ตอนที่ 516 บุญคุณ
แม่ทัพใหญ่ลั่วกะพริบตาสองสามที กระแอมขึ้นเบาๆ “พ่อเป็นผู้บัญชาการองครักษ์จิ่นหลินมานานเช่นนี้ ย่อมรู้ความลับไม่น้อย เซิงเอ๋อร์รู้เรื่ององครักษ์จูเชวี่ยได้อย่างไร”
ลั่วเซิงเลิกคิ้วเล็กน้อย
ท่านพ่อไม่อยากบอกนางหรือ
นางไม่ใช่คนที่ชอบทำให้ผู้อื่นลำบากใจ โดยเฉพาะผู้ที่เป็นท่านพ่อของนางในตอนนี้
ลั่วเซิงตอบทันทีว่า “รู้จากน้องชายเจ้าค่ะ”
แม่ทัพใหญ่ลั่วสีหน้าพลันเปลี่ยน จู่ๆ ก็ไออย่างรุนแรง
ลั่วเซิงรินชาให้จอกหนึ่งแล้วยื่นให้ “ท่านพ่อดื่มชาก่อน”
แม่ทัพใหญ่ลั่วรับชาจอกหนึ่งมาดื่มหมดในคราวเดียว แต่กลับไม่สามารถรับรู้ถึงรสชาติได้เลย
เขาในบัดนี้ สะเทือนใจอย่างยิ่ง
รู้จักองครักษ์จูเชวี่ยเพราะน้องชายหรือ เซิงเอ๋อร์หมายความว่าอย่างไรกัน
หลังจากสงบอารมณ์ลง แม่ทัพใหญ่ลั่วก็มองลั่วเซิงนิ่ง “เซิงเอ๋อร์ เจ้ารู้จักองครักษ์จูเชวี่ยเพราะเฉินเอ๋อร์หรือ”
ลั่วเซิงพยักหน้าเบาๆ “ผู้บัญชาการองครักษ์จูเชวี่ยมาหาน้องชาย บอกว่าเขาคือบุตรชายคนเล็กของเจิ้นหนานอ๋อง…”
แม่ทัพใหญ่ลั่วลุกพรวด
“ท่านพ่อ?”
แม่ทัพใหญ่ลั่วค่อยๆ นั่งลง ข่มความปั่นป่วนในใจแล้วพูดหน้านิ่งว่า “เซิงเอ๋อร์ พวกเจ้ายังเป็นเด็กไร้เดียงสา อย่าได้ถูกใครก็ไม่รู้หลอกเอา คำพูดไร้สาระเช่นนี้เจ้าเชื่อหรือ หากเฉินเอ๋อร์เป็นบุตรชายคนเล็กของเจิ้นหนานอ๋องจริงๆ เด็กที่อยู่จวนเจิ้นหนานอ๋องในเมืองหลวงคนนั้นคือใครเล่า”
“เป็นตัวปลอมน่ะสิเจ้าคะ”
แม่ทัพใหญ่ลั่ว “…”
ลั่วเซิงกระตุกมุมปาก
หากไม่ใช่เพราะนางรู้จักจวนเจิ้นหนานอ๋องเป็นอย่างดี ดูจากสีหน้าจริงจังของแม่ทัพใหญ่ลั่วนางคงจะเชื่อไปแล้ว
“แต่คนที่ลอบมาช่วยเหลือเราคือองครักษ์จูเชวี่ยนะเจ้าคะ”
แม่ทัพใหญ่ลั่วอยากไออีกครั้ง
ลั่วเซิงพูดต่อไปว่า “ที่น้องชายออกเดินทางไปทางใต้พร้อมพวกท่านน้า ที่จริงเขาไม่ได้กลับจินซา แต่ไปเหอหยาง”
“อะไรนะ” แม่ทัพใหญ่ลั่วรู้สึกว่าแรงกระทบกระเทือนภายในระยะเวลาสั้นๆ นี้รุนแรงกว่าการหลบหนีที่น่าหวาดวิตกในยามวิกาลเสียอีก
เมื่อสงบอารมณ์ลง แม่ทัพใหญ่ลั่วก็ถามต่อไปว่า “ไปทำอะไรที่เหอหยางหรือ”
“เหอหยางคือที่ซ่อนตัวขององครักษ์จูเชวี่ย น้องชายไปรับช่วงต่อแล้วเจ้าค่ะ” ลั่วเซิงยิ้มพร้อมเสนอว่า “ท่านพ่อ เราลงใต้ไปหาน้องชายกันเถอะ”
แม่ทัพใหญ่ลั่วสีหน้าบิดเบี้ยวในทันที แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าบุตรสาว เขายังต้องพูดอย่างใจเย็นว่า “เซิงเอ๋อร์ ตอนนี้ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ไปหรือไม่ไปเหอหยาง โอ้ เหอหยางน่ะต้องไปแน่นอน เพราะน้องชายเจ้าอยู่ที่นั่น”
เมื่อคิดเช่นนี้ แม่ทัพใหญ่ลั่วก็รู้สึกแน่นหน้าอกอีกครั้ง
เจ้าเด็กสองคนนี้นี่สังหารก่อนรายงานทีหลัง น่าโมโหจริงๆ!
หลังจากสงบอารมณ์ลงได้แล้ว แม่ทัพใหญ่ลั่วก็ขมวดคิ้วถามว่า “องครักษ์จูเชวี่ยหาน้องชายเจ้าเจอได้อย่างไร”
“ตอนที่น้องชายเก็บของเล่นเก่า เขาทำปอหลังกู่อันหนึ่งพัง พบว่าข้างในมีป้ายอาญาสิทธิ์ชิ้นหนึ่ง เขารู้สึกสวยดีจึงพกติดตัว จากนั้นลุงซิ่งก็เห็นเข้า…”
“ท่านลุงของผู้ดูแลบัญชีคนนั้นหรือ”
ลั่วเซิงพยักหน้า “ลุงซิ่งคือผู้บัญชาการองครักษ์จูเชวี่ย เขาจึงจำได้และนำป้ายอาญาสิทธิ์อีกครึ่งหนึ่งออกมาพิสูจน์ ป้ายอาญาสิทธิ์ทั้งสองชิ้นตรงกันเจ้าค่ะ”
แม่ทัพใหญ่ลั่วสีหน้าแปรเปลี่ยนไม่หยุด เขารักษาความสงบต่อไปไม่ได้อีก
ท่านลุงของผู้ดูแลบัญชีคือผู้บัญชาการองครักษ์จูเชวี่ย หอสุราของเซิงเอ๋อร์มีแต่คนอะไรกัน
“น้องชายยอมรับแล้วเจ้าค่ะ”
ลั่วเซิงพูดขึ้นอย่างสงบ ทำลายความคิดที่จะปฏิเสธต่อไปของแม่ทัพใหญ่ลั่ว
เขาเงียบไปนาน มองลั่วเซิงและถามด้วยเสียงแหบแห้งว่า “เซิงเอ๋อร์ก็ยอมรับแล้วหรือ”
ลั่วเซิงยิ้ม “ไม่ว่าจะมีพื้นเพมาจากไหน สำหรับลูกแล้วลั่วเฉินก็คือน้อง ดังนั้นท่านพ่อมิต้องปฏิเสธเพราะคำนึงถึงเรื่องนี้หรอกเจ้าค่ะ”
แม่ทัพใหญ่ลั่วยิ้มอย่างขมขื่น “ไม่ใช่เพราะคำนึงถึงเรื่องนี้เพียงเรื่องเดียว แต่ภูมิหลังของน้องชายเจ้าน่าทึ่งเกินไป…”
“ท่านพ่อ สถานการณ์ของเราตอนนี้ยังต้องคำนึงถึงเรื่องนี้หรือ”
แม่ทัพใหญ่ลั่วชะงักก่อนจะตั้งสติได้
นั่นน่ะสิ หลายปีมานี้ ความคิดที่จะต้องปิดบังภูมิหลังของเฉินเอ๋อร์ถูกจดจำใส่ใจไว้แล้ว ทำให้ปฏิกิริยาแรกของเขามีเพียงปฏิเสธ
แต่ตอนนี้ในเมื่อหนีออกจากเมืองหลวงแล้ว ยังต้องกังวลอะไรอีกเล่า
สุดท้ายแล้วเฉินเอ๋อร์ก็คือบุตรของเจิ้นหนานอ๋อง หากมีโอกาสได้ยอมรับบรรพบุรุษกลับสู่ตระกูล เขาก็ยินดีที่จะเห็น
แม่ทัพใหญ่ลั่วถอนหายใจยาว “ใช่แล้ว เฉินเอ๋อร์เป็นบุตรที่รอดชีวิตของเจิ้นหนานอ๋อง”
“เช่นนั้นเหตุใดเขาจึงอยู่กับพวกเรา ท่านพ่อเล่าให้ลูกฟังได้หรือไม่”
มองดูบุตรสาวอันเป็นที่รักที่ดวงตาเป็นประกาย แม่ทัพใหญ่ลั่วรู้สึกซับซ้อนอย่างบอกไม่ถูก เขาย้อนคิดกลับไปเมื่อหลายปีก่อน “ครานั้นพ่อล้อมสังหารจวนเจิ้นหนานอ๋องตามพระบัญชาของฝ่าบาท เจิ้นหนานอ๋องไหว้วานพ่อให้ช่วยบุตรชายของเขาเอาไว้และลอบพาเขากลับมาจวน ครานั้นท่านแม่เจ้าคลอดบุตรพอดีจึงให้เขาอยู่กับเจ้าแทนน้องชายฝาแฝดของเจ้าที่เสียชีวิตตั้งแต่ยังเล็ก”
ลั่วเซิงรู้สึกเศร้า อดถามไม่ได้ว่า “น้องชายของลูกคนนั้น…”
แม่ทัพใหญ่ยิ้มขมขื่น “พ่อไร้วาสนากับบุตรชาย น้องชายเจ้าอ่อนแอเกินไปตั้งแต่อยู่ในครรภ์ ท่านแม่เจ้าเองก็ตรอมใจจากไป…”
ลั่วเซิงปลอบประโลมเสียงเบาว่า “ท่านพ่อยังมีพวกเรานะเจ้าคะ”
วันนี้หลังจากทุกอย่างกระจ่างแล้ว จากนี้ไปลั่วเฉินก็คือเป่าเอ๋อร์บุตรชายคนเล็กของเจิ้นหนานอ๋องแล้ว
เช่นนั้นให้นางเป็นคุณหนูลั่วตลอดไปเถอะ
แม่ทัพใหญ่ลั่วยกมือขึ้นลูบศีรษะลั่วเซิงเบาๆ “ใช่แล้ว พ่อยังมีพวกเจ้า”
ลั่วเซิงรอให้แม่ทัพใหญ่ลั่วสงบอารมณ์ลงแล้วจึงถามขึ้นว่า “เหตุใดท่านพ่อต้องเสี่ยงรับเลี้ยงบุตรของเจิ้นหนานอ๋องด้วยเจ้าคะ”
นี่คือสิ่งที่นางอยากรู้มาตลอดตั้งแต่ที่ค้นพบความลับที่ว่าลั่วเฉินคือเป่าเอ๋อร์
แม่ทัพใหญ่ลั่วเงียบลงไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยปาก “มีอยู่ปีหนึ่งพ่อไปทำงานทางใต้แล้วเจอแม่เจ้า… ตอนที่แม่เจ้าออกเรือน พ่อไปรับตัวที่จินซาด้วยตนเอง ระหว่างทางผ่านหนานหยางจู่ๆ นางก็ไม่สบาย เราทำได้เพียงพักแรมที่หนานหยาง คิดไม่ถึงว่าอาการป่วยของท่านแม่เจ้าจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เพียงไม่กี่วันถึงขั้นอันตรายถึงชีวิต พ่อใช้เงินจำนวนมากเชิญหมอเลื่องชื่อที่อยู่ห่างออกไปนับร้อยลี้มา แต่กลับไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้น…”
เมื่อย้อนคิดถึงช่วงเวลาสั้นๆ นั้น นอกจากแม่ทัพใหญ่ลั่วจะรู้สึกเศร้าใจแล้วยังรู้สึกหวานชื่นด้วย “จากนั้นพ่อได้ยินว่าหมอเทวดาอาศัยอยู่ในจวนเจิ้นหนานอ๋อง พ่อจึงแอบไปขอร้องเจิ้นหนานอ๋อง เดิมคิดว่าด้วยสถานะของสองฝ่าย เจิ้นหนานอ๋องคงไม่ตอบตกลงง่ายๆ คิดไม่ถึงว่านอกจากเจิ้นหนานอ๋องจะตกลงในทันทีแล้ว หลังจากที่หมอเทวดาวินิจฉัยแล้วว่าต้องใช้ยาหายาก เขายังมอบยาตัวนั้นให้แม่เจ้าอย่างมีน้ำใจ”
แม่ทัพใหญ่ลั่วมองลั่วเซิง น้ำเสียงจริงจัง “แม้บุญคุณเท่าน้ำหยดเดียวก็จะตอบแทนดุจสายธาร เจิ้นหนานอ๋องเคยช่วยพ่อไว้เช่นนี้ พ่อกลับจำเป็นต้องนำทัพล้อมสังหารเขาทั้งครอบครัว การรักษาสายเลือดเขาไว้ถือว่าตอบแทนบุญคุณแล้ว…”
ลั่วเซิงฟังเงียบๆ ในดวงตาซ่อนน้ำตาเอาไว้
ที่แท้มารดาของคุณหนูลั่วเคยมีช่วงเวลาลำบากสั้นๆ ในหนานหยาง
ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะถูกจัดเตรียมเอาไว้แล้ว ทำให้ประโยคที่ว่า ‘แม้บุญคุณเท่าน้ำหยดเดียวก็จะตอบแทนดุจสายธาร’ กลายเป็นภาษาที่สวยงามที่สุด
“ท่านพ่อ เราไปหาน้องชายที่เหอหยางกันเถอะเจ้าค่ะ” เด็กสาวข่มน้ำตาไว้แล้วยิ้มพูด
แม่ทัพใหญ่ลั่วยิ้ม “ต้องไปหาเฉินเอ๋อร์แน่นอน ครอบครัวเดียวกันจะอยู่แยกกันได้อย่างไร”
เรือลำใหญ่แล่นไปอย่างรวดเร็วบนแม่น้ำ เป็นเวลารุ่งสางแล้ว
เมืองหลวงในบัดนี้ การกวาดล้างที่เกิดขึ้นในจวนแม่ทัพใหญ่ลั่วผ่านพ้นช่วงเวลาที่โหดร้ายที่สุดไปแล้ว
หลังจากกวาดตามองศพที่เกลื่อนบนพื้น แม่ทัพใหญ่เหลยก็พูดเสียงเยือกเย็นว่า “ค้น!”