หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป – บทที่ 26 ไร้ความผิดแต่ดวงอาภัพ

บทที่ 26 ไร้ความผิดแต่ดวงอาภัพ

บทที่ 26 ไร้ความผิดแต่ดวงอาภัพ

ไร้สาระสิ้นดี!

เจ้าบ้านั่น จะโวยวายไปถึงไหน นี่จงใจจะเผาให้นางดูหรือ

ยามนี้ เย่แจ๋หยิ่งเดินเข้ามาภายในห้องแล้ว นั่งบนเก้าอี้อย่างเกียจคร้าน มองดูหลานเยาเยาที่กำลังยุ่งวุ่นวายกับการยกน้ำชา ในแววตาไม่มีความอบอุ่นเลยสักนิด

หลานเยาเยาถือขวดกลิ่นเหม็นประหลาดขวดหนึ่งมาวางไว้ที่ปลายจมูกของพระราชธิดาจาวหยาง เพื่อให้นางฟื้นโดยเร็ว แต่กลับได้ยินเสียงดัง “พึ่บ” จากนั้นก็ได้กลิ่นไหม้ของกระดาษ

นางหันศีรษะไปโดยพลัน ตั๋วเงินห้าร้อยตำลึงใบหนึ่งในมือจื่อซีถูกเผาไปแล้วเกินกว่าครึ่ง ในใจรู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาทันใด

เงินห้าร้อยตำลึงเชียว สูญไปเช่นนี้เลยหรือ

พวกใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย!

นางหันศีรษะกลับไปทันใด บอกเป็นนัยว่าตัวนางไม่อยากมอง มิเช่นนั้น ยิ่งดูก็จะยิ่งเจ็บใจ

ทว่า!

เมื่อแรกเริ่ม กลิ่นเผากระดาษอันเลวร้ายยังคงลอยมาแตะจมูกเป็นระลอก พอเวลาผ่านไปกลิ่นก็ยิ่งคละคลุ้งขึ้นทุกที แม้แต่มือของหลานเยาเยายังสั่นเทาขึ้นมาอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัวด้วยความปวดใจ นางรู้สึกว่าหากให้นางมองตั๋วเงินจำนวนมากถูกเผาด้วยตาของนางเองนั้น นางคงจะทนไม่ไหวที่จะทะยานไปเล่นงานเขาแรง ๆ อย่างเป็นแน่

เคราะห์ดีที่ยามนี้

คิ้วของพระราชธิดาจาวหยางขมวดเข้าหากันเล็กน้อยแล้ว นางรู้สึกเบาใจขึ้นในทันใด ในที่สุดก็สามารถขจัดความทุกข์ทรมานจากกลิ่นไหม้ของตั๋วเงินได้เสียที ดังนั้น นางจึงรวบรวมสมาธิได้อย่างรวดเร็ว

จากนั้นพูดอย่างเฉยชาว่า “นางจะฟื้นแล้ว!”

พอกล่าวไปเช่นนั้น

จื่อซีหยุดเผาตั๋วเงิน มองดูห้องที่สว่างไสว นึกขึ้นในใจในชั่วครู่

พระราชธิดาจาวหยางไม่สามารถมองแสงสว่างได้ มิเช่นนั้นจะล้มป่วย เรื่องนี้หลานเยาเยาทราบดี ทว่าเหตุใดนางจึงยังคงทำเช่นนี้

เย่แจ๋หยิ่งไม่ได้แสดงท่าทีอันใดเป็นพิเศษ สายตาจ้องมองไปยังพระราชธิดาจาวหยางที่กำลังจะฟื้นขึ้นมาในเร็ว ๆ นี้

ในมือของหลานเยาเยาจับเข็มเงินที่อาบยาระงับประสาทไว้แน่น นางจำเป็นที่จะต้องเตรียมพร้อมเช่นนี้ไว้ก่อน เพราะอย่างไรก็ดี น้ำเกลือขวดสุดท้ายนั้นเพิ่งจะให้ไปได้เพียงครึ่งหนึ่งเท่านั้น

อีกทั้งยาที่ให้ในวันนี้ล้วนเป็นยาแรงที่มีฤทธิ์เข้มข้นจากวัตถุดิบล้ำยุค ยังคงเหลืออยู่อีกครึ่งขวดที่ยังไม่ได้ให้ เช่นนี้ฤทธิ์ของยาจะต้องเสื่อมลงเป็นแน่ ที่สำคัญคือนางเพิ่งจะดึงเข็มออกมา

ทันใดนั้นเอง

พระราชธิดาจาวหยางลืมตาขึ้นมาโดยพลัน พอเห็นแสงที่แยงตา แววตาของนางพลันเปลี่ยนเป็นแววตาอันลุ่มหลงขึ้นมาในทันใด จากนั้นราวกับว่านึกถึงบางสิ่งขึ้นมาได้ นางตื่นตระหนกจนขดตัวกลมทันที ทั้งร่างนั้นสั่นสะท้าน

“ไม่นะ ไม่ ข้าไม่อยากกลายเป็นตัวประหลาด ไม่…..”

“อย่ากลัวไปเลย ท่านจะไม่กลายเป็นตัวประหลาดหรอก ท่านสามารถเป็นดังเช่นคนปกติได้ เชื่อข้าสิ”

หลานเยาเยาใช้มือข้างหนึ่งจับมืออันบอบบางขาวซีดของนางไว้ด้วยความระมัดระวัง ส่วนมืออีกข้างตบที่หลังนางเบา ๆ ปลอบประโลมนาง

“ไม่มีทางเป็นเช่นนั้น ไม่มีทาง ไม่มีทางดีขึ้นหรอก นี่ก็ผ่านมาสามปีแล้ว ทุกครั้งนางล้วนกลายเป็นตัวประหลาดทั้งสิ้น คราวนี้แน่นอนว่าจะต้องเป็นเช่นเดียวกัน เจ้ารีบไปเถอะ ข้าไม่อยากทำร้ายเจ้า” นางส่ายศีรษะสุดกำลัง

สามปีมานี้ ผิดหวังครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้นางมองไม่เห็นความหวังอีกต่อไป

หลานเยาเยาเห็นว่าเป็นเรื่องธรรมดา เพราะต้องอยู่ท่ามกลางความกลัวและความสิ้นหวังมาเป็นเวลายาวนาน ทำให้เกิดอาการคัดค้านและไม่เชื่อใจขึ้น

ในเมื่อเป็นแพทย์ สิ่งที่ต้องรักษามิได้มีเพียงอาการป่วยทางร่างกายเท่านั้น แม้แต่อาการป่วยทางจิตใจก็จำเป็นต้องให้การรักษาด้วยเช่นกัน……

เช่นนั้นแล้ว ยามนี้สิ่งที่นางต้องทำคือ ใช้น้ำเสียงที่สงบและอ่อนโยนชี้ทางสว่างแก่นาง ทำให้นางกลับมามีความหวังอีกครั้งหนึ่ง

“พระราชธิดา ท่านดูสิ ตอนนี้ท่านรู้สึกตัวดี ท่านลองรับรู้ถึงแขนขาและจิตใจของท่าน ค่อย ๆ ปล่อยตัวตามสบาย จากนั้นเงยหน้ามองข้า รับรู้ถึงแสงสว่างที่ใฝ่หามาโดยตลอด”

น้ำเสียงอันไพเราะที่เรียบง่ายและนุ่มนวลของหลานเยาเยาค่อย ๆ แทรกซึมเข้าไปในใจของพระราชธิดาจาวหยาง ทำให้นางพลันรู้สึกสดชื่นสำราญใจดุจดั่งอาบลมในฤดูใบไม้ผลิก็มิปาน

โดยไม่รีบร้อน นางค่อย ๆ เงยศีรษะขึ้นมา มองเห็นใบหน้าที่ยิ้มละมุนของหลานเยาเยา!

“ข้ามองเห็นเจ้าแล้ว ข้ามองเห็นแสงสว่างแล้ว”

ขณะที่พูดในใจรู้สึกตื้นตันขึ้นมา ในวินาทีที่มองเห็นหน้าของหลานเยาเยาอย่างชัดเจนนั้น น้ำตาของนางคลอเบ้าก่อนจะไหลรินลงมา จากนั้นกอดนางไว้อย่างแนบแน่น คำพูดนับหมื่นพันล้วนสื่อออกมาจากน้ำตาของนางจนหมดสิ้น

“ไม่เป็นไรแล้ว ทุกอย่างจะดีขึ้นเอง อย่ากลัวไปเลย ยังมีข้าอยู่ทั้งคน!” นางยังคงตบหลังนางเบา ๆ พลางปลอบโยนด้วยน้ำเสียงอันแผ่วเบา

เย่แจ๋หยิ่งพอเห็นเช่นนั้นก็อดตะลึงมิได้

มองดูหลานเยาเยาที่ยิ้มอย่างอบอุ่นในยามนี้ สุ้มเสียงอันไพเราะน่าฟังค่อย ๆ เปล่งออกมาจากริมฝีปากด้วยความจริงใจ น่าเสน่หาถึงเพียงนั้น

ราวกับว่าเป็นคนละคนกับสตรีผู้รุ่มร่ามลุ่มหลงในเงินทองเมื่อก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง

นาง….

เป็นนางจริงหรือ

ผู้ที่สายตาเฉียบคม มองคนได้อย่างทะลุปรุโปร่งมาตลอดอย่างเขากลับมองนางไม่ออกเสียอย่างนั้น

จื่อซีที่ตกตะลึงจนกลายเป็นหิน เพิ่งได้สติกลับคืนมาเมื่อตั๋วเงินที่กำลังเผาไหม้ในมือเผาโดนมือของเขา

“โอ๊ย…..ฟู่ฟู่ฟู่”

ผ่านไปสักพักใหญ่

พระราชธิดาจาวหยางย่นคิ้วเล็กน้อย สูดจมูกฟุดฟิด จากนั้นถามขึ้นอย่างไม่เข้าใจว่า

“นี่คือกลิ่นอันใดกัน”

อ๊ะ!

เมื่อสักครู่กำลังวุ่นกับการปลอบพระราชธิดาจาวหยาง เลยลืมเรื่องเผาตั๋วเงินไปเสียหมดสิ้น เมื่อพระราชธิดาจาวหยางพลันกล่าวขึ้นมา ใจของหลานเยาเยาก็เจ็บปวดขึ้นอีกหน

จากนั้นพระราชธิดาจาวหยางก็ผลักตัวออกอย่างช้า ๆ มือข้างหนึ่งยกขึ้นมาทาบอกในทันใด สีหน้าเจ็บปวดผิดปกติ

“ท่านเป็นอย่างไรบ้าง มิเป็นอันใดใช่หรือไม่”

พระราชธิดาจาวหยางนึกว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้นกับหลานเยาเยาเพราะการมารักษานาง จึงเป็นกังวลขึ้นมาครู่หนึ่ง

“ปวดใจ พระราชธิดา เพื่อรักษาท่าน ข้าต้องแลกกับค่าตอบแทนอันใหญ่หลวงนัก ทว่าเงินค่าวินิจฉัยโรคของข้ากลับถูกจื่อซีเจ้าคนเลวเผาไปแล้วเสียนี่ ข้าเสียใจจนร้องไห้ไม่ออกเลยเสียทีเดียว!”

“ว่าอย่างไรนะ นึกไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ได้” สุ้มเสียงอันแผ่วเบาของพระราชธิดาจาวหยางแฝงไปด้วยโทสะ นางมองไปยังจื่อซีโดยพลัน

เป็นดั่งที่คิด มองเห็นเขานั่งย่อตัวอยู่หน้ากองตั๋วเงินที่ถูกเผาเป็นเถ้าถ่าน มิหนำซ้ำในมือยังมีตั๋วเงินใบหนึ่งที่ถูกเผาจนเหลือเพียงปลายมุมด้านหนึ่ง ทันใดนั้นเรียกเขาเข้ามาถามอย่างโมโหว่า

“จื่อซี เหตุใดเจ้าจึงเสียมารยาทกับผู้มีบุญคุณช่วยชีวิตของข้าเช่นนี้”

จื่อซีนิ่งงันชั่วขณะหนึ่ง!

เหตุใดเขาถึงได้อาภัพเช่นนี้

เป็นหลานเยาเยาที่ไม่ต้องการตั๋วเงินเอง เรื่องเผาตั๋วเงินก็เป็นคำสั่งของเจ้านาย ไม่เกี่ยวกับเขาเลยแม้สักนิด!

ดังนั้น!

จื่อซีจึงหันไปหาเจ้านายในบัดดล ทว่าเจ้านายกลับมองเขาด้วยสายตาเยือกเย็น ทั้งยังหรี่ตาลงเล็กน้อย

เขาตื่นตระหนกจนตัวสั่นในทันใด!

“เหตุใดเจ้าจึงมองเสด็จอา หรือว่าเสด็จอาให้เจ้าทำเช่นนี้” พระราชธิดาจาวหยางถามขึ้นด้วยความสงสัย

“ไม่ใช่ครับ ผู้ใช้ทำเช่นนั้นเอง” จื่อซีก้มศีรษะลง หน้าตาหมดอาลัยในชีวิต

“เจ้าขอโทษผู้มีบุญคุณช่วยชีวิตของข้าก่อน จากนั้นค่อยนำตั๋วเงินมาจ่ายค่าวินิจฉัยโรคเพิ่มเป็นสองเท่า”

ได้ยินเช่นนั้น!

“ฮะแอ้ม ฮะแอ้ม!”

หลานเยาเยากระแอมดังขึ้นมาในทันใด พอได้ยินว่าค่าวินิจฉัยโรคเพิ่มเป็นสองเท่าแล้ว ใจเต้นตึกตัก

บางคราว ความสุขก็มาอย่างกะทันหันเสียเหลือเกิน ในใจรู้สึกไร้กังวลขึ้นมาในทันใด!

หลังช่วงเวลา สิบห้า นสที!

พระราชธิดาหยาง ก็ลุกขึ้นเดินบนพื้น นางไม่ต้องการให้ใครมาประคอง มองเห็นห้องที่สว่างไสว ใบหน้าก็เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม

นางเดินมายังเบื้องหน้าเย่แจ๋หยิ่ง โค้งคำนับเขาเล็กน้อย

“ขอบพระทัยเสด็จอาที่ช่วยชีวิต!”

“อืม!”

หลังขอบคุณเสร็จแล้ว ก็หมุนตัวเดินไปยังทางออก จังหวะก้าวเท้าค่อนข้างรวดเร็ว นางอยากออกไปชมทิวทัศน์ธรรมชาติภายนอกเพื่อรับรู้ถึงการมีอยู่ของพวกมัน

“ช้าก่อน!”

เสียงของหลานเยาเยาดังขึ้นในทันใด จากนั้นสาวเท้ามาอยู่ที่เบื้องหน้านางเพื่อหยุดนางไว้

เห็นเพียงสีหน้าของพระราชธิดาจาวหยางที่แข็งทื่อ รอยยิ้มบนใบหน้าค้างเติ่งโดยพลัน มองดูนางด้วยสายตาที่มิอยากจะเชื่อ ถามขึ้นอย่างแผ่วเบาว่า

“ออกไปมิได้อย่างนั้นหรือ”

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

อ่านนิยาย เรื่อง หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป
ได้ยินมาว่าท่านอ๋องเป็นคนโหดร้าย เขาไม่ชอบเข้าใกล้ผู้หญิง?ไม่ใช่เลย ตั้งแต่เขาแต่งงานกับคุณหนูหกของจวนแม่ทัพก็เปลี่ยนไปแล้ว “เยาเยาร่างกายอ่อนแอ ไม่ชอบพูดคุย ข้าไม่วางใจให้เขาไปคนเดียว”รู้สึกอับอายนัก!พระชายาใช้ไม้ตีรัชทายาท นังเสแสร้ง ปากนั้นสามารถทำให้คนตายกลับมามีชีวิตได้ ยังไม่วางใจอีกหรือ?“เยาเยา นางไม่มีความรู้ที่เกี่ยวกับสงคราม ฝีมือทางการแพทย์ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พวกเจ้าอย่ารังแกนาง”ทหารของฝ่ายศัตรูกระอักเลือดออกมาเป็นจำนวนมาก ตอนนี้ทหารสิบหมื่นที่ถูกพระชายาวางแผนมาเป็นเชลยศึกกำลังรอการถอนพิษอยู่ นี่ไม่ใช่กลยุทธ์ของพระชายาเย่ หรอ?“ เยาเยานางไร้เดียงสา ไม่เคยยุ่งกับคนอื่น” ทหารทั้งหลายเหลือบมองเจ้านายที่กำลังหลีกเลี่ยงเพื่อความรัก เจ้านาย จริยธรรมของท่านที่อยู่ไหน?

เรื่องย่อ

“อูว์……”

เสียงหมาป่าเห่าหอนยาวอย่างน่าสยดสยองข้างหู หลานเยาเยาที่ค่อยๆ ได้สติงงเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้

เสียงหมาป่าเหรอ?

มีองค์กรผู้ก่อการร้ายปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือลับในใจกลางเมือง รอบทิศเต็มไปด้วยตึกอาคารสูง

จะมีหมาป่าได้อย่างไร?

หลานเยาเยาต้องการลืมตาเพื่อสำรวจ แต่พบว่าเปลือกตาหนักราวกับพันกิโลเปิดยาก

ทั่วร่างกายเหมือนถูกแทงด้วยมีดร้อนนับหมื่นเล่ม เจ็บปวดเหมือนใจจะขาด

ทันใดนั้น!

“กรุ๊บๆ……”

ราวกับเสียงกระดูกที่ถูกเคี้ยวละเอียดทีละนิด ตามด้วยกลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าไปที่จมูก

หลายเยาเยารู้สึกไม่ดี……

เธอพยายามลืมตาทันที หลังจากที่เธอดิ้นรนนับครั้งไม่ถ้วน ในที่สุดดวงตาของเธอก็เปิดออก

เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นหลังจากที่สายตาปรับแสงได้

ภาพที่เห็น ทำให้หลานเยาเยาเสียวสันหลังในทันที

หมาป่าผอมหนังติดกระดูกที่หิวโหยตัวหนึ่ง กำลังกัดกินศพหญิงในชุดโบราณอย่างบ้าคลั่ง

หลานเยาเยารีบพยุงร่างกายที่เจ็บปวดสุดจะทนถอยหลังอย่างช้าๆ ……

“ฉับ……”

หินแหลมคมแทงบาดแผลของเธอ ทำให้เธอคร่ำครวญอย่างช่วยไม่ได้

ทันใดนั้นหมาป่าผู้หิวโหยก็หันมามอง พบว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ ขนบนร่างกายลุกซู่ทันที เขี้ยวเต็มไปด้วยเลือด

กระโจนเข้ามาทันที

เขี้ยวอันแหลมคมของหมาป่าผู้หิวโหยเล็งไปที่คอหลานเยาเยา ก่อนที่จะถูกหมาป่าผู้หิวโหยกระโจนเข้าใส่ หลานเยาเยาบิดตัว

หมาป่าผู้หิวโหยพลาดท่า เมื่อหันตัวกลับมาก็ถูกหลานเยาเยาใช้มือทั้งสองบีบคอมันอย่างดิ้นไม่หลุด

ไม่ว่าหมาป่าผู้หิวโหยจะดิ้นรนอย่างไร และแม้เล็บเท้าทั้งสี่ของมันจะฉีกเสื้อผ้าและเลือดเนื้อของเธออย่างไร

เธอก็ไม่ยอมปล่อย

ค่อยๆ ……

แรงดิ้นรนของหมาป่าผู้หิวโหยลดลงต่อเนื่อง กระทั่งสูญเสียแรงขัดขืน หยุดหายใจในที่สุด

“เฮ้อ……”

หลานเยาเยาถอนหายใจโล่งอก

ขณะนี้!

เธอเพิ่งพบว่าตนอยู่ใต้หน้าผาสูง ล้อมรอบด้วยหินเย็บเฉียบสีเทา มีซากกระดูกที่ยุ่งเหยิงและไม่สมบูรณ์หลายชิ้นบนหิน

ใบหน้าซีดเผือดของหลานเยาเยาค่อยๆ ขยับไปที่ข้างศพหญิงชุดโบราณนั้น พอเห็นใบหน้าของเธอ

เหมือนในหัวของหลานเยาเยาเปิดออก ความทรงจำประหลาดเป็นส่วนๆ เติมเต็มเข้ามาสมอง……

“โอ๊ย……”

ความรู้สึกปวดหัวทำให้เธอทนไม่ไหวและร้องออกมา!

ผ่านไปค่อนข้างนาน

หลานเยาเยาก็ได้สติหลังจากตกใจ ตะโกนด่าออกไปอย่างอดมิได้

“แม่เอ๊ย ข้ามภพซะแล้ว!”

ใบบัตรเครดิตมีวงเงินตั้งแปดหลักเชียวนะ!

คิดถึงจุดนี้ ในใจก็โศกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก

หลานเยาเยาขยับร่างกายราวกับร่างกายกำลังจะกระจุย ก็ดึงถูกบาดแผลที่เกิดจากตกลงมาจากหน้าผาในทันที

ทันใดนั้น มีเสียงฝีเท้าเบาๆ เดินมา และยังเข้าใกล้เรื่อยๆ แรงอาฆาตที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ……

มีคนมาแล้ว!

สายตาของหลายเยาเยาคมชัดขึ้นในทันที ดึงหินแหลมคมก้อนนั้นออก

หัว แล้วหันหลังกลับทันที ทำให้องครักษ์ที่คนเป็นๆ ทั้งสองสัมผัสเงียบๆ จากด้านหลังเธอตกใจ

องครักษ์ผอมและอ้วนทั้งสองคือคนที่บังให้เจ้าของร่างและหญิงที่นอนอยู่กับพื้นกระโดดผา……

“นางยังไม่ตายหรือ?”

คนเลวอายุยืนจริง!

แต่ดูท่าคงใกล้ตายแล้ว องครักษ์อ้วนที่ใบหน้าดุดัน เห็นสายตาที่แหลมคมหลานเยาเยา ใจสั่นอย่างไร้เหตุผล

“จะตายอยู่แล้ว งั้นรีบส่งนางไปพบยมบาลล่วงหน้า กลับไปจะได้รายงานได้”

องครักษ์ผอมจ้องหลายเยาเยาที่ที่เหลือลมหายใจแผ่วเบา ความรู้สึกกลัวเล็กน้อยในตอนนั้นหายไปหมดแล้ว

หลายเยาเยาถูกบังคับให้กระโดดผาแล้ว คุณหนูสี่ไม่เห็นศพก็ไม่วางใจ

เลยสั่งให้พวกเขาไปยืนยันความเป็นความตายใต้หน้าผา

คาดไม่ถึงว่ากระโดดจากหน้าผาสูงขนาดนั้นแต่เธอไม่ตาย……

องครักษ์ผอมตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว ดึงดาบแล้วฟันลงไปที่หลานเยาเยา

หลานเยาเยาหยีตาเล็กน้อย หลบดาบที่ฟันลงมาอย่างรวดเร็ว พลิกมือที่ถือหินทุบไปที่หน้าขององครักษ์ผอม

และมืออีกข้างก็คว้ามีดจากมือของเขา แทงตรงไปที่องครักษ์อ้วนที่ไม่มีการตอบสนองที่อยู่ข้างๆ

การกระทำทั้งหมดเสร็จสิ้นเพียงชั่วขณะเดียว รวดเร็ว แม่นยำ โหดเหี้ยม!

“โอ๊ย……”

“โอ๊ย……”

เสียงโอดครวญทั้งสองดังขึ้น องครักษ์อ้วนตายคาที่ องครักษ์ผอมถูกฟันเข้าที่หน้า เลือดท่วมเต็มหน้า ตาบอดไปอีกข้างหนึ่ง

ขณะนี้นอนร้องทุรนทุรายอยู่กับพื้น

เมื่อกี้เอาแรงที่มีทั้งหมดออกมาใช้ หลังฆ่าองครักษ์อ้วนตาย หลานเยาเยาก็เข่าอ่อนแทบล้มลง

เธอใช้มีดค้ำกับหิน พยุงร่างของตนเอง!

ในนามทหารแพทย์ที่มาจากกองกำลังพิเศษ เข้าใจสัจธรรมหนึ่งอย่างลึกซึ้ง ไม่จะไม่สามารถฆ่าศัตรูให้ตายได้ก็ตาม

อย่างน้อยก็ต้องทำให้เขาสูญเสียแรงต่อต้าน

ฮึๆ ……

ตอนนี้เธอไปไกลเกินมาตรฐานแล้ว!

ไม่เพียงฆ่าตายทันที ยังทำให้อีกคนสูญเสียแรงต่อต้าน

หลังจากหลานเยาเยาดีขึ้นบ้างแล้ว ค่อยๆ เดินเข้าใกล้องครักษ์ผอมพร้อมดาบ

เมื่อองครักษ์ผอมเห็นว่าองครักษ์อ้วนตายแล้ว เสียขวัญ ตอนแรกอยากลุกขึ้นและอาศัยจังหวะที่เธอเผลอฆ่าเธอให้ตาย

แต่เมื่อเขาเห็นตัวตนของหลานเยาเยา มีดก็จ่ออยู่ที่คอของเขาแล้ว……

เขาตกใจรีบร้องขอชีวิต:

“คุณหนูหกไว้ชีวิตข้าด้วย ได้โปรดไว้ชีวิตข้าเถอะ เป็นคำสั่งของคุณหนูสี่ ข้าเพียงแค่รับคำสั่ง……อ่า……”

เอ็นดูเขาเอ็นเราขาด!

จัดการกับองครักษ์ผอมเรียบร้อย หลานเยาเยาทิ้งดาบลง ล้มลงกับพื้นทันที เธออยากปิดตาแล้วหลับไป……

แต่เมื่อเห็นดวงอาทิตย์กำลังจะลับฟ้า เธอพยายามทนกับความเจ็บปวดแล้วลุกยืนขึ้น

มายืนข้างศพหญิงที่กระดูกทั้งร่างกายแทบละเอียด เธอคือเสี่ยวจู๋ หญิงรับใช้ส่วนตัวเพียงคนเดียวของเจ้าของร่าง

และเป็นเพราะตอนโดดลงผา มีเสี่ยวจู๋คอยปกป้อง เจ้าของร่างจึงไม่เป็นอะไรมาก

ลากร่างศพของเสี่ยวจู๋ขึ้นมา เดินไปยังป่าที่ไม่ลึก…….

ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง เธอต้องการฝังร่างศพเสี่ยวจู๋ก่อนที่ฟ้าจะมืด มิเช่นนั้น

ศพเธอจะถูกสัตว์ป่ากิน

ในที่สุดก็ขุดหลุมตื้นและฝังร่างศพของเสี่ยวจู่เสร็จ

“ติ๊ด……”

ทันใดนั้น เสียงหุ่นยนต์ก็ดังขึ้นในหัว

หลานเยาเยาแทบจะร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ!

เสียงนี้เป็นเสียงที่เธอคุ้นเคยที่สุด นี่คือระบบทางการแพทย์ที่ฝังในร่างเธอในยุคปัจจุบัน

เทียบเคียงได้กับโรงพยาบาลที่มีอุปกรณ์ที่ทันสมัย สามารถเลือกเวชภัณฑ์ได้อย่างอิสระผ่านทางความคิด

คิดไม่ถึงว่าระบบการแพทย์ติดตามเธอไปด้วย……

แต่ระบบทางการแพทย์นี้จะต้องมีการอัพเกรดถึงจะสามารถเปิดใช้งานด้านเวชภัณฑ์ได้

และเธอก็เสียชีวิตหลังจากที่ปลูกฝังระบบไม่นาน ดังนั้น ในระบบสิ่งที่เปิดใช้งานได้จึงถูกจำกัด

แม้จะเป็นเช่นนั้น หลานเยาเยาก็แอบหัวเราะ……

ใช้ความคิดนำผ้าพันแผลผ้าก๊อซและยาแก้อักเสบแก้ปวดอย่างง่ายออกมาอย่างเร่งรีบ

หลังจากจัดการกับแผลบนร่างกายอย่างเรียบง่าย ก็ได้เอายาที่ขมสุดขีดทำเหมือนเป็นขนม “กรุ๊บๆ”

เคี้ยวละเอียดแล้วกลืนลงไป

ในขณะที่ตัดสินใจปีนไปหลับบนต้นไม้……

ทันใดนั้น!

“ตุ๊บ……”

วัตถุที่ไม่รู้จักตกลงมาจากต้นไม้ ทำให้ดอกไม้ป่าเหล่านั้นที่กำลังเบ่งบานบนดินตาย

“โอ้มายกอต!”

วัตถุชิ้นนั้นตกอยู่ข้างเท้าเธอ ทำให้หลานเยาเยาตกใจอดไม่ได้ที่จะตบลูบหน้าอก

ค่อยยังชั่ว!

เกือบจะหล่นใส่เธอแล้ว

กลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าที่จมูก……

เพ่งมองดู นั่นมันเป็นคน เป็นชายที่สวมชุดจีน เรือนร่างของเขาประกายด้วยท่าทางที่คนไม่ควรเข้าใกล้

ไม่รู้ว่าตายหรือยัง?

แค่เหลือบมองชายคนนั้นอย่างไม่ใส่ใจ หลานเยาเยาถึงกับเบิกตาสว่างอย่างช่วยไม่ได้ แม้ชายคนนั้นเส้นผมยุ่งเหยิง และใบหน้าซีดเผือดเหมือนกระดาษที่เปื้อนเลือด……


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท