำทับ “ถูกต้อง เป็นรถม้าของคุณหนูลั่วจริงๆ”

บัณฑิตจอหงวนตกลงมาจากบนรถม้าของคุณหนูลั่วหรือ

ซี๊ด…นี่มีเรื่องสนุกให้ดูนี่!

ประจวบกับตอนนี้ เว่ยเฟิงพาข้ารับใช้หลายคนผ่านมาพอดี

ตามหามากว่าครึ่งวัน ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของเว่ยเหวิน ต้องกินข้าวสักหน่อย ค่อยตามหาต่อไป

เมื่อได้ยินเสียงร้องตะลึงดังไม่ขาดสาย เว่ยเฟิงจึงก้าวเท้ายาวเข้าไป

“ขอทางหน่อย!” ข้ารับใช้จวนอ๋องแหวกทางด้านหน้า

คนที่มุงดูเรื่องสนุกค้นพบว่าผิงหนานอ๋องซื่อจื่อมาแล้วก็แหวกทางออกเป็นถนนเส้นหนึ่ง

เดิมในบรรดาชาวบ้านตัวเล็กๆ คนที่จำผิงหนานอ๋องซื่อจื่อได้ก็มีไม่มาก นี่ไม่ใช่ว่าท่านหญิงน้อยหายไป ผิงหนานอ๋องซื่อจื่อตามหาคนตลอด ดวงหน้านี้ไปๆ มาๆ เห็นอยู่หลายครั้งก็เลยรู้จักไปแล้ว

เว่ยเฟิงมองเด็กหนุ่มที่ใช้มือยันร่างเตรียมลุกขึ้นก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ “ซูเย่าหรือ”

เด็กหนุ่มลุกขึ้นมา ไม่ได้หันไปมองยังทิศทางที่เสียงลอยมา แต่ก้มหน้าก้าวขึ้นรถม้าไป

แต่จะทำอย่างไรได้ หงโต้วมุมออกมาจากตัวรถและขวางทางไปเอาไว้ด้วยท่าทางดุร้าย

เด็กหนุ่มอยากเลี่ยงก็เลี่ยงไม่ได้จึงยืนอยู่ท่ามกลางการถูกจ้องมอง

เว่ยเฟิงเห็นลักษณะท่าทางของเด็กหนุ่มชัดเจนแล้วก็ตะลึง “เจ้าไม่ใช่ซูเย่าหรือ”

เด็กหนุ่มเม้มปาก ไม่เอ่ยอันใด

หงโต้วกระโดดลงจากรถม้าอย่างปราดเปรียว แค่นเสียงเย็นเอ่ยว่า “ซูเย่าอะไรกันเจ้าคะ ซื่อจื่อ ท่านจำคนผิดแล้ว นี่คือข้ารับใช้ของคุณหนูพวกข้า”

คนที่มุงดูเรื่องสนุกพลันส่งเสียงฮือฮา

สวรรค์ บุรุษคนใหม่ของคุณหนูลั่วถึงกับหน้าตาเหมือนบัณฑิตจอหงวนขนาดนี้เลยหรือ

ในไม่ช้าคนที่รู้ข่าวไวก็เอ่ยด้วยสีหน้าบานเป็นกระด้ง “ที่แท้ข่าวลือก็เป็นความจริงนี่เอง ว่ากันว่า ตอนคุณหนูลั่วไปทางใต้นั้นถูกใจบัณฑิตจอหงวน แถมยังโวยวายว่าจะแต่งให้กับบัณฑิตจอหงวนด้วย”

“มีเรื่องนี้ด้วยหรือ”

“พวกเจ้านี่ไม่ไหวเลยนะ ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นในเมืองหลวงก็ไม่สนใจหรือ ข้าจะเล่าให้พวกเจ้าฟัง บ้านท่านตาท่านยายของคุณหนูลั่วกับบัณฑิตจอหงวนคือที่เดียวกัน…“

ภายในระยะเวลาสั้นๆ ความสัมพันธ์ซับซ้อนของคุณหนูลั่วกับบัณฑิตจอหงวนก็แพร่ไปทั่วแล้ว

และหลังจากนั้น สายตาที่ทุกคนมองไปทางเด็กหนุ่มก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

คิดไม่ถึงว่า คุณหนูลั่วจะเป็นคนลุ่มหลงในความรักคนหนึ่ง นี่อยากได้บัณฑิตจอหงวน แต่ไม่ได้มาจึงหาตัวแทนมาคนหนึ่งหรือ

สือเยี่ยนที่ปะปนอยู่ในกลุ่มคนก้าวเท้าวิ่งกลับหอสุราและพุ่งเข้าไปในลานด้านหลัง

เว่ยหานยังนั่งอยู่ข้างต้นพลับ

สือเยี่ยนวิ่งเข้ามา พลางถอนหายใจ “นายท่าน ท่านยังรอคุณหนูลั่วอยู่ที่นี่อีก เกิดเรื่องวุ่นวายแล้วขอรับ!”

“เรื่องอะไร” เว่ยหานวางชาที่เย็นชืดไปแล้ว

ตอนคุณหนูลั่วจากไป บอกให้เขาดื่มชาพักผ่อน นางจะกลับจวนแม่ทัพใหญ่สักหน่อย เขาจึงดื่มชาไปสองกาแล้ว

“ไม่รู้ว่าคุณหนูลั่วไปพาเด็กหนุ่มคนหนึ่งกลับมาจากที่ใด หน้าตาเหมือนจอหงวนซูมากขอรับ!”

คิ้วสวยของเว่ยหานขยับเล็กน้อย น้ำเสียงทุ้มต่ำ “เจ้าได้ยินมาจากที่ใด”

สือเยี่ยนหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก “เด็กหนุ่มคนนั้นนั่งรถม้าคันเดียวกันกับคุณหนูลั่ว ไม่รู้ว่าตกลงมาจากในรถม้าได้อย่างไร ผู้คนบนถนนทั้งสายล้วนเห็นหมดแล้วขอรับ…”

นี่นายท่านไม่ยินยอมเชื่อความจริงอันโหดร้าย หรือว่าเชื่อมั่นในการควบคุมตนเองของคุณหนูลั่วเกินไปกันแน่?

อืม น่าจะเป็นอย่างแรก

นึกถึงประโยคที่คุณหนูลั่วทิ้งเอาไว้แล้วจากไป นายท่านก็ดื่มชามาจนถึงตอนนี้ องครักษ์น้อยจึงปวดใจและเศร้าใจระลอกหนึ่ง

เว่ยหานก้าวเท้ายาวเดินออกไป

ความคึกคักบนถนนชิงซิ่งดึงดูดความสนใจของมือปราบบางคนจึงรีบไปรายงานหลินเถิง

“ใต้เท้าหลิน คุณหนูลั่วพาบุรุษคนหนึ่งมาเดินซื้อของ บุรุษคนนั้นถูกคนจำนวนมากเห็นว่าเป็นอาลักษณ์ซูขอรับ”

หลินเถิงได้ยินแล้วก็รีบไปทันที

เว่ยเฟิงกำลังบีบให้ลั่วเซิงลงจากรถ “คุณหนูลั่วยังจะอยู่ในรถม้าอีกนานไหม ไม่ลงจากรถมาสนทนากับข้าหน่อยหรือ”

ม่านโปร่งบริเวณหน้าต่างถูกเลิกขึ้น เผยให้เห็นดวงหน้างดงามดวงหนึ่ง

“ซื่อจื่อต้องการสนทนาอะไรกับข้าหรือ”

เว่ยเฟิงชี้นิ้ว “สนทนาเรื่องบุรุษของคุณหนูลั่ว”

ลั่วเซิงขมวดคิ้ว “หรือซื่อจื่อจะยุ่งเรื่องที่ข้าเลี้ยงดูบุรุษด้วย?”

“นั่นข้าไม่สนใจ ทว่าท่านนี้นั้นไม่เหมือนกัน”

เด็กสาวบนรถคล้ายไม่มีท่าทีจะลงมา มือขาววางไว้บนหน้าต่าง พลางถามอย่างเกียจคร้านว่า “ไม่เหมือนกันตรงไหน เพราะเขาหน้าตาคล้ายกับจอหงวนซูอยู่บ้างน่ะหรือ”

เว่ยเฟิงขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “ถูกต้อง เพราะว่าเขาหน้าตาคล้ายกับอาลักษณ์ซู!”

คนที่มุงดูเรื่องสนุกพากันเงี่ยหูตั้งใจฟัง

ตอนที่ยอดเยี่ยมมาถึงแล้ว จะฟังตกหล่นไปสักคำไม่ได้

เว่ยเฟิงไม่ทำให้ทุกคนผิดหวัง “น้องสาวข้าหายตัวไปเมื่อวาน มีคนบอกว่าเห็นนางอยู่กับอาลักษณ์ซู ผลคือ หลังจากคนของกรมยุติธรรมตรวจสอบแล้ว ถึงค้นพบว่า ตอนนั้นอาลักษณ์ซูกำลังกินข้าวอยู่กับเพื่อนร่วมงานหลายคน บัณฑิตฮั่นหลินหลายคนนั้นไม่มีทางพูดปดกันหมด คนที่เห็นอาลักษณ์ซู ก็ไม่มีความจำเป็นต้องพูดเหลวไหล เรื่องจึงเปลี่ยนไปจนมหัศจรรย์เสียแล้ว”

เขาเอ่ยแล้วกวาดตามองเฟยหยาง “วันนี้ได้พบเขา ในที่สุดข้าก็เข้าใจแล้ว”

“ซื่อจื่อ ใต้เท้าหลินมาแล้วขอรับ” ข้ารับใช้คนหนึ่งกระซิบ

เว่ยเฟิงเอียงศีรษะมองก็เอ่ยเสียงดังว่า “ใต้เท้าหลินมาได้พอดีเลย ดูสิว่าคนผู้นี้หน้าตาเหมือนใคร”

หลินเถิงพิจารณามองเฟยหยางละเอียดแล้วแอบตะลึง

หากไม่ใช่ว่า เมื่อวานเพิ่งได้พบอาลักษณ์ซูในระยะใกล้มา วันนี้ได้เห็นกะทันหัน เขาจะต้องนึกว่า คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าคืออาลักษณ์ซูแน่

“เหมือนซูเย่ามากใช่หรือไม่” เว่ยเฟิงยิ้มเยาะ “เมื่อครู่เขาล้มลงไปพื้น เห็นแค่แผ่นหลัง กระทั่งข้าก็ยังจำผิด หากเปลี่ยนเป็นคนที่ไม่เคยคบค้าสมาคมกับซูเย่า มองไกลๆ แวบหนึ่งจะเป็นอย่างไร”

ลั่วเซิงลงจากรถม้า ถามเสียงนิ่ง “ความหมายของซื่อจื่อคือ เขาเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของท่านหญิงหรือ”

เว่ยเฟิงจ้องเด็กสาวที่เดินลงมาจากรถม้าเขม็ง พลางเอ่ยเสียงเย็น “ถูกต้อง น้องสาวนิสัยดี ไม่เคยทะเลาะกับผู้ใด มีเพียงเคยทะเลาะกับคุณหนูลั่วคนเดียวเท่านั้น…”

ลั่วเซิงเลิกคิ้ว “ความหมายที่ซื่อจื่อพูดคือ ข้าทำร้ายท่านหญิงหรือ”

เว่ยเฟิงหัวเราะเยาะ “นี่ก็ต้องเชิญให้ใต้เท้าหลินตรวจสอบให้ดีแล้ว”

เขาเอ่ย พลางมองไปทางหลินเถิง “ใต้เท้าหลิน ได้ยินมาว่า ท่านมักจะไปร่ำสุราที่หอสุราซึ่งเปิดโดยคุณหนูลั่ว คงจะไม่ยั้งมือให้กับคนคุ้นเคยหรอกนะ“

หลินเถิงเอ่ยเอาจริงเอาจัง “ซื่อจื่อวางใจได้ ผู้แซ่หลินสืบคดีไม่เคยนำความรู้สึกส่วนตัวเข้ามาปะปน”

เว่ยเฟิงขมวดคิ้ว

มักจะรู้สึกว่า วาจานี้ของหลินเถิงแปลกประหลาดเล็กน้อย อันใดที่เรียกว่าไม่นำความรู้สึกส่วนตัวเข้ามาปะปน การสืบคดีไม่สมควรบอกว่า ตนเองเที่ยงตรง ปฏิบัติหน้าที่โดยไม่เห็นแก่ญาติมิตรหรือ

หลินเถิงกลับไม่รู้สึกว่า วาจานี้มีอันใดไม่เหมาะสมจึงประสานมือคารวะลั่วเซิง พลางเอ่ย “คุณหนูลั่ว เชิญท่านตามข้าไปศาลาว่าการสักรอบ ข้าอยากทำความเข้าใจสถานการณ์บางอย่าง”

“ทำความเข้าใจเรื่องของเขาหรือ” ลั่วเซิงกวาดตามองเฟยหยางแวบหนึ่ง

หลินเถิงพยักหน้าเล็กน้อย

ลั่วเซิงมองเขาพลันหัวเราะ “หากใต้เท้าหลินต้องการทำความเข้าใจเรื่องของเขา เกรงว่าคงไม่อาจถามข้าได้”

เว่ยเฟิงยิ้มเยาะ “คุณหนูลั่ว คนมากมายล้วนมองอยู่ หรือท่านนึกว่า จะสามารถอาศัยฐานะของท่านทำตัวลอยอยู่เหนือปัญหาได้”

ลั่วเซิงยิ้ม “ไม่ใช่ว่าข้าอยากหลบ แต่จะทำอย่างไรได้ เฟยหยางเป็นคนที่องค์หญิงฉางเล่อเพิ่งจะมอบให้ข้า หากซื่อจื่อกับใต้เท้าหลินต้องการทำความเข้าใจเรื่องราว ข้าก็สุดวิสัยที่จะช่วยได้”

ปลายจวักครองใจ

ปลายจวักครองใจ

Status: Ongoing
อาหารแม้เลิศรสเพียงไหน แต่หากซ่อนไว้ซึ่งพิษร้ายเล่า? แม้เขาจะดีเพียงใด แต่หากแซ่ ‘เว่ย’ แล้วไซร้ พวกเขาคงถูกลิขิตให้ไม่อาจร่วมโลก! จากผู้เขียน ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ยนิยายโรแมนติก เข้มข้นสอดแทรกความตลกอย่างลงตัว จากผู้เขียน ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ยสิบสองปีก่อนจวนเจิ้นหนานอ๋องถูกราชสำนักสั่งกวาดล้าง คนในจวนทั้งหมดโดนสังหาร โลหิตย้อมจนพื้นเป็นสีแดงฉานท่านหญิงชิงหยางที่ออกเรือนไปในวันเดียวกันนั้นพอทราบข่าวก็เร่งรุดกลับมาที่จวนกลับถูกสามีหมาดๆ อย่างผิงหนานอ๋องซื่อจื่อยิงธนูใส่จนสิ้นใจผิงหนานอ๋องซื่อจื่อ เว่ยเชียง คือผู้ที่รวบรวมหลักฐานการก่อกบฏของจวนเจิ้นหนานอ๋องรายงานต่อราชสำนัก ได้รับการยกย่องในความสามารถและถูกแต่งตั้งขึ้นเป็นรัชทายาทองค์ปัจจุบัน…สิบสองปีต่อมาท่านหญิงชิงหยางกลับฟื้นขึ้นอีกครั้งในร่างของ ลั่วเซิง คุณหนูสายตรงผู้เป็นดวงใจของแม่ทัพใหญ่ลั่ว เพราะนิสัยมักมากในกามของร่างเดิมจึงล่วงเกิน ไคหยางอ๋อง พระอนุชาในฮ่องเต้องค์ปัจจุบันผู้มีฉายาว่าเทพสงครามเข้า บิดาจึงจำใจส่งนางมาอยู่ที่บ้านท่านตาที่จินซาชื่อเสียงของแม่นางลั่วนั้นเรียกได้ว่าฉาวโฉ่ เอาแต่ใจ หยาบคาย มักมาก เจ้าอารมณ์ ถือว่ามีบิดาคอยให้ท้ายไม่มีสิ่งใดไม่กล้าทำหลังกลับคืนเมืองหลวงนางและ ไคหยางอ๋อง กลับมีเรื่องราวให้ต้องเกี่ยวพันกันอยู่เรื่อยๆแม้เขาจะเป็นคนซื่อสัตย์เพียงไร แต่ในเมื่อเขาแซ่ ‘เว่ย’ นางและเขาก็ถูกลิขิตมาให้ไม่อาจอยู่ร่วมโลก!“ข้ากับแม่นางลั่วไม่ถือว่าเป็นคนแปลกหน้า” ชายชุดสีแดงเข้มเดินเข้ามาและสบตากับลั่วเซิง “ไม่ทราบว่าแม่นางลั่วจำข้าได้หรือยัง”“ก็นึกถึงเรื่องบางเรื่องขึ้นมาได้ แต่ไม่รู้จำผิดหรือไม่ คุณชายจะให้ข้าพูดออกมาตอนนี้เลยหรือ”เวลานี้เอง เว่ยหานเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ข้าคิดว่าหลังจากแม่นางลั่วปลดเข็มขัดข้าแล้วจะจำข้าได้เสียอีก”

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท