ตอนที่ 639 เสิ่นอวี้หลงมีโอกาสฟื้น
หลินเซี่ยลุกจากเตียงพลางถามเฉินเจียเหอ “คุณกลับมาตอนไหนคะ?”
“เพิ่งกลับมาไม่นาน เห็นคุณนอนหลับอยู่เลยไม่ได้รบกวน”
เขาจูงมือเธอออกจากห้องนอน เห็นว่าดวงตาเธอยังคงงัวเงียจึงบอกว่า “ไปล้างหน้าเถอะ ข้าวใกล้จะเสร็จแล้ว”
หลินเซี่ยล้างหน้าเสร็จ ยืนมองผู้คนข้างล่างที่เดินกันขวักไขว่อยู่ริมหน้าต่างเนิ่นนานกว่าจะปัดความคิดวุ่นวายเหล่านั้นออกไปจากในหัวได้
มีคนเคยกล่าวไว้ว่า ความไม่รู้คือวาสนา
ถ้าเธอไม่รู้เรื่องการกลับชาติมาเกิดของเสิ่นเสี่ยวอวี้ เธอก็คงไม่ต้องสับสนเหมือนในตอนนี้
เธอไม่สามารถพูดคุยเรื่องนี้กับใครได้เลย
ได้แต่เก็บเอาไว้ในใจคนเดียว
เฉินเจียเหอยกอาหารมาที่โต๊ะ
“เซี่ยเซี่ย ผมซื้อไก่ย่างมา ต้มโจ๊กและทำกับข้าวอีกสองอย่าง คุณนั่งลงกินโจ๊กรอไปก่อนนะ ผมจะไปเอาอาหารมา”
เสียงของเฉินเจียเหอดึงความคิดของหลินเซี่ยกลับมา เธอหันกลับไปมอง เห็นไก่ย่างและโจ๊กที่เฉินเจียเหอยกมาวางที่โต๊ะแล้วก็พูดอย่างมีความสุข “ว้าว วันนี้คุณทำกับข้าวเยอะจัง”
เฉินเจียเหอไปยกกับข้าวมาจากในครัวแล้วเดินกลับมาพร้อมรอยยิ้ม “กินเยอะ ๆ ตอนนี้เป็นช่วงที่คุณต้องบำรุงร่างกายให้ดี”
เขานั่งลงแล้วก็ฉีกน่องไก่ให้หลินเซี่ย
“คุณก็กินด้วยสิ”
หลินเซี่ยกัดน่องไก่พลางพูดกับเฉินเจียเหอ “วันนี้ฉันคุยกับเอ้อร์เลิ่งแล้ว ให้เขามาฉลองปีใหม่ที่บ้านพวกเรา คุณหมอเย่คงจะมารับผู้อาวุโสเย่กลับไปฉลองปีใหม่ด้วยกัน จะให้เขาอยู่ที่นั่นคนเดียวคงน่าสงสารแย่”
เฉินเจียเหอครุ่นคิด “พวกเราจะกลับบ้านกันวันที่สามสิบ เอ้อร์เลิ่งมาที่นี่ก็คงได้อยู่คนเดียวเหมือนกัน”
“ให้เขาไปบ้านพ่อแม่ฉันก็ได้ ย่าของฉันบอกไว้ว่าอยากให้เอ้อร์เลิ่งไปฉลองปีใหม่ที่บ้าน” หลินเซี่ยตั้งใจจะพาเอ้อร์เลิ่งไปที่บ้านตระกูลเซี่ย คุณย่าของเธอเอ็นดูเอ้อร์เลิ่งมาก พูดไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ แล้วว่าจะให้เอ้อร์เลิ่งไปฉลองปีใหม่ด้วย
หลินจินซาน หลิวกุ้ยอิงและเอ้อร์เลิ่งมาจากหมู่บ้านเดียวกัน ล้วนแต่เป็นคนคุ้นเคย เมื่ออยู่ด้วยกัน เอ้อร์เลิ่งจะได้ไม่รู้สึกอึดอัด
เฉินเจียเหอได้ยินคำพูดของหลินเซี่ยแล้วก็เอ่ยอย่างเห็นพ้อง
“ได้ วันหลังพวกเราค่อยบอกเอ้อร์เลิ่งเอาไว้”
หลังจากกินข้าวเสร็จ หลินเซี่ยก็เร่งให้เฉินเจียเหอโทรหาเย่ไป๋เพื่อถามไถ่อาการของเสิ่นอวี้หลง
เย่ไป๋พูดผ่านโทรศัพท์ “ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง พวกเราตรวจวินิจฉัยกันตอนบ่าย หมอทุกคนลงความเห็นเป็นเอกฉันท์ว่าอวี้หลงมีโอกาสฟื้นขึ้นมาเร็ว ๆ นี้ ช่วงเวลานี้การรักษาของปู่รองก็ได้ผลดีมาก”
ผู้เฒ่าเซี่ยดูแลเอาใจใส่อย่างเต็มที่ อีกทั้งได้รับการบำรุงอย่างดี ร่างกายของเสิ่นอวี้หลงจึงฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว อาการบาดเจ็บที่สมองก็ดีขึ้นเพราะได้รับการฝังเข็ม ดังนั้นหมอผู้เชี่ยวชาญจึงลงความเห็นว่าเสิ่นอวี้หลงมีโอกาสฟื้นขึ้นมา
ได้ยินคำพูดของเย่ไป๋ เฉินเจียเหอและหลินเซี่ยก็สบายใจได้เสียที
นี่คือข่าวดีที่สุดในรอบหลายวันเลยทีเดียว
“อวี้หลงเป็นยังไงบ้าง? ส่งตัวไปให้ผู้อาวุโสเย่หรือยัง?” เฉินเจียเหอถาม
“ตรวจเสร็จตอนบ่ายก็ส่งตัวกลับไปแล้ว”
ครั้นอาการของเสิ่นอวี้หลงมีความคืบหน้า มีโอกาสที่จะฟื้นขึ้นมา ทุกคนจึงมองเห็นความหวัง เซี่ยหลานก็มีกำลังใจมากขึ้น สภาพจิตใจดีขึ้นกว่าเดิมมาก
หลายวันหลังจากนั้น หลินเซี่ยไปบ้านหมอเย่ทุกวัน คอยอยู่เป็นเพื่อนเซี่ยหลานเฝ้าดูแลเสิ่นอวี้หลง พูดคุยกับเขา เปิดเพลงให้เขาฟัง เซี่ยหลานยังใส่ใจเรื่องอาหารตามคำแนะนำของหมอ เสิ่นอวี้หลงกินได้แค่อาหารเหลว เซี่ยหลานจึงซื้อนมผงที่อุดมด้วยสารอาหารนานาชนิดมา และยังต้มซุปแล้วกรองเพื่อป้อนเขาผ่านทางสายยาง กล่าวโดยสรุปก็คือทำทุกวิถีทางเพื่อเพิ่มสารอาหารให้เขา
ทุกคนต่างเฝ้ารอให้เขาฟื้นขึ้นมาในเร็ววันอย่างมีความหวัง
พริบตาเดียวก็ถึงปีใหม่แล้ว เซี่ยหลานจึงจะพาเสิ่นอวี้หลงกลับบ้านเพื่อฉลองปีใหม่
ผู้เฒ่าเซี่ยบอกว่าปีนี้ให้เซี่ยหลานและเสิ่นอวี้หลงไปฉลองกับพวกเขาที่บ้านตระกูลเซี่ย
เซี่ยหลานปฏิเสธทันที “พ่อ ไม่ต้องหรอกค่ะ ลูกสาวที่แต่งออกไปแล้วจะกลับไปฉลองปีใหม่ที่บ้านได้ยังไง?”
นอกจากนี้หล่อนยังหย่าร้างแล้ว แถมพาลูกชายที่ป่วยเป็นเจ้าชายนิทรากลับบ้านเดิมด้วย ซึ่งยิ่งไม่เหมาะสม
“ครอบครัวเราไม่ถือสาเรื่องพวกนี้ ฟังพ่อเถอะ เดี๋ยวเรียกรถพยาบาลพาอวี้หลงไปส่งที่บ้าน ฉันคุยกับแม่ของเธอและเซี่ยตงเรียบร้อยแล้ว น้องสะใภ้กับพวกหลาน ๆ ก็อยู่ด้วย พวกเราจะได้ฉลองกันพร้อมหน้า อีกหน่อยเซี่ยตงก็มาแล้ว”
“พ่อ ไม่เป็นไรจริง ๆ ฉันพาอวี้หลงไปฉลองที่บ้านก็ได้”
ความจริงเซี่ยหลานอยากบอกว่าหล่อนจะไปฉลองปีใหม่กับลูกชายที่บ้านผู้อาวุโสเย่ ทำแบบนี้จะได้ไม่ต้องวุ่นวาย
ตอนนี้สิ่งที่เซี่ยหลานกลัวมากที่สุดก็คือความเสี่ยงจากการเคลื่อนย้ายเสิ่นอวี้หลง
แม้พวกเย่ไป๋จะบอกว่าไม่มีปัญหา หล่อนก็ยังกังวลอยู่ดี
ผู้อาวุโสเซี่ยยืนยันให้เซี่ยหลานและเสิ่นอวี้หลงมาฉลองปีใหม่ที่บ้าน ตอนนั้นเซี่ยตงและภรรยาก็มาถึง ภรรยาของเซี่ยตงเป็นครูสอนหนังสือเหมือนกัน แลดูเป็นคนฉลาดและสุภาพเรียบร้อยอย่างมาก
“สวัสดีค่ะคุณน้า น้าสะใภ้” หลินเซี่ยเห็นพวกเขาแล้วก็ทักทายอย่างสุภาพ
“เซี่ยเซี่ยก็อยู่ด้วย?” เซี่ยตงเดินเข้ามาในบ้านก็เห็นเฉินเจียเหอ เฉินเจียเหอทักทายคนทั้งคู่โดยเรียกว่าคุณน้ากับน้าสะใภ้ตามหลินเซี่ย
เมื่อภรรยาของเซี่ยตงได้ยินเฉินเจียเหอเปลี่ยนมาเรียกตนเองว่าน้าสะใภ้ สีหน้าก็พลันดำคล้ำ
ก่อนหน้านี้ เฉินเจียเหอยังเรียกหล่อนว่าพี่สะใภ้อยู่เลย
ครั้นเซี่ยตงได้ยินว่าเซี่ยหลานไม่ยอมมาฉลองปีใหม่ที่บ้านก็เดินมาหยุดตรงหน้าเซี่ยหลาน เอ่ยว่า “พี่ กลับบ้านตัวเองมีอะไรให้ต้องคิดมาก? แม่รอให้พี่กลับบ้านอยู่นะ รีบเก็บข้าวของของอวี้หลงเถอะ ผมเรียกรถพยาบาลไว้แล้ว อีกเดี๋ยวก็มารับคนแล้ว”
“แต่…”
แม้น้องชายและน้องสะใภ้จะมารับด้วยตัวเอง แต่เซี่ยหลานก็ยังคิดมากอยู่ดี
หล่อนแต่งงานมายี่สิบกว่าปีแล้ว ตลอดยี่สิบกว่าปีที่ผ่านมาไม่เคยกลับไปฉลองปีใหม่ที่บ้านเลยสักครั้ง ตอนนี้หล่อนหย่าแล้ว แต่ก็มีที่พักของตัวเอง ไม่ควรไปรบกวนที่บ้าน เดี๋ยวคนอื่นจะนินทาเอาได้
เซี่ยตงเข้าใจความกังวลของพี่สาว เขาพูดอย่างจริงจังว่า “พี่ อย่าคิดมากเลย บ้านของพวกเราก็คือบ้านของพี่ตลอดไป ผมและพ่อแม่จะเป็นที่พึ่งให้พี่เสมอ พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน จะฉลองปีใหม่ด้วยกันก็เป็นเรื่องธรรมดา ถ้าคนนอกนินทา พี่ก็ยังมีผมอยู่”
หลินเซี่ยก็มาช่วยพูดเกลี้ยกล่อมเซี่ยหลานด้วยเช่นกัน “แม่ พาอวี้หลงไปฉลองปีใหม่ที่บ้านตาเถอะค่ะ เดี๋ยววันที่สามฉันก็ไปบ้านตาเพื่อสวัสดีปีใหม่ ปีนี้เราจะได้ฉลองปีใหม่กันพร้อมหน้าพร้อมตา”
สุดท้ายเซี่ยหลานก็ถูกทุกคนโน้มน้าวได้สำเร็จ เมื่อรถพยาบาลมาถึงและเข็นเสิ่นอวี้หลงขึ้นรถไปแล้ว เซี่ยหลานก็ตามพ่อของหล่อนและพวกเซี่ยตงกลับไปที่บ้านตระกูลเซี่ย
เมื่อเสิ่นอวี้หลงคนไข้เพียงหนึ่งเดียวจากไปแล้ว ที่บ้านก็เหลือเพียงผู้อาวุโสเย่กับเอ้อร์เลิ่ง วันนี้หลินเซี่ยกับเฉินเจียเหอมาที่นี่ก็เพื่อมารับเอ้อร์เลิ่งกลับไปฉลองปีใหม่ที่บ้าน
ถึงตอนนี้ เอ้อร์เลิ่งยังไม่เห็นคนที่บ้านเย่ไป๋มารับผู้อาวุโสเย่ ผู้อาวุโสเย่เดินเข้าไปในห้องทำงานตามลำพัง เอ้อร์เลิ่งรู้สึกหดหู่ใจอย่างบอกไม่ถูก
เขาเปลี่ยนใจ ตั้งใจจะอยู่เป็นเพื่อนฉลองปีใหม่กับผู้อาวุโสเย่
เขาเป็นศิษย์ของผู้อาวุโสเย่ เขาไม่อาจทิ้งอาจารย์ไปฉลองปีใหม่ได้
เอ้อร์เลิ่งเดินไปหาเฉินเจียเหอกับหลินเซี่ย เกาหัวอย่างลังเลใจแล้วพูดว่า “ต้าเหอ พี่สะใภ้ พวกคุณกลับไปเถอะ เดี๋ยวฉันค่อยกลับไปสวัสดีปีใหม่ที่บ้านทีหลัง”
หลินเซี่ยเห็นสีหน้าของเอ้อร์เลิ่งก็รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ เธอหันไปถามเฉินเจียเหอ “ทำไมหมอเย่ถึงยังไม่มารับผู้อาวุโสเย่กลับบ้านอีก?”
เฉินเจียเหอพูดว่า “เดี๋ยวผมโทรถาม”
เฉินเจียเหอหยิบโทรศัพท์ของหลินเซี่ยมาโทรหาเย่ไป๋ แต่ไม่มีคนรับสาย
เอ้อร์เลิ่งเห็นอย่างนั้นก็พูดว่า “พวกคุณกลับไปก่อนเถอะ ผมกับผู้อาวุโสเย่ฉลองปีใหม่ที่นี่ก็ดีเหมือนกัน ผู้อาวุโสเย่เป็นอาจารย์ของฉัน เขาก็เหมือนคนในครอบครัวของฉัน พวกคุณวางใจเถอะ เดี๋ยวฉันค่อยไปสวัสดีปีใหม่ที่บ้านทีหลังก็ได้”
เฉินเจียเหอกับหลินเซี่ยไม่ได้พูดอะไร แต่ก็ไม่ได้จากไป ทว่าเดินกลับไปกลับมาอยู่ในห้องโถง