ปลายจวักครองใจ – ตอนที่ 496 ล้อมคอกก่อนวัวหาย

ปลายจวักครองใจ

ตอนที่ 496 ล้อมคอกก่อนวัวหาย

สิ่งที่สามารถทำเพื่อหญิงสาวเหล่านี้ได้แท้จริงนั้นคงมีไม่มาก นอกจากการส่งคนออกไปเตือนว่าช่วงนี้มีผู้ค้ามนุษย์จำนวนมาก มีสตรีจำนวนหนึ่งหายตัวไปแล้ว บอกให้สตรีเหล่านี้และครอบครัวของพวกนางระวังตัวให้มาก

จักรพรรดิผู้มีความคิดลุ่มลึกท่านนั้นต้องการทั้งศักดิ์ศรีและหน้าตา ไม่ต้องการปลุกระดมความโกรธแค้นของประชาชน เมื่อเป็นเช่นนี้ องครักษ์จิ่นหลินย่อมไม่พังประตูเข้าไปลักพาตัว ตราบใดที่หญิงสาวเหล่านี้ซ่อนตัวในเรือนดีๆ หรือออกไปหลบภัยที่แดนไกล พวกเขาอาจจะสามารถหลบหนีไปได้จากการผ่อนปรนของทัพใหญ่ลั่ว

ส่วนหญิงสาวเหล่านี้และครอบครัวจะเชื่อหรือไม่ จะหนีได้หรือไม่ก็คงขึ้นอยู่กับประสงค์ของสวรรค์แล้ว

ทำให้ดีที่สุด อะไรจะเกิดก็ต้องเกิดแล้วแต่ฟ้าลิขิต

หลินเถิงออกจากมีหอสุราไปอย่างหนักใจ

ความหนักใจนี้ไม่เพียงเกิดจากเรื่องสตรีกว่าร้อยชีวิตที่อยู่ในวัยงดงามเปล่งปลั่งเท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะความโกรธที่ไม่สามารถทำอะไรได้อีกด้วย

ส่วนแม่ทัพใหญ่ลั่วหลังจากที่กลับศาลาว่าการแล้วก็ครุ่นคิดอยู่นานและตัดสินใจได้

“ท่านพ่อจะให้ข้าออกจากเมืองหลวงหรือ” ลั่วเซิงที่ได้รับจดหมายและกลับจวนแม่ทัพใหญ่มาก่อนเวลา เมื่อได้ยินคำพูดของแม่ทัพใหญ่ลั่วก็เผยสีหน้าตะลึงงัน

“ใช่แล้ว น้าเจ้าและพวกท่านพี่ของเจ้ามาเมืองหลวงนานแล้วเหมือนกัน พวกเจ้าออกจากเมืองหลวงด้วยเหตุผลที่ว่าท่านยายคิดถึงพวกเขาและพวกเจ้าสองพี่น้องได้” แม่ทัพใหญ่ลั่วพูดสิ่งที่วางแผนไว้ออกมา “พ่อคิดดูแล้ว เรื่องนี้เราต้องล้อมคอกก่อนวัวหาย หากราชครูเลวทรามนั่นพูดจาไร้สาระอีก จะเป็นอันตรายต่อเจ้า ถึงครานั้นจะหนีก็คงไม่ทันแล้ว”

ลั่วเซิงเงียบ

“เหตุใดเซิงเอ๋อร์ไม่พูดเล่า”

ลั่วเซิงเงยหน้าขึ้นมองแม่ทัพใหญ่ลั่ว “แล้วพวกพี่ใหญ่เล่า”

แม่ทัพใหญ่ลั่วชะงักไปเล็กน้อย พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “พวกนางไม่มีเหตุผลให้ต้องไป”

“หากข้าไปแล้ว ราชครูสนับสนุนให้ฮ่องเต้ลงมือกับหญิงสาวที่เกิดยามเหม่าวันที่เจ็ดเดือนเจ็ดปีอู้เฉินแล้วรู้วันเกิดของข้าด้วย จะทำอย่างไรกับท่านพ่อเจ้าคะ” ลั่วเซิงถามอีก

แม่ทัพใหญ่ลั่วสีหน้าขรึมลงเล็กน้อย “เรื่องพวกนี้พ่อรับมือได้ เจ้าเชื่อฟังข้าพาเฉินเอ๋อร์จากไปกับน้ารองเจ้าดีๆ ข้าก็สบายใจแล้ว”

ลั่วเซิงส่ายศีรษะ “ข้าไม่ไป”

“เซิงเอ๋อร์!”

ลั่วเซิงสบตาแม่ทัพใหญ่ลั่ว พูดด้วยสีหน้าจริงจังว่า “ท่านอยู่เคียงข้างองค์จักรพรรดิมานานปี น่าจะรู้ว่าฝ่าบาททรงเป็นคนขี้ระแวงและคิดมาก หากข้าออกจากเมืองหลวงในยามนี้กะทันหัน ความสงสัยที่แต่เดิมไม่เคยมีต่อท่านพ่อมาก่อนจะเกิดขึ้นในครานี้ ท่านพ่อ ก่อนหน้านี้ที่ข้าบอกท่านว่าอาจจะถึงคราวของข้าเป็นเพียงเรื่องสมมติ ข้าไม่อาจทำให้หลายร้อยชีวิตในจวนตกอยู่ในอันตรายเพียงเพราะเรื่องสมมติได้”

ในวันนั้นเมื่อสิบสี่ปีก่อนที่นางออกเรือน ตอนที่เร่งเดินทางกลับมาบิดามารดาล้วนจมอยู่ในกองโลหิต ส่วนนางจนตายก็ไม่อาจคลานเข้าไปในจวนได้สำเร็จ

นั่นเป็นฝันร้ายที่นางไม่มีวันลืม นางไม่อยากให้เกิดขึ้นอีกเป็นครั้งที่สอง

นี่คือครอบครัวของคุณหนูลั่ว และตอนนี้นางก็คือคุณหนูลั่ว

“แต่ข้อสมมตินี้อาจจะเป็นจริงก็ได้!”

ลั่วเซิงสบตาแม่ทัพใหญ่ลั่ว พูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “เช่นนั้นข้าก็ไม่ไป นอกเสียจากว่าเราจะออกจากเมืองหลวงทั้งครอบครัว”

“เซิงเอ๋อร์…” แม่ทัพใหญ่ลั่วอยากจะดุด่าในความดื้อดึงของบุตรสาว แต่กลับพูดไม่ออก

ลั่วเซิงครุ่นคิดครู่หนึ่งก็พูดว่า “ให้ลั่วเฉินไปเถอะเจ้าค่ะ เอาตามเหตุผลที่ท่านพ่อบอกว่ากลับไปเยี่ยมท่านยาย ลั่วเฉินเติบโตที่จินซาแต่เล็ก เหตุผลนี้มีน้ำหนักมากกว่า มิหนำซ้ำเขาเป็นบุรุษ ออกจากเมืองหลวงไปยามนี้จะไม่ทำให้เกิดความสงสัย”

ที่นางไม่ไปเพราะกลัวว่าจะนำพาหายนะมาให้จวนลั่ว แต่ลั่วเฉินจากไปไม่ได้ทำให้เกิดผลกระทบใดๆ

“เจ้าคิดดีแล้วหรือ” แม่ทัพใหญ่ลั่วถามเสียงขรึม

เขาอยากจะแข็งกร้าวและตัดสินใจโดยพลการ แต่เขาก็รู้ดีกว่าผู้ใดว่านังหนูคนนี้ดื้อรั้นเพียงใด

สิ่งที่ทำให้ปวดศีรษะยิ่งกว่าคือ นังหนูที่ดื้อรั้นคนนี้โตแล้ว เริ่มรู้จักใช้เหตุผลมาหว่านล้อมเขา

เขาทำได้เพียงเคารพความคิดของนาง

ลั่วเซิงพยักหน้าอย่างแรง “คิดดีแล้วเจ้าค่ะ”

มองดูสีหน้าที่เคร่งขรึมของแม่ทัพใหญ่ลั่ว ลั่วเซิงก็ถอนหายใจในใจ

หากนางพาลั่วเฉินจากไปครานี้ เมื่อถึงวันที่ฝ่าบาททรงเบื่อหน่ายและอยากทอดทิ้งแม่ทัพใหญ่ลั่ว เกรงว่าแม่ทัพใหญ่ลั่วจะปล่อยให้ผู้อื่นสังหาร การยืนกรานที่จะอยู่ต่อของนาง ด้วยความรักที่แม่ทัพใหญ่ลั่วมีต่อบุตรสาวย่อมต้องหาทางหนีทีไล่ไว้ให้ตนเอง

“ได้ พรุ่งนี้ข้าจะปรึกษากับน้ารองของเจ้า”

ลั่วเซิงเผยรอยยิ้ม “ท่านพ่อรีบคุยกับน้ารองเถอะเจ้าค่ะ”

“เจ้านี่นะ” แม่ทัพใหญ่ลั่วยิ้มพลางส่ายศีรษะ เพียงครู่เดียวรอยยิ้มก็จางหายไปจากริมฝีปากของเขา

เช้าวันต่อมา แม่ทัพใหญ่ลั่วไปหาน้ารองเซิ่ง หลังจากหารือกันแล้วน้ารองเซิ่งก็เรียกคุณชายใหญ่เซิ่ง คุณชายรองเซิ่ง คุณชายสามเซิ่งและลั่วเฉินมาที่หอสุรา

“ท่านพ่อมีเรื่องอะไรหรือ เหตุใดจึงเรียกพี่ใหญ่และพี่รองมาเวลานี้เล่า” คุณชายสามเซิ่งไม่เข้าใจ

พี่ใหญ่และพี่รองคงกำลังทำงานอยู่

คุณชายใหญ่เซิ่งและคุณชายรองเซิ่งเองก็สงสัย

ลั่วเฉินขมวดคิ้ว “น้ารอง หรือว่าทางใต้ส่งจดหมายมาขอรับ”

น้ารองเซิ่งยกมือขึ้นปาดน้ำตาเบาๆ พูดเสียงสะอื้นว่า “เฉินเอ๋อร์ฉลาดนัก…ข้าเพิ่งได้รับจดหมายจากทางใต้ บอกว่าท่านย่าของพวกเจ้าป่วย…”

“อะไรนะ ท่านย่าป่วยหรือ”

ทันทีที่น้ารองเซิ่งพูดออกมา ทุกคนหน้าเปลี่ยนสี

น้ารองเซิ่งน้ำตาไหล “ใช่แล้ว กะทันหันเกินไปแล้ว ตอนนี้ข้ายังรับไม่ได้เลย ฮือๆๆ…”

แม่ทัพใหญ่ลั่วที่อยู่ข้างๆ มองดูด้วยความตะลึง

น้องภรรยาแสดงได้ยอดเยี่ยมจริงๆ!

น้ารองเซิ่งเหลือบมองแม่ทัพใหญ่ลั่วอย่างรวดเร็ว คิดในใจว่าพี่เขยกังวลว่าเขาจะหว่านล้อมเด็กๆเหล่านี้ไม่ได้รึ จะเป็นไปได้อย่างไร

แค่เขาคิดว่าตนเองต้องห่างจากหลานสาวและหอสุราไป หัวใจก็แตกสลายแล้ว!

น้ารองเซิ่งผู้เป็นบุรุษอกสามศอกร้องไห้ออกมาจากใจจริง ชายหนุ่มทั้งสี่คนย่อมเชื่อจนหมดใจ

คุณชายสามเซิ่งที่ตัวกลมขึ้นอีกไม่น้อยพูดด้วยความร้อนรนว่า “ท่านพ่อหยุดร้องได้แล้ว ท่านย่าป่วย เรารีบเก็บข้าวของแล้วกลับไปกันเถอะ”

น้ารองเซิ่งเช็ดน้ำตา พูดอย่างหนักแน่นว่า “ก็ต้องกลับไปจริงๆ ก็เลยรีบเรียกพวกเจ้ามาหารืออย่างไรเล่า”

คุณชายใหญ่เซิ่งกล่าวว่า “ท่านอารอง ไม่มีอะไรต้องหารืออีก ข้าและน้องรองจะไปลางานที่ที่ว่าการเดี๋ยวนี้ขอรับ”

คุณชายรองเซิ่งเห็นด้วย

เมื่อเห็นหลานชายสองคนที่ทำงานแสดงความเห็นแล้ว น้ารองเซิ่งก็มองไปที่ลั่วเฉิน “เฉินเอ๋อร์ ในจดหมายบอกว่าท่านย่าคิดถึงเจ้ามาก…”

ลั่วเฉินพูดโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย “ข้าจะตามท่านน้ากลับจินซาขอรับ”

“พี่เขย พี่คิดว่า…”

แม่ทัพใหญ่ลั่วรีบพูดว่า “น้องภรรยา ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว เฉินเอ๋อร์ได้รับความรักจากเหล่าไท่ไท่ตั้งแต่เล็ก เวลาแบบนี้ย่อมต้องกลับไป”

“ขอบคุณพี่เขยที่เข้าใจ”

“น้องภรรยาเห็นข้าเป็นคนนอกแล้ว”

เมื่อเห็นทั้งสองพูดจาเกรงอกเกรงใจกันไปมา คุณชายสามเซิ่งก็กระแอมเบาๆ “แล้ว…น้องลั่วไม่ไปด้วยหรือ”

แม่ทัพใหญ่ลั่วและน้ารองเซิ่งมองไปที่คุณชายสามเซิ่งพร้อมกัน

คุณชายสามเซิ่งไม่รู้ว่าตนเองพูดอะไรผิดไป แต่จังหวะนั้นรู้สึกได้ถึงไอสังหารอย่างชัดเจน

เขาหดคอเล็กน้อย รีบอธิบายว่า “ท่านย่าต้องคิดถึงน้องลั่วมากเช่นกัน หากท่านย่าได้ทานอาหารที่น้องลั่วทำจะต้องหายเร็วแน่นอน…”

แม่ทัพใหญ่ลั่วกระตุกมุมปากเบาๆ

เหตุผลของเจ้าสามให้ทำให้เขาไม่อาจคัดค้านได้เลยจริงๆ

น้ารองเซิ่งมองคุณชายสามเซิ่ง ความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาในใจ บุตรชายของเขาเก่งขนาดนี้เพื่อของกินได้อย่างไรกัน

ทุกอย่างกำลังดำเนินไปได้อย่างราบรื่นแท้ๆ แต่เพราะบุตรชายแท้ๆ เรื่องจึงยุ่งยากขึ้นกว่าเดิม น้ารองเซิ่งข่มอารมณ์อยากจะสั่งสอนลูกอกตัญญูไว้แล้วพูดด้วยสีหน้าจริงจังว่า “น้องลั่วเจ้าไม่สะดวกเดินทางไกลในยามนี้”

“เพราะอะไรหรือ” คุณชายสามเซิ่งมองเด็กสาวที่นั่งเงียบๆ แล้วเกาศีรษะ

ปลายจวักครองใจ

ปลายจวักครองใจ

Status: Ongoing
อาหารแม้เลิศรสเพียงไหน แต่หากซ่อนไว้ซึ่งพิษร้ายเล่า? แม้เขาจะดีเพียงใด แต่หากแซ่ ‘เว่ย’ แล้วไซร้ พวกเขาคงถูกลิขิตให้ไม่อาจร่วมโลก! จากผู้เขียน ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ยนิยายโรแมนติก เข้มข้นสอดแทรกความตลกอย่างลงตัว จากผู้เขียน ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ยสิบสองปีก่อนจวนเจิ้นหนานอ๋องถูกราชสำนักสั่งกวาดล้าง คนในจวนทั้งหมดโดนสังหาร โลหิตย้อมจนพื้นเป็นสีแดงฉานท่านหญิงชิงหยางที่ออกเรือนไปในวันเดียวกันนั้นพอทราบข่าวก็เร่งรุดกลับมาที่จวนกลับถูกสามีหมาดๆ อย่างผิงหนานอ๋องซื่อจื่อยิงธนูใส่จนสิ้นใจผิงหนานอ๋องซื่อจื่อ เว่ยเชียง คือผู้ที่รวบรวมหลักฐานการก่อกบฏของจวนเจิ้นหนานอ๋องรายงานต่อราชสำนัก ได้รับการยกย่องในความสามารถและถูกแต่งตั้งขึ้นเป็นรัชทายาทองค์ปัจจุบัน…สิบสองปีต่อมาท่านหญิงชิงหยางกลับฟื้นขึ้นอีกครั้งในร่างของ ลั่วเซิง คุณหนูสายตรงผู้เป็นดวงใจของแม่ทัพใหญ่ลั่ว เพราะนิสัยมักมากในกามของร่างเดิมจึงล่วงเกิน ไคหยางอ๋อง พระอนุชาในฮ่องเต้องค์ปัจจุบันผู้มีฉายาว่าเทพสงครามเข้า บิดาจึงจำใจส่งนางมาอยู่ที่บ้านท่านตาที่จินซาชื่อเสียงของแม่นางลั่วนั้นเรียกได้ว่าฉาวโฉ่ เอาแต่ใจ หยาบคาย มักมาก เจ้าอารมณ์ ถือว่ามีบิดาคอยให้ท้ายไม่มีสิ่งใดไม่กล้าทำหลังกลับคืนเมืองหลวงนางและ ไคหยางอ๋อง กลับมีเรื่องราวให้ต้องเกี่ยวพันกันอยู่เรื่อยๆแม้เขาจะเป็นคนซื่อสัตย์เพียงไร แต่ในเมื่อเขาแซ่ ‘เว่ย’ นางและเขาก็ถูกลิขิตมาให้ไม่อาจอยู่ร่วมโลก!“ข้ากับแม่นางลั่วไม่ถือว่าเป็นคนแปลกหน้า” ชายชุดสีแดงเข้มเดินเข้ามาและสบตากับลั่วเซิง “ไม่ทราบว่าแม่นางลั่วจำข้าได้หรือยัง”“ก็นึกถึงเรื่องบางเรื่องขึ้นมาได้ แต่ไม่รู้จำผิดหรือไม่ คุณชายจะให้ข้าพูดออกมาตอนนี้เลยหรือ”เวลานี้เอง เว่ยหานเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ข้าคิดว่าหลังจากแม่นางลั่วปลดเข็มขัดข้าแล้วจะจำข้าได้เสียอีก”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท