ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน – บทที่ 299 เจ็บปวดจนหายใจไม่ออก

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

บทที่ 299 เจ็บปวดจนหายใจไม่ออก

พลังวิญญาณที่แห้งเหือดในร่างกายเริ่มฟื้นฟู หลิงเยว่จึงกลับมามีชีวิตชีวาขึ้น นางเริ่มใช้พลังเปิดแหวนมิติ ค้นหาเมล็ดพันธุ์ที่ถูกฝุ่นเกาะอย่างบ้าคลั่ง

ฟ้าดินไม่ใจร้ายกับผู้มีความเพียร ในที่สุดนางก็พบเมล็ดพันธุ์ดอกบัวเพลิงที่มุมหนึ่ง

เมล็ดพันธุ์ดอกบัวเพลิงลอยอยู่ตรงหน้าหลิงเยว่ ทันใดนั้นก็ถูกเปลวไฟสีม่วงกลืนกิน ก่อนที่หลิงเยว่จะสิ้นหวัง แสงไฟกลับสว่างวาบขึ้น เผยให้เห็นว่าเมล็ดพันธุ์ยังคงอยู่ดี!

[ให้เลือดบริสุทธิ์แก่มันสักหยด]

“ไม่ใช่เลือดธรรมดา แต่เป็นเลือดบริสุทธิ์?!”

หลิงเยว่แทบจะกระอักเลือดออกมาแล้ว นางพยายามระงับมันเอาไว้ แล้วบังคับให้เลือดบริสุทธิ์หยดหนึ่งออกมา

ดูเหมือนว่าเลือดบริสุทธิ์จะมีจิตสำนึกของมันเอง มันหลบเปลวไฟสีม่วงอย่างคล่องแคล่ว แล้วพุ่งตัวเข้าไปห่อหุ้มเมล็ดพันธุ์ดอกบัวเพลิงที่กำลังถูกเผาไหม้ จากนั้นก็ซึมเข้าไปในเมล็ดพันธุ์

ใบหน้าของหลิงเยว่ที่สูญเสียเลือดบริสุทธิ์ไปหนึ่งหยดซีดเซียวลงอย่างเห็นได้ชัด นี่ยังไม่นับว่าสิ่งที่ร้ายแรงกว่าคือ พลังวิญญาณของนางยังคงถูกเปลวไฟสีม่วงดูดซับอยู่ด้วย

เพราะแบบนี้นี่เอง ระบบถึงบอกว่าโอสถฟื้นปราณระดับเทพห้าเม็ดถึงจะเพียงพอ

เจ็บปวดจนหายใจไม่ออกแล้ว!

ถึงจะเจ็บปวดมากเพียงใด แต่หลิงเยว่ไม่ลืมเรื่องสำคัญ หลังจากสร้างไมตรีกับเมล็ดพันธุ์ดอกบัวเพลิงแล้ว นางจึงใช้วิชาปรสิต พลางพึมพำอะไรบางอย่าง นางประสานมือสองข้างเข้าด้วยกันท่ามกลางทะเลเพลิงอย่างยากลำบาก

เปลวไฟสีม่วงที่พันรอบตัวนางยิ่งรัดแน่นขึ้น หลิงเยว่รู้สึกได้ว่าร่างกายของนางร้อนผ่าว เปลวไฟสีม่วงกำลังพุ่งชนร่างกายของนางอย่างบ้าคลั่ง ราวกับต้องการเผานางให้ตาย!

“เจ้ากำลังทำอะไร?!”

โม่จวินเจ๋อเห็นหลิงเยว่กำลังทำอะไรบ้า ๆ จึงรีบเอ่ยปากห้าม

หลิงเยว่ในตอนนี้กำลังจดจ่ออยู่กับการใช้วิชาปรสิต จนไม่ได้ยินคำพูดของโม่จวินเจ๋อ

โม่จวินเจ๋อมองดูใบหน้าแดงก่ำของหลิงเยว่ หัวใจของเขาพลันร้อนรุ่ม แต่พลังวิญญาณถูกดูดจนหมด ส่วนโอสถที่ซ่อนอยู่ในตัวก็ถูกเปลวไฟประหลาดเผาจนหมดแล้ว เขาไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย

หลิงเยว่… การกระทำเช่นนี้ต้องมีเหตุผลของนางแน่!

นางคือผู้สืบทอดพลังของต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์แห่งชีวิต!

โม่จวินเจ๋อบังคับตัวเองให้สงบลง และบอกตัวเองซ้ำ ๆ ว่า แค่เขาไม่ฉุดหลิงเยว่ลงมาด้วยก็พอแล้ว…

อย่าไปรบกวนนางเลย แค่รักษาระดับพลังของตัวเองไม่ให้ลดลงก็พอ

“ข้า… ไม่เป็นไร”

หลิงเยว่ตอบกลับโม่จวินเจ๋ออย่างยากลำบาก นางเป็นคนพาพวกเขามา ดังนั้น หน้าที่ของนางคือ ต้องพาพวกเขากลับไปอย่างปลอดภัย!

เมล็ดพันธุ์ดอกบัวเพลิงที่ถูกล้อมรอบด้วยเปลวไฟประหลาดเปล่งแสงสีแดงเจิดจ้า

ซึ่งโม่จวินเจ๋อมองเห็นแล้ว! มันสามารถต้านทานเปลวไฟประหลาดได้จริงๆ! และในขณะที่มองเมล็ดพันธุ์นี้ โม่จวินเจ๋อจึงนึกขึ้นได้ทันที และเข้าใจทันทีว่าหลิงเยว่ต้องการทำอะไร

ไม่ใช่แค่เปลวไฟประหลาดที่ดูดซับพลังหลิงเยว่อยู่ แต่นางก็กำลังดูดซับพลังของเปลวไฟนั่นอยู่เช่นกัน!

ส่วนที่ว่าทำไมหลิงเยว่ยังมีพลังวิญญาณอยู่?

อธิบายได้ง่ายมาก เพราะหลิงเยว่นั้นเป็นผู้สืบทอดพลังของต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์แห่งชีวิต!

ไม่รู้ว่าจ้องมองมานานแค่ไหน ทันใดนั้นเมล็ดพันธุ์ก็เปล่งแสงสีแดงเจิดจ้า กลีบดอกไม้เล็ก ๆ ผุดขึ้นมา

กลีบดอกไม้ที่ดูบอบบางและเล็กจิ๋วไม่ได้ละลายหายไปในเปลวไฟสีม่วง แต่กลับเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว…

กลีบดอกที่สองผุดขึ้นมา ตามด้วยกลีบที่สาม ที่สี่…

มีกลีบดอกงอกออกมาจากเมล็ดพันธุ์บัวเพลิงอย่างต่อเนื่อง เดิมทีกลีบดอกเล็ก ๆ สีแดงสด ไม่รู้ว่าเป็นเพราะดูดซับเปลวไฟสีม่วงหรือไม่ ปลายกลีบจึงกลายเป็นสีม่วงด้วย

สีแดงปนม่วง… สวยงามยิ่งนัก!

รากสีแดงเพลิงที่งอกออกมาจากด้านล่างของเมล็ดพันธุ์พยายามที่จะแทงเข้าไปในเปลวไฟประหลาด อันแรกไม่สำเร็จ ถูกเผาเป็นเถ้าถ่านในทันที!

หลิงเยว่ไม่ละความพยายาม ยังคงกระตุ้นให้รากงอกออกมา ต้องแทงเข้าไปในเปลวไฟประหลาด ถึงจะสามารถดูดซับพลังจากแก่นแท้ของมันได้!

กลีบดอกที่ผุดออกมาดูดซับเปลวไฟรอบ ๆ จึงจะงอกออกมาได้ ทว่าวิธีนี้สิ้นเปลืองพลังวิญญาณมากเกินไป

หากเป็นเช่นนี้ต่อไป โอสถฟื้นปราณระดับเทพห้าเม็ดคงไม่พอ!

ร่างกายอันบอบบางของนาง… คงทนไม่ไหว

รากแตกออกทีละเส้น ๆ หลังจากถูกเผาไหม้ไปหลายหมื่นเส้น ในที่สุดก็มีเส้นหนึ่งแทงเข้าไปในเปลวไฟได้สำเร็จ

แค่เส้นเดียวก็พอแล้ว!

หลิงเยว่ใช้พลังส่วนใหญ่ไปที่ต้นอ่อนเส้นนี้ รากที่เล็กกว่าเส้นผมเริ่มขยายใหญ่ขึ้นเล็กน้อย เดิมทีเป็นสีแดง แต่ตอนนี้เริ่มมีสีม่วงปะปนเข้ามาเล็กน้อย

บริเวณสีม่วงที่ปลายกลีบดอกบัวก็ขยายใหญ่ขึ้นเล็กน้อย หากไม่สังเกตอย่างละเอียดก็แทบไม่เห็นการเปลี่ยนแปลง โม่จวินเจ๋อผู้สังเกตการณ์ถึงกับไม่กล้ากะพริบตา เขามองและจดจำการเปลี่ยนแปลงของกลีบดอกบัวอย่างตั้งใจ

ความเร็วในการผลิบานของกลีบดอกบัวเร็วกว่าที่หลิงเยว่คาดไว้ สิ่งสำคัญที่สุดคือต้นอ่อนเส้นเดียวนั้นทรงพลังมาก มันดูดซับพลังจากเปลวไฟประหลาดอย่างบ้าคลั่งเพื่อหล่อเลี้ยงร่างกาย แม้แต่รากของมันเองไม่เพียงแต่หนาขึ้นเท่านั้น จากรากเส้นเดียว ยังแตกแขนงออกไปอีกนับไม่ถ้วน

รากแผ่ขยายอย่างรวดเร็วและแทงเข้าไปในเปลวเพลิงอย่างมั่นคง

ดอกบัวเพลิงศักดิ์สิทธิ์เติบโตอย่างรวดเร็ว จนมีขนาดเท่ากับดอกบัวทั่วไป เพียงแต่สีสันของมันแตกต่างออกไป ครึ่งบนของกลีบดอกเป็นสีม่วงอ่อน และกำลังค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีม่วงเข้ม ครึ่งล่างของกลีบดอกแดงเหมือนไฟ แต่กลับมีแสงสีม่วงส่องประกายอยู่ด้วย…

จนกระทั่งกลีบดอกบัวเพลิงทั้งหมดกลายเป็นสีม่วง เปลวไฟประหลาดโดยรอบดูเหมือนจะเพิ่งสังเกตเห็น ทะเลเพลิงสีม่วงที่สงบนิ่งจึงเริ่มปั่นป่วน

พวกมันกลายร่างเป็นภูตผีปีศาจที่มีทั้งหู ตา จมูก ปาก และแขนขา พุ่งเข้าหาดอกบัวเพลิงทันที

ดอกบัวเพลิงไม่ตื่นตระหนกเลยแม้แต่น้อย หลิงเยว่สัมผัสได้ถึงความยินดีของมันด้วยซ้ำ

กลีบดอกสีม่วงเข้มค่อย ๆ บานออก เผยให้เห็นเกสรสีม่วงแดงอยู่ภายใน มันเหมือนกับกำลังรอคอยการมาของภูตผีปีศาจเหล่านั้น

ปีศาจตัวแรกลงมือคว้าไปที่บัวไฟศักดิ์สิทธิ์ ทันทีที่สัมผัสกับกลีบดอก มันก็ถูกดูดกลืนหายไปในพริบตา!

ภูตผีปีศาจเหล่านี้ไม่มีสติปัญญา รู้แค่ว่าภารกิจของพวกมันคือการนำร่างกายที่มีชีวิตกลับคืนมา และกำจัดสิ่งแปลกปลอม ซึ่งในตอนนี้ดอกบัวเพลิงคือสิ่งแปลกปลอมในสายตาของพวกมัน ต้องกำจัดให้สิ้นซาก!

ภูตผีปีศาจต่างพากันบูชายัญตัวเอง ใช้ร่างกายของตัวเองมาเสริมพลังให้กับดอกบัวเพลิง

ฐานรองดอกกำลังกินอาหาร รากก็กำลังดูดซับพลังจากเปลวไฟประหลาดอย่างต่อเนื่อง ดอกบัวเพลิงกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว!

ทะเลเพลิงเกิดการเปลี่ยนแปลง โม่จวินเจ๋อพบว่าแรงกระแทกของเปลวไฟที่บุกรุกเข้าสู่ร่างกายของเขาอย่างบ้าคลั่ง ต้องการเข้าไปในปฐมวิญญาณเพื่อดูดซับการบำเพ็ญนั้น เริ่มอ่อนลงเล็กน้อย

“เอ๊ะ! ทำไมถึงไม่ร้อนแล้ว?”

หัวหน้าตะขาบมรกตที่กลายเป็นร่างจริง ผิวหนังชั้นนอกถูกเผาจนแดงก่ำก็พบกับความเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ น้อย ๆ นี้เช่นกัน

“จะเป็นไปได้ไงว่าไม่ร้อน ข้ากำลังจะถูกเผาจนร่างแห้งแล้ว!” อวี้เจินพูดพร้อมกับควันที่ลอยออกมาจากปาก

“เจ้าจะถูกเผาจนแห้งได้อย่างไร เจ้าต้องกลายเป็นเถ้าถ่านต่างหาก!” ลู่เป่ยเหยียนพูดสวนขึ้นมาทันที

“หรือว่าจะเป็นร่างจริงของเปลวไฟประหลาด?” ฉีซิวซีพูดอย่างอ่อนแรง

ไม่เช่นนั้นจะอธิบายได้อย่างไรว่าทำไมพวกเขาถึงมีสมาธิมาพูดคุยกันได้?

“ไม่น่าใช่หรอก อาจจะตั้งใจให้พวกเราผ่อนคลาย แล้วค่อยรุนแรงขึ้นก็ได้”

คำพูดของติงหลิวหลิ่วทำให้ทุกคนที่มีท่าทีผ่อนคลายกลับมาตึงเครียดอีกครั้ง

เป็นไปได้สูงมาก!

สหายทั้งหลายไม่กล้าพูดอะไรอีกต่อไป แต่กลับเริ่มป้องกันปฐมวิญญาณของตนเองเต็มที่ พวกเขาไม่ต้องการกลับไปพร้อมกับระดับการบำเพ็ญที่ลดลงไปเป็นขอบเขตกลั่นลมปราณหรอกนะ! ไม่งั้นพวกเขาคงถูกหัวเราะเยาะจนตาย!

เอาเถอะ มีโอกาสสูงมากที่จะต้องตายที่นี่ คงไม่มีแม้แต่โอกาสให้คนอื่นหัวเราะเยาะด้วยซ้ำ!

ถึงแม้ในใจจะสิ้นหวัง แต่ยังไม่ถึงวินาทีสุดท้าย ทุกคนก็ยังไม่ยอมแพ้!

“ทุกคนอดทนอีกหน่อย อีกไม่นานก็ออกไปได้แล้ว!”

คำพูดของหลิงเยว่ทำให้สหายทั้งหลายเงียบลง

แม้แต่โม่จวินเจ๋อที่รู้ว่านางกำลังทำอะไร ก็ไม่เชื่อคำพูดที่ว่า ‘อีกไม่นานก็ออกไปได้แล้ว’

เพราะดอกบัวที่เพิ่งจะกินอย่างเอร็ดอร่อยในตอนนี้ ดูเหมือนจะกินอิ่มจนขยายใหญ่ขึ้นอีกไม่ได้แล้ว

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

Status: Ongoing
‘หลิงเยว่’ ผู้ฝึกตนสำนักฝ่ายนอกแสนอ่อนหัด ทั้งยังถูกกลั่นแกล้งจากศิษย์ร่วมสำนัก ทว่ายังโชคดีได้ระบบนี้มาช่วยชีวิต มอบหมายภารกิจให้นางสามารถแข็งแกร่งขึ้นโดยใช้ทักษะการทำอาหารให้เกิดประโยชน์ แม้เส้นทางการเป็นยอดเซียนจะหริบหรี่ ทว่าโชคชะตาของยอดแม่ครัวได้เปิดทางให้ ‘หลิงเยว่’ ได้พบหนทางที่จะช่วยให้ตนรอดจากวิกฤติในครั้งนี้ไปได้‘ลิขิตฟ้าหรือจะสู้ตะหลิว เอ้ย! มานะตน หากนางไม่ยอมแพ้ ย่อมต้องมีหนทางสดใสรออยู่ข้างหน้าแน่’

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท