ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 – ตอนที่ 598 สายตาที่จับจ้องจากด้านหลัง

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ตอนที่ 598 สายตาที่จับจ้องจากด้านหลัง

ตอนที่ 598 สายตาที่จับจ้องจากด้านหลัง

ร้านส่วนใหญ่เปิดให้บริการตัดผมในช่วงบ่าย อาจารย์หวังและชุนฟางจึงมีงานยุ่งมาก หลินเซี่ยนับจำนวนผลิตภัณฑ์สำหรับบำรุงเส้นผมในร้าน วางแผนที่จะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในอีกไม่กี่วัน

เธอโทรไปที่ทำงานของเฉินเจียเหอ ขอให้เฉินเจียเหอกลับบ้านเพื่อรับประทานอาหารเย็นร่วมกันหลังเลิกงาน

เมื่อคืนที่ผ่านมา เฉินเจียเหอต้องทำงานล่วงเวลา แถมวันนี้ยังต้องเข้ากะทำงานแบบเต็มวัน เมื่อเขามาถึงที่นี่ เขาไม่ได้โกนหนวดโกนเคราด้วยซ้ำ กระทั่งดวงตาก็แดงก่ำลึกโหล ดูเหนื่อยล้าเอามาก ๆ

หลินเซี่ยมองเขาด้วยสายตาที่เป็นทุกข์ “เมื่อคืนนี้คุณไม่ได้พักผ่อนเลยเหรอคะ?”

เฉินเจียเหอกล่าวว่า “พักสิ แต่นอนหลับไปได้พักเดียว ทีมของเรามีการประชุมเมื่อคืนนี้เพื่อศึกษาและแก้ไขแบบร่าง พวกเรางานยุ่งกันจนดึกดื่น กว่าจะได้ข้อสรุปในการปรับเปลี่ยนที่เหมาะสม ระหว่างวันเลยทุ่มไปกับการทดสอบแผนใหม่ แทบไม่ได้หยุดพักเลย”

หลินเซี่ยไม่เข้าใจปัญหาด้านการทำงานของเฉินเจียเหอ ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ถามคำถามมากเกินไป ท้ายที่สุดเรื่องเหล่านั้นก็มีความเกี่ยวข้องกับความลับของอุตสาหกรรม

“เอาล่ะ ไปรับหู่จือกันเถอะ วันนี้มีเรื่องสำคัญที่บ้าน”

หลินเซี่ยยิ้ม ความอยากรู้อยากเห็นของเฉินเจียเหอพลันบังเกิด “เรื่องสำคัญอะไร? เกี่ยวกับใครเหรอ”

“อารองของฉัน”

“เขา?” เฉินเจียเหอได้ยินคำพูดของหลินเซี่ย สงสัยว่า “เขาเป็นอะไรไปหรือเปล่า? เมื่อคืนนี้เขาโทรมาหาผมเพราะอยากคุยปัญหาชีวิตอะไรสักอย่าง แต่ผมวางสายไป”

หลังจากได้ยินสิ่งที่เฉินเจียเหอพูด หลินเซี่ยก็ยิ้มและพูดว่า “ถ้าคุณไม่วางสายไปซะ คุณอาจจะเป็นคนแรกที่รู้เรื่องนี้ก็ได้”

หลินเซี่ยนำเฉินเจียเหอไปที่โรงเรียนอนุบาล เธอเหลือบมองเขาอีกครั้งและอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ “อย่าลืมว่าคุณเป็นคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตของอารอง ทุกครั้งที่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับเขาก็ตาม ไม่แปลกที่เขาจะนึกถึงคุณเป็นคนแรกเสมอ”

การโทรหาใครบางคนกลางดึก ไม่ว่าจะเป็นการประกาศข่าวดีหรือเพื่อโอ้อวด ความจริงที่ว่าเขานึกถึงเฉินเจียเหอเป็นคนแรก ก็เพียงพอที่จะแสดงสถานะของเฉินเจียเหอในใจเขาได้แล้ว

คำพูดของหลินเซี่ยทำให้เฉินเจียเหอสงสัยมากกว่าเดิม เกิดอะไรขึ้นกับเซี่ยไห่? งานนี้ดูเหมือนเป็นงานประกาศข่าวดีอะไรทำนองนั้นใช่ไหม?

เขาใจสั่น ถามด้วยรอยยิ้มว่า “เขาจะประกาศว่าตัวเองสละโสดแล้วงั้นเหรอ?”

หลินเซี่ยแสร้งทำเป็นเก็บความลับ “หยุดเดามั่ว ๆ ได้แล้ว ทำให้มันดูลึกลับหน่อย”

วันนี้เป็นเรื่องยากที่พ่อและแม่จะมารับเขาที่โรงเรียนด้วยกัน ทันทีที่หู่จือเห็นพวกเขาหลังออกจากโรงเรียนอนุบาล เขาก็ตื่นเต้นมาก วิ่งโผเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของหลินเซี่ย

เมื่อเฉินเจียเหอเห็นเด็กไม่รู้ประสาคนนี้โถมตัวเข้าใส่อ้อมแขนของหลินเซี่ยอย่างไม่ระมัดระวัง เขาก็รีบลากเด็กชายถอยออกไป เพราะกลัวว่าจะโดนท้องของเธอ

เฉินเจียเหอเตือนเขาว่า “หู่จือ ระวังหน่อย แม่มีน้องสาวอยู่ในท้องนะ ลืมไปแล้วเหรอ?”

“โอ้ จริงด้วย” หู่จือรีบยกมือเล็ก ๆ ขึ้นแตะที่ท้องของหลินเซี่ย “น้องสาว พี่ขอโทษนะ เมื่อกี้เป็นพี่เองที่ไม่ระมัดระวัง มันทำให้เธอเจ็บหรือเปล่า?”

“เอาล่ะ ไปกันเถอะ” หลินเซี่ยรู้สึกเขินอายเมื่อเห็นว่าพ่อแม่ของเด็กหลายคนอยู่รอบ ๆ เธอจึงคว้ามือของหู่จือแล้วเดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว

มืออีกข้างของหู่จือไม่ลืมที่จะจับมือของเฉินเจียเหอไว้

ครอบครัวทั้งสามจากไปอย่างมีความสุข ในมุมหนึ่ง ไม่ไกลจากโรงเรียนอนุบาลนัก ดวงตาคู่หนึ่งจ้องมองตรงไปที่ด้านหลังของพวกเขา

คุณแม่เซี่ยเองก็รู้สึกว่าสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในวันนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างแน่นอน หลังจากบอกข่าวกับเซี่ยเหลยและหลิวกุ้ยอิงแล้ว พวกเขาก็เริ่มสงสัยเช่นเดียวกัน ช่วงนี้อากาศเริ่มหนาวเย็นลง โดยพื้นฐานแล้วไม่มีใครเข้ามาในร้านตอนกลางคืน พวกเขาจึงปิดร้านแต่หัววันและตรงกลับบ้าน

ทุกคนไม่ลืมนำวัตถุดิบบางอย่างจากร้านอาหารติดมือกลับไปด้วย

เมื่อพวกเขากลับถึงบ้าน เซี่ยอวี่บอกว่าเซี่ยไห่ออกไปซื้อของโน่นแล้ว

เซี่ยไห่บอกว่าเขาอยากเข้าครัวทำบะหมี่ผัด

วันนี้เขากะจะโชว์ฝีมือด้วยตัวเอง

ลินดาตั้งท่าจะกลับไปหลังจากคุยกับเซี่ยอวี่เกี่ยวกับงานเสร็จ

เซี่ยไห่ปฏิเสธที่จะปล่อยหล่อนไป

เซี่ยอวี่บอกว่าหล่อนเหนื่อยนิดหน่อย อยากงีบหลับ ถ้าลินดาต้องการกลับไป หล่อนก็จะขอให้เซี่ยไห่ไปส่ง

จากนั้นก็ปลีกตัวกลับเข้าห้องอย่างชาญฉลาด

จากนั้นลินดาและเซี่ยไห่จึงถูกทิ้งให้อยู่ตามลำพังในห้องนั่งเล่น

เซี่ยไห่รินน้ำเย็นและจัดยาให้หล่อน “ถ้ากินยาชุดนี้หมดอาการเธอน่าจะดีขึ้น ไม่อย่างนั้นตกตอนกลางคืนเดี๋ยวอาการจะทรุดลงอีก”

ลินดากลืนยาแล้วดื่มน้ำตาม พูดว่า “ฉันขอกลับก่อนนะ”

เซี่ยไห่รั้งหล่อนไว้อีกครั้ง ปฏิเสธที่จะปล่อยไป “เธอจะกลับไปตอนนี้ได้ยังไง? พี่ใหญ่ของฉันและคนอื่น ๆ กำลังจะกลับมาที่นี่ในอีกสักพัก เราต้องเปิดเผยความสัมพันธ์ของเราต่อหน้าทุกคนนะ”

ลินดาดูเครียดขึ้นมาทันที “ไม่เห็นต้องทำให้เป็นเรื่องใหญ่เลยนี่?”

เซี่ยไห่บอกว่า “พี่สาวฉันกับเซี่ยเซี่ยต่างก็มองออกกันทั้งคู่ พวกหล่อนต้องบอกทุกคนทีหลังแน่ ถ้าเราไม่พูดตอนนี้และเก็บซ่อนมันไว้ตลอดไปก็ไม่ช่วยอะไร ดังนั้นเราควรประกาศให้พวกเขาทราบไปเลย”

ถ้าไม่ประกาศ คงน่ารำคาญมากถ้าทุกคนพยายามถามซักไซ้ไล่เรียงอยู่เสมอ

นอกจากนี้ เขาไม่ต้องการปิดบังเรื่องใหญ่แบบนี้จากครอบครัวของตัวเอง

เขาต้องการแนะนำหล่อนให้ทุกคนรู้จักอย่างเปิดเผย เพื่อที่จะได้แสดงความรักอย่างเปิดเผยเช่นเดียวกัน

“แต่ว่า…” ลินดาทั้งกังวลและเขินอาย เมื่อคิดถึงว่าตัวเองกำลังคบหาอยู่กับน้องชายของนักแสดงที่อยู่ในสังกัดความดูแลของตัวเอง

ความกังวลที่ใหญ่ที่สุดของหล่อนในตอนนี้ คือกลัวว่าความสัมพันธ์ดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่องานที่หล่อนทำหากประกาศอย่างเป็นทางการออกไป

หล่อนเป็นคนประเภทที่ขีดเส้นแบ่งอย่างชัดเจนระหว่างเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว การงานและชีวิตรักควรแยกจากกันโดยสิ้นเชิง

ถ้าหล่อนกลายเป็นสมาชิกของตระกูลเซี่ย หมายความว่าเซี่ยอวี่จะกลายเป็นพี่สะใภ้ของหล่อนนับจากนี้เป็นต้นไป

เมื่อคืนหล่อนอาจจะสับสนไปชั่วครู่ ทำให้ไม่ได้คิดอะไรอย่างอื่นเลย แค่ตอบรับไปตามสัญชาตญาณภายในใจของตัวเองเท่านั้น

ตอนนี้พอได้สติคืนมาเต็มร้อย ถึงพบว่าทุกอย่างเต็มไปด้วยปัญหามากมาย

“ลินดา ทำไมเธอถึงไม่อยากเปิดเผยเรื่องระหว่างเราต่อหน้าทุกคนล่ะ? หรือว่าเธอมีความคิดที่สองกันแน่?” ใบหน้าหล่อเหลาของเซี่ยไห่เริ่มจริงจังเช่นกัน เขามองตรงไปที่หล่อนแล้วถาม

ลินดาไม่รู้จะตอบคำถามของเขาอย่างไร

เขาพูดอย่างจริงจัง “ถ้าเธอคิดจะเปลี่ยนใจก็บอกฉันซะตอนนี้เลย”

“แล้วถ้าฉันเปลี่ยนใจ นายจะทำยังไงล่ะ?” ลินดาถามอย่างไม่มั่นใจ

“ฉันจะตามจีบเธออีกครั้ง”

ลินดา “…”

ใช่ ไม่มีทางที่จะแยกพวกเขาออกจากกันได้

หล่อนเห็นได้ชัดว่าเซี่ยไห่เต็มไปด้วยความฟุ้งซ่านและไม่มั่นคงจริง ๆ

พูดตามตรง หล่อนเองก็กระตือรือร้นที่จะเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวใหญ่นี้ด้วย

หล่อนมองดูเขาอยู่นาน ทันใดนั้นก็ตัดสินใจ

“ได้ ไว้ฉันค่อยกลับหลังจากกินอาหารเย็น”

แม้แต่นักแสดงที่หล่อนดูแลยังสามารถตกหลุมรักได้ ดังนั้นในฐานะผู้จัดการส่วนตัว ทำไมหล่อนจะตกหลุมรักบ้างไม่ได้ล่ะ?

เซี่ยอวี่บอกว่าหลังจากการถ่ายทำละครเรื่องนี้เสร็จสิ้นในปีหน้า หล่อนจะหยุดพักงานแสดง และมุ่งความสนใจไปที่การผลักดันเจียงอวี่เฟย

จากนี้ไป หล่อนและเซี่ยอวี่ไม่ควรอยู่ในสถานการณ์ที่แบ่งแยกระหว่างเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว

ลินดาตกลงที่จะอยู่ต่อ เซี่ยไห่จึงรีบพาหล่อนออกไปที่ตลาดสดเพื่อซื้อผักและเส้นบะหมี่

เขาจำได้ลาง ๆ ว่าเซี่ยอวี่เคยเล่าว่าลินดาชอบกินบะหมี่ผัด ดังนั้นเซี่ยไห่จึงวางแผนที่จะแสดงทักษะปลายจวักของตัวเอง

เซี่ยอวี่ออกมาจากห้อง เห็นลินดากลับมาพร้อมกับเซี่ยไห่ หล่อนจึงโทรเรียกเย่ไป๋ให้มากินข้าวด้วยกัน

เมื่อครอบครัวของเฉินเจียเหอและหลินเซี่ยกลับมาถึง กลิ่นบะหมี่ผัดหอมกรุ่นก็โชยออกมานอกลานบ้านแล้ว

เซี่ยเหลยและหลิวกุ้ยอิงหิ้ววัตถุดิบเข้าไปในครัว เมื่อเห็นเซี่ยไห่สวมผ้ากันเปื้อนและกำลังสาละวนอยู่กับการทำอาหาร พวกเขาก็สงสัยมากขึ้น

เขาคิดจะทำอาหารให้คนที่รักเชียวเหรอนี่?

ความรักเป็นสิ่งมหัศจรรย์จริง ๆ

คุณแม่เซี่ยจับมือลินดาและทักทายเธอ ลินดาซึ่งปกติเป็นคนเย็นชาและเรียบเฉย เมื่อเผชิญหน้ากับหญิงชราที่กระตือรือร้นมากกว่าปกติในวันนี้ รวมถึงเห็นสีหน้าของเด็กและผู้ใหญ่ในครอบครัว ร่างกายของหล่อนก็เริ่มเกร็งเพราะความตึงเครียดจนชาไปหมด

หล่อนเริ่มรู้สึกว่าจริง ๆ การเผชิญหน้ากับสิ่งเหล่านี้ยากกว่าการรับมือกับการทำงานมาก

หลินเยี่ยนกลับมาแล้ว มีแค่หลินจินซานคนเดียวที่ยังไม่ได้กลับมา

คุณแม่เซี่ยต้องการให้พวกเขาส่งเพจเจอร์ไปหาหลินจินซาน เพื่อให้เขาโทรกลับ แต่หลิวกุ้ยอิงบอกว่าอย่าทำให้งานของเขาล่าช้าออกไป วันพรุ่งนี้ค่อยบอกให้เขารู้ก็ยังไม่สาย

หลังจากที่เย่ไป๋มาถึง เขาเห็นเฉินเจียเหอนั่งอยู่ที่นั่นพร้อมหนวดเคราที่ขึ้นครึ้มเพราะไม่ได้โกน จากนั้นเขาก็มองหาเซี่ยอวี่เป็นคนแรก เมื่อได้ยินว่าเซี่ยอวี่อยู่ในห้องน้ำ เขาก็อุ้มหู่จือแล้วนั่งลงข้างเฉินเจียเหอ ขยับเข้าหาเขาและถามด้วยความสงสัยว่า “ที่บ้านมีเรื่องอะไรหรือเปล่า?”

ทันทีที่เย่ไป๋เข้ามา เขาได้กลิ่นหอมลอยมาจากในสวน และเห็นว่าเซี่ยไห่ผู้หยิบโหย่งคนนี้ถึงกับเข้าครัวทำอาหารด้วยตัวเอง ซึ่งนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอหน้าเซี่ยไห่นับตั้งแต่เขากลายเป็นแฟนของเซี่ยอวี่เต็มตัว

สังหรณ์ใจว่ามันต้องเป็นโอกาสที่ยิ่งใหญ่และน่ายินดีมากแน่ ๆ

น่าจะเกี่ยวข้องกับตัวเซี่ยไห่เอง

“มีเรื่องจริง ๆ นั่นแหละ” เฉินเจียเหอตอบ

“เกิดอะไรขึ้น?” เย่ไป๋ถามเสียงต่ำ “บอกฉันมาเร็วเข้า”

เพื่อความระมัดระวัง เฉินเจียเหอไม่ได้พูดอะไรมาก ท้ายที่สุดเขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ดูแล้วน่าจะเป็นเรื่องดีนะ”

แค่สัมผัสบรรยากาศก็รู้สึกได้แล้ว นี่ไม่ใช่แค่งานแห่งความยินดี แต่ยังเป็นเรื่องสำคัญอีกด้วย

……………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

พี่ไห่เวลามีความรักนี่ก็เป็นพ่อบุญทุ่มสุดๆ ไปเลย วาสนาคนเป็นแฟนกับพี่จริงๆ

ไหหม่า(海馬)

……………………………………

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

Status: Ongoing
เมื่อสวรรค์ได้ให้โอกาสเธอย้อนกลับมาแก้ขในสิ่งที่ผิดพลาด เธอจะใช้โอกาสนี้เป็นช่างเสริมสวยยอดฝีมือให้ได้ตามฝันอย่างไรกันนะ? เรื่องย่อ : ในชาติก่อน หลินเ เป็นสไตสต์คนโง่ผู้ร้ความคิดป็นของตัวเอง จึงถูกดาราดาวรุ่งผู้เป็นเพื่อนสนิทวางแผนทำลายชีวิตจนพังพินาศ ไร้ซึ่งเครดิต ไร้ซึ่งอำนาจ และหน้ามืดตามัวทิ้งสามีพ่อม่ายลูกติดที่คอยสนับสนุนมาตลอดได้ลงค แต่เหมือนสวรรค์ยังคงเห็นใจต่ชะตาชีวิตอันรันทดของเธอ จึงทำให้เธอได้ย้อนกลับมาเกิดใหม่ในปี 1988 อันเป็นปีที่ทุกอย่างยังไม่สายเกินกว่าแก้ หลินเชี่ยจะใช้โอกาสที่ได้มีชีวิตครั้งที่สองเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของตัวเองอย่างไรบ้าง?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท