หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป – บทที่ 172 เขาเป็นความน่ารำคาญใจของนาง

บทที่ 172 เขาเป็นความน่ารำคาญใจของนาง

บทที่ 172 เขาเป็นความน่ารำคาญใจของนาง

ก็ได้!

เป็นนางเองที่มีความคิดจิตใจคับแคบ

“เอาอย่างนี้ ท่านปล่อยข้าเสียก่อน ข้าเกรงว่าเช่นนี้จะมีผลต่อการบังคับเรือของท่าน ”

มือข้างหนึ่งของเย่แจ๋หยิ่งโอบนางเอาไว้ จึงทำได้เพียงใช้มือข้างเดียวในการบังคับพังงาเรือไปด้วย ดังนั้น เพื่อสิ่งที่ดีกว่า นางจึงต้องกล่าวแนะขึ้นมา

ใครจะรู้ว่า……

” หลานเยาเยา นี่เจ้าคิดว่าอยากกอดข้าก็กอด ไม่อยากกอดก็ผลักไสเช่นนั้นหรือ? ”

หลังจากที่เย่แจ๋หยิ่งเหลือบไปมองนางด้วยสายตาที่เย็นชาครู่หนึ่ง ก็ไม่หันมามองนางอีกเลย

แต่ว่าคำพูดของเขากลับทำให้หลานเยาเยารู้สึกถึงความผิดปกติ

นี่มันเกิดเรื่องอันใดกันแน่ ? คงมิใช่กำลังโกรธอยู่หรอกนะ ?

ก็ได้!

ตัวเองจากไปโดยมิได้บอกกล่าวสิ่งใด ถึงแม้จะทิ้งจดหมายเอาไว้ แต่ก็ยังทำให้รู้สึกรำคาญใจ

แถมยังเป็นนางที่เข้าไปกอดเขาก่อน ถึงแม้นางจะไม่รู้ว่าตัวเองจู่ๆเกิดเป็นประสาทอะไรขึ้นมา แต่ว่าในเมื่อกอดแล้วก็คือกอดแล้ว

“ไม่ใช่ ไม่ใช่”

หมดหนทางแล้ว เมื่อตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ ไม่เหมาะแก่การโต้เถียง อีกทั้งยังตัวเองยังตกอยู่ในความอยุติธรรม ด้วยเหตุนี้หลานเยาเยาจึงทำได้เพียงปล่อยให้เย่แจ๋หยิ่งกอดนางเอาไว้ ได้เพียงต้อนรับกับวันหายนะและการสิ้นสุดของชีวิต

เรือใหญ่หักคันเร่ง จนความเร็วค่อยๆช้าลงไปไม่น้อย แต่อย่างไรก็ตามความสามารถในการบังคับเรือของเย่แจ๋หยิ่งทำให้นางรู้สึกหวาดกลัวไม่น้อย

ท่าทางกล้าหาญอันหยิ่งยโส แววตาดำลึก และท่าทางอันนิ่งสงบ….

ทำให้รู้สึกถึงความมั่นคงเป็นอย่างมาก ราวกับว่าต่อให้เจอกับสถานการณ์เช่นนี้ สำหรับเขาแล้วก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อันใด ไม่รู้ว่าเขานั้นเคยพบเจอกับสิ่งใดมาก่อน?

ความคิดนี้หยั่งลึกเข้าไปวุ่นวายในจิตใจของนางอย่างห้ามไม่ได้

ขณะที่เรือลำใหญ่กำลังเคลื่อนอยู่ภายใต้กลุ่มเมฆดำ สายฟ้าก็ผ่าลงมายังตัวเรือเป็นระลอกๆอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

เพียงแต่……

ยังถือว่าโชคดีเพราะเรือใหญ่สามารถหลบหลีกสายฟ้ามรณะแล้วยังแล่นออกมาจากกลุ่มเมฆดำได้อย่างฉิวเฉียด

เพียงแต่หลังจากที่แล่นออกมาจากกลุ่มเมฆดำ เย่แจ๋หยิ่งก็บังคับเรือใหญ่เลี้ยวไปยังทางทะเลลึก

คราวนี้

หลานเยาเยากลับไม่ได้ถามสิ่งใด……

เพราะว่านางเข้าใจแล้ว ว่าสัตว์ร้ายตัวใหญ่เมื่อสักครู่นี้นั้น…อ๋อ ไม่สิ จะพูดให้ถูกก็คือเรือแห่งความสิ้นหวัง สาเหตุที่มันแล่นเข้าไปในกลุ่มเมฆดำนั้น

เป็นเพราะ ด้านท้ายของมันมีกลุ่มเมฆดำที่มีขนาดใหญ่กว่ากลุ่มเมฆดำทั้งสี่ด้านเมื่อสักครู่นี้รวมกันเสียอีก ดังนั้นเรือแห่งความสิ้นหวังจึงได้แล่นเข้าไปในกลุ่มเมฆดำที่พวกเขาอยู่ก่อนหน้านี้

“ครืม…..ครืม……ครืม…..”

เสียงฟ้าร้องที่อึมครึม ทำให้ผู้คนที่นั่งอยู่บนเรือใหญ่ต่างก็กรีดร้องออกมาอย่างไม่หยุดหย่อน มือของหลานเยาเยาที่จับชายแขนเสื้อของเย่แจ๋หยิ่งก็มีเหงื่อไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้

และพลันกุมหัวใจเอาไว้อย่างไม่ยอมปล่อยวาง

ในขณะที่ไม่รับรู้สิ่งใด นางก็กอดเย่แจ๋หยิ่งแน่นขึ้น….

หลังจากคำชี้แนะของเย่แจ๋หยิ่งก็ไม่รู้ว่าเรือใหญ่นั้นแล่นผ่านกลุ่มเมฆดำมาได้เท่าไหร่แล้ว จนกระทั่งหลังจากที่เสากระโดงเรือที่เหลืออีกสองเสาถูกฟ้าผ่าลงมา มันถึงได้สงบลง

และยังนับว่าโชคดีที่เรือใหญ่หยุดลงระหว่างช่องว่างของกลุ่มเมฆดำทั้งสอง และนอกจากต้องเผชิญกับฟ้าผ่าเป็นครั้งคราว ตอนนี้ก็นับได้ว่าพวกเขาปลอดภัยแล้ว

เมื่อเห็นควันดำบนเรือใหญ่อย่างคลุ้งอยู่นั้น หลานเยาเยาก็ถอนหายใจออกมาอย่างหนัก

“เรือจะจมหรือไม่?”

ประโยคนี้ นางเองก็ไม่รู้ว่ากำลังถามตัวเองหรือกำลังถามเย่แจ๋หยิ่งกันแน่

“ปัญหานี้ไม่ใช่สิ่งที่เจ้าควรจะกังวล!”เสียงทุ้มต่ำดังแทรกขึ้นมาจากข้างกายอย่างเย็นชา

เย่แจ๋หยิ่งได้ปล่อยนาง ทั้งยังถอยก้าวออกมาจากนางหลายก้าว แววตาจ้องมองไปข้างหน้าอย่างช้าๆก่อนที่จะไขว้มือทั้งสองไว้ข้างหลัง แผ่นหลังนั้นทำให้นางมีความรู้สึกบางอย่างที่กล่าวออกมาไม่ได้

“ข้า ข้าควรกังวลเกี่ยวกับปัญหาอันใดเล่า?”

ในขณะที่พูดออกไป ดวงตาของนางที่ถึงแม้จะแหลมคม แต่ดวงตาโตก็ไม่วายที่จะลุกลี้ลุกลน น้ำเสียงที่ดูมั่นคงหนักแน่นแต่น่าฟัง กลับเบาลงกว่าปกติ

ราวกับจะรู้ว่านางจะพูดเช่นนี้ ดังนั้นทันทีที่นางเอ่ยปากพูด เสียงอันเย้ยหยันก็เปล่งออกมาจากปากของเย่แจ๋หยิ่ง

“ฮื้ม!”

หลานเยาเยาก็ถึงกับปิดปาก นางอยากจะผลัดหัวข้อในตอนนี้ไปเสีย พร้อมทั้งพิจารณาสิ่งที่อยากจะกล่าวออกมาในใจอยู่ครู่หนึ่ง

จากนั้นก็เดินตรงไปด้านหน้าอย่างระมัดระวัง แล้วค่อยๆโน้มตัวไปด้านหน้าพลันหันหน้าไปมองเขา

“ท่านมาอยู่บนเรือนี้ได้อย่างไรกัน?”

ไม่ใช่ว่าเย่แจ๋หยิ่งตามนางมาตลอดหรอกนะ ? แล้วไหนจะเหล่าองครักษ์ลับจำนวนมากขนาดนี้ ไม่เหมือนกับเย่แจ๋หยิ่งที่พอรู้ว่านางหนีออกมาแล้วสั่งให้คนมาจับตัวนางกลับไป

แต่กลับเหมือนว่าเขามีเรื่องที่สำคัญต้องไปจัดการมากกว่า ไม่รู้ว่าขึ้นมาบนเรือใหญ่ลำนี้ได้อย่างไร

ในสายตาของนาง มองเห็นเย่แจ๋หยิ่งอย่างสลัว ดวงตาแหลมคมที่จ้องมายังเธอ พร้อมกับมุมปากที่ยกขึ้น

รอยยิ้มนั้นไม่ได้มีความแตกต่างอันใดกับรอยยิ้มปกติของเขามากนัก แต่กลับทำให้หลานเยาเยารู้สึกถึงบางอย่างที่ไม่คุ้นเคย

“เจ้านาย เรือกำลังจมน้ำแล้ว”

ในช่วงเวลาที่น่าอึดอัด ก็มีองครักษ์ลับนายหนึ่งวิ่งเข้ามา แต่พอมองเห็นพวกเราอยู่ใกล้กันขนาดนั้น องครักษ์ลับก็อดไม่ได้ที่จะตะลึงงัน

ตอนนี้เขาควรจะหลีกออกไปหรือไม่ ? หรือว่าออกหลีกไป? หรือว่าหลีกออกไป

เมื่อได้ยิน!

หลานเยาเยาและเย่แจ๋หยิ่งก็หันหน้ามายังองครักษ์พร้อมกัน จากนั้นทั้งสองก็ถอยแบ่งระยะห่างกันอย่างเห็นได้ชัด

“จะจมเมื่อไหร่?”

เสียงของเย่แจ๋หยิ่งเรียบนิ่งเป็นอย่างมาก แต่หลานเยาเยากัลับรู้สึกราวกับว่าเขาได้คิดวิธีเอาไว้แล้ว

“ เรียนเจ้านาย ทางฝั่งซ้ายและฝั่งขวาของเรือ แต่ว่ารอยแตกไม่ได้ใหญ่มากนัก คาดว่าสองชั่วยามเรือจะจมอย่างสมบูรณ์ ”

สองชั่วยามก็คือสี่ชั่วโมง ถึงแม้ว่าสี่ชั่วโมงนับว่าเป็นเวลาที่นาน แต่จุดนี้ห่างจากชายฝั่งจนเกินไป จะให้ว่ายน้ำก็คงทำไม่ได้ แล้วตรงนี้ยังมีฟ้าแลบฟ้าผ่าหนาแน่นอีก เมฆดำก็ปกคลุมท้องฟ้าและดวงอาทิตย์ คิดจะกระโดดหนีออกไป….ยังยากกว่าปีนขึ้นไปบนสวรรค์เสียอีก

แต่ว่า!

ส่วนใหญ่ในเรือสมัยใหม่มักจะมีเรือกู้ชีพเอาไว้เผื่อเกิดเหตุสุดวิสัย ไม่รู้ว่าในเรือลำใหญ่เช่นนี้จะมีเรือเล็กเรือพายพวกนี้บ้างหรือเปล่า ในกรณีเช่นนี้?

หลานเยาเยาที่กำลังคิดอยู่ ก็ได้ยินเสียงทุ้มต่ำของเย่แจ๋หยิ่งดังแทรกขึ้นมา

“ได้มีการเก็บเรือลำเล็กสี่ลำไว้บนเรือ แต่อย่าให้ผู้ใดรู้เป็นอันขาด”

“รับทราบ!”

หลังจากที่ได้รับคำสั่ง องครักษ์ลับก็รีบจากไป

เย่แจ๋หยิ่งก็หันหน้ากลับมา พลางมองไปยังหลานเยาเยาด้วยแววตาที่ลึกล้ำ เมื่อเห็นสีหน้าที่ซับซ้อนของนาง ริมฝีปากบางๆของเขาก็ขยับ

“สายตาเช่นนั้นของเจ้ากำลังคิดว่าข้ากำลังเห็นแก่ตัวเยี่ยงนั้นรึ?”

“เปล่า ข้าเพียงคิดว่าท่านนั้นช่างมองการณ์ไกลเท่านั้น!”

หลานเยาเยาคาดไม่ถึงเลยว่าเย่แจ๋หยิ่งจะรู้ถึงจำนวนเรือเล็กบนเรือลำใหญ่นี้ได้อย่างชัดเจนขนาดนี้ และสถานการณ์จากธรรมชาติรุนแรงเช่นนี้ที่ยากจะเจอในรอบร้อยปี

“มองการณ์ไกล?เหอะ ไม่ว่าจะเป็นจะอยู่ในสนามรบหรือท้องพระโรง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กน้อยเพียงใด ก็ต้องคิดให้รอบคอบมิเช่นนั้นหากไม่ระวังก็จะตายโดยไร้ที่ฝัง”

“ข้าหล่ะ?”ทันใดนั้นหลานเยาเยาก็เอ่ยถามขึ้นมา

“อะไร?”เย่แจ๋หยิ่งรู้สึกงุนงงเล็กน้อย

“ในขณะที่ท่านครุ่นคิดถึงปัญหาเล็กน้อยทั้งหมดนั้น เคยคิดถึงเรื่องข้าบ้างหรือไม่?”

“เจ้าไม่นับว่าเป็น……เรื่องเล็กน้อย”แล้วจึงกล่าวต่อด้วยท่าทางที่เบื่อหน่าย“แต่เป็นปัญหาใหญ่ต่างหาก”

ถ้าหากไม่ใช่เพราะนาง เขาจะมาอยู่บนเรือใหญ่ลำนี้ได้อย่างไร?

แล้วหากไม่ได้อยู่ในเรือลำนี้ เขาจะได้มาเห็นปรากฏการณ์สุดประหลาดเช่นนี้ได้อย่างไรกัน?

“……”

เอ่อ!

ปัญหาใหญ่……

ทันใดนั้นหลานเยาเยาก็รู้สึกไปมีความสุขขึ้นมา ก็ได้ นางเป็นเหมือนกับปัญหาอันน่ารำคาญใจจริงๆ

ดังนั้นนางจึงเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่มืดมิดและมุมปากของเธอก็ค่อยๆยกยิ้มขึ้นเหมือนไม่มีสิ่งใด แต่ก็ไม่คาดคิดว่าท้องฟ้าไม่ได้สลัวและน่ากลัวเหมือนที่เคยเป็น

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

อ่านนิยาย เรื่อง หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป
ได้ยินมาว่าท่านอ๋องเป็นคนโหดร้าย เขาไม่ชอบเข้าใกล้ผู้หญิง?ไม่ใช่เลย ตั้งแต่เขาแต่งงานกับคุณหนูหกของจวนแม่ทัพก็เปลี่ยนไปแล้ว “เยาเยาร่างกายอ่อนแอ ไม่ชอบพูดคุย ข้าไม่วางใจให้เขาไปคนเดียว”รู้สึกอับอายนัก!พระชายาใช้ไม้ตีรัชทายาท นังเสแสร้ง ปากนั้นสามารถทำให้คนตายกลับมามีชีวิตได้ ยังไม่วางใจอีกหรือ?“เยาเยา นางไม่มีความรู้ที่เกี่ยวกับสงคราม ฝีมือทางการแพทย์ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พวกเจ้าอย่ารังแกนาง”ทหารของฝ่ายศัตรูกระอักเลือดออกมาเป็นจำนวนมาก ตอนนี้ทหารสิบหมื่นที่ถูกพระชายาวางแผนมาเป็นเชลยศึกกำลังรอการถอนพิษอยู่ นี่ไม่ใช่กลยุทธ์ของพระชายาเย่ หรอ?“ เยาเยานางไร้เดียงสา ไม่เคยยุ่งกับคนอื่น” ทหารทั้งหลายเหลือบมองเจ้านายที่กำลังหลีกเลี่ยงเพื่อความรัก เจ้านาย จริยธรรมของท่านที่อยู่ไหน?

เรื่องย่อ

“อูว์……”

เสียงหมาป่าเห่าหอนยาวอย่างน่าสยดสยองข้างหู หลานเยาเยาที่ค่อยๆ ได้สติงงเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้

เสียงหมาป่าเหรอ?

มีองค์กรผู้ก่อการร้ายปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือลับในใจกลางเมือง รอบทิศเต็มไปด้วยตึกอาคารสูง

จะมีหมาป่าได้อย่างไร?

หลานเยาเยาต้องการลืมตาเพื่อสำรวจ แต่พบว่าเปลือกตาหนักราวกับพันกิโลเปิดยาก

ทั่วร่างกายเหมือนถูกแทงด้วยมีดร้อนนับหมื่นเล่ม เจ็บปวดเหมือนใจจะขาด

ทันใดนั้น!

“กรุ๊บๆ……”

ราวกับเสียงกระดูกที่ถูกเคี้ยวละเอียดทีละนิด ตามด้วยกลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าไปที่จมูก

หลายเยาเยารู้สึกไม่ดี……

เธอพยายามลืมตาทันที หลังจากที่เธอดิ้นรนนับครั้งไม่ถ้วน ในที่สุดดวงตาของเธอก็เปิดออก

เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นหลังจากที่สายตาปรับแสงได้

ภาพที่เห็น ทำให้หลานเยาเยาเสียวสันหลังในทันที

หมาป่าผอมหนังติดกระดูกที่หิวโหยตัวหนึ่ง กำลังกัดกินศพหญิงในชุดโบราณอย่างบ้าคลั่ง

หลานเยาเยารีบพยุงร่างกายที่เจ็บปวดสุดจะทนถอยหลังอย่างช้าๆ ……

“ฉับ……”

หินแหลมคมแทงบาดแผลของเธอ ทำให้เธอคร่ำครวญอย่างช่วยไม่ได้

ทันใดนั้นหมาป่าผู้หิวโหยก็หันมามอง พบว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ ขนบนร่างกายลุกซู่ทันที เขี้ยวเต็มไปด้วยเลือด

กระโจนเข้ามาทันที

เขี้ยวอันแหลมคมของหมาป่าผู้หิวโหยเล็งไปที่คอหลานเยาเยา ก่อนที่จะถูกหมาป่าผู้หิวโหยกระโจนเข้าใส่ หลานเยาเยาบิดตัว

หมาป่าผู้หิวโหยพลาดท่า เมื่อหันตัวกลับมาก็ถูกหลานเยาเยาใช้มือทั้งสองบีบคอมันอย่างดิ้นไม่หลุด

ไม่ว่าหมาป่าผู้หิวโหยจะดิ้นรนอย่างไร และแม้เล็บเท้าทั้งสี่ของมันจะฉีกเสื้อผ้าและเลือดเนื้อของเธออย่างไร

เธอก็ไม่ยอมปล่อย

ค่อยๆ ……

แรงดิ้นรนของหมาป่าผู้หิวโหยลดลงต่อเนื่อง กระทั่งสูญเสียแรงขัดขืน หยุดหายใจในที่สุด

“เฮ้อ……”

หลานเยาเยาถอนหายใจโล่งอก

ขณะนี้!

เธอเพิ่งพบว่าตนอยู่ใต้หน้าผาสูง ล้อมรอบด้วยหินเย็บเฉียบสีเทา มีซากกระดูกที่ยุ่งเหยิงและไม่สมบูรณ์หลายชิ้นบนหิน

ใบหน้าซีดเผือดของหลานเยาเยาค่อยๆ ขยับไปที่ข้างศพหญิงชุดโบราณนั้น พอเห็นใบหน้าของเธอ

เหมือนในหัวของหลานเยาเยาเปิดออก ความทรงจำประหลาดเป็นส่วนๆ เติมเต็มเข้ามาสมอง……

“โอ๊ย……”

ความรู้สึกปวดหัวทำให้เธอทนไม่ไหวและร้องออกมา!

ผ่านไปค่อนข้างนาน

หลานเยาเยาก็ได้สติหลังจากตกใจ ตะโกนด่าออกไปอย่างอดมิได้

“แม่เอ๊ย ข้ามภพซะแล้ว!”

ใบบัตรเครดิตมีวงเงินตั้งแปดหลักเชียวนะ!

คิดถึงจุดนี้ ในใจก็โศกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก

หลานเยาเยาขยับร่างกายราวกับร่างกายกำลังจะกระจุย ก็ดึงถูกบาดแผลที่เกิดจากตกลงมาจากหน้าผาในทันที

ทันใดนั้น มีเสียงฝีเท้าเบาๆ เดินมา และยังเข้าใกล้เรื่อยๆ แรงอาฆาตที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ……

มีคนมาแล้ว!

สายตาของหลายเยาเยาคมชัดขึ้นในทันที ดึงหินแหลมคมก้อนนั้นออก

หัว แล้วหันหลังกลับทันที ทำให้องครักษ์ที่คนเป็นๆ ทั้งสองสัมผัสเงียบๆ จากด้านหลังเธอตกใจ

องครักษ์ผอมและอ้วนทั้งสองคือคนที่บังให้เจ้าของร่างและหญิงที่นอนอยู่กับพื้นกระโดดผา……

“นางยังไม่ตายหรือ?”

คนเลวอายุยืนจริง!

แต่ดูท่าคงใกล้ตายแล้ว องครักษ์อ้วนที่ใบหน้าดุดัน เห็นสายตาที่แหลมคมหลานเยาเยา ใจสั่นอย่างไร้เหตุผล

“จะตายอยู่แล้ว งั้นรีบส่งนางไปพบยมบาลล่วงหน้า กลับไปจะได้รายงานได้”

องครักษ์ผอมจ้องหลายเยาเยาที่ที่เหลือลมหายใจแผ่วเบา ความรู้สึกกลัวเล็กน้อยในตอนนั้นหายไปหมดแล้ว

หลายเยาเยาถูกบังคับให้กระโดดผาแล้ว คุณหนูสี่ไม่เห็นศพก็ไม่วางใจ

เลยสั่งให้พวกเขาไปยืนยันความเป็นความตายใต้หน้าผา

คาดไม่ถึงว่ากระโดดจากหน้าผาสูงขนาดนั้นแต่เธอไม่ตาย……

องครักษ์ผอมตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว ดึงดาบแล้วฟันลงไปที่หลานเยาเยา

หลานเยาเยาหยีตาเล็กน้อย หลบดาบที่ฟันลงมาอย่างรวดเร็ว พลิกมือที่ถือหินทุบไปที่หน้าขององครักษ์ผอม

และมืออีกข้างก็คว้ามีดจากมือของเขา แทงตรงไปที่องครักษ์อ้วนที่ไม่มีการตอบสนองที่อยู่ข้างๆ

การกระทำทั้งหมดเสร็จสิ้นเพียงชั่วขณะเดียว รวดเร็ว แม่นยำ โหดเหี้ยม!

“โอ๊ย……”

“โอ๊ย……”

เสียงโอดครวญทั้งสองดังขึ้น องครักษ์อ้วนตายคาที่ องครักษ์ผอมถูกฟันเข้าที่หน้า เลือดท่วมเต็มหน้า ตาบอดไปอีกข้างหนึ่ง

ขณะนี้นอนร้องทุรนทุรายอยู่กับพื้น

เมื่อกี้เอาแรงที่มีทั้งหมดออกมาใช้ หลังฆ่าองครักษ์อ้วนตาย หลานเยาเยาก็เข่าอ่อนแทบล้มลง

เธอใช้มีดค้ำกับหิน พยุงร่างของตนเอง!

ในนามทหารแพทย์ที่มาจากกองกำลังพิเศษ เข้าใจสัจธรรมหนึ่งอย่างลึกซึ้ง ไม่จะไม่สามารถฆ่าศัตรูให้ตายได้ก็ตาม

อย่างน้อยก็ต้องทำให้เขาสูญเสียแรงต่อต้าน

ฮึๆ ……

ตอนนี้เธอไปไกลเกินมาตรฐานแล้ว!

ไม่เพียงฆ่าตายทันที ยังทำให้อีกคนสูญเสียแรงต่อต้าน

หลังจากหลานเยาเยาดีขึ้นบ้างแล้ว ค่อยๆ เดินเข้าใกล้องครักษ์ผอมพร้อมดาบ

เมื่อองครักษ์ผอมเห็นว่าองครักษ์อ้วนตายแล้ว เสียขวัญ ตอนแรกอยากลุกขึ้นและอาศัยจังหวะที่เธอเผลอฆ่าเธอให้ตาย

แต่เมื่อเขาเห็นตัวตนของหลานเยาเยา มีดก็จ่ออยู่ที่คอของเขาแล้ว……

เขาตกใจรีบร้องขอชีวิต:

“คุณหนูหกไว้ชีวิตข้าด้วย ได้โปรดไว้ชีวิตข้าเถอะ เป็นคำสั่งของคุณหนูสี่ ข้าเพียงแค่รับคำสั่ง……อ่า……”

เอ็นดูเขาเอ็นเราขาด!

จัดการกับองครักษ์ผอมเรียบร้อย หลานเยาเยาทิ้งดาบลง ล้มลงกับพื้นทันที เธออยากปิดตาแล้วหลับไป……

แต่เมื่อเห็นดวงอาทิตย์กำลังจะลับฟ้า เธอพยายามทนกับความเจ็บปวดแล้วลุกยืนขึ้น

มายืนข้างศพหญิงที่กระดูกทั้งร่างกายแทบละเอียด เธอคือเสี่ยวจู๋ หญิงรับใช้ส่วนตัวเพียงคนเดียวของเจ้าของร่าง

และเป็นเพราะตอนโดดลงผา มีเสี่ยวจู๋คอยปกป้อง เจ้าของร่างจึงไม่เป็นอะไรมาก

ลากร่างศพของเสี่ยวจู๋ขึ้นมา เดินไปยังป่าที่ไม่ลึก…….

ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง เธอต้องการฝังร่างศพเสี่ยวจู๋ก่อนที่ฟ้าจะมืด มิเช่นนั้น

ศพเธอจะถูกสัตว์ป่ากิน

ในที่สุดก็ขุดหลุมตื้นและฝังร่างศพของเสี่ยวจู่เสร็จ

“ติ๊ด……”

ทันใดนั้น เสียงหุ่นยนต์ก็ดังขึ้นในหัว

หลานเยาเยาแทบจะร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ!

เสียงนี้เป็นเสียงที่เธอคุ้นเคยที่สุด นี่คือระบบทางการแพทย์ที่ฝังในร่างเธอในยุคปัจจุบัน

เทียบเคียงได้กับโรงพยาบาลที่มีอุปกรณ์ที่ทันสมัย สามารถเลือกเวชภัณฑ์ได้อย่างอิสระผ่านทางความคิด

คิดไม่ถึงว่าระบบการแพทย์ติดตามเธอไปด้วย……

แต่ระบบทางการแพทย์นี้จะต้องมีการอัพเกรดถึงจะสามารถเปิดใช้งานด้านเวชภัณฑ์ได้

และเธอก็เสียชีวิตหลังจากที่ปลูกฝังระบบไม่นาน ดังนั้น ในระบบสิ่งที่เปิดใช้งานได้จึงถูกจำกัด

แม้จะเป็นเช่นนั้น หลานเยาเยาก็แอบหัวเราะ……

ใช้ความคิดนำผ้าพันแผลผ้าก๊อซและยาแก้อักเสบแก้ปวดอย่างง่ายออกมาอย่างเร่งรีบ

หลังจากจัดการกับแผลบนร่างกายอย่างเรียบง่าย ก็ได้เอายาที่ขมสุดขีดทำเหมือนเป็นขนม “กรุ๊บๆ”

เคี้ยวละเอียดแล้วกลืนลงไป

ในขณะที่ตัดสินใจปีนไปหลับบนต้นไม้……

ทันใดนั้น!

“ตุ๊บ……”

วัตถุที่ไม่รู้จักตกลงมาจากต้นไม้ ทำให้ดอกไม้ป่าเหล่านั้นที่กำลังเบ่งบานบนดินตาย

“โอ้มายกอต!”

วัตถุชิ้นนั้นตกอยู่ข้างเท้าเธอ ทำให้หลานเยาเยาตกใจอดไม่ได้ที่จะตบลูบหน้าอก

ค่อยยังชั่ว!

เกือบจะหล่นใส่เธอแล้ว

กลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าที่จมูก……

เพ่งมองดู นั่นมันเป็นคน เป็นชายที่สวมชุดจีน เรือนร่างของเขาประกายด้วยท่าทางที่คนไม่ควรเข้าใกล้

ไม่รู้ว่าตายหรือยัง?

แค่เหลือบมองชายคนนั้นอย่างไม่ใส่ใจ หลานเยาเยาถึงกับเบิกตาสว่างอย่างช่วยไม่ได้ แม้ชายคนนั้นเส้นผมยุ่งเหยิง และใบหน้าซีดเผือดเหมือนกระดาษที่เปื้อนเลือด……


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท