หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป – บทที่ 17 ใช้ตั๋วเงินแทนพัด

บทที่ 17 ใช้ตั๋วเงินแทนพัด

บทที่ 17 ใช้ตั๋วเงินแทนพัด

กล้าจ่ายจริงๆ ถิงเมี่ยนกลืนน้ำลายอึกใหญ่ แต่ก็ยังคงลังเล

ไม่ใช่เพราะว่าเขาเมตตาหลานชิวหยุน แต่เป็นเพราะเกรงกลัวอิทธิพลของจวนแม่ทัพ หากมีอะไรผิดพลาดเกิดขึ้น เขาคงจะอยู่ในจักรวรรดิแห่งนี้ต่อไปอีกไม่ได้แล้ว

และในตอนนี้เอง!

“ฮือ ฮือ ฮือ……” มีเสียงร้องไห้คร่ำครวญเสียงหนึ่งดังขึ้น

ทำให้ความสนใจทั้งหมดของถิงเมี่ยนหันเหไปที่หลานเยาเยาทันที แล้วก็ต้องตะลึงงัน!

ในตอนนี้ หลานเยาเยามีท่าทีที่แสดงออกถึงความโศกเศร้า ไม่สามารถหยุดน้ำตาให้ไหลออกมาได้ ใบหน้าจึงเปียกปอนไปด้วยน้ำตา บ้างก็หยดลงบนพื้น บ้างก็เปียกปอนอยู่บนเสื้อผ้า

“ท่านแม่ด่วนจากไป ตั้งแต่เล็กข้าก็ต้องอดมื้อกินมื้อ หิวจนต้องกินเปลือกไม้ใบหญ้า บางครั้งก็ต้องแย่งอาหารกับสุนัข ที่มีชีวิตอยู่จนถึงตอนนี้ก็เพื่อที่จะแต่งงานกับรัชทายาท จะได้ไม่ต้องโดนรังแกและถูกทำร้ายอีกต่อไป”

แต่ว่า!

แต่ในวันแต่งงาน ความหวังทั้งหมดกลับสลายกลายเป็นฟองอากาศ พี่สาวทั้งสี่ทุบตีข้าตั้งแต่ยังเด็ก ข้าก็ทน แย่งคู่หมั้นของข้า ข้าก็ทนอีก แต่นางยังไม่พอใจ ในใจยังอยากให้ข้าตาย

ตอนนี้บนตัวของข้าเต็มไปด้วยแผลเป็น ร่างกายก็อ่อนแอ ทั้งหมดต้องขอบคุณนาง หากไม่ใช่เพราะโชคดี ข้าคงจะนอนในหลุมศพที่มีหญ้ารกท่วมหัวแล้ว

“ตั๋วเงินเหล่านี้เป็นสิ่งที่ข้าต้องเก็บมาตั้งแต่เด็กจนโตจึงจะมีได้ ก็เพื่อจะนำออกมาใช้ในวันนี้ ถ้าหากเจ้าไม่รับปากข้า ข้าก็คงจะนอนตายตาไม่หลับ ฮือ ฮือ ฮือ……”

พอพูดจบ หลานเยาเยาก็ยกมือขึ้นจะเช็ดน้ำตา แต่ได้ยินเหมือนเสียงของบรรดาสัตว์มีพิษกำลังเริ่มสำแดงฤทธิ์ จึงเอามือลง

“เอาเถอะ เอาเถอะ! คุณหนูหก ข้าจะช่วยท่านเอง”

ไม่ต้องร้องไห้แล้ว ปกติก็ผอมเหมือนลิง พอร้อง ก็ยิ่งดูน่าเกลียดเข้าไปใหญ่!

แน่นอนว่า จริงๆในใจของเขาก็ยังพอจะมีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่นอยู่บ้าง

“งั้นตั๋วเงินนี้……”

หลานเยาเยามองตั๋วเงินสองใบที่ถืออยู่ในมือ ใบหนึ่งมูลค่าห้าร้อย ใบหนึ่งมูลค่าหนึ่งพัน ทำท่าทางน่าสงสาร

ตั๋วเงินต้องเอาอยู่แล้ว!

ถิงเมี่ยนยื่นมือไปคว้าตั๋วเงินทั้งสองใบ แต่ดึงมาไม่ได้เพราะหลานเยาเยากำไว้แน่น

ถิงเมี่ยนคิดในใจ:

นางต้องลำบากมามากถึงจะเก็บเงินได้เยอะขนาดนี้ หากเอามาหมด ต่อไปภายหน้า นางจะอยู่ต่อได้อย่างไร

ดังนั้น จึงเอาแค่ใบละหนึ่งพันใบเดียว แต่ก็ยังคว้ามาไม่ได้ จึงมองหลานเยาเยา เห็นน้ำตาหลานเยาเยาหยด “แหมะๆ” อย่างไม่ขาดสาย

“คุณหนูหก ท่านวางใจเถอะ ข้าถิงเมี่ยน ต่อให้จะไม่ใช่คนดีสักเท่าไหร่ แต่ก็มีความชอบธรรม หากรับปากเรื่องใดก็จะต้องทำให้ได้ เรื่องนี้ข้าจะทำแบบไม่ให้ทิ้งร่องรอยเลย

ถิงเมี่ยนคิดว่าหลานเยาเยาไม่ให้ตั๋วเงิน เป็นเพราะกลัวว่าเขาจะไม่รักษาสัญญา ดังท่านจึงต้องแสดงท่าทีจริงใจเป็นการรับประกัน

แต่ใครจะไปนึก……

ทันทีที่เขาพูดจบ หลานเยาเยากลับเก็บตั๋วเงินคืน หลังจากที่นางเช็ดน้ำตาที่ไหลลงมาอย่างไม่ขาดสาย น้ำตาก็หยุดไหลเหมือนสั่งได้

“เมื่อกี้รู้สึกร้อน จึงใช้ตั๋วเงินมาทำเป็นพัด ตอนนี้ค่อยรู้สึกดีขึ้นหน่อย” พอพูดจบก็เอาตั๋วเงินเก็บไว้ในกระเป๋าเสื้อ หลังจากนั้นจึงกล่าวขอบคุณอย่างจริงใจว่า: “ขอบคุณมาก พี่ใหญ่ถิงเมี่ยน”

“ข้าไปก่อนล่ะ จะรอฟังข่าวดีจากท่าน!”

พูดจบ ก็เดินออกไปแบบสง่างาม

พวกเขาเหล่านั้นเห็นหลานเยาเยาค่อยๆเดินจากไปต่อหน้าต่อตา ก็มีหนึ่งคนพูดขึ้นด้วยความเสียดายว่า:

“พี่ใหญ่ คุณหนูหกไปง่ายๆแบบนี้เลยเหรอ?”

“แคก แคก!” ถิงเมี่ยนผู้ซึ่งสติเพิ่งกลับเข้ามาอยู่กับตัว ถอนมือที่คว้าอยู่กลางอากาศกลับมาอย่างเขินอาย “ไปก็ไปสิ ทำเรื่องของตัวเองให้เสร็จก็พอแล้ว”

ตั๋วเงินมูลค่าหนึ่งพันจำนวนสองใบที่มอบให้ก่อนหน้านี้ก็มากเกินพอ พวกเขาไม่ขาดทุนเลยสักนิด แถมยังถือว่าได้มากอีกด้วย

“ใช่ ใช่ ใช่ พี่ใหญ่พูดถูก เพียงแต่เมื่อกี้ข้าเห็นเหมือนกับว่าคุณหนูหกนำอะไรบางอย่างไปเช็ดที่ตา หลังจากนั้นน้ำตาก็ไหลไม่หยุด สิ่งที่คุณหนูหกเพิ่งพูดเมื่อกี้ คงไม่ใช่เรื่องหลอกลวงใช่ไหม?” มีหนึ่งคนเริ่มสงสัย

พอได้ฟังดังนั้น!

ถิงเมี่ยนก็หัวเราะเบาๆ: “น้ำตาเป็นของปลอม ความเจ็บปวดก็เป็นของปลอม แต่หัวใจที่ตายด้านนี่สิของจริง ไปเถอะ!”

หลังจากที่พวกเขาจากไป ก็มีชายผู้สวมหน้ากากสีเงินคนหนึ่งเดินออกมาจากเงามืด แล้วก็มองตามไปยังที่ที่หลานเยาเยาเดินหายไปด้วยแววตาที่ลึกซึ้ง หรี่ตาลงเล็กน้อย แล้วก็หายวับไปทิ้งไว้เพียงร่องรอย……

_____

ยามหนู (เวลา24:00-2:00) เพิ่งผ่านไป แสงจันทร์สีนวลก็ส่องกระทบลงมายังพื้นดิน จริงๆมันควรจะเป็นบรรยากาศที่เงียบและสงบ แต่กลับทำให้รู้สึกน่ากลัวอย่างบอกไม่ถูก

ณ ลานของหลานชิวหยุนในจวนแม่ทัพ

มีงูเขียวหางไหม้ตัวหนึ่ง เลื้อยขึ้นมาจากไผ่ด้านนอกหน้าต่าง มายังหน้าต่าง เหมือนจะถูกดึงดูดจากอะไรบางอย่าง หลังจากเลื้อยสำรวจอยู่บนหน้าต่างสักพัก ก็เลื้อยทะลุหน้าต่างเข้ามายังห้องส่วนตัวของหลานชิวหยุน

และในตอนนี้!

หลานชิวหยุนที่กำลังหลับสนิทอยู่บนเตียง มุมปากมีรอยยิ้มจางๆเหมือนกำลังฝันหวานอยู่

หลังจากนั้นก็มีงูพิษอีกหลายตัวเลื้อยคลานตามกันเข้าไปภายในห้อง คางคงและแมงป่องก็มาล้อมรอบห้องทั้งสี่ด้าน พวกมันพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะเข้าไปข้างใน แต่หาทางเข้าไม่เจอ ทำให้พวกมันเริ่มอารมณ์เสีย

องครักษ์ที่เฝ้ายามในช่วงกลางคืนเริ่มสังเกตเห็นถึงความผิดปกติบางอย่าง

“รู้สึกไหมว่าเหมือนมีอะไรบางอย่างกำลังขยับอยู่โดยรอบ?” องครักษ์คนหนึ่งถามอย่างสงสัย

“ไม่มีนี่ ข้าไม่เห็นจะได้ยินอะไรเลย เจ้าหูฝาดไปรึเปล่า? ไอยะ เจ้าอย่ามาโดนตัวข้า วางใจเถอะ ไม่มีอะไรหรอก” ดึกขนาดนี้จะมีอะไรเคลื่อนไหวได้อย่างไร?

องครักษ์อีกคนทำท่าไม่เชื่อ เพราะตอนนี้เขากำลังหลับๆตื่นๆ!

อย่ามาโดนตัวข้า เขาเริ่มโมโห

แต่ว่า เขายังไม่ทันจะพูดจบ ก็เหมือนมีมืออีกข้างมาวางบนไหล่ของเขา……

“เห้ย น้องชาย อย่าขยับ บนไหล่ของเจ้ามี……”

ยังพูดไม่ทันจบ ก็ถูกน้ำเสียงที่ดูเหมือนจะหมดความอดทนพูดขัดขึ้นมาว่า: “จะมีอะไรกันนักกันหนา ไม่เห็นหรือยังไงว่าข้ากำลังง่วงอยู่?”

องครักษ์ผู้นั้นทำท่าทางรำคาญ แล้วยื่นมือไปปัด “มือ” ที่อยู่บนไหล่ของเขา เมื่อมือไปสัมผัสถูก กลับรู้สึกว่าเย็นๆและนิ่มๆ

เขาหันไปดูด้วยความตกใจ มีงูตัวใหญ่หนึ่งตัวกำลังเลื้อยไปที่หน้าของเขา

“เห้ย……”

องครักษ์อีกคนหนึ่งหนีไปนานแล้ว ที่ขาของเขายังมีแมงป่องอีกสองตัว ไต่เข้าไปในกางเกงของเขา

เมื่อได้ยินเสียงร้องโวยวาย องครักษ์อีกสองคนจึงชักดาบ แล้วฟันไปที่งูที่กัดองครักษ์คนนั้น แล้วก็ดูดพิษออกให้แก่พวกเขา ภายในห้องก็มีเสียงกรีดร้องด้วยความกลัวของหลานชิวหยุน

องครักษ์สองคนรีบไปในทันที

“ปัง……”

ประตูห้องถูกพังเข้าไป ในแสงสลัวก็มองเห็นหลานชิวหยุนนั่งขดตัวอยู่ที่มุมเตียง ห่อตัวด้วยผ้าห่มอย่างแน่นหนา แล้วพูดไม่หยุดว่า:

“มีงู มีงู……”

ไม่นาน ไฟในจวนแม่ทัพก็ถูกจุดสว่างขึ้น หลานเฉินมู๋และนิ่งซือที่ยังอยู่ในชุดนอนก็วิ่งมาที่ลานของหลานชิวหยุนอย่างเร่งรีบ คนหนึ่งใบหน้าเต็มไปด้วคความสง่างาม ส่วนอีกคน ใบหน้าเต็มไปด้วยความกังวล

แต่เมื่อเห็นหลานชิวหยุนแล้ว หลานเฉินมู๋ก็รู้สึกโกรธเป็นอย่างมาก

เพราะหลานชิวหยุนที่กำลังอยู่ในอาการตกใจกลัวอย่างมาก กำลังกอดองครักษ์คนหนึ่งอยู่ แม้แต่เท้าก็เหยียบอยู่บนเท้าขององครักษ์ มัวแต่กลัวงูจะมากัดตนเอง จนลืมดูว่าเสื้อผ้าของตัวเองหลุดลุ่ยอยู่

ทันทีที่เห็นเรื่องไม่เหมาะสมก็รีบดึงตัวหลานชิวหยุนมาอยู่ข้างๆตัวเอง แล้วจึงจัดเสื้อผ้าของนางให้เรียบร้อย

“นี่มันเรื่องอะไรกันแน่?”

หลานเฉินมู๋เหยียบแมงป่องที่เพิ่งจะคลานเข้าไปตัวหนึ่ง แล้วจึงถามด้วยน้ำเสียงดุดัน

ในบ้าน มีงูหลายตัวถูกฆ่าตายแล้ว ส่วนนอกบ้านโดยรอบ เต็มไปด้วยงูพิษ แมงป่อง และคางคก

ในเมื่อมีคนกล้าปล่อยสัตว์มีพิษเข้ามาในจวนของเขา ถ้าหากรู้ว่าเป็นใครล่ะก็ เขาจะลงมือฆ่าคนผู้นั้นด้วยตัวเอง เพื่อระบายความแค้น

“ท่านพ่อ จะต้องเป็นนังสารเลวหลานเยาเยา ต้องเป็นนางปล่อยเข้ามาแน่ๆ ฮือๆๆ……”

หลานชิวหยุนน้ำตานองหน้า มองไปยังหลานเฉินมู๋ด้วยใบหน้าซีดเผือด

“หลานเยาเยา?”

หลานเฉินมู๋กำหมัดแน่นด้วยความโกรธ ในแววตามีความมุ่งมั่นที่จะฆ่า ถึงจะรู้อยู่แก่ใจว่าสัตว์มีพิษมากมายขนาดนี้ หลานเยาเยาคงไม่มีทางที่จะทำเรื่องนี้ไหว

แต่ตอนนี้เขากำลังไม่พอใจ จึงต้องหาใครสักคนมาระบายอารมณ์กระมัง?

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

อ่านนิยาย เรื่อง หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป
ได้ยินมาว่าท่านอ๋องเป็นคนโหดร้าย เขาไม่ชอบเข้าใกล้ผู้หญิง?ไม่ใช่เลย ตั้งแต่เขาแต่งงานกับคุณหนูหกของจวนแม่ทัพก็เปลี่ยนไปแล้ว “เยาเยาร่างกายอ่อนแอ ไม่ชอบพูดคุย ข้าไม่วางใจให้เขาไปคนเดียว”รู้สึกอับอายนัก!พระชายาใช้ไม้ตีรัชทายาท นังเสแสร้ง ปากนั้นสามารถทำให้คนตายกลับมามีชีวิตได้ ยังไม่วางใจอีกหรือ?“เยาเยา นางไม่มีความรู้ที่เกี่ยวกับสงคราม ฝีมือทางการแพทย์ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พวกเจ้าอย่ารังแกนาง”ทหารของฝ่ายศัตรูกระอักเลือดออกมาเป็นจำนวนมาก ตอนนี้ทหารสิบหมื่นที่ถูกพระชายาวางแผนมาเป็นเชลยศึกกำลังรอการถอนพิษอยู่ นี่ไม่ใช่กลยุทธ์ของพระชายาเย่ หรอ?“ เยาเยานางไร้เดียงสา ไม่เคยยุ่งกับคนอื่น” ทหารทั้งหลายเหลือบมองเจ้านายที่กำลังหลีกเลี่ยงเพื่อความรัก เจ้านาย จริยธรรมของท่านที่อยู่ไหน?

เรื่องย่อ

“อูว์……”

เสียงหมาป่าเห่าหอนยาวอย่างน่าสยดสยองข้างหู หลานเยาเยาที่ค่อยๆ ได้สติงงเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้

เสียงหมาป่าเหรอ?

มีองค์กรผู้ก่อการร้ายปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือลับในใจกลางเมือง รอบทิศเต็มไปด้วยตึกอาคารสูง

จะมีหมาป่าได้อย่างไร?

หลานเยาเยาต้องการลืมตาเพื่อสำรวจ แต่พบว่าเปลือกตาหนักราวกับพันกิโลเปิดยาก

ทั่วร่างกายเหมือนถูกแทงด้วยมีดร้อนนับหมื่นเล่ม เจ็บปวดเหมือนใจจะขาด

ทันใดนั้น!

“กรุ๊บๆ……”

ราวกับเสียงกระดูกที่ถูกเคี้ยวละเอียดทีละนิด ตามด้วยกลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าไปที่จมูก

หลายเยาเยารู้สึกไม่ดี……

เธอพยายามลืมตาทันที หลังจากที่เธอดิ้นรนนับครั้งไม่ถ้วน ในที่สุดดวงตาของเธอก็เปิดออก

เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นหลังจากที่สายตาปรับแสงได้

ภาพที่เห็น ทำให้หลานเยาเยาเสียวสันหลังในทันที

หมาป่าผอมหนังติดกระดูกที่หิวโหยตัวหนึ่ง กำลังกัดกินศพหญิงในชุดโบราณอย่างบ้าคลั่ง

หลานเยาเยารีบพยุงร่างกายที่เจ็บปวดสุดจะทนถอยหลังอย่างช้าๆ ……

“ฉับ……”

หินแหลมคมแทงบาดแผลของเธอ ทำให้เธอคร่ำครวญอย่างช่วยไม่ได้

ทันใดนั้นหมาป่าผู้หิวโหยก็หันมามอง พบว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ ขนบนร่างกายลุกซู่ทันที เขี้ยวเต็มไปด้วยเลือด

กระโจนเข้ามาทันที

เขี้ยวอันแหลมคมของหมาป่าผู้หิวโหยเล็งไปที่คอหลานเยาเยา ก่อนที่จะถูกหมาป่าผู้หิวโหยกระโจนเข้าใส่ หลานเยาเยาบิดตัว

หมาป่าผู้หิวโหยพลาดท่า เมื่อหันตัวกลับมาก็ถูกหลานเยาเยาใช้มือทั้งสองบีบคอมันอย่างดิ้นไม่หลุด

ไม่ว่าหมาป่าผู้หิวโหยจะดิ้นรนอย่างไร และแม้เล็บเท้าทั้งสี่ของมันจะฉีกเสื้อผ้าและเลือดเนื้อของเธออย่างไร

เธอก็ไม่ยอมปล่อย

ค่อยๆ ……

แรงดิ้นรนของหมาป่าผู้หิวโหยลดลงต่อเนื่อง กระทั่งสูญเสียแรงขัดขืน หยุดหายใจในที่สุด

“เฮ้อ……”

หลานเยาเยาถอนหายใจโล่งอก

ขณะนี้!

เธอเพิ่งพบว่าตนอยู่ใต้หน้าผาสูง ล้อมรอบด้วยหินเย็บเฉียบสีเทา มีซากกระดูกที่ยุ่งเหยิงและไม่สมบูรณ์หลายชิ้นบนหิน

ใบหน้าซีดเผือดของหลานเยาเยาค่อยๆ ขยับไปที่ข้างศพหญิงชุดโบราณนั้น พอเห็นใบหน้าของเธอ

เหมือนในหัวของหลานเยาเยาเปิดออก ความทรงจำประหลาดเป็นส่วนๆ เติมเต็มเข้ามาสมอง……

“โอ๊ย……”

ความรู้สึกปวดหัวทำให้เธอทนไม่ไหวและร้องออกมา!

ผ่านไปค่อนข้างนาน

หลานเยาเยาก็ได้สติหลังจากตกใจ ตะโกนด่าออกไปอย่างอดมิได้

“แม่เอ๊ย ข้ามภพซะแล้ว!”

ใบบัตรเครดิตมีวงเงินตั้งแปดหลักเชียวนะ!

คิดถึงจุดนี้ ในใจก็โศกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก

หลานเยาเยาขยับร่างกายราวกับร่างกายกำลังจะกระจุย ก็ดึงถูกบาดแผลที่เกิดจากตกลงมาจากหน้าผาในทันที

ทันใดนั้น มีเสียงฝีเท้าเบาๆ เดินมา และยังเข้าใกล้เรื่อยๆ แรงอาฆาตที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ……

มีคนมาแล้ว!

สายตาของหลายเยาเยาคมชัดขึ้นในทันที ดึงหินแหลมคมก้อนนั้นออก

หัว แล้วหันหลังกลับทันที ทำให้องครักษ์ที่คนเป็นๆ ทั้งสองสัมผัสเงียบๆ จากด้านหลังเธอตกใจ

องครักษ์ผอมและอ้วนทั้งสองคือคนที่บังให้เจ้าของร่างและหญิงที่นอนอยู่กับพื้นกระโดดผา……

“นางยังไม่ตายหรือ?”

คนเลวอายุยืนจริง!

แต่ดูท่าคงใกล้ตายแล้ว องครักษ์อ้วนที่ใบหน้าดุดัน เห็นสายตาที่แหลมคมหลานเยาเยา ใจสั่นอย่างไร้เหตุผล

“จะตายอยู่แล้ว งั้นรีบส่งนางไปพบยมบาลล่วงหน้า กลับไปจะได้รายงานได้”

องครักษ์ผอมจ้องหลายเยาเยาที่ที่เหลือลมหายใจแผ่วเบา ความรู้สึกกลัวเล็กน้อยในตอนนั้นหายไปหมดแล้ว

หลายเยาเยาถูกบังคับให้กระโดดผาแล้ว คุณหนูสี่ไม่เห็นศพก็ไม่วางใจ

เลยสั่งให้พวกเขาไปยืนยันความเป็นความตายใต้หน้าผา

คาดไม่ถึงว่ากระโดดจากหน้าผาสูงขนาดนั้นแต่เธอไม่ตาย……

องครักษ์ผอมตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว ดึงดาบแล้วฟันลงไปที่หลานเยาเยา

หลานเยาเยาหยีตาเล็กน้อย หลบดาบที่ฟันลงมาอย่างรวดเร็ว พลิกมือที่ถือหินทุบไปที่หน้าขององครักษ์ผอม

และมืออีกข้างก็คว้ามีดจากมือของเขา แทงตรงไปที่องครักษ์อ้วนที่ไม่มีการตอบสนองที่อยู่ข้างๆ

การกระทำทั้งหมดเสร็จสิ้นเพียงชั่วขณะเดียว รวดเร็ว แม่นยำ โหดเหี้ยม!

“โอ๊ย……”

“โอ๊ย……”

เสียงโอดครวญทั้งสองดังขึ้น องครักษ์อ้วนตายคาที่ องครักษ์ผอมถูกฟันเข้าที่หน้า เลือดท่วมเต็มหน้า ตาบอดไปอีกข้างหนึ่ง

ขณะนี้นอนร้องทุรนทุรายอยู่กับพื้น

เมื่อกี้เอาแรงที่มีทั้งหมดออกมาใช้ หลังฆ่าองครักษ์อ้วนตาย หลานเยาเยาก็เข่าอ่อนแทบล้มลง

เธอใช้มีดค้ำกับหิน พยุงร่างของตนเอง!

ในนามทหารแพทย์ที่มาจากกองกำลังพิเศษ เข้าใจสัจธรรมหนึ่งอย่างลึกซึ้ง ไม่จะไม่สามารถฆ่าศัตรูให้ตายได้ก็ตาม

อย่างน้อยก็ต้องทำให้เขาสูญเสียแรงต่อต้าน

ฮึๆ ……

ตอนนี้เธอไปไกลเกินมาตรฐานแล้ว!

ไม่เพียงฆ่าตายทันที ยังทำให้อีกคนสูญเสียแรงต่อต้าน

หลังจากหลานเยาเยาดีขึ้นบ้างแล้ว ค่อยๆ เดินเข้าใกล้องครักษ์ผอมพร้อมดาบ

เมื่อองครักษ์ผอมเห็นว่าองครักษ์อ้วนตายแล้ว เสียขวัญ ตอนแรกอยากลุกขึ้นและอาศัยจังหวะที่เธอเผลอฆ่าเธอให้ตาย

แต่เมื่อเขาเห็นตัวตนของหลานเยาเยา มีดก็จ่ออยู่ที่คอของเขาแล้ว……

เขาตกใจรีบร้องขอชีวิต:

“คุณหนูหกไว้ชีวิตข้าด้วย ได้โปรดไว้ชีวิตข้าเถอะ เป็นคำสั่งของคุณหนูสี่ ข้าเพียงแค่รับคำสั่ง……อ่า……”

เอ็นดูเขาเอ็นเราขาด!

จัดการกับองครักษ์ผอมเรียบร้อย หลานเยาเยาทิ้งดาบลง ล้มลงกับพื้นทันที เธออยากปิดตาแล้วหลับไป……

แต่เมื่อเห็นดวงอาทิตย์กำลังจะลับฟ้า เธอพยายามทนกับความเจ็บปวดแล้วลุกยืนขึ้น

มายืนข้างศพหญิงที่กระดูกทั้งร่างกายแทบละเอียด เธอคือเสี่ยวจู๋ หญิงรับใช้ส่วนตัวเพียงคนเดียวของเจ้าของร่าง

และเป็นเพราะตอนโดดลงผา มีเสี่ยวจู๋คอยปกป้อง เจ้าของร่างจึงไม่เป็นอะไรมาก

ลากร่างศพของเสี่ยวจู๋ขึ้นมา เดินไปยังป่าที่ไม่ลึก…….

ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง เธอต้องการฝังร่างศพเสี่ยวจู๋ก่อนที่ฟ้าจะมืด มิเช่นนั้น

ศพเธอจะถูกสัตว์ป่ากิน

ในที่สุดก็ขุดหลุมตื้นและฝังร่างศพของเสี่ยวจู่เสร็จ

“ติ๊ด……”

ทันใดนั้น เสียงหุ่นยนต์ก็ดังขึ้นในหัว

หลานเยาเยาแทบจะร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ!

เสียงนี้เป็นเสียงที่เธอคุ้นเคยที่สุด นี่คือระบบทางการแพทย์ที่ฝังในร่างเธอในยุคปัจจุบัน

เทียบเคียงได้กับโรงพยาบาลที่มีอุปกรณ์ที่ทันสมัย สามารถเลือกเวชภัณฑ์ได้อย่างอิสระผ่านทางความคิด

คิดไม่ถึงว่าระบบการแพทย์ติดตามเธอไปด้วย……

แต่ระบบทางการแพทย์นี้จะต้องมีการอัพเกรดถึงจะสามารถเปิดใช้งานด้านเวชภัณฑ์ได้

และเธอก็เสียชีวิตหลังจากที่ปลูกฝังระบบไม่นาน ดังนั้น ในระบบสิ่งที่เปิดใช้งานได้จึงถูกจำกัด

แม้จะเป็นเช่นนั้น หลานเยาเยาก็แอบหัวเราะ……

ใช้ความคิดนำผ้าพันแผลผ้าก๊อซและยาแก้อักเสบแก้ปวดอย่างง่ายออกมาอย่างเร่งรีบ

หลังจากจัดการกับแผลบนร่างกายอย่างเรียบง่าย ก็ได้เอายาที่ขมสุดขีดทำเหมือนเป็นขนม “กรุ๊บๆ”

เคี้ยวละเอียดแล้วกลืนลงไป

ในขณะที่ตัดสินใจปีนไปหลับบนต้นไม้……

ทันใดนั้น!

“ตุ๊บ……”

วัตถุที่ไม่รู้จักตกลงมาจากต้นไม้ ทำให้ดอกไม้ป่าเหล่านั้นที่กำลังเบ่งบานบนดินตาย

“โอ้มายกอต!”

วัตถุชิ้นนั้นตกอยู่ข้างเท้าเธอ ทำให้หลานเยาเยาตกใจอดไม่ได้ที่จะตบลูบหน้าอก

ค่อยยังชั่ว!

เกือบจะหล่นใส่เธอแล้ว

กลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าที่จมูก……

เพ่งมองดู นั่นมันเป็นคน เป็นชายที่สวมชุดจีน เรือนร่างของเขาประกายด้วยท่าทางที่คนไม่ควรเข้าใกล้

ไม่รู้ว่าตายหรือยัง?

แค่เหลือบมองชายคนนั้นอย่างไม่ใส่ใจ หลานเยาเยาถึงกับเบิกตาสว่างอย่างช่วยไม่ได้ แม้ชายคนนั้นเส้นผมยุ่งเหยิง และใบหน้าซีดเผือดเหมือนกระดาษที่เปื้อนเลือด……


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท