ศึกยุทธ์ใต้ขุนเขาเงาจันทรา – บทที่ 366 ค่ำคืนฟ้าปลอดโปร่ง-1

ศึกยุทธ์ใต้ขุนเขาเงาจันทรา

บทที่ 366 ค่ำคืนฟ้าปลอดโปร่ง-1

ชิงเสวี่ยชิงพาเหวินฉีเหวินไปด้านหน้าเรือนที่ตนพัก

ห้องส่วนตัวของนางชื่อว่าหออาภรณ์ปักลาย

นางเสี่ยวจงเคยบอกว่าเมื่อนางแต่งงานหออาภรณ์ปักลายจะถือเป็นสินสอดของนาง

ทั้งนี้ชิงเสวี่ยชิงก็รักที่พักอาศัยของตนอย่างยิ่ง

หวนนึกในปีนั้นนางจำได้ว่านางและเหวินฉีเหวินเป็นเพื่อนเล่นกัน ยังไม่รู้ความนัก ทั้งยังกลิ้งเล่นด้วยกันบนเตียงของตนอีกด้วย

แต่นับตั้งแต่สามปีก่อน เหวินฉีเหวินไม่เคยย่างกรายเข้าธรณีประตูหออาภรณ์ปักลายเลยสักก้าว

เหวินฉีเหวินเป็นสุภาพบุรุษที่ถ่อมตัวและสง่าผ่าเผยจริงๆ

เว้นแต่วันนั้นที่ไม่ระวังเล็กน้อยในทะเลเปลี่ยวป่าสีชาด แต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยหยาบคายหรือประพฤติตนไม่เหมาะสม

แม้ว่านางเสี่ยวจงจะใจดำเพียงใด ก็ไม่เคยพบนิสัยผิดแผกกับบุตรเขยในภายภาคหน้าผู้นี้

“เชิญพี่เหวินเข้าข้างในเจ้าค่ะ!”

ชิงเสวี่ยชิงยืนอยู่หน้าประตูหออาภรณ์ปักลายแล้วพูดกับเหวินฉีเหวิน

“ข้าว่ารออยู่ข้างนอกจะดีกว่า ท่านป้าจงน่าจะใกล้กลับมาแล้ว”

เหวินฉีเหวินปฏิเสธอย่างระมัดระวัง

เขารู้ว่าความไม่ระวังของตนในคราวก่อน ทำให้ชิงเสวี่ยชิงไม่สบายใจ

ไม่เช่นนั้น นางก็คงไม่หยุดไปเต้นรำถึงครึ่งเดือนหรอก

ครั้นกล่าวจบ เหวินฉีเหวินค่อยๆ ถอยหลังไปสองสามก้าว

กลิ่นหอมจางๆ ที่ลอยฟุ้งออกมาจากหออาภรณ์ปักลายนั้นเหมือนกลิ่นกายของชิงเสวี่ยชิงทุกประการ

โดยเฉพาะหลังจากที่นางเต้นรำเสร็จสิ้น กลิ่นหอมสดชื่นบางๆ พลันกลายเป็นกลิ่นหอมรุนแรงและเข้มขึ้นทันที

ทำให้เหวินฉีเหวินปรารถนามันมาก

“ไม่เป็นไร…ท่านแม่อาจมีเรื่องที่ต้องคุยกับท่านอาเหวินต่อ”

ชิงเสวี่ยชิงกล่าว

เมื่อเห็นเหวินฉีเหวินเก้อกระดากเล็กน้อย นางรู้สึกอึดอัดใจมากจริงๆ…

จะว่าไปแล้ว ชิงเสวี่ยชิงก็ไม่ได้มีอคติหรือรังเกียจเหวินฉีเหวิน

เพียงแต่นางยังไม่พร้อม และไม่รู้ว่าควรรับมือกับความรู้สึกร้อนรุ่มของเหวินฉีเหวินอย่างไรดีต่างหาก

“ข้าสร้างสระน้ำเล็กๆ ด้านหลังหออาภรณ์ปักลาย!”

ชิงเสวี่ยชิงกล่าว

คว้าข้อมือของเหวินฉีเหวิน ลากเขาเข้าไปในหอโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง

ทันทีที่ก้าวเข้าไปในหอ ความรู้สึกคุ้นเคยถาโถมเข้ามาทันที ทำให้เหวินฉีเหวินหวนนึกถึงมัน

“ผ่านมาหลายปี หอของน้องชิงไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนไปเลย!”

เหวินฉีเหวินกล่าวติดอารมณ์เล็กน้อย

“เปลี่ยนไปมากแล้ว คนเราย่อมสับสนเป็นธรรมดา ข้าขี้ลืมนัก ฉะนั้นตอนแรกเป็นเช่นไร ตอนนี้ก็ยังเหมือนเดิมเจ้าค่ะ”

ชิงเสวี่ยชิงกล่าวพลางหัวเราะ

เมื่อสาวใช้เห็นคุณหนูกลับหอจึงเดินเข้ามาคอยรับใช้ แต่ชิงเสวี่ยชิงโบกมือให้ถอยออกไปเสียก่อน

นางต้องการอยู่กับเหวินฉีเหวินเพียงลำพังสักครู่

ไม่อาจคาดเดาความคิดของสตรีได้ดังคาด

ชิงเสวี่ยชิงรักการเต้นรำทว่าก็กลัวจะพบกับเหวินฉีเหวินที่มาเฝ้าคอยในทะเลเปลี่ยวป่าสีชาด ตนไม่รู้จะเผชิญหน้าอย่างไร

แต่เมื่อไม่ได้พบหน้าหลายวัน ในใจพลันรู้สึกว่างเปล่าราวกับมีบางสิ่งขาดหายไป

เมื่อครู่ชิงเสวี่ยชิงจับมือเหวินฉีเหวิน เพียงรู้สึกตัวแข็งทื่อและเย็นชาครู่หนึ่ง

เขาดูเหมือนจะกลัวตน…หรืออาจจะเหินห่างจากตน…

ครั้นคิดถึงตรงนี้ ชิงเสวี่ยชิงพลันรู้สึกอึดอัดอีกครั้งโดยไม่มีเหตุผล

เหวินฉีเหวินเห็นว่าด้านหลังโต๊ะเล็กในลานชั้นหนึ่งของหออาภรณ์ปักลายมีฉากกั้นไม้หนานมู่สีเหลืองเคลือบแก้วสี่บาน บนโต๊ะเล็กมีถาดน้ำชาเคลือบสีชาดลายดอกไห่ถัง

เพียงแต่ถาดน้ำชาทรงสี่เหลี่ยมกลับแตกไปมุมหนึ่ง

เหวินฉีเหวินก้าวไปข้างหน้า สัมผัสมุมที่หายไปของถาดน้ำชาพร้อมเผยรอยยิ้มประดับใบหน้า

ถาดใบนี้ตกกระแทกตอนที่เขาทะเลาะกับชิงเสวี่ยชิงในหออาภรณ์ปักลาย

เด็กทั้งสองกลัวจะถูกผู้ใหญ่ตำหนิ หลังจากหารือกันแล้วจึงซ่อนถาดน้ำชานี้ไว้ใต้เตียง

ไม่รู้ว่าเหตุใดชิงเสวี่ยชิงจึงนำมันออกมา ทั้งยังวางไว้ที่โถงชั้นหนึ่งอีกต่างหาก

“ยามนั้นหากไม่ได้ไหวพริบของน้องชิง เกรงว่าข้ากลับไปแล้วจะโดนทุบตีหนึ่งยกเป็นแน่…”

เหวินฉีเหวินหัวเราะพลางส่ายศีรษะแล้วกล่าว

แม้เหวินทิงไป๋จะเป็นผู้ควบคุมรัฐหง แต่ไม่เคยตามใจสายเลือดเพียงคนเดียวของตน

นับตั้งแต่มารดาของเขาล่วงลับ เหวินทิงไป๋เริ่มเข้มงวดกับบุตรชายมากยิ่งขึ้น

จนกระทั่งสองปีที่ผ่านมาค่อยผ่อนปรนลงบ้าง

“ยามนั้นข้าก็มีส่วนด้วยเช่นกัน สู้บอกว่าข้าช่วยตนเองจะดีเสียกว่า!”

ชิงเสวี่ยชิงกล่าวพลางหัวเราะ

“แต่ก็ยังเคยใช้มันดื่มชาหรือ”

เหวินฉีเหวินกล่าวถาม

“แน่นอนเจ้าค่ะ ทุกวันหลังจากที่พวกนางต้มชาก็จะใช้ถาดน้ำชาใบนี้ยกมาให้ข้า”

ชิงเสวี่ยชิงกล่าว

“เช่นนั้นต้องระวังด้วย…อย่าให้ขอบที่แหว่งไปข่วนบาดเข้าเชียว”

เหวินฉีเหวินกล่าวด้วยความกังวลใจ

“ไม่มีทางเจ้าค่ะ ครั้นยกถาดน้ำชาเข้ามา ข้าเพียงจับแต่ถ้วยชาด้านบนเท่านั้น”

จากนั้นจึงกวักมือเรียกสาวใช้ให้ไปต้มชา

ทั้งยังกำชับเป็นพิเศษ อีกประเดี๋ยวให้ยกถาดน้ำชาใบนี้ไปที่ด้านหลัง

หลังจากเหวินฉีเหวินเดินตามชิงเสวี่ยชิงไปด้านหลังหออาภรณ์ปักลาย

จากประตูใหญ่เดินมาถึงตรงนี้เป็นระยะทางห้าสิบจั้งพอดี

แม้แต่จวนผู้ควบคุมรัฐก็ไม่อาจเทียบเคียงได้

ไม่ใช่เพราะเหวินทิงไป๋ไร้ความสามารถ แต่จวนผู้ควบคุมรัฐถูกออกแบบเช่นนี้

ทุกรัฐของอาณาจักรเจิ้นเป่ยอ๋องล้วนเหมือนกันทั้งสิ้น

ลานด้านหลังและในหอเป็นโลกคนละใบ

ในหออาภรณ์ปักลายทั้งหรูหราและสลับซับซ้อน ส่วนลานด้านหลังนี้กลับเป็นธรรมชาติน่าชมยิ่งนัก

หญ้าเขียวชอุ่มปูพื้นแน่นขนัด แม้แต่ต้นไผ่เขียวขจีทางใต้ก็ยังประดับดอกไม้เลื่องชื่อและหินแปลกตา

น้ำพุร้อนไหลรินยังเดือดจนไอร้อนพวยพุ่ง!

ไม่รู้ว่าเป็นธรรมชาติอยู่แล้วหรือจงใจทำขึ้นมาเอง

แต่สามารถย้ายทิวทัศน์ที่สวยงามเช่นนี้มาไว้กลางลานด้านหลังหออาภรณ์ปักลาย แสดงให้เห็นถึงอารมณ์สุนทรีย์และความคิดของชิงเสวี่ยชิง

เส้นทางเล็กคดเคี้ยว มีบ่อปลาขนาบสองด้าน

ทว่าทั้งหมดล้วนทำจากผลึกเคลือบ โปร่งใสจนมองเห็นได้ชัดเจน

ท่ามกลางบ่อเหล่านี้เลี้ยงเพียงพืชน้ำและดอกไม้น้ำบางชนิดเท่านั้น

บ้างก็มีปลาแหวกว่าย

“คิดไม่ถึงว่าน้องชิงจะชอบเลี้ยงปลา!”

เหวินฉีเหวินกล่าว

ชิงเสวี่ยชิงกล่าวพลางหัวเราะ

หัวใจของเหวินฉีเหวินพลันเต้นรัวตามเสียงหัวเราะของนาง

ความกังวลและความอึดอัดในใจก่อนหน้านี้พลันมลายหายไปจนสิ้น

แม้แต่มือที่เย็นเยียบก่อนหน้าของเขาก็อุ่นขึ้นบ้างแล้ว

เสียงหัวเราะของชิงเสวี่ยชิงดังสลับกับเสียงกระดิ่งเงินบนส้นรองเท้านาง

เพิ่มความมีชีวิตชีวาให้กับลานด้านหลังที่ว่างเปล่าแห่งนี้ไม่น้อย

ทว่าผู้ที่โปรดปลา ทั่วไปแล้วมักจะเงียบมาก

ชิงเสวี่ยชิงไม่ใช่สตรีที่นิ่งเงียบ

ตรงกันข้าม นางร่าเริงยิ่งนัก

ผู้ที่ร่าเริงพอที่จะเต้นรำทุกวันได้ ไฉนจึงชอบปลาได้เล่า

เหวินฉีเหวินไม่เข้าใจ

ในสายตาของเขา ผู้ที่เลี้ยงปลาหรือตกปลา หากไม่ใช่พวกตาเฒ่า

ก็ต้องเป็นพวกที่ล้าสมัยหัวโบราณ

ท่าทางและคำพูดของคนเหล่านี้ ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีทางทับซ้อนกับแม่นางตรงหน้าผู้นี้เป็นแน่

“ช่วงนี้นอกจากฝึกดาบแล้ว เจ้าทำสิ่งใดบ้างหรือ”

เหวินฉีเหวินเอ่ยถาม

นี่เป็นเรื่องที่เขาสนใจมากที่สุด

อันที่จริงชิงเสวี่ยชิงไม่ได้ทำสิ่งใดทั้งสิ้น

เพียงแต่เอาเวลาที่จะเต้นรำในทะเลเปลี่ยวป่าสีชาดไปฝึกดาบแทน

นางเอาแต่ฝึกฝนจนถึงเที่ยงวันแล้วจึงกลับไปที่หออาภรณ์ปักลาย

ระยะนี้ไม่รู้ว่าเป็นเพราะวสันต์ฤดูกำลังจะผ่านพ้นไปหรือไม่

สภาพอากาศในรัฐหงไม่ค่อยแจ่มใสนัก

โดยเฉพาะหลังจากเที่ยงวันไปแล้ว ท้องนภามักมืดครึ้มหม่นมอง

บางครั้งมีฝนตกปรอยๆ เพียงไม่กี่หยดเป็นครั้งคราว

ฉากเช่นนี้กลับดูเหมือนทางใต้อย่างยิ่ง

แต่ชิงเสวี่ยชิงกลับนั่งเงียบๆ เช่นนี้

เจ้าว่านางกำลังคิดสิ่งใด แม้แต่ตัวนางเองก็ไม่รู้แน่ชัดด้วยซ้ำ

เพียงแต่ในกระจกมักจะมีร่างพร่าเลือนอยู่เสมอ

ภาพเสมือนจริงราวกับเรียกออกมาได้ หมายจะเดินไปหานางอย่างเชื่องช้า

ร่างนี้มักจะสามารถทำลายอารมณ์ของนางได้

ชิงเสวี่ยชิงรู้ว่าไม่ช้าก็เร็วร่างนี้จะโผล่ออกมาจากกระจกเป็นแน่

ทว่าเมื่อร่างนี้เดินออกจากกระจกมายืนอยู่ตรงหน้าตนจริงๆ

แล้วนางจะจัดการเก็บกวาดกระจกที่แตกละเอียดกระจัดกระจายทั่วพื้นได้อย่างไร

ชิงเสวี่ยชิงยังไม่ได้คิดหาวิธี

ฉะนั้นนางมักจะผละจากโต๊ะเครื่องแป้งไปในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดเสมอ

ห้องมืดสนิทและไม่จุดตะเกียง

แต่ใจของนางสว่างไสวยิ่งนัก

เพียงพอที่จะส่องสว่างไปทั่วทั้งกาย

ในชีวิตประจำวันอันเงียบสงบนี้

ชิงเสวี่ยชิงที่แต่ไหนแต่ไรไร้ความกังวลและไร้ภาระแบกรับกลับรู้สึกเศร้าโศกเล็กน้อย

เมื่อยังเด็กย่อมไม่รู้จักความเศร้าเสียใจ

เมื่อเวลาผ่านมาหลายปีและสะสมอารมณ์มาจนถึงจุดหนึ่งก็ได้แต่ถอนหายใจว่าสารทฤดูช่างอากาศดียิ่ง

สารทฤดูและวสันต์ฤดูเป็นฤดูกาลที่ชิงเสวี่ยชิงโปรดปรานที่สุด

แม้ว่าในชื่อของนางจะมีคำว่าเสวี่ย (หิมะ) ก็ตาม

แต่นางไม่เคยโปรดปรานเหมันต์ฤดู

วสันต์ฤดูเย็นทว่าเขียวชอุ่ม

สารทฤดูอบอุ่นทว่าแดงฉาน

ฤดูหนึ่งเป็นการกำเนิดของสรรพสิ่ง และอีกหนึ่งเป็นจุดสิ้นสุดของสรรพสิ่ง

นางมักจะมีความสุขและกระตือรือร้นกับทุกสิ่งในช่วงวสันต์ฤดูเสมอ

เฉกเช่นเดียวกับเนินเขาเขียวขจีที่ไม่เคยแก่ชรา

แม้ว่ามันจะเหี่ยวเฉาและหิมะจะตกก็ตาม

แต่ปีต่อมายังคงเป็นสีเขียวขจีดังเดิม

“น้องชิงคิดสิ่งใดอยู่หรือ”

เหวินฉีเหวินเอ่ยถาม

“อา…ไม่มีอันใด จู่ๆ ก็เหม่อลอยนิดหน่อย”

ชิงเสวี่ยชิงได้สติกลับมาจึงแลบลิ้นและกล่าวอย่างซุกซน

“การฝึกฝนวิถียุทธ์จะต้องดำเนินไปทีละขั้น อย่าได้กดดันตนมากเกินไปนัก”

เหวินฉีเหวินกล่าว

แววตาเต็มไปด้วยความเอ็นดูรักใคร่

“พี่เหวินเคยดื่มสุราหรือไม่”

ชิงเสวี่ยชิงพลันเอ่ยถาม

“ดื่มสุรา? น้องชิงอยากดื่มสุราหรือ”

เหวินฉีเหวินกล่าวอย่างประหลาดใจ

“ข้าอยากดื่มสุรากับท่าน”

แม้ว่าชิงเสวี่ยชิงจะเขินอายเล็กน้อย แต่ในที่สุดก็กล่าวอย่างเปิดเผย

เหวินฉีเหวินยิ้มบาง

ประโยคนี้ช่างทำให้ใจของเขามีความสุขล้นยิ่งนัก

ทุกคนล้วนดื่มสุราได้

แต่การดื่มกับคนเพียงคนเดียวถือเป็นความพิเศษ และเป็นความโปรดปรานประเภทหนึ่ง

ลองถามผู้คนบนโลกดูสิว่ามีผู้ใดบ้างที่ไม่อยากได้รับความโปรดปราน

ยิ่งไปกว่านั้นยังได้รับจากผู้ที่ตนเองตกหลุมรักอย่างสุดซึ้งอีกต่างหาก

ศึกยุทธ์ใต้ขุนเขาเงาจันทรา

ศึกยุทธ์ใต้ขุนเขาเงาจันทรา

Status: Ongoing
ด้วยภารกิจสำคัญที่ได้รับมา เขาจึงมุ่งหน้าสู่แดนพายัพ โดยไม่รู้เลยว่านั่นคือจุดเริ่มต้นของการก้าวเข้าสู่วิถีแห่งเซียนและการต่อสู้!

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท